ถ้าให้เลือกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก เราเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงมีตัวเลือกในใจ
เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกงออสเตรเลีย เวียดนาม ฯลฯ แตกต่างกันออกไป ตามความชอบและเหตุผล
สำหรับมือใหม่อย่างเรา......เราเลือกที่
++ Singapore++ ค่าาาาาาาา
เหตุผลหลัก.....คงไม่ใช่เพราะอยากมาทานข้าวมันไก่แน่ๆ ^^ โนว โนว
เราเลือกที่นี่ เพราะชอบที่สิงคโปร์เป็นเมืองที่ มิกซ์เอาหลายๆอย่างมาไว้ด้วยกัน
หลากเชื้อชาติ หลายภาษา ต่างวัฒนธรรม แค่คิดว่าจะได้เจออะไรบ้างก็เริ่มสนุกแล้ว
ทริปนี้เราจะอธิบายละเอียดนิดนึงนะคะ เผื่อเป็นไอเดียสำหรับมือใหม่คนอื่นๆ
ส่วนคนที่เก๋าแล้ว ข้ามไปอ่านเนื้อหาด้านล่างได้เลยค่า^^

****************************************************************************
ฝากติดตามผลงานเพจ FB:เที่ยวนอกบ้าน
https://www.facebook.com/travelandoutdoors/
ฝากเพจท่องเที่ยวน้องใหม่ด้วยนะคะ ^V^
******************************************************************************
เราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าถึง 3 เดือน ช่วงนั้น Air Asia มีโปรก่อนสิ้นปี ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก ราคาดี (เค้าว่างั้น)
ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม ภารกิจต่อไปของเราคือ
ทำพาสปอร์ต ค่ะ เราเลือกทำที่ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์
(แนะนำให้ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนไปทำนะคะ จะได้รวดเร็ว) ต่อคิวทำพาสปอร์ตไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็เรียบร้อย
จ่ายเงินเสร็จ กลับมานั่งรอนอนรออยู่ที่บ้าน ไม่เกิน 1 สัปดาห์ พาสปอร์ตจะส่งมาให้ถึงที่เลยค่ะ ไวเฟร่อ ประทับใจ^^
อินเตอร์เนตเราใช้
Sim2Fly ของ AIS นะคะ เพราะเราไม่ได้เล่น social มากนัก ไม่ต้องรับสายจากเมืองไทย หลักๆคือเอาไว้เปิด google map และหาข้อมูลอื่นๆ อีกนิดหน่อย ใช้แบบนี้ตอบโจทย์เรามากกว่าค่ะ
(ราคา 399 บาท 3GB ใช้ได้ 8 วัน) เราเปิดใช้ซิมก่อนขึ้นเครื่อง ตอนอยู่เมืองไทยจะยังใช้สัญญาณเนตไม่ได้นะคะ รอเครื่องลงสัญญาณถึงจะมาค่ะ (เมื่อเปิดเครื่องซิมจะตั้งเวลาเป็นของสิงคโปร์ให้โดยอัตโนมัติ)
+++แนะนำให้เปิดใช้งานซิมตั้งแต่อยู่เมืองไทยนะคะ ถ้ามีปัญหาจะได้ติดต่อ call center ได้ทันค่ะ+++
ส่วนตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ เราซื้อจาก
Singapore Fan Club ที่เมืองไทยไปเลย
ราคาแพงกว่าที่ Singapore นิดหน่อย แต่ประหยัดเวลาไม่ต้องไปเดินหาซื้อตั๋วที่นู่น
ไปถึงสามารถเที่ยวได้เลยค่ะ (รายละเอียดเพิ่มเติม ดูใน comment ท้ายรีวิวนะคะ)
