สวัสดีครับ วันนี้ได้ฤกษ์รีวิวร้านอาหารบุฟเฟต์เกาหลีย่านปิ่นเกล้า ผ่านร้านนี้บ่อยแต่ยังไม่เคยได้ลอง
วันนี้ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน ได้ฤกษ์ดวงซวย เอ้ย ดวงดีลองรับประทานดูจะเป็นเช่นไร ตามกันมาเลยครับ
เห็นในเพจบอกว่าทางร้านเปิดบริการบุฟเฟต์อีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง ??
เพราะปกติจะขายแบบจานเดี่ยวเท่านั้น เพราะฉะนั้นนี่เป็นกรณีพิเศษมากจริงๆ ครับ
พิกัดร้าน ถนนบรมราชชนนี เลยเซนทรัลปิ่นเกล้า และ the sense มาหน่อยนึง

บุฟเฟต์ราคา 219 บาท
เวลา ทานได้เท่าไหร่ไม่รู้พนักงานไม่ได้แจ้ง และผมไม่ได้ถาม
เมนูที่สามารถสั่งได้ตามภาพด้านล่างเลยครับ

แต่ * ไว้อย่างว่าไก่ทอดสั่งได้คนละ 4 ชิ้น
ซึ่งเมื่อสั่งมาจริงจะได้เป็น น่องเล็ก 1 ชิ้น และอกไซส์หั่นแบ่งออกมาเป็นอย่างดีขนาดเท่าลูกเต๋า 3 ชิ้น เพื่อให้ได้ครบ 4 ชิ้น
เริ่มเลย !!
ผมสั่งทั้งหมด 6 อย่าง
ปล. เพื่อให้เห็นคุณภาพที่ทางร้านปรุงแต่งมาอย่างดี ผมจะนำรูปภาพในเมนูไว้ด้านซ้าย และสิ่งที่ได้รับไว้ด้านขวาครับ
1. ตุ๊ก บุลโกกิ หรือซุปหมูเกาหลี !!
ทางร้านเลือกหมูดำคุโรบุตะ คุณภาพดี เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปที่เคี่ยวเป็นเวลานานจนน้ำมันแตกฟองลอยท่วมชามเหมือนเรือขนน้ำมันจมในอ่าวไทย จานนี้ถือว่าเป็นอาหารที่เฮลที่มาก เพราะไม่มีความเค็ม ไม่มีความหวาน ไม่มีความเผ็ด ไม่มีความเปรี้ยว หรือสรุปง่ายๆ เลยคือไม่มีรสชาติอะไรเลย !!

2. เกรัน มาริ หรือ ไข่ม้วนเกาหลี !!
ไข่ที่ได้รับการดูแลจากแม่ไก่อย่างดี ถูกรังสรรค์ถ่ายทอดออกมาเป็นเนื้อสัมผัสที่แข็ง และยากที่จะเคี้ยวให้แลกสลายไปได้ เหมือนความรักความผูกพันธ์จากแม่ไก่สู่ลูกไก่ในไข่ นอกจากนี้ตัวไส้ยังให้มาอย่างพอดิบพอดี เพื่อไม่ให้กลบรสชาติของไข่ที่คล้ายกับการใช้ไมโครเวฟทำกินเองที่บ้าน ซอสมะเขือเทศเป็นซอสที่ได้จากการหมักเป็นเวลานาน จึงทำให้มีรสเปรี้ยว และกลิ่นที่ตราตรึงใจ เหมือนไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน

3. ดงคัทซ์ หรือหมูทอดเกาหลี !!
ทางร้านเลือกใช้หมูเนื้อแดงคุณภาพดีจากที่ราบสูง หมูที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีจะเป็นหมูที่มีมารยาท ทำให้ สามารถไสลด์ออกมาเป็นเส้นเรียงตัวได้อย่างสวยงาม แป้งที่คลุกเคล้าเข้ามาเป็นแป้งคุณภาพดีที่สามารถโอบอุ้มน้ำมันได้ทุกส่วน รวมถึงซอสที่มีการฟิวชั่นกันกันระหว่างความเป็นไทยไทยโดยมีรสชาติความคล้ายน้ำจิ้มข้าวมันไก่ และความเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น

