ลองอ่านดูสิคะ...
ข้อมูลนี้น่าสนใจ...
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
ติดตามอ่านค่ะ...👇👇👇
อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื่นฟ้องศาล เที่ยวเล่นงานใครต่อใคร
กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการตรวจสอบโครงการจำนำข้าว
ในแต่ละคดี ก็จะต้องไปว่ากันในศาล จะไม่ขอกล่าวถึงคดีใดๆ
แต่ประเด็นเรื่องที่ชอบอ้างความเป็นธรรม เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวนั้น มีข้อเท็จจริงพึงทราบ ดังนี้
1.ความเป็นธรรมในตัวเลขค่าเสียหาย ไม่ใช่เอาผลขาดทุนไปเรียกค่าเสียหายเลย
นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยอธิบายวิธีคิดคำนวณค่าเสียหาย ยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมอย่างที่สุด
โดยคำนวณตัวเลขผลขาดทุนโครงการจำนำข้าวออกมาก่อน
จากนั้น ไม่ได้นำตัวเลขขาดทุนมาเรียกค่าเสียหายทันที แต่ยังหักส่วนอื่นๆ ออกไปอีก ได้แก่
1.1 หักส่วนที่ชาวนาได้รับประโยชน์จากโครงการออกไป
โดยพิจารณาว่าราคาข้าวในท้องตลาดขณะนั้นมีราคาเท่าไร คิดที่ราคา 8-9 พันบาทต่อตันข้าวเปลือก แต่ปรากฏว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปรับจำนำ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ส่วนต่างตรงนี้ถือว่าประชาชนได้รับประโยชน์ คิดได้ประมาณ 1.77 แสนล้านบาท ตัวเลขนี้ได้หักออกไปก่อน
ความหมายคือ ส่วนที่ช่วยชาวนาได้ผลประโยชน์เท่าใด ไม่ได้มาคิดเรียกค่าเสียหาย
1.2 หักค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐในการดำเนินโครงการออกไป ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท
ทั้งๆ ที่ ถ้าช่วยชาวนาโดยวิธีอื่น ไม่ต้องไปซื้อข้าวมาเก็บเข้าโกดัง ค่าใช้จ่ายก็จะไม่สูงขนาดนี้
1.3 หักดอกเบี้ยออกไป จำนวนกว่า 3 หมื่นกว่าล้านบาท
ทั้งๆ ที่ ดอกเบี้ยนั้นเกิดขึ้นจริง จากการกำหนดนโยบายนี้
คณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดนายจิรชัย จึงสรุปยอดความเสียหายโครงการจำนำข้าวในยุคยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ 2.86 แสนล้านบาท!
2.เมื่อส่งต่อให้คณะกรรมการความรับผิดทางแพ่งของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีนายมนัส แจ่มเวหา เป็นประธาน ได้ลดจำนวนค่าเสียหายที่เกิดจากนโยบายในโครงการรับจำนำข้าวลงจากเดิมอีก
เหลือ 178,586 ล้านบาท โดยคำนวณเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 และปี 2556/2557 ที่เกิดขึ้นหลัง ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งเตือนเท่านั้น
แต่ไม่ให้ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบไปเสียร้อยละ 20 ของความเสียหายดังกล่าว จึงคิดเป็นจำนวน 35,717 ล้านบาท
ยิ่งลักษณ์บอกว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
3.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว เคยคำนวณพบว่า โครงการจำนำข้าว เฉพาะยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ คำนวณถึงเดือนพฤษภาคม 2557
พบว่า ยอดขาดทุนสูงถึง 5.42 แสนล้านบาทแล้ว
นี่คือตีราคาข้าวที่เหลืออยู่จริงในโกดัง 17.28 ล้านตัน ประเมินให้ราคาตลาด ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557 รวมกับเงินที่ได้จากการขายข้าวก่อนหน้านั้นแล้ว
เวลาผ่านไป ข้าวในโกดังมีแต่จะราคาลดลง เสื่อมค่าไปเรื่อยๆ ผลขาดทุนจริงๆ ก็มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น
4.ปัจจุบัน หนี้จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหลือประมาณ 4 แสนล้านบาท!
ตัวเลขนี้ ลดลงจากตอนที่ คสช.เข้ามาใหม่ๆ
ตอนนั้น หนี้จำนำข้าวค้างอยู่ 5 แสนกว่าล้านบาท
รัฐบาล คสช.ทยอยระบายข้าว เร่งประมูลขายข้าว นำเงินมาใช้หนี้ ธ.ก.ส.