ทริปนี้เราไป 3 วัน 2 คืน แพลนท่องเที่ยวของเราตามนี้เลยค่ะ
Day 1 : Changi Airport ==> Porcelain Hotel ==> ==>Sri Mariamman Temple ==> Tooth Relic Buddha Temple ==> Maxwell food center ==> Fort Canning Park ==> Helix Bridge
Day 2 : Universal ==> Siloso Beach ==> Palawan Beach ===> Supertree Grove
Day 3 : Ya kun Kaya Toast ==> Hajilane ==> Garden by the bay ===> Changi Airport ===> Don Muang
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ตัดภาพมาถึงวันเดินทางกันเลยค่ะ ได้เวลาไปพิสูจน์กันแล้ว.....ว่าที่นี่
เมืองที่คนอื่นๆบอกว่า
"ไม่เห็นมีอะไร" จะทำให้มือใหม่อย่างเรา ได้อะไรๆ กลับมาบ้างหรือเปล่า
Day : 1
06.00 น. ว๊าปมาถึงสนามบินดอนเมือง
Terminal 1 ( เดินทางในประเทศจะใช้ Terminal 2 นะคะ)
เราเช็คอินล่วงหน้า มี Boarding pass + track กระเป่าอยู่แล้ว ไปต่อแถวโหลดกระเป๋าได้เลยค่ะ
โหลดเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้ ใบ ตม.ของไทย มา 1 ใบ ให้เรากรอกกข้อมูลให้ครบทั้ง 2 ส่วน
ส่วนแรกจะใช้สำหรับขาออก และอีกส่วนเก็บไว้ใช้สำหรับขาเข้าค่ะ
กรอกเสร็จไปต่อแถว
"หนังสือเดินทางไทย" เพื่อพบเจ้าหน้าที่ ตม. บางช่องเจ้าหน้าที่จะให้เราทำเอง 4 ขั้นตอนง่ายๆค่ะ
1. คว่ำพาสปอร์ตลงในช่องเพื่อสแกนพาสปอร์ต
2. สแกน boarding pass
3. สแกนนิ้ว
4. มองกล้องเพื่อถ่ายรูป (ถ้าสวมหมวก ต้องถอดหมวกออกด้วยนะคะ)
เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมสำหรับเดินทางแล้วค่ะ^^
เสร็จแล้วก็ไปนั่งหน้า Gate เพื่อรอขึ้นเครื่องค่ะ
หลังจากนั่งประจำที่ น้องแอร์คนสวยจะเดินมาแจก Immigration Form ของสิงคโปร์ค่ะ
กรอกข้อมูลลงไปตามนี้นะคะ (ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เนต)
ตอน check in เราเลือกที่นั่ง
5F เป็นที่นั่งติดหน้าต่าง บินไฟล์เช้า เครื่องบินลงทางใต้ เลือกนั่งฝั่งขวาจะไม่โดนแดด นั่งดูวิวริมหน้าต่างชิลล์ไปค่ะ (ส่วนขากลับเราไม่ได้เลือก เพราะกลับไฟล์ดึกขึ้นเครื่องก็หลับยาวววววจนถึงกรุงเทพ^^)
10.45 น.Sawasdee Changi ในที่สุดก็มาถึง ภาระกิจแรกคือตรงไปหา เจ้าหน้าที่ ตม. ก่อนเลยค่ะ
อ่านหลายๆรีวิวบอกว่า ตม.ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะกับสาวไทย เราเลยกังวลนิดหน่อย
ตอนต่อแถวพยายามเลือกแถวที่ไปไวที่สุด เราเลือกแถวที่ 4 เจอ ตม.ผู้หญิงผมสั้นๆ หน้านิ่งๆ ไม่ยิ้ม พอถึงคิวเรา.....
เรา : ยื่นพาสปอร์ตพร้อม
boarding pass ให้ (แล้วยิ้มหวานๆไป 1 ที)
ตม. : (ทำหน้าเฉยๆ) พร้อมยื่นมือมารับเอกสาร
.........มองหน้าเราเทียบกับพาสปอร์ต................ชี้ให้แสกนนิ้ว...................
