"หัวใจที่ถูกลืม" เรื่องสั้นที่คนรักครอบครัวต้องอ่าน
ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดมาในขณะที่ครอบครัวยังไม่พร้อมมีเธอ
ก่อนที่เธอจะเกิดจึงมีคนพยายามจะทำแท้ง แต่ก็มีคนช่วยไว้
ครั้นเมื่อเกิดมาได้ ก็ยังเกือบถูกฆ่าในตอนยังเป็นเด็กเล็กๆ
เพียงเพราะเธอไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายแบบที่ใครหวังไว้
แต่แม้เธอจะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ ก็ใช่ว่าเรื่องเลวร้ายของเธอจะหมดแค่นั้น
เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นหลานคนแรกจึงเป็นที่รักของปู่กับตา
ทุกคนพากันเอาอกเอาใจเธอ และเลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดีในช่วงที่เธอยังเป็นเด็กเล็ก
แต่เมื่อโตขึ้นพอรู้ความ เธอก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางปีศาจที่ชื่อว่า"ความเครียด"และ"ความกดดัน"
-ช่วงวัยประถม-
เธอถูกพ่อเคี่ยวเข็ญในเรื่องการเรียนตลอด
ซึ่งถ้าใครเข้าใจจะรู้ว่าการเอาแต่ด่ามันทำให้เครียดและกลัว
เธอกลัวพ่อของเธอจนลนลานและหวาดผวาในหลายๆครั้ง
มีอยู่วันหนึ่งเธอทำการบ้านไม่ได้ พ่อของเธอลงโทษโดยการตบด้วยหลังมือ
ซึ่งมันทำให้ฟันซี่ที่โยกอยู่ของเธอหลุด เลือกไหลกลบปาก
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเธอถึงชอบใช้ความรุนแรง
ทั้งๆที่เธอชอบให้ค่อยๆสอนอย่างใจเย็นแบบแม่มากกว่า
บางครั้งเธอก็โดนตีด้วยไม้แขวนเสื้อจนเลือดออกแต่เธอก็อดทนจนผ่านมันมาได้
-ช่วงวัยมัธยม-
พ่อแม่ของเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจกัน หลายๆครั้งที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง
และบางครั้งก็ทำร้ายกันด้วยคำพูด บางครั้งก็ใช้กำลังหรือกระทั่งใช้อาวุธมาข่มขู่
ซึ่งสิ่งนี้มันช่างบั่นทอนจิตใจ ทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตต่อไปเลย
แต่เธอก็ต้องอดทนอยู่กับมันมาตลอด โดยที่ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้
การที่ต้องอยู่อย่างไม่มีความสุขต่อให้ใช้เงินทดแทนมันก็ไม่ได้
เพราะถ้าเลือกได้ใครๆก็คงอยากจะมีความสุขมากกว่า จริงไหม?