ต้องตั้งงบประมาณแผ่นดินชำระหนี้จำนำข้าว ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทุกปี ปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท และจะต้องตั้งงบใช้หนี้แบบนี้ไปอีกร่วมๆ 10 ปี เพื่อลบล้างภาระจากการทำโครงการในช่วง 2 ปี ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
พูดง่ายๆ ว่า ได้ประโยชน์สองปี แต่ต้องตามใช้หนี้ปีละ 4-5 หมื่นล้าน ยาวกว่า 10 ปี
แทนที่จะมีเงินส่วนนี้ไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นมากมาย
ถ้าประเทศไม่ต้องใช้หนี้ก้อนนี้ รัฐบาลสามารถจะนำเงินไปช่วยชาวนา ช่วยเกษตรกรทั่วประเทศ ช่วยคนยากจน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ชลประทาน ถนน หนทาง รถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ฯลฯ มากมายขนาดไหน
5.ยิ่งลักษณ์ฟ้องศาลปกครอง ขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองที่เรียกค่าเสียหาย 35,717 ล้านบาท
อ้างว่า คำสั่งเรียกเก็บค่าเสียหายดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก
อ้างว่า หากมีการยึดทรัพย์แล้วขายทอดตลาด จะทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยแจกแจงรายจ่ายประจำวันของตนด้วยว่า มีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพตามสถานะทางสังคมและฐานานุรูป แต่ละเดือน ประกอบด้วย
ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 1 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 8 แสนบาท
ค่าใช้จ่ายเยี่ยมเยือนประชาชน 4.5 แสนบาท
ค่าการดำเนินคดี 2 แสนบาท
ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของบุตร 2 แสนบาท
รวมเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2,650,000 บาท
6.ลองคิดเปรียบเทียบกับชาวนา มีค่าใช้จ่ายรายวันเท่าใด เดือนละเท่าใด? และมีค่าเสียโอกาสจากงบประมาณแผ่นดินที่กลับต้องนำไปใช้หนี้จำนำข้าว ปีละกว่า 4- 5 หมื่นล้านบาท ยาวนานกว่า 10 ปี แทนที่จะได้นำเงินเหล่านั้นมาช่วยเหลือชาวนาในปัจจุบันและอนาคต
นี่คือความแตกต่างระหว่างความเป็นธรรมของนักการเมือง กับความเป็นธรรมของประเทศชาติส่วนรวม
สารส้ม
http://m.naewna.com/view/columntoday/29612 
((มาลาริน)) ^_^ ชวนอ่านคอลัมน์นี้ค่ะ..👉 ความเป็นธรรม กับโครงการจำนำข้าว..👉 ความแตกต่างระหว่างนักการเมืองและประเทศชาติ
ข้อมูลนี้น่าสนใจ...
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
ติดตามอ่านค่ะ...👇👇👇
อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื่นฟ้องศาล เที่ยวเล่นงานใครต่อใคร
กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการตรวจสอบโครงการจำนำข้าว
ในแต่ละคดี ก็จะต้องไปว่ากันในศาล จะไม่ขอกล่าวถึงคดีใดๆ
แต่ประเด็นเรื่องที่ชอบอ้างความเป็นธรรม เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวนั้น มีข้อเท็จจริงพึงทราบ ดังนี้
1.ความเป็นธรรมในตัวเลขค่าเสียหาย ไม่ใช่เอาผลขาดทุนไปเรียกค่าเสียหายเลย
นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยอธิบายวิธีคิดคำนวณค่าเสียหาย ยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมอย่างที่สุด
โดยคำนวณตัวเลขผลขาดทุนโครงการจำนำข้าวออกมาก่อน
จากนั้น ไม่ได้นำตัวเลขขาดทุนมาเรียกค่าเสียหายทันที แต่ยังหักส่วนอื่นๆ ออกไปอีก ได้แก่
1.1 หักส่วนที่ชาวนาได้รับประโยชน์จากโครงการออกไป
โดยพิจารณาว่าราคาข้าวในท้องตลาดขณะนั้นมีราคาเท่าไร คิดที่ราคา 8-9 พันบาทต่อตันข้าวเปลือก แต่ปรากฏว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปรับจำนำ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ส่วนต่างตรงนี้ถือว่าประชาชนได้รับประโยชน์ คิดได้ประมาณ 1.77 แสนล้านบาท ตัวเลขนี้ได้หักออกไปก่อน
ความหมายคือ ส่วนที่ช่วยชาวนาได้ผลประโยชน์เท่าใด ไม่ได้มาคิดเรียกค่าเสียหาย
1.2 หักค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐในการดำเนินโครงการออกไป ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท
ทั้งๆ ที่ ถ้าช่วยชาวนาโดยวิธีอื่น ไม่ต้องไปซื้อข้าวมาเก็บเข้าโกดัง ค่าใช้จ่ายก็จะไม่สูงขนาดนี้
1.3 หักดอกเบี้ยออกไป จำนวนกว่า 3 หมื่นกว่าล้านบาท
ทั้งๆ ที่ ดอกเบี้ยนั้นเกิดขึ้นจริง จากการกำหนดนโยบายนี้
คณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดนายจิรชัย จึงสรุปยอดความเสียหายโครงการจำนำข้าวในยุคยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ 2.86 แสนล้านบาท!