เรา : สแกนนิ้วเสร็จ (ส่งยิ้มหวานไปอีก 1 ที)
ตม.: ประทับตรา ปึ๊งงงงง...เป็นอันจบ….
อ้าว!!! เฮ๊ยยยยย..........ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า ^V^
ส่วนเพื่อนเราเลือกแถว 1 เจอ ตม.ผู้ชาย ฮีใจดีมว๊ากกกกกกก แถมพูดไทยได้ด้วย สัมภาษณ์กันเป็นภาษาไทยเลยจ้า อันนี้ฮาเข้าไปอี๊กกกกกกก
+++ หลังจากผ่านพิธีการเจ้าหน้าที่ ตม.จะคืนพาสปอร์ตกับ Immigration Form ส่วนที่ 2 มาให้ เก็บให้ดีนะคะเพราะต้องใช้แสดงตอนขากลับค่ะ+++
แต่ว่า...... แต่ว่า เราดีใจเพลินจนลืมหยิบลูกอมจาก ตม. มาด้วยอ่ะ แอบเสียใจ (ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เนต)
ผ่าน ตม.มาอย่างง่ายดาย ก็เดินไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินตามป้ายไป
Terminal 2 กันเลยค่ะ
ขึ้นสาย
Train to City เพื่อไป MRT Platform ซื้อบัตรโดยสารกันค่ะ
บัตรเดินทางที่นี่ มีให้เลือก 2 แบบคือ
1. EZYlink : เป็นบัตรแบบเติมเงิน ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เกาะ Sentosa และซื้อสินค้าใน 7-11 เงินในบัตรเหลือสามารถคืนเงินได้ตอนกลับ แต่ไม่สามารถคืนบัตรได้
2. Singapore Tourist Pass (STP) เป็นบัตรแบบเหมา เดินทางไม่จำกัดเที่ยว ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ แต่ใช้ข้ามเกาะ sentosa ไม่ได้ มีให้เลือกแบบ 1/2/3 วัน
เราเลือก
Singapore Tourist Pass แบบ 3 วัน ราคา 30 เหรียญ โดยสามารถคืนบัตรได้ตอนกลับ จะได้รับค่ามัดจำบัตรคืนมา 10 เหรียญค่ะ
อย่าลืมหยิบ
แผนที่ MRT มาด้วยนะคะ ++สำคัญมาก++
แนะนำให้ศึกษาเส้นทางก่อน และมาร์คจุดสำคัญที่จะเราจะเดินทางไว้ในแผนที่ เพื่อช่วยประหยัดเวลาค่ะ
11.45 น. เราจองที่พักไว้ที่
Poreclain Hotel อยู่แถว China town ย่านที่คนคึกคักตลอดคืน กลับดึกก็ไม่น่ากลัว หิวก็มีของกินเพียบ ออกเดินทางจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาลงที่
สถานี Outram Park เพื่อเปลี่ยนมาสายสีม่วง ลงที่
สถานี China Town ทางออก A
ออกจากสถานีรถไฟฟ้าแล้ว เลี้ยวซ้ายทันที อย่าเดินตรงนาจา เพราะข้างหน้าคือตลาด ไปเที่ยวกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาช็อปกันวันหลัง
เดินไปทางขวา 1 ช่วงตึก จะเจอถนน
Mosque St. ตรงหัวมุมพอดี เดินเข้าไปในซอยประมาณ 30 ม.
โรงแรมเป็นตึกสีขาว อยู่ทางด้านซ้ายมือเลยค่ะ (แอบยืมรูปมาจากเพจของโรงแรมนะคะ เราไม่ได้ถ่ายรูปด้านนอกไว้)
12.30 น. มาถึงโรงแรมเรียบร้อย
เวลา check in ปรกติคือ 14.00 น.
