ก่อนอื่น...ขอแสดงความยินดีกับไทยต่อการที่ประธานาธิบดีเมกาส่งเทียบเชิญมายังท่านนายกไทยให้ไปเยือนสหรัฐ ผมเชื่อว่าทีมงานที่ปรึกษาท่านนายกย่อมมองออกมาว่ามีนัยยะแฝงมากับสารเทียบเชิญนี้อย่างไร งานนี้เล่นเอาบรรดาแฟนคลับรัฐบาลได้ครึกครื้นเฮฮาขึ้นมาบ้าง ประมาณว่า “เห็นไหมๆ...เมกายังเชิญท่านนายกเลย” คือมองว่าเมกายอมรับรัฐบาลทหารของไทยแล้ว?? สิ่งหนึ่งอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า “แฟนคลับ” ที่ว่านี้เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยยกขบวนไปประท้วงเมกาที่สถานทูตหรือเปล่า? และท่าทีของกลุ่มคนที่เคยรณรงค์อยากจะแบนอะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวกับเมกาก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร? และโยนคำถามนี้ตีโค้งไปยังวัดอ้อน้อยถึงแกนนำที่เคยนำขบวนประท้อวงสถานทูตเมกาที่ด้วยว่าสบายหรืออย่างไร??

คุณูปการของเมกาที่มีต่อไทยเป็นรูปธรรมชัดเจนก็คือหลังสงครามโลกได้ช่วยไกล่เกลี่ยกับอังกฤษและฝรั่งเศสไม่ให้ไทยตกเป็น “ประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สอง” และ “ถนนมิตรภาพ” ที่ทอดยาวจากโคราช(ไม่ใช่กรุงเทพฯ)ไปจรดริมฝั่งโขงชายแดนไทย-ลาวเป็นถนนที่มีมาตรฐานที่สุดในยุคนั้น(อาจจะรวมถึงยุคนี้ด้วย) ทำไมถนนนี้ถึงเริ่มจากโคราชไม่ใช่กรุงเทพฯ ?...แน่ล่ะ..เพราะผลประโยชน์ต่อฐานทัพเมกาที่โคราชและอุดรฯ ล้วนๆ สร้างขึ้นเพื่อลำเลียงยุทโธปกรณ์ด้านสงครามโดยเฉพาะ ลูกระเบิดที่หย่อนลงประเทศลาวจำนวน 2 ล้านตัน! (มากที่สุดในประวัติศาสตร์ในการทำสงครามของมุษยชาติ)ส่วนหนึ่งก็ถูกลำเลียงบนเส้นทางนี้ในช่วงสงครามเวียดนาม
สงครามต่างๆ ที่เกิดในเอเชียในยุคศตวรรษ80 จะเห็นว่าสหรัฐอเมริกามีส่วนเกี่ยวพันแทบทุกสงคราม แม้แต่สงครามระหว่างธิเบต – จีน ที่กองทัพจีนแดงยกไปยึดธิเบต หน่วยซีไอเอของสหรัฐส่งอาวุธให้กับธิเบตเป็นจำนวนมากเพื่อต่อต้านจีน รวมทั้งนำชายธิเบตหลายร้อยนายไปฝึกการซุ่มโจมตีที่เทือกเขาร็อกกี้เมาเทน(สมรภูมิจำลองแทนเทือกเขาหิมาลัย) และทันทีที่ ประธานเหมาจับมือกับ นิกสัน หน่วยซุ่มโจมตีของธิเบตและกองกำลังกู้ชาติธิเบตที่ซีไอเอสนับสนุนลับๆ ก็กลายเป็นเป็ดง่อย ถูกตัดความช่วยเหลืออย่างสิ้นเชิง และกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่ไร้การเหลียวแลในเนปาลในตอนนี้ รัฐบาลจีนก็ยังเรียกร้องให้เนปาลส่งผู้ลี้ภัยให้จีนอยู่
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว นอกจาก “ขยะระเบิด” ที่ยังไม่แตกจำนวนแสนๆ ตันและเข่นฆ่าคนลาวทุกๆ ปีแล้ว กองกำลังกู้ชาติลาวและ “คนลาวอพยพ” ที่กระจัดกระจายอยู่ยุโรป เมกา ออสเตรเลียยังทำงานใต้ดินอยู่ และที่น่าสะเทือนใจก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ นิตยสารNational Geographic ไปทำสารคดี “กองกำลังกู้ชาติชาวม้ง” กลุ่มหนึ่งในเทือกเขาแห่งหนึ่งในลาว เป็นกองกำลังชาวม้งภายใต้การนำของนายพลวังเปาที่ซีไอเอสนับสนุนอย่างออกหน้าออกตา ด้วยเพราะว่ากองกำลังชาวม้งกลุ่มนี้อยู่แต่ในเทือกเขาและถูกตัดขาดจากภายนอกนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่พวกเขายังคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่???
