
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป ทุกคนค่ะ หลังจากห่างหายการรีวิว ในพันทิปไปซะะนาน (ที่จริงเคยทำรีวิวแค่ครั้งเดียวเอง แล้วก็รีวิวไม่จบซะด้วย พูดซะยังกะว่ารีวิวมาเยอะแยะ) เอาล่ะค่ะเอาเป็นว่าเราจะไม่พูดเรื่องอดีตกัน moving forward ครั้งนี้เราสัญญากะตัวเองไว้แล้วว่าจะรีวิวไปเรื่อยๆ เอาให้จบทริป ความจริงจัง ขั้นสุด
เริ่มจากประมาณช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วมีโปรตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นจากมาเลเซียแอร์ไลน์ออกมา แถมพี่แกไม่มีกั๊กการเดินทางช่วงสงกรานต์อี้ก จะรออะไรล่ะคะ บิน Full service ไปญี่ปุ่นช่วงสงกรานต์ โหลดกระเป๋า 30 กิโลฟรี มีข้าวมีน้ำ ราคาไม่ถึงหมื่น กดเสริชน์หาตั๋วทันทีอย่างบ้าคลั่ง โดยครั้งนี้หวังจะไปปดูซากุระฝั่งคันโตซะหน่อย (เมื่อหลายปีก่อนเคยจัดทริปช่วงสงกรานต์ฝั่งคันไซไปแล้ว)แต่คงเพราะเรามารู้เอาช่วงปลายๆโปรแล้วมั่งคะ ขาไปออกจากไทยวันที่ 5 เมษา ถึงญี่ปุ่นเช้าวันที่ 6 เมษา พร้อมเที่ยวทันทียังพอมีอยู่ แต่ตั๋วขากลับจากนาริตะคืนวันที่ 14 ที่เราเล็งไว้ (อยากกลับไฟต์ดึก แล้วนอนบนเครื่องเอา จะได้ประหยัดค่าร.ร. ที่ญี่ปุ่นไปหนึ่งคืน แล้วก็ไม่ต้องตะลีตะลานรีบตื่นแต่เช้ามาขึ้นเครื่อง)แบบ Connecting Flight ได้หมดไปแล้ว เราเลยต้องกดแยกจองตั๋วกลับ เป็นสอง leg คือ NRT-KUL และ KUL-BKK ทำให้ต้องรอต่อเครื่องขากลับที่ KL ประมาณ 8 ชม. แลดูลำบากใช่มั้ยคะ แต่เพื่อเห็นแก่ความงกที่มีมากกว่าเรายอม กะว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ จะไปนอนรอที่ Capsule by Container Hotel ที่ KLIA2 สุดท้ายเราก็ได้ตั๋วมาครอบครอง เดินทางถึงเช้าวันที่ 6 เมษา กลับไฟต์ดึก 14 เมษา มีเวลาเที่ยวทั้งหมดรวม 9 วันเต็ม
ได้ตั๋วมาก็นอนรอไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้แพลนอะไรมาก รู้แค่ว่าหลังจากดูคนอื่นรีวิวจนเกิดอาการน้ำลายหกแล้วหกอีก ก็อยากลองไปนอนที่ Takaragawa Onsen ดูสักคืนนึง ส่วนที่อื่นๆก็ยังลังเลหลายที่ ว่าจะไปฝั่ง Nagano ดี หรือ Tohoku ดี ยังไม่ตัดสินใจซะที ก้มหน้าก้มตาทำงานกันไปเผลอแปร่บเดียวเข้าเดือนมีนาแล้ว ถึงเวลาต้องเกียมตัวอย่างจริงๆจังๆ ทั้งจอง รร เอย คิดแพลนการเดินทางเอย เราก็เสิร์ชดูรป ดูรีวิวไป แล้วเหมือนพักหลังมานี้ การท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะโปรโมต Sendai เอามากๆ เราก็มีใจเอนเอียงไปทางฝั่ง Tohoku มากกว่า จึงได้เริ่มจัดแพลนอย่างจริงจัง
เวลาวางแพลนเที่ยวเราชอบทำตาราง Excel ง่ายๆขึ้นมาก่อน โดยในหนึ่งวันจะมีรายละเอียดแค่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน และนอนเมืองไหน เลือกใส่รูปประกอบสวยๆ จากสถานที่นั้นๆ ทำขึ้นมาพร้อมๆกันหลายตาราง แล้วค่อยเอามาพิจารณาเปรียบเทียบกันว่ารู้สึกมีฟิลลิ่งกับอันไหนมากที่สุด เวลาเดินทางแต่ละแบบเป็นอย่างไร ซึ่งต้องไม่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมากเกินไปจนหมดสนุก พอได้ตารางที่ลงตัวแล้วค่อยเอามาพัฒนาเป็นแพลนแบบละเอียดๆอีกที สุดท้ายเราเลือกตารางอันนี้ค่ะ

สรุปการเดินทางในแผนที่

ได้แพลนแล้วก็เตรียมจอง ร.ร. ส่วนเรื่องของการเดินทางหลักๆเราใช้ JR East Tohoku Area Pass ที่ใช้ได้ 5 วัน แบบไม่ต่อเนื่อง (วันที่เรา Hi light ด้วยสีเหลืองในตารางคือวันที่เราแพลนจะใช้พาสค่ะ ใช้แล้วประทับใจมากการเดินทางสมูท และไม่เหนื่อยจนเกินไป) ราคาขายนอกประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 19000 เยน เราหาวิธีจองจาก internet ไม่ได้ เลยไปซื้อกะเอเจนซี่มาราคาขายเป็นเงินไทยประมาณ 5090 บาท (เรทวันซื้อ) ส่วนอีกอันที่เตรียมก่อนเดินทางก็คือประกันการเดินทาง เพื่อความสบายใจ (เลือกแผนคุ้มครองกลาง cover ตั้งแต่วันเดินทางออกจากไทย ถึงวันเดินทางกลับถึงไทย)