(ถ้าจะ check in ก่อนเวลา เช็คกับพนักงานให้ดีนะคะว่าจะไม่มีค่า Early check in fee เดี๋ยวเสียตังค์เพิ่มนาจา)
เราโชคดีวันที่ไปมีห้องว่างพอดี เลยได้เข้าพักก่อนเวลาค่ะ
บรรยากาศของเคาน์เตอร์ด้านหน้า
เมื่อ check in แล้ว พนักงานจะให้ key card พร้อมแผนที่เล็กๆ แสดงสถานที่สำคัญใกล้โรงแรม
และแจ้งระเบียบข้อบังคับให้เราเซ็นต์รับทราบ (ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ในห้องพัก ฝ่าฝืนปรับ 500 เหรียญ นะคะ)
การตกแต่งสถานที่จะเน้นสีฟ้า - ขาว เพื่อให้ดูกว้าง สะอาด และสบายตา
ห้องพักของเราอยู่
ชั้น 4 ห้อง 436 เป็นห้องพักขนาดกระทัดรัด
มีการแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ใช้งานได้อย่างลงตัว เตียงคู่อยู่ด้านในสุดติดผนัง มีทีวีอยู่ปลายเตียง
ด้านข้างจะเป็นตู้เสื้อผ้า มีกาต้มน้ำ ตู้เย็นและตู้เซฟอยู่ด้านใน ทางโรงแรมจะมีน้ำดื่มให้วันละ 2 ขวด
ส่วนไดร์เป่าผม และรองเท้า 2 คู่ อยู่ในลิ้นชักตรงโต๊ะข้างเตียงค่ะ
ห้องน้ำเป็นกระจกเลื่อนแบบขุ่น พอมองเห็นลางๆ ไม่มีผ้าม่าน
ถ้าใครมากับเพื่อนอาจจะเขินๆนิดนึงเวลาใช้ห้องน้ำนะคะ
อุปกรณ์ในห้องน้ำมี ครีมอาบน้ำ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขนหนู แต่....ไม่มีสายฉีดชำระค่ะ
[CR] Sawasdee Singapore Lah... มือใหม่จะพาไปเที่ยวสิงคโปร์
เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกงออสเตรเลีย เวียดนาม ฯลฯ แตกต่างกันออกไป ตามความชอบและเหตุผล
สำหรับมือใหม่อย่างเรา......เราเลือกที่ ++ Singapore++ ค่าาาาาาาา
เหตุผลหลัก.....คงไม่ใช่เพราะอยากมาทานข้าวมันไก่แน่ๆ ^^ โนว โนว
เราเลือกที่นี่ เพราะชอบที่สิงคโปร์เป็นเมืองที่ มิกซ์เอาหลายๆอย่างมาไว้ด้วยกัน
หลากเชื้อชาติ หลายภาษา ต่างวัฒนธรรม แค่คิดว่าจะได้เจออะไรบ้างก็เริ่มสนุกแล้ว
ทริปนี้เราจะอธิบายละเอียดนิดนึงนะคะ เผื่อเป็นไอเดียสำหรับมือใหม่คนอื่นๆ
ส่วนคนที่เก๋าแล้ว ข้ามไปอ่านเนื้อหาด้านล่างได้เลยค่า^^
****************************************************************************
ฝากติดตามผลงานเพจ FB:เที่ยวนอกบ้าน https://www.facebook.com/travelandoutdoors/
ฝากเพจท่องเที่ยวน้องใหม่ด้วยนะคะ ^V^
******************************************************************************
เราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าถึง 3 เดือน ช่วงนั้น Air Asia มีโปรก่อนสิ้นปี ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก ราคาดี (เค้าว่างั้น)
ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม ภารกิจต่อไปของเราคือ ทำพาสปอร์ต ค่ะ เราเลือกทำที่ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์
(แนะนำให้ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนไปทำนะคะ จะได้รวดเร็ว) ต่อคิวทำพาสปอร์ตไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็เรียบร้อย
จ่ายเงินเสร็จ กลับมานั่งรอนอนรออยู่ที่บ้าน ไม่เกิน 1 สัปดาห์ พาสปอร์ตจะส่งมาให้ถึงที่เลยค่ะ ไวเฟร่อ ประทับใจ^^
อินเตอร์เนตเราใช้ Sim2Fly ของ AIS นะคะ เพราะเราไม่ได้เล่น social มากนัก ไม่ต้องรับสายจากเมืองไทย หลักๆคือเอาไว้เปิด google map และหาข้อมูลอื่นๆ อีกนิดหน่อย ใช้แบบนี้ตอบโจทย์เรามากกว่าค่ะ (ราคา 399 บาท 3GB ใช้ได้ 8 วัน) เราเปิดใช้ซิมก่อนขึ้นเครื่อง ตอนอยู่เมืองไทยจะยังใช้สัญญาณเนตไม่ได้นะคะ รอเครื่องลงสัญญาณถึงจะมาค่ะ (เมื่อเปิดเครื่องซิมจะตั้งเวลาเป็นของสิงคโปร์ให้โดยอัตโนมัติ)
+++แนะนำให้เปิดใช้งานซิมตั้งแต่อยู่เมืองไทยนะคะ ถ้ามีปัญหาจะได้ติดต่อ call center ได้ทันค่ะ+++
ส่วนตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ เราซื้อจาก Singapore Fan Club ที่เมืองไทยไปเลย
ราคาแพงกว่าที่ Singapore นิดหน่อย แต่ประหยัดเวลาไม่ต้องไปเดินหาซื้อตั๋วที่นู่น
ไปถึงสามารถเที่ยวได้เลยค่ะ (รายละเอียดเพิ่มเติม ดูใน comment ท้ายรีวิวนะคะ)
ทริปนี้เราไป 3 วัน 2 คืน แพลนท่องเที่ยวของเราตามนี้เลยค่ะ
Day 1 : Changi Airport ==> Porcelain Hotel ==> ==>Sri Mariamman Temple ==> Tooth Relic Buddha Temple ==> Maxwell food center ==> Fort Canning Park ==> Helix Bridge
Day 2 : Universal ==> Siloso Beach ==> Palawan Beach ===> Supertree Grove
Day 3 : Ya kun Kaya Toast ==> Hajilane ==> Garden by the bay ===> Changi Airport ===> Don Muang
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ตัดภาพมาถึงวันเดินทางกันเลยค่ะ ได้เวลาไปพิสูจน์กันแล้ว.....ว่าที่นี่
เมืองที่คนอื่นๆบอกว่า "ไม่เห็นมีอะไร" จะทำให้มือใหม่อย่างเรา ได้อะไรๆ กลับมาบ้างหรือเปล่า
Day : 1
06.00 น. ว๊าปมาถึงสนามบินดอนเมือง Terminal 1 ( เดินทางในประเทศจะใช้ Terminal 2 นะคะ)
เราเช็คอินล่วงหน้า มี Boarding pass + track กระเป่าอยู่แล้ว ไปต่อแถวโหลดกระเป๋าได้เลยค่ะ
โหลดเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้ ใบ ตม.ของไทย มา 1 ใบ ให้เรากรอกกข้อมูลให้ครบทั้ง 2 ส่วน
ส่วนแรกจะใช้สำหรับขาออก และอีกส่วนเก็บไว้ใช้สำหรับขาเข้าค่ะ
กรอกเสร็จไปต่อแถว "หนังสือเดินทางไทย" เพื่อพบเจ้าหน้าที่ ตม. บางช่องเจ้าหน้าที่จะให้เราทำเอง 4 ขั้นตอนง่ายๆค่ะ
