ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ

กระทู้คำถาม
ภิกษุ !  สำหรับปัญหาของเธอนั้น  เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า  “มหาภูตสี่  คือ  ดิน  น้ำ ไฟ  ลม  เหล่านี้  
ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ  ในที่ไหน ?”  ดังนี้เลย ;  อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :-
    “ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน ?  ความยาว  ความสั้น  ความเล็ก  ความใหญ่  ความงาม  
ความไม่งาม  ไม่หยั่งลงได้  ในที่ไหน  ?  นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?”  ดังนี้ต่างหาก.  
    ภิกษุ !  ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :-
    “สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์  ไม่มีที่สุด  มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ,  
นั้นมีอยู่ ;  ใน  “สิ่ง”  นั้นแหละ  ดิน  น้ำ  ไฟ  ลม  ไม่หยั่งลงได้  ;  
ใน  “สิ่ง”  นั้นแหละ ความยาว  ความสั้น  ความเล็ก  ความใหญ่  ความงาม  ความไม่งาม  ไม่หยั่งลงได้ ;  
ใน  “สิ่ง”  นั้นแหละ  นามรูป  ดับสนิทไม่มีเหลือ ;
นามรูป  ดับสนิท  ใน  “สิ่ง”  นี้  เพราะการดับสนิทสืบไปของวิญญาณ ;  ดังนี้แล.  

            - สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐.  
“? ทุกข์ใด ๆ เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น มีเพราะวิญญาณ  
    เป็นปัจจัย, ? เพราะความดับแห่งวิญญาณ ความ
เกิดขึ้นแห่งทุกข์ ย่อมไม่มี. ?  เพราะรู้โทษนั่นแห่ง  
    วิญญาณว่า ทุกข์มีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย,
ภิกษุจึงหมด  
    สิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ เพราะความ  
    เข้าไปสงบรำงับแห่งวิญญาณ”.

ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่อาจเข้าไปอยู่ ในที่ใด ; ในที่นั้นดาวศุกร์ทั้งหลาย  ย่อมไม่ส่องแสง ;  
ในที่นั้น,  ดวงอาทิตย์ก็ไม่ปรากฏ ; ในที่นั้น,  ดวงจันทร์ก็ไม่ส่องแสง ;  แต่ความมืด.@  
ก็มิได้มีอยู่,  ในที่นั้น.  
ในกาลใด,  มุนี  ผู้ตั้งหน้าปฏิบัติ  ได้รู้แจ่มแจ้ง  (ในสิ่งที่กล่าวนี้)  ด้วยตนเอง  ด้วยความรู้ ;  
ในกาลนั้น, มุนีนั้น ย่อมพ้นไปจากรูป ย่อมพ้นไปจากอรูป,  
ย่อมพ้นไปจากสุขและทุกข์ โดยสิ้นเชิง,  ดังนี้แล.

            - อุ. ขุ. ๒๕/๘๕/๕๐.
@เป็นดวงประทีป(ทีปะ)ที่พึ่งของสัตว์ผู้ตกจมอยู่ในความมืดคืออวิชชาเป็นเครื่องกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังแล่นไป ท่องเที่ยวไป.
ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้นเสียได้ มีอยู่ :
นั่นเป็นบทที่สงบ นั่นเป็นบทที่ประณีต กล่าวคือธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง
เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย
เป็นความดับ เป็นนิพพาน”.  ...ความรู้ชัดเช่นนั้นนั่นแหละ

“? สัตว์เหล่าใด ไปสู่สังสาระแห่งชาติและมรณะร่ำไป;  
    ประเดี๋ยวอย่างนั้นประเดี๋ยวอย่างอื่น; ?  อวิชชานั่น
    แหละ เป็นคติ (เครื่องไป ) ของสัตว์เหล่านั้น.
    ?  อวิชชานี้แลเป็นความมืดอันใหญ่หลวง คือทำให้สัตว์
    ต้องท่องเที่ยวไป ในวัฏฏสงสาร ตลอดกาลนาน.
    ? สัตว์เหล่าใด เป็นผู้ไปด้วยวิชชา. สัตว์เหล่านั้น
    ย่อมไม่ไปสู่ภพใหม่”.

ความมืดคือความเกิด  ความแก่  ความตาย  ความโศก  ความร่ำไรรำพัน  
ความทุกข์กาย  ความทุกข์ใจ  และความคับแค้นใจ.
เขาเหล่านั้น  ย่อมยินดี  ต่อสิ่งอันเป็นปัจจัยปรุงแต่งที่เป็นไปพร้อมเพื่อความเกิดเป็นต้น,
เรากล่าวว่า  เขาไม่พ้นไปจากทุกข์ คือความเกิดเป็นต้น ไปได้เลย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่