
สวัสดีครับ จากกระทู้ที่แล้ว
เมื่อ "ลูกชาย" บอกว่า อยากออกไปให้ลมตีหน้าซัก 100 โล.
กระทู้ที่แล้ว คุณลูกชายเกิดอาการเบื่อ เลยอยากออกไปให้ลมมันตีหน้า มาคราวนี้กลับกันครับ
เป็นแม่ที่เบื่อซะเอง (ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ) แม่ก็เลยชวนคุณลูก ไปขี่รถเล่นต่างจังหวัดกันดีกว่า
พอดีแม่มีเพื่อนอยู่คนนึง บ้านเค้าอยู่ที่อ่างทอง เค้าชวนแม่ไปเที่ยวบ้านเค้าตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่แม่ก็ยังไม่ได้ไปสักที วันนี้ได้โอกาส เบื่อ ๆ พอดี เลยชวนคุณลูกขี่รถเล่นไปนอนบ้านเค้า
แล้วขากลับเราก็แวะเที่ยวกัน เพราะจังหวัด อ่างทอง เรายังไม่เคยไปเที่ยวกันเลย
เมื่อตกลงแผนการเดินทางลงตัวแล้ว เราก็เก็บของ รอแดดร่มอีกนิด แล้วก็ออกเดินทางทันที
เราออกจากท่าพระ ก็ประมาณ 4 โมงเย็น เพราะช่วงนั้นอาการร้อนมาก กว่าแดดจะหมดก็เกือบ
5 โมงแน่ะ เราวิ่งเส้นสายสุพรรณบุรี ก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ตามสไตล์ของเรา ชิวล์ ๆ กันไป ไม่รีบ
มาถึงสุพรรณก็เกือบ 6 โมงเย็น อากาศดีมากครับ ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ว่าสุพรรณนั้น มีแต่ท้องทุ่งนา
แล้วพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกพอดี สวยมาก ๆ เลยครับ พระอาทิตย์ดวงกลมโต กับแสงสีส้มอ่อน ๆ
ค่อย ๆ จมหายไปในท้องทุ่งนาสีเขียวอ่อน ก็อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้นะครับ แต่ก็เหมือนเดิม
คือ กลัวจะทำโทรศัพท์หล่น (ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ) มันจะหมดสนุกเอานะ
พอถึงสุพรรณก็เลี้ยวเข้าจังหวัดอ่างทอง วิ่งไปอีกสักพักใหญ่ ๆ ก็ถึงบ้านเพื่อนแม่แล้ว
นางก็ตกอก ตกใจ และก็ ดีอก ดีใจ ว่ามากันถูกได้อย่างไร เก่งจัง แหม.... สมัยนี้มี GPS.
ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะ ไม่ถึง ก็หลง มีอยู่ 2 อย่าง ก็ตอบเพื่อนไปแบบนั้น
เค้าก็ต้อนรับอย่างดีนะครับ กินอิ่ม นอนหลับ พอตอนเช้า เราก็ขอตัวกลับ
เพราะอยากขับรถเที่ยวไปเรื่อย ๆ ก่อนกลับบ้าน นางก็บอกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
ของจังหวัดอ่างทอง มาให้เราเป็นข้อมูล เราก็จำ ๆ ไว้แล้วก็ขอตัวกลับ
ตามแม่ มาเที่ยว กันครับ
สถานที่แรกที่เราไปกัน คือ วัดม่วง ที่เค้าว่ากันว่ามี พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่
ก็ไปตาม GPS. แหละครับท่านผู้ชม สิ่งที่เห็นตั้งแต่ทางเข้า คือ องค์พระพุทธรูป ที่มีขนาดใหญ่มอง
เห็นแต่ไกล พอหาที่เหมาะ ๆ จอดรถได้ ก็มีปัญหา เรื่อง หมวกกันน็อค กับ กระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้า
ว่าจะเอาไง จะวางไว้ที่รถไม๊ หรือจะถือไปด้วย สรุปว่า แม่สะพายเป้ นางก็ถือ หมวก Doghead
ของนางไป ส่วนหมวกแม่เอาไว้ที่รถ จบ
ข้อเสียของการมาท่องเที่ยวสถานที่แบบนี้ คือ ข้าวของที่พะรุงพะรัง หมวกกันน็อคกับเป้
ไหนจะรองเท้าหุ้มข้อที่ถอดไว้อีก ถามว่า กลัวหายเหรอ ขอตอบเลยว่าไม่ ถ้ามันจะไม่ใช่ของเรา