ย้อนกลับมาที่ไทยต่อ....ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เมกาเป็นไปอย่างชื่นมื่นในยุคของจอมพลสฤษดิ์ เงินสกุลดอลล่าห์จำนวนมากมายมหาศาลทะลักเข้าไทยปานน้ำป่าหลาก เพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งบนดินและใต้ดิน สมัยผมเป็นเด็กที่อุดรธานี ผมเคยเก็บเงินดอลลาห์ได้และสามารถเอาเงินนั้นไปซื้อขนมกินได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยก่อน เมื่อสิ้นยุคสฤษดิ์.....ความสัมพันธ์อันแนบแน่นและชื่นมื่นนี้ก็ถูกสานต่อส่งให้ชื่อของ พันเอกถนัด คอมันต์ รัฐมนตรีต่างประเทศในยุคนั้น(ต่อมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์)โดดเด่นกว่านายกรัฐตรีเสียด้วยซ้ำ
ประเทศไทยคือ hub อันขนาดมหึมาของอเมริกา การช่วยเหลือทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านทหาร คำว่า “มิตร” คำเดียวไม่เพียงพอที่จะอธิบายความสัมพันธ์ช่วงนี้ จนถึงต้องยกระดับเป็น “มหามิตร” แต่แล้ว....ความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ คลาย ยิ่งเมื่อหม่อมคึกฤทธิ์ขึ้นมาเป็นนายก......ต่อมารัฐบาลไทยก็มีคำสั่งให้อเมริกาถอนฐานทัพอันมหึมาที่อุดร นครพนม โคราช สัตหีบออกจากประเทศไทยในปี 2518 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่หม่อมคึกฤทธิ์เดินทางไปจับมือกับประธานเหมาเจอตง และโจวเอินไหล?
ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน......เราคงจะได้เห็นภาพพณ ท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจับมือกับประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาให้คนไทยได้ฟินกันครับ
ปล. ช่วงสงครามกลางเมืองระหว่างสหรัฐกับชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียแดง รัฐบาลสหรัฐ “แสร้ง” มีน้ำใจต่อชาวอินเดียโดยส่งผ้าห่มที่ติดเชื้อโรคไปให้ชาวอินเดีย และนั่นถือว่าเป็น “อาวุธเคมี” ที่ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกก็ว่าได้? น้ำเอยน้ำใจ ทำให้นึกถึงเพลงๆ หนึ่ง “น้ำกรดแช่เย็น” “เธอยื่นน้ำเย็น พี่เห็นก็คว้าไปดื่ม ด้วยจิตใจปลื้ม ว่าน้องคงถอนคงคา กว่าจะรู้....ว่าน้องให้ของกินตาย ทุรนทุรายด้วยพิษร้ายน้ำกรดแช่เย็น”
...ความสัมพันธ์ ตบ/จูบๆ ไทย-เมกา...กับ กองขยะที่ถูกทิ้งไว้ในเอเชีย..../วัชรานนท์
สงครามต่างๆ ที่เกิดในเอเชียในยุคศตวรรษ80 จะเห็นว่าสหรัฐอเมริกามีส่วนเกี่ยวพันแทบทุกสงคราม แม้แต่สงครามระหว่างธิเบต – จีน ที่กองทัพจีนแดงยกไปยึดธิเบต หน่วยซีไอเอของสหรัฐส่งอาวุธให้กับธิเบตเป็นจำนวนมากเพื่อต่อต้านจีน รวมทั้งนำชายธิเบตหลายร้อยนายไปฝึกการซุ่มโจมตีที่เทือกเขาร็อกกี้เมาเทน(สมรภูมิจำลองแทนเทือกเขาหิมาลัย) และทันทีที่ ประธานเหมาจับมือกับ นิกสัน หน่วยซุ่มโจมตีของธิเบตและกองกำลังกู้ชาติธิเบตที่ซีไอเอสนับสนุนลับๆ ก็กลายเป็นเป็ดง่อย ถูกตัดความช่วยเหลืออย่างสิ้นเชิง และกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่ไร้การเหลียวแลในเนปาลในตอนนี้ รัฐบาลจีนก็ยังเรียกร้องให้เนปาลส่งผู้ลี้ภัยให้จีนอยู่
