ฮีโร่
คนขับรถโดยสารประจำทางคันที่ผมโดยสาร แซงซ้ายแซงขวา กระตุกกระชากมาตลอดทางไม่ได้เห็นใจผู้โดยสาร ที่อัดแน่นในรถราวกับปลากระป๋อง พอรถเบรกทีก็หน้าทิ่มหน้าหงายไปตามๆกัน ผมและผู้โดยสารคนอื่นๆ ทำได้อย่างดีก็แค่ด่าคนขับในใจ พร้อมกับภาวนาสาทก ขอให้ถึงที่หมายโดยที่อวัยวะยังอยู่ครบสามสิบสองประการไม่หลุดร่วงไปไหน
“ไอ้บ้า จะรีบไปตายห่าที่ไหนวะ “ ป้าแก่ๆที่ลงจากรถในอาการเซถลาคล้ายนกปีกหัก ยืนด่าเหยงๆอยู่ที่ถนนเมื่อตั้งหลักได้ ก็น่าด่าอยู่หรอก แกจะลงป้ายที่แล้ว แต่คนขับแถมให้แกอีกป้าย จะว่าไปคุณป้ายังโชคดีกว่าผมมาก เพราะสามสี่ป้ายผมก็เคยเจอมาแล้วบ่อยๆ
มัวแต่มองคุณป้าด่าคนขับรถอย่างสะใจ พอคนขับกระชากรถออก ผมเลยเสียหลักเซถลาเอาหน้าไปทิ่มหลังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า เขาเอี้ยวกลับมามองผมเร็วๆ พอเห็นใบหน้าของเขา ผมก็ลอบกลืนน้ำลายออกมาดังเอื๊อกใจเต้นระทึก ก็รูปร่างหน้าตาของเขาน่าไว้ใจซะที่ไหน เขาสูงผอม ดวงตาทั้งสองแห้งผาด แก้มตอบลึก ริมฝีปากแตกขุลยตกสะเก็ด แต่งตัวก็แปลกประหลาด มีอย่างที่ไหน ร้อนตับจะแตกดันใส่กางเกงยีนส์สีดำหนาๆ เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า ทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ ผมจะไม่แปลกใจสักนิด ถ้ากระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตของเขามีปืนหรือมีดซ่อนอยู่ในนั้น
ไอ้หมอนี่ ติดยา
คุณจะว่าผม ตัดสินคนจากภายนอก หรือมีอคติอะไรก็แล้วแต่คุณ ผมไม่สนใจหรอกนะ ผมเจอมานักต่อนัก พวกที่หน้าตา และท่าทางไม่น่าไว้ใจอย่างหมอนี่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กกุ๊ยในซอยแถวบ้านที่ติดยา หรือไอ้พวกลักเล็กขโมยน้อย ปล้นฆ่า ที่ตกเป็นข่าวพาดหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์รายวัน ร้อยทั้งร้อยล้วนแต่มีหน้าตาอย่างหมอนี่ทั้งนั้น
“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมขอโทษเขาก่อนที่เขาจะพูดอะไร คนสมัยนี้ดุจะตาย แค่มองหน้าก็ฆ่ากัน บอกตรงๆผมยังไม่อยากตายในตอนนี้ เพราะหากผมตายไปใครละจะดูแลแม่ของผมที่แก่ชราแถมป่วยกระเสาะกระแสะ ก็เพราะแม่นี่แหละ ผมจึงต้องมาธนาคารเพื่อถอนเงินที่มีอยู่น้อยนิดส่งเงินไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดเป็นค่ารักษาพยาบาล ดังนั้นไม่ว่ากับไอ้หมอนี่ หรือกับใครๆ ผมก็มีเรื่องด้วยไม่ได้ทั้งนั้น
โชคดีที่เขาไม่ตอแยกับผม ส่วนผมพอรถจอดป้ายก็ตะลีตะลานลงจากรถไม่หันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย เพราะเกิดเคราะห์หามยามร้าย เขาเปลี่ยนใจมาอัดผมเข้าผมก็ซวยเท่านั้นแหละคุณ