มันก็คงไม่อยู่กับเรา แต่อย่าดีกว่า เพราะไม่อยากเสียความรู้สึก เวลาเดินกลับมา
แล้วมันไม่อยู่ที่เดิม (ฮ่า ๆๆๆๆๆ )

ด้านในของวัดกว้างมากเลยครับ แบ่งเป็นโซน ๆ เดินกันเพลินเลยครับ มีรูปปั้นเยอะแยะไปหมด
ของเก่า ๆ อีก สถานที่ก็ร่มรื่น มีต้นไม้ปกคลุม ส่วนโซนองค์พระประธานองค์ใหญ่นั้น เราไม่ได้เดินไปใกล้ ๆ
เพราะคนเยอะมาก จากการสังเกต ทุกคนก็จะต้องไปยืนตรงโซนที่เค้าบอกไว้ว่าถ้าใครได้สัมผัสที่ปลายพระหัตถ์
ขององค์พระใหญ่ จะเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เราเลยไม่ไป ขอถ่ายรูปไกล ๆ แค่นี้ก็พอ
เมื่อเดินสำรวจวัดจนทั่ว เราก็ออกเดินทางไปวัดต่อไป วัดที่จะไปก็คือ วัดขุนอินทประมูล
ซึ่งประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ ก็เหมือนเดิมแหละฮะท่านผู้ชม GPS. แต่คราวนี้ หลง ครับท่าน
(ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆ ) มันพาเราไปไกลมาก เกือบจะเข้าสุพรรณแล้ว คิดว่าหลงแน่นอน เลยกลับมา
ตั้งต้นกันใหม่ วิ่งไป วิ่งมา ก็เจอครับ สวยอ่ะ บรรยากาศดี แต่แดดร้อน และแรงมาก คนก็เยอะ
แต่สวยครับ ชอบ ๆ บรรยากาศดี ร่มรื่น ถ้านั่งตรงต้นไม้ใหญ่นะครับ (ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ )
เรานั่งพักที่นี่นานพอดู เพราะจะวิ่งยาวกลับบ้านเลย
นั่งพักผ่อน หลบแดด แป๊ป ครับผม
เมื่อ คุณแม่ อยากกิน ไอติม
เมื่อหายเหนื่อย - หายเมื่อย ก็ออกเดินทาง กลับบ้านกันครับ
หมดไปอีกหนึ่ง สำหรับความทรงจำที่เรา ท่องเที่ยวด้วยกัน สองแม่ลูก ไว้เจอกัน ทริปต่อ ๆ ไปนะครับผม

ก็ “กรุงเทพฯ” มันร้อน ไปเที่ยว “อ่างทอง” กันดีกว่า
เป็นแม่ที่เบื่อซะเอง (ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ) แม่ก็เลยชวนคุณลูก ไปขี่รถเล่นต่างจังหวัดกันดีกว่า
พอดีแม่มีเพื่อนอยู่คนนึง บ้านเค้าอยู่ที่อ่างทอง เค้าชวนแม่ไปเที่ยวบ้านเค้าตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่แม่ก็ยังไม่ได้ไปสักที วันนี้ได้โอกาส เบื่อ ๆ พอดี เลยชวนคุณลูกขี่รถเล่นไปนอนบ้านเค้า
แล้วขากลับเราก็แวะเที่ยวกัน เพราะจังหวัด อ่างทอง เรายังไม่เคยไปเที่ยวกันเลย
เราออกจากท่าพระ ก็ประมาณ 4 โมงเย็น เพราะช่วงนั้นอาการร้อนมาก กว่าแดดจะหมดก็เกือบ
5 โมงแน่ะ เราวิ่งเส้นสายสุพรรณบุรี ก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ตามสไตล์ของเรา ชิวล์ ๆ กันไป ไม่รีบ
มาถึงสุพรรณก็เกือบ 6 โมงเย็น อากาศดีมากครับ ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ว่าสุพรรณนั้น มีแต่ท้องทุ่งนา
แล้วพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกพอดี สวยมาก ๆ เลยครับ พระอาทิตย์ดวงกลมโต กับแสงสีส้มอ่อน ๆ
ค่อย ๆ จมหายไปในท้องทุ่งนาสีเขียวอ่อน ก็อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้นะครับ แต่ก็เหมือนเดิม
คือ กลัวจะทำโทรศัพท์หล่น (ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ) มันจะหมดสนุกเอานะ
นางก็ตกอก ตกใจ และก็ ดีอก ดีใจ ว่ามากันถูกได้อย่างไร เก่งจัง แหม.... สมัยนี้มี GPS.
ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะ ไม่ถึง ก็หลง มีอยู่ 2 อย่าง ก็ตอบเพื่อนไปแบบนั้น
เพราะอยากขับรถเที่ยวไปเรื่อย ๆ ก่อนกลับบ้าน นางก็บอกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
ของจังหวัดอ่างทอง มาให้เราเป็นข้อมูล เราก็จำ ๆ ไว้แล้วก็ขอตัวกลับ
ก็ไปตาม GPS. แหละครับท่านผู้ชม สิ่งที่เห็นตั้งแต่ทางเข้า คือ องค์พระพุทธรูป ที่มีขนาดใหญ่มอง
เห็นแต่ไกล พอหาที่เหมาะ ๆ จอดรถได้ ก็มีปัญหา เรื่อง หมวกกันน็อค กับ กระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้า
ว่าจะเอาไง จะวางไว้ที่รถไม๊ หรือจะถือไปด้วย สรุปว่า แม่สะพายเป้ นางก็ถือ หมวก Doghead
ของนางไป ส่วนหมวกแม่เอาไว้ที่รถ จบ
ไหนจะรองเท้าหุ้มข้อที่ถอดไว้อีก ถามว่า กลัวหายเหรอ ขอตอบเลยว่าไม่ ถ้ามันจะไม่ใช่ของเรา
มันก็คงไม่อยู่กับเรา แต่อย่าดีกว่า เพราะไม่อยากเสียความรู้สึก เวลาเดินกลับมา
แล้วมันไม่อยู่ที่เดิม (ฮ่า ๆๆๆๆๆ )
ของเก่า ๆ อีก สถานที่ก็ร่มรื่น มีต้นไม้ปกคลุม ส่วนโซนองค์พระประธานองค์ใหญ่นั้น เราไม่ได้เดินไปใกล้ ๆ
เพราะคนเยอะมาก จากการสังเกต ทุกคนก็จะต้องไปยืนตรงโซนที่เค้าบอกไว้ว่าถ้าใครได้สัมผัสที่ปลายพระหัตถ์
ขององค์พระใหญ่ จะเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เราเลยไม่ไป ขอถ่ายรูปไกล ๆ แค่นี้ก็พอ
ซึ่งประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ ก็เหมือนเดิมแหละฮะท่านผู้ชม GPS. แต่คราวนี้ หลง ครับท่าน
(ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆ ) มันพาเราไปไกลมาก เกือบจะเข้าสุพรรณแล้ว คิดว่าหลงแน่นอน เลยกลับมา
ตั้งต้นกันใหม่ วิ่งไป วิ่งมา ก็เจอครับ สวยอ่ะ บรรยากาศดี แต่แดดร้อน และแรงมาก คนก็เยอะ
แต่สวยครับ ชอบ ๆ บรรยากาศดี ร่มรื่น ถ้านั่งตรงต้นไม้ใหญ่นะครับ (ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ )
เรานั่งพักที่นี่นานพอดู เพราะจะวิ่งยาวกลับบ้านเลย