เริ่มเลยนะคะ
เราแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านสามี ปีนี้เป็นปีที่12แล้วค่ะ มีลูกชายสองคน 8ขวบและ5ขวบตามลำดับ
แม่สามีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และมีธุรกิจใหญ่ ระดับ หลายสิบล้าน เป็นหญิงมั่น ทำงานหนัก อายุปีนี้71ค่ะ
เราทำงานในกงสีนี้มาตลอด แต่ไม่ได้แบ่งเงินเป็นกงสีแบบเต็มรูปแบบนะคะ แค่ได้เงินเดือนเดือนละ10,000และสามี10,000บาทมา11ปี เพิ่งได้ขึ้น
เป็น 15,000 บาท ปีนี้หน้าร้านเป็นร้านขายของค่ะ ไม่ขอระบุธุรกิจนะคะ แต่เราเป็นคนรู้จักพลิกแพลงทำให้ 12ปีที่ผ่านมา ไม่ลำบากนักค่ะ
แม้จะได้เงินเดือนน้อยมาก และภาระลูกอีก2คน
มาช่วง5ปีหลังนี้ แม่สามีสมองเสื่อมหนักมาก เริ่มพูดจาซ้ำๆ และขอให้ลูกชาย(สามีเรา) ทำนู่นนี่ให้ตลอด
มักจะใช้ลูกชาย ไปทำงานให้ในวันหยุดของร้าน และ ไม่สนใจว่าลูกชายจะอยากอยู่กับครอบครัวบ้าง พอลูกชายเริ่มไม่ไหว พูดบอกเหตุผลไป แม่สามี
จะด่าว่า ไม่ใส่ใจแม่ เอาแต่บริการลูกเมีย ซึ่ง ตามความเป็นจริง แม้แต่ลูกน้องของเรา ยังบ่นว่า ไม่รู้จักแยกแยะ ว่าเขามีครอบครัวแล้ว เขาต้องอยู่กับครอบครัวเขาบ้าง เราได้แต่อดทนค่ะ
แม่สามีชอบพูดว่า จะไม่แบ่งสมบัติให้ใคร จะให้มาแย่งกันเมื่อเขาตายแล้ว อันนี้คือพูดกับลูกน้องนะคะ ไม่ได้พูดกับเราลูกน้องชอบมานินทาเขาให้เราฟังค่ะ..
วันที่เราเจ็บปวดที่สุด คือวันที่เราจะคลอดลูกคนที่2 หมอนัดเรา9โมง แม่สามี สั่งให้สามีเรา ไปเอาของมาให้เขาก่อน(ขับรถไปกลับราวๆ50กม.) ตอนไปนั้น8โมง20แล้วค่ะ เรามองหน้าแม่ของเรา ซึ่งตอนนั้นมาอยู่โยงช่วยดูลูกชายคนโตระหว่างเราไปคลอด แม่เรายื่นกุญแจรถให้ แล้วบอกว่า หนูขับไปเองเลยลูก ไม่ต้องสนใจ ทำใจดีๆไว้ ไม่ต้องเครียด แม่เราเป็นคนเก่งมากค่ะ เราเลยขับรถไปคลอดเอง โดยสามีตามมาอีกที11โมงแล้วค่ะซึ่งก็ยังไม่คลอด แต่เราต้องขับรถมาเองทำเขาเสียใจมาก และเราก็เสียใจมากเช่นกัน เป็นแผลลึกในใจ.
เราได้ดูคลิปที่คุณทราย เจริญปุระไปออกรายการ สัปประยุทธุ์ ช่องไทยพีบีเอส ทำให้เรารู้ว่า อาการเหล่านี้ของแม่สามีคือ สมองเสื่อม และสมองส่วนที่เสื่อมคือสมองส่วนเหตุผล รับผิดชอบชั่วดีค่ะ แม่สามีจะเป็นมนุษย์ป้าตัวเอ้ อยากได้ อยากเอาของ ที่ไม่ใช่ของตัว พูดจาวกวนสับสน ด่าลูกน้องคนไหน วันนั้นก็จะด่าวนเวียนอยู่แต่คนนั้นค่ะ เวลาทำอะไรพลาด จะไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเลย จะพูดเสียงดังว่า คนนั้นทำ คนนี้ทำ เขาไม่ได้ทำ ทั้งๆที่ขนมกล้วยบวชชีเค็มปี๋เพราะตัวเติมเกลือลงไป1ทัพพีเต็ม ลูกน้องเบื่อหน่ายและเครียดมากตลอดเวลาที่แม่สามีอยู่คุมทำงาน จนบางครั้ง ไม่ได้งาน เพราะมัวแต่เสียงดังด่าลูกน้องปาวๆ
