ทำไงถึงจะเก่งภาษา

ทุกวันนี้สิ่งที่จำเป็นที่สุดและปฏิเสธไม่ได้เลยคือภาษาที่สองและเทคโนโลยี ใครมีความสามารถสองด้านนี้ไม่ตกงานแน่ๆ คือ...ดิฉันเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษนะคะ แต่ไม่ได้เรียนสายภาษา พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ใช้ภาษาเลย ดูหนังซับบ้างแต่หลังๆมาก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ อ่านหนังสือบ้างนานๆอ่านทีเพราะวิชาเอกยังจะอ่านไม่ทันสอบเลย ฮ่าๆ พยายามหาเพื่อนต่างชาติคุยแต่พอเวลาเราเจอคนไทยที่พูดภาษาเก่งกว่าเรา เราจะรู้สึกด้อยและท้อ เราอายเราจนไม่กล้าพูดและเราก็จะเดินออกมาไม่รู้เป็นอะไร พยายามจะเอาสิ่งนี้มาเป็นแรงผลักดันนะคะแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีและเราก็จะหายไป เวลาเจอเพื่อนต่างชาติก็จะหลบๆซ่อนๆไม่กล้าพูด พูดแล้วกลัวเขาไม่เข้าใจ กลัวเขาว่าเราโง่อ่ะค่ะ จนตอนนี้เขากลับประเทศของเขาไปแล้ว ติดต่อกันผ่านเฟสแต่ก็นานๆทีไม่ค่อยมีเวลาค่ะ เวลาคุยกันก็ใช้กลูเกิ้ลทรานสเลดเกือบทุกครั้งและส่วนมากฉันก็จะส่งแต่สติกเกอร์อ่ะค่ะ อยากวีดีโอคอลคุยกันมาก แต่พอเปิดก็เอ๋อ-ค่ะกว่าจะตอบได้แต่ละคำ เราสงสารเขาที่จะต้องมาพยายามคุยกับคนโง่ๆอย่างเรา เอาจริงๆส่วนใหญ่แปลออกนะแต่ตอบไม่ได้และข้อเสียของการอ่านหนังสือเองคือ รู้ว่าคำที่เขียนแบบนี้แปลว่าอย่างนี้แต่ไม่มั่นใจว่าอ่านยังไง กลัวชาวต่างชาติเขาไม่เข้าใจ ไม่อยากเสียเงินเรียนภาษาด้วย หมดไปเยอะแต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะไม่ค่อยได้ใช้ พยายามที่จะเรียนรู้ภาษาแต่ก็มีอุปสรรคทุกทีค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ปัญหาคุณเยอะนะครับ แต่จะเป็นเรื่องมีทัศนคติลบกับตัวเองซะส่วนใหญ่

1. เรียนแล้วไม่เอามาใช้ สุดท้ายมันก็จะลืมครับ --> ทางแก้คือต้องหาทางเอามาใช้เพื่อกันลืม
2. นานๆใช้ที ก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาได้เร็วครับ --> ทางแก้คือต้องหาทางเอามาใช้ให้บ่อยๆ อย่ามีข้ออ้างเยอะ
3. ไม่ค่อยมีเวลา --> มันเป็นแค่ข้ออ้างครับ ถ้าคุณมีความตั้งใจจริงยังไงคุณก็คงหาเวลาจนได้นั่นแหล่ะ
4. รู้สึกด้อย, รู้สึกท้อ, อายคนที่เก่งกว่า --> เป็นการลดกำลังใจตัวเอง คุณควรกำจัดความรู้สึกนี้ออกไปนะครับ
5. เจอชาวต่างชาติแล้วไม่กล้าพูด --> โอกาสมันอยู่ตรงหน้าถ้าคุณไม่คว้า ก็น่าเสียดายครับ
6. กลัวเขาไม่เข้าใจ --> ก็ต้องพยายามสิครับ
7. กลัวเขาว่าเราโง่ --> การหลบเลี่ยงการพูดคุย-ไม่ได้ทำให้ดูฉลาดขึ้นนะครับ อยากให้ดูฉลาดก็ต้องกล้าพูดสิครับ
8. ติดต่อกับเพื่อนต่างชาติทางเฟสนานๆที --> จะให้ดีควรติดต่อกันให้บ่อยขึ้น แล้วคุณจะได้ฝึกเพิ่มขึ้น
9. ใช้ Google แปลตลอด --> ก็โอเค แต่เราก็ต้องพยายามเรียนรู้สิ่งที่ Google แปลด้วย เราจะพึ่งมันตลอดไปไม่ได้
10. ส่วนมากจะส่งเป็นสติ๊กเกอร์ --> ควรลดการส่งสติ๊กเกอร์ลงครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้เรียนรู้อะไร

11. วิดีโอคอลแล้วพูดไม่ออก --> ก็เปลี่ยนเป็นคุยเฉพาะเสียงครับ ไม่ต้องมีวิดีโอ เพราะมันอาจทำให้คุณยิ่งเขินอายไปใหญ่ แล้วก็ไม่ต้องไปคิดมากแทนเขานะครับ ไม่ต้องไปสงสารเขาที่ฟังเราไม่รู้เรื่อง ผมว่าควรสงสารตัวเองมากกว่าที่ปล่อยให้ความอายมาครอบงำจิตใจจนไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรที่ผิดพลาดบ้าง .. ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ ถ้าคุณพูดผิด-คุณก็แค่พยายามพูดใหม่ให้มันถูก คนฟังเขาพยายามตั้งใจฟังคุณอยู่แล้ว เขาไม่โทษไม่โกรธคุณหรอกครับที่พูดผิด .. เพราะงั้นคุณอย่าไปคิดมากนะ พูดๆไปเหอะ ผิดบ้างก็ช่าง เป็นการฝึกความกล้าให้ตัวเองครับ

12. ไม่อยากเสียเงินเรียน / หมดเงินไปเยอะแต่ไม่ได้อะไร เพราะไม่ค่อยได้ใช้ --> เงินที่เสียไปกับการเรียนจะคุ้มค่าหรือไม่ก็อยู่ที่ความตั้งใจของคุณเอง หากคุณเสียเงินเรียนแล้วตั้งใจเรียนและเอาสิ่งที่เรียนได้มาใช้ต่อ พัฒนาต่อยอดด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็จะคุ้มค่าเงินที่เสียไปครับ แต่ถ้าคุณเสียเงินเรียนไปแล้วยังพยายามพัฒนาตัวเอง ยังมีความคิดแบบเดิมๆ ยังกลัว ยังคิดมาก ยังไม่หาโอกาสใช้งานให้บ่อย แบบนี้เสียเงินเรียนไปก็ไม่คุ้มครับ เพราะเรียนมาแล้วก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี

13. เรียนภาษาแล้วมีอุปสรรค --> อุปสรรคก็เจอกันทุกคนนั่นแหล่ะครับ แต่ขึ้นอยู่ที่ีว่าใครจะฟันฝ่าอุปสรรค หรือใครจะจำนนต่ออุปสรรค
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่