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว นอกจาก “ขยะระเบิด” ที่ยังไม่แตกจำนวนแสนๆ ตันและเข่นฆ่าคนลาวทุกๆ ปีแล้ว กองกำลังกู้ชาติลาวและ “คนลาวอพยพ” ที่กระจัดกระจายอยู่ยุโรป เมกา ออสเตรเลียยังทำงานใต้ดินอยู่ และที่น่าสะเทือนใจก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ นิตยสารNational Geographic ไปทำสารคดี “กองกำลังกู้ชาติชาวม้ง” กลุ่มหนึ่งในเทือกเขาแห่งหนึ่งในลาว เป็นกองกำลังชาวม้งภายใต้การนำของนายพลวังเปาที่ซีไอเอสนับสนุนอย่างออกหน้าออกตา ด้วยเพราะว่ากองกำลังชาวม้งกลุ่มนี้อยู่แต่ในเทือกเขาและถูกตัดขาดจากภายนอกนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่พวกเขายังคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่???
ย้อนกลับมาที่ไทยต่อ....ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เมกาเป็นไปอย่างชื่นมื่นในยุคของจอมพลสฤษดิ์ เงินสกุลดอลล่าห์จำนวนมากมายมหาศาลทะลักเข้าไทยปานน้ำป่าหลาก เพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งบนดินและใต้ดิน สมัยผมเป็นเด็กที่อุดรธานี ผมเคยเก็บเงินดอลลาห์ได้และสามารถเอาเงินนั้นไปซื้อขนมกินได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยก่อน เมื่อสิ้นยุคสฤษดิ์.....ความสัมพันธ์อันแนบแน่นและชื่นมื่นนี้ก็ถูกสานต่อส่งให้ชื่อของ พันเอกถนัด คอมันต์ รัฐมนตรีต่างประเทศในยุคนั้น(ต่อมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์)โดดเด่นกว่านายกรัฐตรีเสียด้วยซ้ำ
ประเทศไทยคือ hub อันขนาดมหึมาของอเมริกา การช่วยเหลือทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านทหาร คำว่า “มิตร” คำเดียวไม่เพียงพอที่จะอธิบายความสัมพันธ์ช่วงนี้ จนถึงต้องยกระดับเป็น “มหามิตร” แต่แล้ว....ความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ คลาย ยิ่งเมื่อหม่อมคึกฤทธิ์ขึ้นมาเป็นนายก......ต่อมารัฐบาลไทยก็มีคำสั่งให้อเมริกาถอนฐานทัพอันมหึมาที่อุดร นครพนม โคราช สัตหีบออกจากประเทศไทยในปี 2518 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่หม่อมคึกฤทธิ์เดินทางไปจับมือกับประธานเหมาเจอตง และโจวเอินไหล?
ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน......เราคงจะได้เห็นภาพพณ ท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจับมือกับประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาให้คนไทยได้ฟินกันครับ
ปล. ช่วงสงครามกลางเมืองระหว่างสหรัฐกับชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียแดง รัฐบาลสหรัฐ “แสร้ง” มีน้ำใจต่อชาวอินเดียโดยส่งผ้าห่มที่ติดเชื้อโรคไปให้ชาวอินเดีย และนั่นถือว่าเป็น “อาวุธเคมี” ที่ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกก็ว่าได้? น้ำเอยน้ำใจ ทำให้นึกถึงเพลงๆ หนึ่ง “น้ำกรดแช่เย็น” “เธอยื่นน้ำเย็น พี่เห็นก็คว้าไปดื่ม ด้วยจิตใจปลื้ม ว่าน้องคงถอนคงคา กว่าจะรู้....ว่าน้องให้ของกินตาย ทุรนทุรายด้วยพิษร้ายน้ำกรดแช่เย็น”