4. แซงซันคัทซ์ หรือปลาทอดเกาหลี !!
ทางร้านคัดสรรค์ปลาคุณภาพดีจากน่านน้ำเกาหลีส่งตรงมายังช่องฟรีซตามร้านขายส่งทั่วไป ทำให้มั่นใจได้เลยว่าคุณภาพแต่ละจานนั้นรสชาติจะเหมือนกันทั้งหมด ซอสที่ให้มาด้วยมีความพอดีเป็นซอสที่สับขาหลอกได้เป็นอย่างดี โดยตัวซอสมีความข้นขาว แต่มีเนื้อสัมผัสที่สากซึ่งทานเข้าไปแล้วจะไม่สามารถคาดคิดได้เลยว่าทางร้านสามารถทำซอสในลักษณะนี้ออกมาได้
5. จับแช หรือผัดวุ้นเส้นเกาหลี!!
ในส่วนของวัตถุดิบต่างๆ นั้นจะไม่ขอพูดถึงเพราะทางร้านเลือกสรรค์ คัดสรรค์มาอย่างดี แต่ที่เป็นไฮท์ไลท์ของจานนี้คือวุ้นเส้น เพราะมีการ reinvent กระบวนการทำผัดวุ้นเส้นใหม่ของทางร้าน เพราะเส้นทุกอนูจะมีความชุ่มชื้นมาก ราวกับว่าได้นำไปแช่น้ำมันโอลิฟออยเป็นเวลานานแรมเดือน ทำให้เมื่อนนำมาคลุกเคล้าผัดเข้ากันแล้ว เส้นสามารถคลายน้ำมันออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้สามารถลิ้มรสชาติของน้ำมันได้อย่างเต็มที่ เมื่อรับประทานทั้งหมดแล้วจะมีซุปน้ำมันซึ่งสามารถใช้ช้อนตักรับประทานได้เป็นสิ่งสุดท้าย ซึ่งนับว่าคุ้มค่ามากๆ
6. บุลโกกิ หรือหมูหวานบาร์บีคิวเกาหลี !!
หมูที่ทางร้านเลือกใช้หมูเนื้อแดง เนื้อขาวคุณภาพดีเพราะเนื้อของหมูนั้นจะประกอบไปด้วยโครงสร้างที่สลับซับซ้อน ทำให้เหนียวและยากที่จัดกัดให้ขาดของจากกันได้ นอกจากนี้ผักที่เลือกนำมาเป็นส่วนประกอบก็เลือกสรรค์จากแหล่งเพาะปลูกคุณภาพดีใกล้บ่อน้ำพุร้อน จึงทำให้มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ จานนี้แนะนำให้ทานปิดท้ายเพราะรสชาติสามารถรับประทานแทนของหวานได้เลย โดยไม่ต้องสั่งขนมมาทานเพิ่มเติม