-ช่วงวัยมหาวิทยาลัย-
เมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ และไม่มีใครช่วยเยียวยาจิตใจได้ เธอจึงหนีออกจากบ้าน
ทันทีที่คนในครอบครัวรู้ว่าเธอหนีไป ทุกคนต่างเสียใจและโทษเธอ
โดยที่ไม่มีใครเปิดใจมองสักนิดว่าต้นเหตุมันคืออะไรเธอถึงต้องทำแบบนั้น
เวลาผ่านไปสักพัก พอทุกคนเริ่มใจเย็นลงทุกคนจึงใช้เหตุผลคุยกัน
และกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
จากนั้นก็เหมือนจะมีความสุขกันดี จนกระทั่งถึงคราวที่เรื่องร้ายๆมาเยือนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันแย่กว่าเดิม และทำให้เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย
นั่นก็คือเมื่อแม่ของเธอได้งานที่ต่างจังหวัด จึงต้องแยกตัวไปอยู่คนเดียว
โดยเหลือแค่เธอกับพ่ออยู่บ้านด้วยกัน2คน
แรกๆพ่อของเธอก็เครียดกับความคิดถึงภรรยาที่ต้องอยู่ไกลกัน
พ่อเฝ้าคอยโทรหาแม่ทั้งวัน ในขณะที่แม่ทำงานจึงไม่ว่างรับสาย
ทุกครั้งที่ได้คุยกันก็มักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ว่า
พ่อน้อยใจที่แม่ไม่มีเวลาให้ แม่ก็โกรธที่พ่อไม่เข้าใจว่าแม่ต้องทำงาน
พอคุยกับภรรยาไม่เข้าใจ พ่อของเธอก็มักจะมาถามเธอซ้ำๆว่า"พ่อผิดเหรอที่คิดถึงแม่ๆๆๆๆ"แล้วจะทำยังไงดีให้แม่เข้าใจ
เธอเองมักคิดในใจเสมอว่า"หนูเกิดทีหลังพ่อกับแม่ตั้งนานนะ จะไปช่วยอะไรได้"
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องพยายามพูดให้พ่อแม่เข้าใจกัน เพราะถ้าท่านทั้ง2ไม่เข้าใจกันแล้วความเครียดมันจะตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่เธอ
และในขณะเดียวกันที่ช่วยปรับความเข้าใจให้พ่อกับแม่นั้น ตัวเธอเองยิ่งรู้สึก"ขาดความอบอุ่น"
เพราะแม่ก็ไปทำงานอยู่ไกล พ่ออยู่ด้วยก็เอาแต่โศกเศร้าคิดถึงแม่
ทั้งๆที่เธอคอยเอาอกเอาใจพ่อตลอดแต่เหมือนไม่มีตัวตน
เหมือนความรักความหวังดีที่เธอมีให้ไม่เคยส่งไปถึงใจพ่อเลย
เมื่อทำให้แม่เข้าใจความคิดถึงไม่ได้ สุดท้ายพ่อจึงเริ่มคุยกับผู้หญิงในเฟสบุ๊ค
นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เธอคิดว่าไม่ยุติธรรมกับเธอ
การที่ต้องรู้ว่าพ่อตัวเองคุยกับคนอื่นแต่บอกแม่ไม่ได้มันก็แย่พอแล้วใช่ไหม
มันทั้งเสียใจ ทั้งรู้สึกผิดต่อแม่และสงสารแม่
แต่ยังมีอะไรที่มันแย่กว่านั้น พ่อของเธอใช้เวลาคุยกับผู้หญิงหลายๆคนทั้งวัน
เริ่มจากคุยเฟสบุ๊คแล้วสานต่อเป็นการคุยโทรศัพท์ หลายๆครั้งที่พูดลามกกับผู้หญิงพวกนั้น
แม้เธอจะรับไม่ได้และรู้สึกขยะแขยงมากแต่ก็ต้องทนฟัง
เพราะพ่อของเธอชอบให้คอยอยู่ข้าง เวลาจะแยกตัวไปก็มักจะไม่พอใจ
แล้วพอทะเลาะกับผู้หญิงพวกนั้นก็มักจะโมโหใส่เธอเสมอ
จนเธอรู้สึกว่า"นอกใจแม่แล้วยังมาโมโหใส่เราอีก เราผิดอะไร แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ"
สภาพจิตใจของเธอย่ำแย่ลงทุกวัน ทั้งจากการที่ต้องโดนดุโดนตีจนผวามาตั้งแต่เด็กๆ
ต้องทนอยู่กับความเครียดจากพ่อ และความห่างไกลจากแม่
ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เธอรู้สึกแย่จนคิดว่าไม่อยากเรียนแล้ว