2.เมื่อส่งต่อให้คณะกรรมการความรับผิดทางแพ่งของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีนายมนัส แจ่มเวหา เป็นประธาน ได้ลดจำนวนค่าเสียหายที่เกิดจากนโยบายในโครงการรับจำนำข้าวลงจากเดิมอีก
เหลือ 178,586 ล้านบาท โดยคำนวณเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 และปี 2556/2557 ที่เกิดขึ้นหลัง ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งเตือนเท่านั้น
แต่ไม่ให้ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบไปเสียร้อยละ 20 ของความเสียหายดังกล่าว จึงคิดเป็นจำนวน 35,717 ล้านบาท
ยิ่งลักษณ์บอกว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
3.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว เคยคำนวณพบว่า โครงการจำนำข้าว เฉพาะยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ คำนวณถึงเดือนพฤษภาคม 2557
พบว่า ยอดขาดทุนสูงถึง 5.42 แสนล้านบาทแล้ว
นี่คือตีราคาข้าวที่เหลืออยู่จริงในโกดัง 17.28 ล้านตัน ประเมินให้ราคาตลาด ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557 รวมกับเงินที่ได้จากการขายข้าวก่อนหน้านั้นแล้ว
เวลาผ่านไป ข้าวในโกดังมีแต่จะราคาลดลง เสื่อมค่าไปเรื่อยๆ ผลขาดทุนจริงๆ ก็มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น
4.ปัจจุบัน หนี้จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหลือประมาณ 4 แสนล้านบาท!
ตัวเลขนี้ ลดลงจากตอนที่ คสช.เข้ามาใหม่ๆ
ตอนนั้น หนี้จำนำข้าวค้างอยู่ 5 แสนกว่าล้านบาท
รัฐบาล คสช.ทยอยระบายข้าว เร่งประมูลขายข้าว นำเงินมาใช้หนี้ ธ.ก.ส.
ต้องตั้งงบประมาณแผ่นดินชำระหนี้จำนำข้าว ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทุกปี ปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท และจะต้องตั้งงบใช้หนี้แบบนี้ไปอีกร่วมๆ 10 ปี เพื่อลบล้างภาระจากการทำโครงการในช่วง 2 ปี ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
พูดง่ายๆ ว่า ได้ประโยชน์สองปี แต่ต้องตามใช้หนี้ปีละ 4-5 หมื่นล้าน ยาวกว่า 10 ปี
แทนที่จะมีเงินส่วนนี้ไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นมากมาย
ถ้าประเทศไม่ต้องใช้หนี้ก้อนนี้ รัฐบาลสามารถจะนำเงินไปช่วยชาวนา ช่วยเกษตรกรทั่วประเทศ ช่วยคนยากจน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ชลประทาน ถนน หนทาง รถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ฯลฯ มากมายขนาดไหน
5.ยิ่งลักษณ์ฟ้องศาลปกครอง ขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองที่เรียกค่าเสียหาย 35,717 ล้านบาท
อ้างว่า คำสั่งเรียกเก็บค่าเสียหายดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก
อ้างว่า หากมีการยึดทรัพย์แล้วขายทอดตลาด จะทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยแจกแจงรายจ่ายประจำวันของตนด้วยว่า มีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพตามสถานะทางสังคมและฐานานุรูป แต่ละเดือน ประกอบด้วย
ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 1 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 8 แสนบาท
ค่าใช้จ่ายเยี่ยมเยือนประชาชน 4.5 แสนบาท
ค่าการดำเนินคดี 2 แสนบาท
ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของบุตร 2 แสนบาท
รวมเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2,650,000 บาท
6.ลองคิดเปรียบเทียบกับชาวนา มีค่าใช้จ่ายรายวันเท่าใด เดือนละเท่าใด? และมีค่าเสียโอกาสจากงบประมาณแผ่นดินที่กลับต้องนำไปใช้หนี้จำนำข้าว ปีละกว่า 4- 5 หมื่นล้านบาท ยาวนานกว่า 10 ปี แทนที่จะได้นำเงินเหล่านั้นมาช่วยเหลือชาวนาในปัจจุบันและอนาคต
นี่คือความแตกต่างระหว่างความเป็นธรรมของนักการเมือง กับความเป็นธรรมของประเทศชาติส่วนรวม
สารส้ม
http://m.naewna.com/view/columntoday/29612