สรุปค่าใช้จ่ายก่อนออกทริป
ค่าตั๋วเครื่องบิน 9,670 บาท
ค่า JR East Tohoku Area Pass 5,090 บาท
ค่าประกันการเดินทาง 728 บาท
รวมจ่ายไป 15,488 บาท ตัวเบาไป
[CR] Trick เที่ยว ถูก Japan Trip เมษา 2017 Part 1 Takaragawa Onsen & Gala Yuzawa
เริ่มจากประมาณช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วมีโปรตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นจากมาเลเซียแอร์ไลน์ออกมา แถมพี่แกไม่มีกั๊กการเดินทางช่วงสงกรานต์อี้ก จะรออะไรล่ะคะ บิน Full service ไปญี่ปุ่นช่วงสงกรานต์ โหลดกระเป๋า 30 กิโลฟรี มีข้าวมีน้ำ ราคาไม่ถึงหมื่น กดเสริชน์หาตั๋วทันทีอย่างบ้าคลั่ง โดยครั้งนี้หวังจะไปปดูซากุระฝั่งคันโตซะหน่อย (เมื่อหลายปีก่อนเคยจัดทริปช่วงสงกรานต์ฝั่งคันไซไปแล้ว)แต่คงเพราะเรามารู้เอาช่วงปลายๆโปรแล้วมั่งคะ ขาไปออกจากไทยวันที่ 5 เมษา ถึงญี่ปุ่นเช้าวันที่ 6 เมษา พร้อมเที่ยวทันทียังพอมีอยู่ แต่ตั๋วขากลับจากนาริตะคืนวันที่ 14 ที่เราเล็งไว้ (อยากกลับไฟต์ดึก แล้วนอนบนเครื่องเอา จะได้ประหยัดค่าร.ร. ที่ญี่ปุ่นไปหนึ่งคืน แล้วก็ไม่ต้องตะลีตะลานรีบตื่นแต่เช้ามาขึ้นเครื่อง)แบบ Connecting Flight ได้หมดไปแล้ว เราเลยต้องกดแยกจองตั๋วกลับ เป็นสอง leg คือ NRT-KUL และ KUL-BKK ทำให้ต้องรอต่อเครื่องขากลับที่ KL ประมาณ 8 ชม. แลดูลำบากใช่มั้ยคะ แต่เพื่อเห็นแก่ความงกที่มีมากกว่าเรายอม กะว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ จะไปนอนรอที่ Capsule by Container Hotel ที่ KLIA2 สุดท้ายเราก็ได้ตั๋วมาครอบครอง เดินทางถึงเช้าวันที่ 6 เมษา กลับไฟต์ดึก 14 เมษา มีเวลาเที่ยวทั้งหมดรวม 9 วันเต็ม
ได้ตั๋วมาก็นอนรอไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้แพลนอะไรมาก รู้แค่ว่าหลังจากดูคนอื่นรีวิวจนเกิดอาการน้ำลายหกแล้วหกอีก ก็อยากลองไปนอนที่ Takaragawa Onsen ดูสักคืนนึง ส่วนที่อื่นๆก็ยังลังเลหลายที่ ว่าจะไปฝั่ง Nagano ดี หรือ Tohoku ดี ยังไม่ตัดสินใจซะที ก้มหน้าก้มตาทำงานกันไปเผลอแปร่บเดียวเข้าเดือนมีนาแล้ว ถึงเวลาต้องเกียมตัวอย่างจริงๆจังๆ ทั้งจอง รร เอย คิดแพลนการเดินทางเอย เราก็เสิร์ชดูรป ดูรีวิวไป แล้วเหมือนพักหลังมานี้ การท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะโปรโมต Sendai เอามากๆ เราก็มีใจเอนเอียงไปทางฝั่ง Tohoku มากกว่า จึงได้เริ่มจัดแพลนอย่างจริงจัง
เวลาวางแพลนเที่ยวเราชอบทำตาราง Excel ง่ายๆขึ้นมาก่อน โดยในหนึ่งวันจะมีรายละเอียดแค่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน และนอนเมืองไหน เลือกใส่รูปประกอบสวยๆ จากสถานที่นั้นๆ ทำขึ้นมาพร้อมๆกันหลายตาราง แล้วค่อยเอามาพิจารณาเปรียบเทียบกันว่ารู้สึกมีฟิลลิ่งกับอันไหนมากที่สุด เวลาเดินทางแต่ละแบบเป็นอย่างไร ซึ่งต้องไม่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมากเกินไปจนหมดสนุก พอได้ตารางที่ลงตัวแล้วค่อยเอามาพัฒนาเป็นแพลนแบบละเอียดๆอีกที สุดท้ายเราเลือกตารางอันนี้ค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายก่อนออกทริป
ค่าตั๋วเครื่องบิน 9,670 บาท
ค่า JR East Tohoku Area Pass 5,090 บาท
ค่าประกันการเดินทาง 728 บาท
รวมจ่ายไป 15,488 บาท ตัวเบาไป
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น