มาถึงในส่วนของการให้คะแนนผมขอสรุปไว้ดังนี้ครับ !!
ทำเลที่ตั้ง : B
ราคา : D
การบริการ : C
รสชาติ : F
เนื้อสัมผัส : F
ความสอดคล้องของรูปภาพและอาหาร : FFF-
การหลอกลวงผู้บริโภค : 10 10 10 ไปเลยจ้า
[CR] รีวิวร้านบุฟเฟต์เกาหลี คุณภาพจัดเต็มจนน้ำตาไหล Oppaya ปิ่นเกล้า
วันนี้ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน ได้ฤกษ์ดวงซวย เอ้ย ดวงดีลองรับประทานดูจะเป็นเช่นไร ตามกันมาเลยครับ
เห็นในเพจบอกว่าทางร้านเปิดบริการบุฟเฟต์อีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง ??
เพราะปกติจะขายแบบจานเดี่ยวเท่านั้น เพราะฉะนั้นนี่เป็นกรณีพิเศษมากจริงๆ ครับ
พิกัดร้าน ถนนบรมราชชนนี เลยเซนทรัลปิ่นเกล้า และ the sense มาหน่อยนึง
บุฟเฟต์ราคา 219 บาท
เวลา ทานได้เท่าไหร่ไม่รู้พนักงานไม่ได้แจ้ง และผมไม่ได้ถาม
เมนูที่สามารถสั่งได้ตามภาพด้านล่างเลยครับ
ซึ่งเมื่อสั่งมาจริงจะได้เป็น น่องเล็ก 1 ชิ้น และอกไซส์หั่นแบ่งออกมาเป็นอย่างดีขนาดเท่าลูกเต๋า 3 ชิ้น เพื่อให้ได้ครบ 4 ชิ้น
เริ่มเลย !!
ผมสั่งทั้งหมด 6 อย่าง
ปล. เพื่อให้เห็นคุณภาพที่ทางร้านปรุงแต่งมาอย่างดี ผมจะนำรูปภาพในเมนูไว้ด้านซ้าย และสิ่งที่ได้รับไว้ด้านขวาครับ
1. ตุ๊ก บุลโกกิ หรือซุปหมูเกาหลี !!
ทางร้านเลือกหมูดำคุโรบุตะ คุณภาพดี เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปที่เคี่ยวเป็นเวลานานจนน้ำมันแตกฟองลอยท่วมชามเหมือนเรือขนน้ำมันจมในอ่าวไทย จานนี้ถือว่าเป็นอาหารที่เฮลที่มาก เพราะไม่มีความเค็ม ไม่มีความหวาน ไม่มีความเผ็ด ไม่มีความเปรี้ยว หรือสรุปง่ายๆ เลยคือไม่มีรสชาติอะไรเลย !!
2. เกรัน มาริ หรือ ไข่ม้วนเกาหลี !!
ไข่ที่ได้รับการดูแลจากแม่ไก่อย่างดี ถูกรังสรรค์ถ่ายทอดออกมาเป็นเนื้อสัมผัสที่แข็ง และยากที่จะเคี้ยวให้แลกสลายไปได้ เหมือนความรักความผูกพันธ์จากแม่ไก่สู่ลูกไก่ในไข่ นอกจากนี้ตัวไส้ยังให้มาอย่างพอดิบพอดี เพื่อไม่ให้กลบรสชาติของไข่ที่คล้ายกับการใช้ไมโครเวฟทำกินเองที่บ้าน ซอสมะเขือเทศเป็นซอสที่ได้จากการหมักเป็นเวลานาน จึงทำให้มีรสเปรี้ยว และกลิ่นที่ตราตรึงใจ เหมือนไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน
3. ดงคัทซ์ หรือหมูทอดเกาหลี !!
ทางร้านเลือกใช้หมูเนื้อแดงคุณภาพดีจากที่ราบสูง หมูที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีจะเป็นหมูที่มีมารยาท ทำให้ สามารถไสลด์ออกมาเป็นเส้นเรียงตัวได้อย่างสวยงาม แป้งที่คลุกเคล้าเข้ามาเป็นแป้งคุณภาพดีที่สามารถโอบอุ้มน้ำมันได้ทุกส่วน รวมถึงซอสที่มีการฟิวชั่นกันกันระหว่างความเป็นไทยไทยโดยมีรสชาติความคล้ายน้ำจิ้มข้าวมันไก่ และความเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น
4. แซงซันคัทซ์ หรือปลาทอดเกาหลี !!
ทางร้านคัดสรรค์ปลาคุณภาพดีจากน่านน้ำเกาหลีส่งตรงมายังช่องฟรีซตามร้านขายส่งทั่วไป ทำให้มั่นใจได้เลยว่าคุณภาพแต่ละจานนั้นรสชาติจะเหมือนกันทั้งหมด ซอสที่ให้มาด้วยมีความพอดีเป็นซอสที่สับขาหลอกได้เป็นอย่างดี โดยตัวซอสมีความข้นขาว แต่มีเนื้อสัมผัสที่สากซึ่งทานเข้าไปแล้วจะไม่สามารถคาดคิดได้เลยว่าทางร้านสามารถทำซอสในลักษณะนี้ออกมาได้
5. จับแช หรือผัดวุ้นเส้นเกาหลี!!
ในส่วนของวัตถุดิบต่างๆ นั้นจะไม่ขอพูดถึงเพราะทางร้านเลือกสรรค์ คัดสรรค์มาอย่างดี แต่ที่เป็นไฮท์ไลท์ของจานนี้คือวุ้นเส้น เพราะมีการ reinvent กระบวนการทำผัดวุ้นเส้นใหม่ของทางร้าน เพราะเส้นทุกอนูจะมีความชุ่มชื้นมาก ราวกับว่าได้นำไปแช่น้ำมันโอลิฟออยเป็นเวลานานแรมเดือน ทำให้เมื่อนนำมาคลุกเคล้าผัดเข้ากันแล้ว เส้นสามารถคลายน้ำมันออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้สามารถลิ้มรสชาติของน้ำมันได้อย่างเต็มที่ เมื่อรับประทานทั้งหมดแล้วจะมีซุปน้ำมันซึ่งสามารถใช้ช้อนตักรับประทานได้เป็นสิ่งสุดท้าย ซึ่งนับว่าคุ้มค่ามากๆ
6. บุลโกกิ หรือหมูหวานบาร์บีคิวเกาหลี !!
หมูที่ทางร้านเลือกใช้หมูเนื้อแดง เนื้อขาวคุณภาพดีเพราะเนื้อของหมูนั้นจะประกอบไปด้วยโครงสร้างที่สลับซับซ้อน ทำให้เหนียวและยากที่จัดกัดให้ขาดของจากกันได้ นอกจากนี้ผักที่เลือกนำมาเป็นส่วนประกอบก็เลือกสรรค์จากแหล่งเพาะปลูกคุณภาพดีใกล้บ่อน้ำพุร้อน จึงทำให้มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ จานนี้แนะนำให้ทานปิดท้ายเพราะรสชาติสามารถรับประทานแทนของหวานได้เลย โดยไม่ต้องสั่งขนมมาทานเพิ่มเติม
มาถึงในส่วนของการให้คะแนนผมขอสรุปไว้ดังนี้ครับ !!
ทำเลที่ตั้ง : B
ราคา : D
การบริการ : C
รสชาติ : F
เนื้อสัมผัส : F
ความสอดคล้องของรูปภาพและอาหาร : FFF-
การหลอกลวงผู้บริโภค : 10 10 10 ไปเลยจ้า