อยากไปให้พ้นจากพ่อ อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบคนอื่นเขาบ้าง
เธอจึงเริ่มค้นหาความรักความอบอุ่นจากคนนอกบ้าน และได้พบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งดูจะเข้าใจเธอมากกว่าคนในครอบครัวเสียอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ให้ความรักความอบอุ่นได้และเข้าใจเธอ เธอจึงตัดสินใจหนีไปอยู่กับเขา
เมื่อพ่อแม่และญาติๆของเธอรู้ว่าเธอหนีไปอีกครั้ง
ทุกคนก็ร้องไห้เสียใจ และโทษว่าเธอหลงผู้ชายจนต้องหนีพ่อแม่ไปอยู่ด้วยกัน
อ่านถึงตรงนี้คงรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้เลยใช่ไหมคะ
"คนไม่รักดี" "คนบ้าผู้ชาย" "เด็กเนรคุณทำพ่อแม่เสียใจ"
"อยู่ๆก็ไปหาคนแปลกหน้า ไว้ใจได้ไง"สารพัดคำต่อว่า
และความเป็นห่วงที่มาจากครอบครัวเธอ
แต่ทุกคนก็ไม่ได้รู้ถึงต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เธอหนีออกจากบ้าน
ว่ามันเกิดจากการขาดความอบอุ่น มันเครียดและมันกดดันขนาดไหน
แม่ของเธอคือคนที่เข้าใจเธอที่สุดแต่กลับไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน
พ่อของเธออยู่ด้วยก็เอาแต่เครียด ใส่ใจคนอื่นมากกว่าลูก
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องทนรับสภาพแย่ๆขนาดนี้คุณลอกคิดดูสิว่าหัวใจของเขาจะเจ็บปวดทรมานขนาดไหน
อยู่กับผู้ชายคนนั้นได้ไม่นานเธอก็กลับมาหาพ่อแม่
เพราะจิตใต้สำนึกในใจเธอไม่ได้เคยคิดว่าคนอื่นสำคัญกว่าพ่อแม่เลย
เธอจึงกลับมาเพื่อเรียนต่อให้จบตามที่แม่ต้องการและเพื่ออนาคตของเธอ
เรื่องราวเหมือนจะจบอย่างสวยงาม แต่มันก็ไม่ใช่
เพราะเมื่อเธอกลับมาเรียน ปัญหาต่อไปของเธอก็คือ"การไม่มีเพื่อน"
ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกแย่มากเวลาเห็นคนอื่นมีเพื่อน
ในขณะที่ตนเองก็พยายามมีเพื่อนแต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวตลอด
มันทั้งเหงา ทั้งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เหมือนอยู่กันคนละโลก
จากนั้น เธอจึงไม่อยากไปมหาวิทยาลัย ไม่อยากไปนั่งเรียนคนเดียว
แล้วเธอก็โดนไทล์ออกมาจากมหาลัยเพราะเกรดเฉลี่ยต่ำ
เธอคิดว่าไม่อยากเรียนแล้ว อยากทำงานจะได้มีเงินใช้
อยากลองดูแลชีวิตตัวเองบ้างจะได้ไม่ลำบากพ่อแม่
แต่แม่ของเธออยากให้เรียนต่อให้จบเธอก็ยอมเชื่อแม่
เธอพยายามเรียนมาเรื่อยๆจนเจอปัญหา
ปัญหาของเธอก็คือการเงินในบ้านที่กำลังวิกฤติ
มีค่าใช้จ่ายทั้งของคนทั้งของสัตว์เลี้ยง
แต่รายได้ของบ้านน้อยกว่ารายจ่ายมากๆ
เธอพยายามดิ้นรนหาเงินแต่ก็หามาได้ไม่พอใช้
การเงินวิกฤติมากขึ้นเรื่อยๆจนเธอเริ่มคิดสั้น
เพราะเธอคิดว่าเรียนไปก็ไม่จบสักที มีแต่ผลาญค่าเทอมไปเรื่อยๆ
สู้ทำงานยังจะดีกว่า จะได้มีเงินช่วยเหลือที่บ้านได้
แต่แม่อยากให้เรียน เธอจึงคิดว่าเธอเป็นภาระของแม่
เพราะเรียนก็ไม่จบ พอขอทำงานแม่ก็ร้องไห้
เธอไม่สามารถเลือกที่จะไปทำงานโดยพักการเรียนได้
เมื่อเจอปัญหาในการเรียน เธอก็พยายามแก้ไขแต่ทำไม่ได้
เมื่อแม่ของเธอรู้ ก็เสียใจและไม่เข้าใจเธอเลย