1. คว่ำพาสปอร์ตลงในช่องเพื่อสแกนพาสปอร์ต
2. สแกน boarding pass
3. สแกนนิ้ว
4. มองกล้องเพื่อถ่ายรูป (ถ้าสวมหมวก ต้องถอดหมวกออกด้วยนะคะ)
เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมสำหรับเดินทางแล้วค่ะ^^
เสร็จแล้วก็ไปนั่งหน้า Gate เพื่อรอขึ้นเครื่องค่ะ
หลังจากนั่งประจำที่ น้องแอร์คนสวยจะเดินมาแจก Immigration Form ของสิงคโปร์ค่ะ
กรอกข้อมูลลงไปตามนี้นะคะ (ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เนต)
ตอน check in เราเลือกที่นั่ง 5F เป็นที่นั่งติดหน้าต่าง บินไฟล์เช้า เครื่องบินลงทางใต้ เลือกนั่งฝั่งขวาจะไม่โดนแดด นั่งดูวิวริมหน้าต่างชิลล์ไปค่ะ (ส่วนขากลับเราไม่ได้เลือก เพราะกลับไฟล์ดึกขึ้นเครื่องก็หลับยาวววววจนถึงกรุงเทพ^^)
10.45 น.Sawasdee Changi ในที่สุดก็มาถึง ภาระกิจแรกคือตรงไปหา เจ้าหน้าที่ ตม. ก่อนเลยค่ะ
อ่านหลายๆรีวิวบอกว่า ตม.ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะกับสาวไทย เราเลยกังวลนิดหน่อย
ตอนต่อแถวพยายามเลือกแถวที่ไปไวที่สุด เราเลือกแถวที่ 4 เจอ ตม.ผู้หญิงผมสั้นๆ หน้านิ่งๆ ไม่ยิ้ม พอถึงคิวเรา.....
เรา : ยื่นพาสปอร์ตพร้อม boarding pass ให้ (แล้วยิ้มหวานๆไป 1 ที)
ตม. : (ทำหน้าเฉยๆ) พร้อมยื่นมือมารับเอกสาร
.........มองหน้าเราเทียบกับพาสปอร์ต................ชี้ให้แสกนนิ้ว...................
เรา : สแกนนิ้วเสร็จ (ส่งยิ้มหวานไปอีก 1 ที)
ตม.: ประทับตรา ปึ๊งงงงง...เป็นอันจบ….
อ้าว!!! เฮ๊ยยยยย..........ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า ^V^
ส่วนเพื่อนเราเลือกแถว 1 เจอ ตม.ผู้ชาย ฮีใจดีมว๊ากกกกกกก แถมพูดไทยได้ด้วย สัมภาษณ์กันเป็นภาษาไทยเลยจ้า อันนี้ฮาเข้าไปอี๊กกกกกกก
+++ หลังจากผ่านพิธีการเจ้าหน้าที่ ตม.จะคืนพาสปอร์ตกับ Immigration Form ส่วนที่ 2 มาให้ เก็บให้ดีนะคะเพราะต้องใช้แสดงตอนขากลับค่ะ+++
แต่ว่า...... แต่ว่า เราดีใจเพลินจนลืมหยิบลูกอมจาก ตม. มาด้วยอ่ะ แอบเสียใจ (ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เนต)
ผ่าน ตม.มาอย่างง่ายดาย ก็เดินไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินตามป้ายไป Terminal 2 กันเลยค่ะ
ขึ้นสาย Train to City เพื่อไป MRT Platform ซื้อบัตรโดยสารกันค่ะ
บัตรเดินทางที่นี่ มีให้เลือก 2 แบบคือ
1. EZYlink : เป็นบัตรแบบเติมเงิน ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เกาะ Sentosa และซื้อสินค้าใน 7-11 เงินในบัตรเหลือสามารถคืนเงินได้ตอนกลับ แต่ไม่สามารถคืนบัตรได้