แม่สามีไม่หยุดทำงาน แม้จะแก่แล้ว และต้องพักนอนหลับเป็นช่วงๆ เพราะเพลีย ในส่วนของธุรกิจนั้น เรากับสามีช่วยกันทำ80%แล้วค่ะ แต่เจ้าของบัญชี คนเซ็นเช็ค ประธานบริษัท ยังเป็นชื่อแม่สามีทั้งหมด ไม่ปล่อยให้ใครเลยค่ะ ไม่เกี่ยวว่าประวัติดีหรือไม่ดีนะคะ เพราะเราทำงานเยี่ยงกรรมกร อันไหนลุย เราลุยกับลูกน้องเลย ลูกน้องรักเรากับสามีมาก บางคนขออยู่กันไปจนนแก่เฒ่าฝากฝังกันเลยก็มีค่ะ แต่เป็นที่ความคิดในด้านลบของแม่สามีค่ะ บางครั้งเพื่อนแม่สามียังบอกว่า ทำไมต้องมาเหนื่อย ลำบากตอนแก่ด้วยปล่อยลูกๆมันทำได้แล้ว เขากลัวค่ะ แม่สามี เคยมีญาติห่างๆ เป็นเจ้าของร้านเหล็กใหญ่ที่มหาชัย ซึ่งพอแบ่งสมบัติให้ลูกแล้ว ลูกไม่ไยดีเลยค่ะ ปล่อยนอนเน่าตาย เพราะตอนมีชีวิตอยู่ ไม่เคยพูดจาดี คิดดีกับลูกเช่นเดียวกันค่ะ เขาเลยกลัว
เมื่อเช้านี้ ก็ยังมาโวยวายที่หน้าร้านบอกว่า ทำไม่ดีงั้นงี้งู้น รู้นะเวลาแม่ไม่อยู่ ทำอะไรกัน มาสาย เปิดร้านช้า ทั้งๆที่วันนี้ช้าเพราะแม่สามี ไม่ใช่ที่เราหรือสามีค่ะ ตามแบบเลย เขาผิดคือเขาไม่ผิด
เครียดมากค่ะ บางทีต้องท่องกับตัวเองว่า สมองเขาเสื่อม อย่าว่าเขา อดทนไป แต่บางที อยากจะตะโกนใส่หน้าเขา แต่กลัวเขาเส้นเลือดในสมองแตกตายเพราะเราค่ะ
จริงๆมีเรื่องมากมายกว่านี้สัก100เท่าได้ แต่เล่ากัน7วันคงไม่จบ ขอคำแนะนำที่จะรับมือกับคนแก่ประเภทนี้ด้วยค่ะ
แม่สามีเป็นสมองเสื่อม(คล้ายแม่ของคุณทราย เจริญปุระ) รับมือด้วยยาก แถมเป็นคนมีเงิน ทำยังไงดีคะ
เราแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านสามี ปีนี้เป็นปีที่12แล้วค่ะ มีลูกชายสองคน 8ขวบและ5ขวบตามลำดับ
แม่สามีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และมีธุรกิจใหญ่ ระดับ หลายสิบล้าน เป็นหญิงมั่น ทำงานหนัก อายุปีนี้71ค่ะ
เราทำงานในกงสีนี้มาตลอด แต่ไม่ได้แบ่งเงินเป็นกงสีแบบเต็มรูปแบบนะคะ แค่ได้เงินเดือนเดือนละ10,000และสามี10,000บาทมา11ปี เพิ่งได้ขึ้น
เป็น 15,000 บาท ปีนี้หน้าร้านเป็นร้านขายของค่ะ ไม่ขอระบุธุรกิจนะคะ แต่เราเป็นคนรู้จักพลิกแพลงทำให้ 12ปีที่ผ่านมา ไม่ลำบากนักค่ะ
แม้จะได้เงินเดือนน้อยมาก และภาระลูกอีก2คน
มาช่วง5ปีหลังนี้ แม่สามีสมองเสื่อมหนักมาก เริ่มพูดจาซ้ำๆ และขอให้ลูกชาย(สามีเรา) ทำนู่นนี่ให้ตลอด
มักจะใช้ลูกชาย ไปทำงานให้ในวันหยุดของร้าน และ ไม่สนใจว่าลูกชายจะอยากอยู่กับครอบครัวบ้าง พอลูกชายเริ่มไม่ไหว พูดบอกเหตุผลไป แม่สามี
จะด่าว่า ไม่ใส่ใจแม่ เอาแต่บริการลูกเมีย ซึ่ง ตามความเป็นจริง แม้แต่ลูกน้องของเรา ยังบ่นว่า ไม่รู้จักแยกแยะ ว่าเขามีครอบครัวแล้ว เขาต้องอยู่กับครอบครัวเขาบ้าง เราได้แต่อดทนค่ะ
แม่สามีชอบพูดว่า จะไม่แบ่งสมบัติให้ใคร จะให้มาแย่งกันเมื่อเขาตายแล้ว อันนี้คือพูดกับลูกน้องนะคะ ไม่ได้พูดกับเราลูกน้องชอบมานินทาเขาให้เราฟังค่ะ..