ทุกครั้งที่พ่อแม่ไม่เข้าใจเธอหรือโกรธเธอ เธอมักจะนึกถึงเรื่องในอดีตเสมอ
ว่าเป็นเพราะเธอเกิดมาตอนที่พ่อแม่ไม่พร้อม เธอมันไม่ใช่คนที่พ่อแม่ต้องการ
เธอมันเป็นมารชีวิต พ่อแม่คงไม่ได้รักเธอเลย
ทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เธอแคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ
แต่เหมือนไม่มีใครแคร์เธอ และไม่มีใครเข้าใจเธอเลย
เธอเริ่มรู้สึกว่าไม่มีทางออกอีกครั้ง และนี่คือจุดจบของชีวิตเธอ
เธอเขียนจดหมายฉบับหนึ่งวางไว้บนที่นอนของพ่อกับแม่
จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัวและหยิบมีดที่คมที่สุดเชือดไปที่ข้อมือตัวเอง
สักพักเธอก็ล้มลงและหมดสติไป
เมื่อพ่อแม่ของเธอกลับมาถึงบ้านแล้วพบกับร่างอันไร้วิญญาณของลูกสาว ทั้งคู่ก็ทรุดลงกอดศพลูกร้องไห้
เมื่อพ่อแม่ของเธอเห็นจดหมายบนที่นอนจึงเปิดอ่าน
จดหมายฉบับนั้นมีใจความว่า
"กราบขอโทษพ่อกับแม่นะคะ ที่หนูไม่เคยเป็นลูกที่ดีเลย
ขอโทษค่ะที่ชอบดื้อกับพ่อแม่
ขอโทษค่ะที่ทนไม่ได้เวลาเจอเรื่องเครียดๆแล้วชอบหนีไป
ขอโทษค่ะที่เรียนไม่จบสักที
ขอโทษค่ะที่ไม่เข้มแข็ง ไม่หนักแน่นพอที่จะมีชีวิตต่อไปได้
ขอโทษค่ะที่ตายไปทั้งที่ยังไม่ได้ทดแทนพระคุณพ่อกับแม่
การต้องมีชีวิตอยู่โดยไม่มีใครเข้าใจมันทรมานนะคะ
ไม่มีหนูแล้วชีวิตของพ่อกับแม่คงสบายขึ้น
ดูแลตัวเองดีๆนะคะ เกิดชาติหน้าขอตอบแทนพระคุณนะคะ
รักพ่อกับแม่มากๆนะคะ ลาก่อนค่ะ"
อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงคะ??
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ายอมเปิดใจคุยกัน...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ายอมรับความผิดของตัวเองแล้วแก้ไข...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าใส่ใจความรู้สึกกันและกัน...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่โยนภาระความรู้สึกให้คนๆเดียว...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าคนในครอบครัว...
แล้วคุณล่ะ...
ทุกวันนี้คุณใส่ใจคนในครอบครัวมากพอหรือยัง?
ทุกวันนี้คุณเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกอยู่คนเดียวหรือเปล่า?
ทุกวันนี้คุณมัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวหรือเปล่า?
ทุกวันนี้คุณเอาแต่พูดแรงๆใส่คนในครอบครัวหรือเปล่า?
ทุกวันนี้คุณให้ความรักกับคนในครอบครัวมากพอหรือยัง?
ทุกวันนี้คุณมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากแค่ไหน?
ทุกวันนี้คุณรู้หรือยังว่าใครรักคุณที่สุด?
ถ้าได้คำตอบแล้วก็รีบเปลี่ยนแปลงตัวเองเถอะค่ะ
รักคนในครอบครัวให้มากๆ
ใส่ใจกันให้มากๆ
ดูแลคนที่คุณรักให้ดีที่สุด
ให้เวลากับเขามากๆ
อย่าเห็นคนอื่นดีกว่าครอบครัวตัวเอง
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกๆครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขและเข้าใจกันนะคะ ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ😀
คุณเคยลืมคนในครอบครัวหรือถูกคนในครอบครัวลืมไหมคะ??
ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดมาในขณะที่ครอบครัวยังไม่พร้อมมีเธอ
ก่อนที่เธอจะเกิดจึงมีคนพยายามจะทำแท้ง แต่ก็มีคนช่วยไว้
ครั้นเมื่อเกิดมาได้ ก็ยังเกือบถูกฆ่าในตอนยังเป็นเด็กเล็กๆ
เพียงเพราะเธอไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายแบบที่ใครหวังไว้
แต่แม้เธอจะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ ก็ใช่ว่าเรื่องเลวร้ายของเธอจะหมดแค่นั้น
เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นหลานคนแรกจึงเป็นที่รักของปู่กับตา
ทุกคนพากันเอาอกเอาใจเธอ และเลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดีในช่วงที่เธอยังเป็นเด็กเล็ก
แต่เมื่อโตขึ้นพอรู้ความ เธอก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางปีศาจที่ชื่อว่า"ความเครียด"และ"ความกดดัน"
-ช่วงวัยประถม-
เธอถูกพ่อเคี่ยวเข็ญในเรื่องการเรียนตลอด
ซึ่งถ้าใครเข้าใจจะรู้ว่าการเอาแต่ด่ามันทำให้เครียดและกลัว
เธอกลัวพ่อของเธอจนลนลานและหวาดผวาในหลายๆครั้ง
มีอยู่วันหนึ่งเธอทำการบ้านไม่ได้ พ่อของเธอลงโทษโดยการตบด้วยหลังมือ
ซึ่งมันทำให้ฟันซี่ที่โยกอยู่ของเธอหลุด เลือกไหลกลบปาก
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเธอถึงชอบใช้ความรุนแรง
ทั้งๆที่เธอชอบให้ค่อยๆสอนอย่างใจเย็นแบบแม่มากกว่า
บางครั้งเธอก็โดนตีด้วยไม้แขวนเสื้อจนเลือดออกแต่เธอก็อดทนจนผ่านมันมาได้
-ช่วงวัยมัธยม-
พ่อแม่ของเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจกัน หลายๆครั้งที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง
และบางครั้งก็ทำร้ายกันด้วยคำพูด บางครั้งก็ใช้กำลังหรือกระทั่งใช้อาวุธมาข่มขู่
ซึ่งสิ่งนี้มันช่างบั่นทอนจิตใจ ทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตต่อไปเลย
แต่เธอก็ต้องอดทนอยู่กับมันมาตลอด โดยที่ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้
การที่ต้องอยู่อย่างไม่มีความสุขต่อให้ใช้เงินทดแทนมันก็ไม่ได้
เพราะถ้าเลือกได้ใครๆก็คงอยากจะมีความสุขมากกว่า จริงไหม?
-ช่วงวัยมหาวิทยาลัย-
เมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ และไม่มีใครช่วยเยียวยาจิตใจได้ เธอจึงหนีออกจากบ้าน
ทันทีที่คนในครอบครัวรู้ว่าเธอหนีไป ทุกคนต่างเสียใจและโทษเธอ
โดยที่ไม่มีใครเปิดใจมองสักนิดว่าต้นเหตุมันคืออะไรเธอถึงต้องทำแบบนั้น
เวลาผ่านไปสักพัก พอทุกคนเริ่มใจเย็นลงทุกคนจึงใช้เหตุผลคุยกัน
และกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
จากนั้นก็เหมือนจะมีความสุขกันดี จนกระทั่งถึงคราวที่เรื่องร้ายๆมาเยือนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันแย่กว่าเดิม และทำให้เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย
นั่นก็คือเมื่อแม่ของเธอได้งานที่ต่างจังหวัด จึงต้องแยกตัวไปอยู่คนเดียว
โดยเหลือแค่เธอกับพ่ออยู่บ้านด้วยกัน2คน
แรกๆพ่อของเธอก็เครียดกับความคิดถึงภรรยาที่ต้องอยู่ไกลกัน
พ่อเฝ้าคอยโทรหาแม่ทั้งวัน ในขณะที่แม่ทำงานจึงไม่ว่างรับสาย
ทุกครั้งที่ได้คุยกันก็มักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ว่า
พ่อน้อยใจที่แม่ไม่มีเวลาให้ แม่ก็โกรธที่พ่อไม่เข้าใจว่าแม่ต้องทำงาน
พอคุยกับภรรยาไม่เข้าใจ พ่อของเธอก็มักจะมาถามเธอซ้ำๆว่า"พ่อผิดเหรอที่คิดถึงแม่ๆๆๆๆ"แล้วจะทำยังไงดีให้แม่เข้าใจ
เธอเองมักคิดในใจเสมอว่า"หนูเกิดทีหลังพ่อกับแม่ตั้งนานนะ จะไปช่วยอะไรได้"
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องพยายามพูดให้พ่อแม่เข้าใจกัน เพราะถ้าท่านทั้ง2ไม่เข้าใจกันแล้วความเครียดมันจะตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่เธอ
และในขณะเดียวกันที่ช่วยปรับความเข้าใจให้พ่อกับแม่นั้น ตัวเธอเองยิ่งรู้สึก"ขาดความอบอุ่น"
เพราะแม่ก็ไปทำงานอยู่ไกล พ่ออยู่ด้วยก็เอาแต่โศกเศร้าคิดถึงแม่
ทั้งๆที่เธอคอยเอาอกเอาใจพ่อตลอดแต่เหมือนไม่มีตัวตน
เหมือนความรักความหวังดีที่เธอมีให้ไม่เคยส่งไปถึงใจพ่อเลย
เมื่อทำให้แม่เข้าใจความคิดถึงไม่ได้ สุดท้ายพ่อจึงเริ่มคุยกับผู้หญิงในเฟสบุ๊ค
นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เธอคิดว่าไม่ยุติธรรมกับเธอ
การที่ต้องรู้ว่าพ่อตัวเองคุยกับคนอื่นแต่บอกแม่ไม่ได้มันก็แย่พอแล้วใช่ไหม
มันทั้งเสียใจ ทั้งรู้สึกผิดต่อแม่และสงสารแม่
แต่ยังมีอะไรที่มันแย่กว่านั้น พ่อของเธอใช้เวลาคุยกับผู้หญิงหลายๆคนทั้งวัน
เริ่มจากคุยเฟสบุ๊คแล้วสานต่อเป็นการคุยโทรศัพท์ หลายๆครั้งที่พูดลามกกับผู้หญิงพวกนั้น
แม้เธอจะรับไม่ได้และรู้สึกขยะแขยงมากแต่ก็ต้องทนฟัง
เพราะพ่อของเธอชอบให้คอยอยู่ข้าง เวลาจะแยกตัวไปก็มักจะไม่พอใจ
แล้วพอทะเลาะกับผู้หญิงพวกนั้นก็มักจะโมโหใส่เธอเสมอ
จนเธอรู้สึกว่า"นอกใจแม่แล้วยังมาโมโหใส่เราอีก เราผิดอะไร แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ"
สภาพจิตใจของเธอย่ำแย่ลงทุกวัน ทั้งจากการที่ต้องโดนดุโดนตีจนผวามาตั้งแต่เด็กๆ
ต้องทนอยู่กับความเครียดจากพ่อ และความห่างไกลจากแม่
ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เธอรู้สึกแย่จนคิดว่าไม่อยากเรียนแล้ว
อยากไปให้พ้นจากพ่อ อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบคนอื่นเขาบ้าง
เธอจึงเริ่มค้นหาความรักความอบอุ่นจากคนนอกบ้าน และได้พบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งดูจะเข้าใจเธอมากกว่าคนในครอบครัวเสียอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ให้ความรักความอบอุ่นได้และเข้าใจเธอ เธอจึงตัดสินใจหนีไปอยู่กับเขา