2. Singapore Tourist Pass (STP) เป็นบัตรแบบเหมา เดินทางไม่จำกัดเที่ยว ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ แต่ใช้ข้ามเกาะ sentosa ไม่ได้ มีให้เลือกแบบ 1/2/3 วัน
เราเลือก Singapore Tourist Pass แบบ 3 วัน ราคา 30 เหรียญ โดยสามารถคืนบัตรได้ตอนกลับ จะได้รับค่ามัดจำบัตรคืนมา 10 เหรียญค่ะ
อย่าลืมหยิบ แผนที่ MRT มาด้วยนะคะ ++สำคัญมาก++
แนะนำให้ศึกษาเส้นทางก่อน และมาร์คจุดสำคัญที่จะเราจะเดินทางไว้ในแผนที่ เพื่อช่วยประหยัดเวลาค่ะ
11.45 น. เราจองที่พักไว้ที่ Poreclain Hotel อยู่แถว China town ย่านที่คนคึกคักตลอดคืน กลับดึกก็ไม่น่ากลัว หิวก็มีของกินเพียบ ออกเดินทางจากสนามบินด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาลงที่สถานี Outram Park เพื่อเปลี่ยนมาสายสีม่วง ลงที่สถานี China Town ทางออก A
ออกจากสถานีรถไฟฟ้าแล้ว เลี้ยวซ้ายทันที อย่าเดินตรงนาจา เพราะข้างหน้าคือตลาด ไปเที่ยวกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาช็อปกันวันหลัง
เดินไปทางขวา 1 ช่วงตึก จะเจอถนน Mosque St. ตรงหัวมุมพอดี เดินเข้าไปในซอยประมาณ 30 ม.
โรงแรมเป็นตึกสีขาว อยู่ทางด้านซ้ายมือเลยค่ะ (แอบยืมรูปมาจากเพจของโรงแรมนะคะ เราไม่ได้ถ่ายรูปด้านนอกไว้)
12.30 น. มาถึงโรงแรมเรียบร้อย เวลา check in ปรกติคือ 14.00 น.
(ถ้าจะ check in ก่อนเวลา เช็คกับพนักงานให้ดีนะคะว่าจะไม่มีค่า Early check in fee เดี๋ยวเสียตังค์เพิ่มนาจา)
เราโชคดีวันที่ไปมีห้องว่างพอดี เลยได้เข้าพักก่อนเวลาค่ะ
บรรยากาศของเคาน์เตอร์ด้านหน้า
เมื่อ check in แล้ว พนักงานจะให้ key card พร้อมแผนที่เล็กๆ แสดงสถานที่สำคัญใกล้โรงแรม
และแจ้งระเบียบข้อบังคับให้เราเซ็นต์รับทราบ (ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ในห้องพัก ฝ่าฝืนปรับ 500 เหรียญ นะคะ)
การตกแต่งสถานที่จะเน้นสีฟ้า - ขาว เพื่อให้ดูกว้าง สะอาด และสบายตา
ห้องพักของเราอยู่ ชั้น 4 ห้อง 436 เป็นห้องพักขนาดกระทัดรัด
มีการแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ใช้งานได้อย่างลงตัว เตียงคู่อยู่ด้านในสุดติดผนัง มีทีวีอยู่ปลายเตียง
ด้านข้างจะเป็นตู้เสื้อผ้า มีกาต้มน้ำ ตู้เย็นและตู้เซฟอยู่ด้านใน ทางโรงแรมจะมีน้ำดื่มให้วันละ 2 ขวด
ส่วนไดร์เป่าผม และรองเท้า 2 คู่ อยู่ในลิ้นชักตรงโต๊ะข้างเตียงค่ะ
ห้องน้ำเป็นกระจกเลื่อนแบบขุ่น พอมองเห็นลางๆ ไม่มีผ้าม่าน
ถ้าใครมากับเพื่อนอาจจะเขินๆนิดนึงเวลาใช้ห้องน้ำนะคะ
อุปกรณ์ในห้องน้ำมี ครีมอาบน้ำ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขนหนู แต่....ไม่มีสายฉีดชำระค่ะ