วันที่เราเจ็บปวดที่สุด คือวันที่เราจะคลอดลูกคนที่2 หมอนัดเรา9โมง แม่สามี สั่งให้สามีเรา ไปเอาของมาให้เขาก่อน(ขับรถไปกลับราวๆ50กม.) ตอนไปนั้น8โมง20แล้วค่ะ เรามองหน้าแม่ของเรา ซึ่งตอนนั้นมาอยู่โยงช่วยดูลูกชายคนโตระหว่างเราไปคลอด แม่เรายื่นกุญแจรถให้ แล้วบอกว่า หนูขับไปเองเลยลูก ไม่ต้องสนใจ ทำใจดีๆไว้ ไม่ต้องเครียด แม่เราเป็นคนเก่งมากค่ะ เราเลยขับรถไปคลอดเอง โดยสามีตามมาอีกที11โมงแล้วค่ะซึ่งก็ยังไม่คลอด แต่เราต้องขับรถมาเองทำเขาเสียใจมาก และเราก็เสียใจมากเช่นกัน เป็นแผลลึกในใจ.
เราได้ดูคลิปที่คุณทราย เจริญปุระไปออกรายการ สัปประยุทธุ์ ช่องไทยพีบีเอส ทำให้เรารู้ว่า อาการเหล่านี้ของแม่สามีคือ สมองเสื่อม และสมองส่วนที่เสื่อมคือสมองส่วนเหตุผล รับผิดชอบชั่วดีค่ะ แม่สามีจะเป็นมนุษย์ป้าตัวเอ้ อยากได้ อยากเอาของ ที่ไม่ใช่ของตัว พูดจาวกวนสับสน ด่าลูกน้องคนไหน วันนั้นก็จะด่าวนเวียนอยู่แต่คนนั้นค่ะ เวลาทำอะไรพลาด จะไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเลย จะพูดเสียงดังว่า คนนั้นทำ คนนี้ทำ เขาไม่ได้ทำ ทั้งๆที่ขนมกล้วยบวชชีเค็มปี๋เพราะตัวเติมเกลือลงไป1ทัพพีเต็ม ลูกน้องเบื่อหน่ายและเครียดมากตลอดเวลาที่แม่สามีอยู่คุมทำงาน จนบางครั้ง ไม่ได้งาน เพราะมัวแต่เสียงดังด่าลูกน้องปาวๆ
แม่สามีไม่หยุดทำงาน แม้จะแก่แล้ว และต้องพักนอนหลับเป็นช่วงๆ เพราะเพลีย ในส่วนของธุรกิจนั้น เรากับสามีช่วยกันทำ80%แล้วค่ะ แต่เจ้าของบัญชี คนเซ็นเช็ค ประธานบริษัท ยังเป็นชื่อแม่สามีทั้งหมด ไม่ปล่อยให้ใครเลยค่ะ ไม่เกี่ยวว่าประวัติดีหรือไม่ดีนะคะ เพราะเราทำงานเยี่ยงกรรมกร อันไหนลุย เราลุยกับลูกน้องเลย ลูกน้องรักเรากับสามีมาก บางคนขออยู่กันไปจนนแก่เฒ่าฝากฝังกันเลยก็มีค่ะ แต่เป็นที่ความคิดในด้านลบของแม่สามีค่ะ บางครั้งเพื่อนแม่สามียังบอกว่า ทำไมต้องมาเหนื่อย ลำบากตอนแก่ด้วยปล่อยลูกๆมันทำได้แล้ว เขากลัวค่ะ แม่สามี เคยมีญาติห่างๆ เป็นเจ้าของร้านเหล็กใหญ่ที่มหาชัย ซึ่งพอแบ่งสมบัติให้ลูกแล้ว ลูกไม่ไยดีเลยค่ะ ปล่อยนอนเน่าตาย เพราะตอนมีชีวิตอยู่ ไม่เคยพูดจาดี คิดดีกับลูกเช่นเดียวกันค่ะ เขาเลยกลัว
เมื่อเช้านี้ ก็ยังมาโวยวายที่หน้าร้านบอกว่า ทำไม่ดีงั้นงี้งู้น รู้นะเวลาแม่ไม่อยู่ ทำอะไรกัน มาสาย เปิดร้านช้า ทั้งๆที่วันนี้ช้าเพราะแม่สามี ไม่ใช่ที่เราหรือสามีค่ะ ตามแบบเลย เขาผิดคือเขาไม่ผิด
เครียดมากค่ะ บางทีต้องท่องกับตัวเองว่า สมองเขาเสื่อม อย่าว่าเขา อดทนไป แต่บางที อยากจะตะโกนใส่หน้าเขา แต่กลัวเขาเส้นเลือดในสมองแตกตายเพราะเราค่ะ
จริงๆมีเรื่องมากมายกว่านี้สัก100เท่าได้ แต่เล่ากัน7วันคงไม่จบ ขอคำแนะนำที่จะรับมือกับคนแก่ประเภทนี้ด้วยค่ะ