เมื่อพ่อแม่และญาติๆของเธอรู้ว่าเธอหนีไปอีกครั้ง
ทุกคนก็ร้องไห้เสียใจ และโทษว่าเธอหลงผู้ชายจนต้องหนีพ่อแม่ไปอยู่ด้วยกัน
อ่านถึงตรงนี้คงรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้เลยใช่ไหมคะ
"คนไม่รักดี" "คนบ้าผู้ชาย" "เด็กเนรคุณทำพ่อแม่เสียใจ"
"อยู่ๆก็ไปหาคนแปลกหน้า ไว้ใจได้ไง"สารพัดคำต่อว่า
และความเป็นห่วงที่มาจากครอบครัวเธอ
แต่ทุกคนก็ไม่ได้รู้ถึงต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เธอหนีออกจากบ้าน
ว่ามันเกิดจากการขาดความอบอุ่น มันเครียดและมันกดดันขนาดไหน
แม่ของเธอคือคนที่เข้าใจเธอที่สุดแต่กลับไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน
พ่อของเธออยู่ด้วยก็เอาแต่เครียด ใส่ใจคนอื่นมากกว่าลูก
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องทนรับสภาพแย่ๆขนาดนี้คุณลอกคิดดูสิว่าหัวใจของเขาจะเจ็บปวดทรมานขนาดไหน
อยู่กับผู้ชายคนนั้นได้ไม่นานเธอก็กลับมาหาพ่อแม่
เพราะจิตใต้สำนึกในใจเธอไม่ได้เคยคิดว่าคนอื่นสำคัญกว่าพ่อแม่เลย
เธอจึงกลับมาเพื่อเรียนต่อให้จบตามที่แม่ต้องการและเพื่ออนาคตของเธอ
เรื่องราวเหมือนจะจบอย่างสวยงาม แต่มันก็ไม่ใช่
เพราะเมื่อเธอกลับมาเรียน ปัญหาต่อไปของเธอก็คือ"การไม่มีเพื่อน"
ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกแย่มากเวลาเห็นคนอื่นมีเพื่อน
ในขณะที่ตนเองก็พยายามมีเพื่อนแต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวตลอด
มันทั้งเหงา ทั้งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เหมือนอยู่กันคนละโลก
จากนั้น เธอจึงไม่อยากไปมหาวิทยาลัย ไม่อยากไปนั่งเรียนคนเดียว
แล้วเธอก็โดนไทล์ออกมาจากมหาลัยเพราะเกรดเฉลี่ยต่ำ
เธอคิดว่าไม่อยากเรียนแล้ว อยากทำงานจะได้มีเงินใช้
อยากลองดูแลชีวิตตัวเองบ้างจะได้ไม่ลำบากพ่อแม่
แต่แม่ของเธออยากให้เรียนต่อให้จบเธอก็ยอมเชื่อแม่
เธอพยายามเรียนมาเรื่อยๆจนเจอปัญหา
ปัญหาของเธอก็คือการเงินในบ้านที่กำลังวิกฤติ
มีค่าใช้จ่ายทั้งของคนทั้งของสัตว์เลี้ยง
แต่รายได้ของบ้านน้อยกว่ารายจ่ายมากๆ
เธอพยายามดิ้นรนหาเงินแต่ก็หามาได้ไม่พอใช้
การเงินวิกฤติมากขึ้นเรื่อยๆจนเธอเริ่มคิดสั้น
เพราะเธอคิดว่าเรียนไปก็ไม่จบสักที มีแต่ผลาญค่าเทอมไปเรื่อยๆ
สู้ทำงานยังจะดีกว่า จะได้มีเงินช่วยเหลือที่บ้านได้
แต่แม่อยากให้เรียน เธอจึงคิดว่าเธอเป็นภาระของแม่
เพราะเรียนก็ไม่จบ พอขอทำงานแม่ก็ร้องไห้
เธอไม่สามารถเลือกที่จะไปทำงานโดยพักการเรียนได้
เมื่อเจอปัญหาในการเรียน เธอก็พยายามแก้ไขแต่ทำไม่ได้
เมื่อแม่ของเธอรู้ ก็เสียใจและไม่เข้าใจเธอเลย
ทุกครั้งที่พ่อแม่ไม่เข้าใจเธอหรือโกรธเธอ เธอมักจะนึกถึงเรื่องในอดีตเสมอ
ว่าเป็นเพราะเธอเกิดมาตอนที่พ่อแม่ไม่พร้อม เธอมันไม่ใช่คนที่พ่อแม่ต้องการ
