แชร์ประสบการณ์เด็กบ้านนอก ที่เริ่มจากศูนย์ มาจนถึงวันที่มีสินทรัพย์เกือบ 8 หลัก

ก่อนอื่น ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าไม่ใช่กระทู้อวดรวย (เพราะนี่อาจไม่ได้แม้เพียงเสี้ยวของเพื่อนๆ หลายคนในนี้) เพียงอยากจะแชร์ประสบการณ์การต่อสู้ของเรา เผื่อเป็นกำลังใจและแนวทางให้นักสู้หน้าใหม่ทุกท่านครับ

เราเป็นเด็กบ้านนอก เกิดในครอบครัวชนบท ภาคอีสาน อาชีพหลักของคนแถวนี้คือทำนา  แต่เราโชคดีหน่อย  คือพ่อเรารับราชการ และท่านเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงกัดฟัน ส่งเราและน้องไปเรียนในตัวเมือง ตั้งแต่ระดับอนุบาล (ปกติแถวบ้านเรา จะเรียนที่รร.ในหมู่บ้าน)
ซึ่งเมื่อ 30+ปีก่อน ถือว่าลำบากมาก บ้านอยู่ห่างรร.เกือบ 10 กม ถนนลูกรังตลอดสาย หน้าฝนลำบากมาก  ตอนนั้นบ้านเราไม่มีรถยนต์ มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ ไว้รับส่งเรากับน้อง เรากับน้องใส่ชุดกันฝน ตอนเช้าพ่อพาฝ่าสายฝนเพื่อไปส่งลูกๆไปรร. ตอนเย็นจะเป็นแม่ที่ไปรับ ถ้าวันไหนฝนแรงๆ เสื้อกันฝนจะเอาไม่อยู่ ทุกคนต้องตัวเปียกๆ หนาวซ่กๆ เป็นลูกหมาตกน้ำเหมือนกัน ส่วนการขี่มอเตอร์ไซค์ในหน้าหนาวนี่ เป็นความทรมานจนยากเกินบรรยาย
     ที่เกริ่นมาทั้งหมด ไม่ใช่จะดราม่าอะไร แต่เพื่อจะสื่อว่า เรามองเห็นว่าพ่อแม่ลำบากมาก ยอมลำบากเพื่อให้เรากับน้องได้เรียน เราจึงตั้งใจไว้เลยว่า จะเรียนให้ดีที่สุด เราต้องทำให้พ่อแม่และครอบครัวสุขสบายกว่านี้ให้ได้
     สมัยประถม เราค่อนข้างหัวดี สอบได้ที่ 1 ตลอด  จนตอนเข้ามัธยม เราได้เข้าเรียนในรร.มัธยมประจำจังหวัด ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเหล่าบรรดาหัวกะทิมารวมตัวกัน เราถึงได้รู้ความจริงว่า ที่เคยคิดว่าเมื่อก่อนตัวเองเรียนเก่งมาตลอด เราแค่คิดไปเอง เราจึงต้องขยันให้มากขึ้น แต่ก็พอได้ในระดับกลางๆ เกรดเฉลี่ย อยู่ที่ราวๆ 3.6-3.8
     แต่ก็มีจุดเปลี่ยนคือพอจะเข้ามหาวิทยาลัย เกิดแรงฮึด ขยันอ่านหนังสือ ทำให้สามารถสอบเข้าคณะยอดนิยมของเด็กสมัยนั้นได้ (คณะที่เรียน 6 ปี) ซึ่งพอเข้ามาเรียนระดับมหาวิทยาลัย เราถือว่ากลางๆ อาศัยความอึด ขยันทำงาน เลยพอผ่านมาได้
     พอจบมา เริ่มหาเงินได้เอง โอ้โห คนที่เคยแต่กู้ยืม กยศ เรียน กับขอเงินทางบ้านอย่างประหยัด มาเจอรายได้ 3-4 หมื่นต่อเดือน มันช่างน่าตื่นเต้น ใช้จ่ายมือเติบ แทบไม่เหลือเก็บเลย ทำงาน 3 ปี พบว่าตัวเองมีเงินเก็บแค่แสนเดียว ฝากแค่ธนาคาร สหกรณ์ออมทรัพย์
เลยกลับมาคิด อย่างนี้ไม่ได้การแน่ ครอบครัวไม่มีทางสบายได้
   เราเลยได้กลับมาอ่านหนังสือหาความรู้อย่างจริงจัง ที่รร.ไม่ได้สอน เกี่ยวกับ การลงทุน การออม การบริหารสินทรัพย์   ช่วงนั้น คำว่า "อิสระภาพทางการเงิน" กำลังฮิตมาก เราฝันว่าอยากไปถึงจุดนั้นบ้างสักวัน
ซึ่งหลักสำคัญที่เราอยากแบ่งปันคือ
     -เราต้องจริงจัง มีความมุ่งมั่นในการเก็บเงิน ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ช่วยได้มาก ว่าเงินรั่วไปทางไหน
     -ได้เงินมา เราจ่ายให้ตัวเองก่อนเลย คือการออม 30-40% ของรายได้ ทำให้เงินออมในช่วงแรกๆ เพิ่มขึ้นไว
     -ยิ่งออมไว ยิ่งได้เปรียบ เพราะดอกเบี้ยมันทบต้น มันมหัศจรรย์จริงๆ
     -เราแบ่งการลงทุน คือ หุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์  กองทุนหุ้น (ลงหนัก เพราะถูกจริตมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่มีเวลาเฝ้าจอ)  LTF ก็จำเป็น  
     -ลดความเสี่ยงและได้ลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต
     -มนุษย์เงินเดือน ก็สามารถมีเงินล้านได้ แต่ต้องมีความตั้งใจจริง ขยันทำงาน ไม่ใช่อ่านหนังสือแล้วได้แต่ฝันว่าจะรวย
     -เงินล้านแรก ยากจริงๆ แต่พอได้มาแล้ว เราจะยิ่งอยากออมมากขึ้น และล้านต่อๆไปจะตามๆมา
     -ของฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ข้อห้ามเสมอไป เราเอง เมื่อได้ปันผล/กำไรจากการลงทุน มักจะแบ่งเงินนั้นบางส่วน มาให้รางวัลเป็นของฟุ่มเฟือย เช่น นาฬิกา มือถือ เสื้อผ้า คอมพิวเตอร์ พาที่บ้านเที่ยว เป็นต้น มันทำให้มีกำลังใจ ฮึกเหิม ในการลงทุนต่อไป
     -เมื่อร่ำรวยแล้ว อย่าลืมช่วยเหลือสังคม ตามกำลัง

ทุกวันนี้แม้เรายังไม่ถึงจุดที่จะเรียกว่า มีอิสรภาพทางการเงินได้ แต่ก็ถือว่าเดินทาง ห่างจากจุดเริ่มต้น มาไกลมากแล้ว
มีบ้านดีๆ รถดีๆ ให้พ่อแม่ใช้ พาคนแก่เที่ยวได้
จึงอยากให้กำลังใจเพื่อนนักสู้ทุกคน แม้จะเริ่มจากศูนย์ แต่ไม่ใช่ว่า คุณจะไม่สามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้
เราทำได้ คุณก็ทำได้
สุดท้ายขอฝาก key word สำคัญคือ "การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ใส่ใจหาความรู้ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ไม่คดโกง ขยันทำมาหากิน และกตัญญู" ชีวิตคุณเจริญแน่นอนครับ

ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงบรรทัดนี้นะครับ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ ^ ^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่