ภิกษุ ท. ! เมื่อเช้านี้ เราครองจีวร ถือบาตร ไปบิณฑบาตในเมืองพาราณสี
เราได้เห็นภิกษุรูปหนึ่ง เที่ยวบิณฑบาตอยู่ตามแหล่งที่ซื้อขายโคของพวกมิลักขะ
เป็นภิกษุมีท่าทางกระหายกาม คิดสึก ปล่อยสติ ปราศจากสัมปชัญญะ จิตฟุ้ง
ใจเขว ผิวพรรณแห้งเกรียม. ครั้นเห็นแล้ว เราได้กล่าวกะภิกษุนั้นว่า
“ภิกษุ ! เธออย่าทำตัวให้เน่าพอง. ตัวที่เน่าพองส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้ง
แล้ว แมลงวันจักไม่ตอมไม่ดูดนั้น เป็นไปไม่ได้ นะภิกษุ !” ดังนี้.
ภิกษุนั้น ถูกเราทักอย่างนี้ ก็เกิดความสลดขึ้นในใจ.
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสดังนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามขึ้นว่า “อะไรเล่าพระเจ้าข้าชื่อว่า ของ
เน่าพอง ? อะไรเล่า ชื่อว่า กลิ่นเหม็นคาว ? อะไรเล่า ชื่อว่า แมลงวัน ?”
“อภิชฌา นี่แหละภิกษุ ! ชื่อว่า ของเน่าพอง, พยาบาท ชื่อว่า
กลิ่นเหม็นคาว, ความคิดที่เป็นอกุศลลามก ชื่อว่า แมลงวัน. ตัวที่เน่า
พองส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งแล้ว แมลงวันจักไม่ตอมไม่ดูดนั้น เป็นไป
ไม่ได้ นะภิกษุ !” ดังนี้ แล.
๑. บาลี พระพุทธภาษิต ติก. อํ. ๒๐/๓๖๑/๕๖๘, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายที่อิสิปตนมฤคทายวัน.
ผู้ถูกแมลงวันตอม
เราได้เห็นภิกษุรูปหนึ่ง เที่ยวบิณฑบาตอยู่ตามแหล่งที่ซื้อขายโคของพวกมิลักขะ
เป็นภิกษุมีท่าทางกระหายกาม คิดสึก ปล่อยสติ ปราศจากสัมปชัญญะ จิตฟุ้ง
ใจเขว ผิวพรรณแห้งเกรียม. ครั้นเห็นแล้ว เราได้กล่าวกะภิกษุนั้นว่า
“ภิกษุ ! เธออย่าทำตัวให้เน่าพอง. ตัวที่เน่าพองส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้ง
แล้ว แมลงวันจักไม่ตอมไม่ดูดนั้น เป็นไปไม่ได้ นะภิกษุ !” ดังนี้.
ภิกษุนั้น ถูกเราทักอย่างนี้ ก็เกิดความสลดขึ้นในใจ.
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสดังนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามขึ้นว่า “อะไรเล่าพระเจ้าข้าชื่อว่า ของ
เน่าพอง ? อะไรเล่า ชื่อว่า กลิ่นเหม็นคาว ? อะไรเล่า ชื่อว่า แมลงวัน ?”
“อภิชฌา นี่แหละภิกษุ ! ชื่อว่า ของเน่าพอง, พยาบาท ชื่อว่า
กลิ่นเหม็นคาว, ความคิดที่เป็นอกุศลลามก ชื่อว่า แมลงวัน. ตัวที่เน่า
พองส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งแล้ว แมลงวันจักไม่ตอมไม่ดูดนั้น เป็นไป
ไม่ได้ นะภิกษุ !” ดังนี้ แล.
๑. บาลี พระพุทธภาษิต ติก. อํ. ๒๐/๓๖๑/๕๖๘, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายที่อิสิปตนมฤคทายวัน.