เธอมันเป็นมารชีวิต พ่อแม่คงไม่ได้รักเธอเลย
ทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เธอแคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ
แต่เหมือนไม่มีใครแคร์เธอ และไม่มีใครเข้าใจเธอเลย
เธอเริ่มรู้สึกว่าไม่มีทางออกอีกครั้ง และนี่คือจุดจบของชีวิตเธอ
เธอเขียนจดหมายฉบับหนึ่งวางไว้บนที่นอนของพ่อกับแม่
จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัวและหยิบมีดที่คมที่สุดเชือดไปที่ข้อมือตัวเอง
สักพักเธอก็ล้มลงและหมดสติไป
เมื่อพ่อแม่ของเธอกลับมาถึงบ้านแล้วพบกับร่างอันไร้วิญญาณของลูกสาว ทั้งคู่ก็ทรุดลงกอดศพลูกร้องไห้
เมื่อพ่อแม่ของเธอเห็นจดหมายบนที่นอนจึงเปิดอ่าน
จดหมายฉบับนั้นมีใจความว่า
"กราบขอโทษพ่อกับแม่นะคะ ที่หนูไม่เคยเป็นลูกที่ดีเลย
ขอโทษค่ะที่ชอบดื้อกับพ่อแม่
ขอโทษค่ะที่ทนไม่ได้เวลาเจอเรื่องเครียดๆแล้วชอบหนีไป
ขอโทษค่ะที่เรียนไม่จบสักที
ขอโทษค่ะที่ไม่เข้มแข็ง ไม่หนักแน่นพอที่จะมีชีวิตต่อไปได้
ขอโทษค่ะที่ตายไปทั้งที่ยังไม่ได้ทดแทนพระคุณพ่อกับแม่
การต้องมีชีวิตอยู่โดยไม่มีใครเข้าใจมันทรมานนะคะ
ไม่มีหนูแล้วชีวิตของพ่อกับแม่คงสบายขึ้น
ดูแลตัวเองดีๆนะคะ เกิดชาติหน้าขอตอบแทนพระคุณนะคะ
รักพ่อกับแม่มากๆนะคะ ลาก่อนค่ะ"
อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงคะ??
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ายอมเปิดใจคุยกัน...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ายอมรับความผิดของตัวเองแล้วแก้ไข...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าใส่ใจความรู้สึกกันและกัน...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่โยนภาระความรู้สึกให้คนๆเดียว...
เรื่องแย่ๆนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าคนในครอบครัว...
แล้วคุณล่ะ...
ทุกวันนี้คุณใส่ใจคนในครอบครัวมากพอหรือยัง?
ทุกวันนี้คุณเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกอยู่คนเดียวหรือเปล่า?
ทุกวันนี้คุณมัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวหรือเปล่า?
ทุกวันนี้คุณเอาแต่พูดแรงๆใส่คนในครอบครัวหรือเปล่า?
ทุกวันนี้คุณให้ความรักกับคนในครอบครัวมากพอหรือยัง?
ทุกวันนี้คุณมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากแค่ไหน?
ทุกวันนี้คุณรู้หรือยังว่าใครรักคุณที่สุด?
ถ้าได้คำตอบแล้วก็รีบเปลี่ยนแปลงตัวเองเถอะค่ะ
รักคนในครอบครัวให้มากๆ
ใส่ใจกันให้มากๆ
ดูแลคนที่คุณรักให้ดีที่สุด
ให้เวลากับเขามากๆ
อย่าเห็นคนอื่นดีกว่าครอบครัวตัวเอง
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกๆครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขและเข้าใจกันนะคะ ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ😀