ลงจากรถได้ ผมก็ก้าวฉับๆตรงไปยังอาคารสูงตระหง่านที่มีอยู่ทั้งหมดสิบสองชั้น และธนาคารเพื่อปวงชนที่ผมจะไปเบิกเงินอยู่ชั้นแรก ผมก้าวเร็วๆเข้าในธนาคารตรงกลางมีหกเคาน์เตอร์ ผมเลือกช่องที่สี่เพราะแถวสั้นที่สุด ใครๆก็ทำอย่างผมนี่แหละคุณ เวลาเป็นเงินเป็นทอง คงไม่มีใครหน้าไหนไปยืนเข้าแถวยาว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมว่าเขาไม่บ้าก็ต้องเมา
ระหว่างที่ยังไม่ถึงคิวผม ผมก็มองผู้คนรอบข้าง พร้อมกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตอนนี้แม่เป็นหนี้ลุงผิน เจ้าของที่ที่เราเช่าปลูกบ้านและทำนา รวมทั้งเงินกู้ก้อนใหญ่ที่แม่กับพ่อกู้ลุงผินเพื่อให้ผมเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพ ตอนพ่อยังอยู่ไม่มีปัญหา แต่พอสิ้นพ่อไปเมื่อสองปีก่อนผมเองเรียนจบก็หางานทำงานในเมืองหลวงไม่ได้กลับไปช่วยบ้าน แม่ทำนาคนเดียวไม่ไหวเลยให้เพื่อนบ้านมาช่วยทำโดยแบ่งกันคนละครึ่ง แต่พอราคาข้าวตกหนี้สินของแม่ก็เลยเป็นดินพอกหางหมู ดีหน่อยที่ลุงผินไม่ใช่เจ้าหนี้หน้าเลือด ไม่ได้มาทวงยิกๆ แกเพียงแต่เทียวไปเทียวมาเปรยกับแม่ผมประจำ จะยกหนี้สินทั้งหมดให้ หากผมแต่งกับลำดวนลูกสาวคนเดียวของแกที่แอบชอบผมอยู่ แม่เลยบอกให้ผมคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ ตอนแรกผมก็ไม่เห็นด้วยกับแม่ เพราะผมไม่ชอบลำดวน แต่พอแม่ล้มป่วยเพราะคิดมากเรื่องนี้ผมก็เริ่มเขว หรือว่าผมจะแต่งงานกับลำดวนดีเพราะตอนนี้ผมก็ไม่มีใคร
“เฮ้ย นั่นมันไอ้ขี้ยา ที่เราเจอในรถเมื่อกี้นี่นา “ผมร้องลั่นในใจ มองอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้มายืนอยู่ปลายแถวด้านซ้ายมือ
ใช่ ผมเรียกเขาไอ้ขี้ยา จะให้ผมเรียกเขามาริโอ้ เมาเร่อ คงไม่ได้ ในเมื่อรูปร่างหน้าตาของเขามันใช่ เจอกันในรถเมล์เมื่อตะกี้ ผมคิดว่าอายุเขาคงสักห้าสิบต้นๆ เพราะแค่มองผ่านๆ แต่ในยามนี้ที่เขาไม่ใส่ใจผม หรือใครๆ ผมจึงพินิจเขาอย่างถ้วนถี่ พอเห็นหน้าตาถนัดถนี่ถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้แก่อย่างที่ผมคิด แต่รุ่นราวคราวผม คือสามสิบสี่กว่าๆ หรือหากจะแก่กว่าผม ก็คงแค่ปี สองปี เรื่องทายอายุใครต่อใครส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยพลาดหรอกนะ แต่ที่ทายอายุเขาผิดไปตอนแรกจะโทษผมไม่ได้ ต้องโทษยาเสพติด ที่ทำให้หน้าของเขาล้ำกว่าอายุจริง
เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาบ่อยๆ ตาทั้งสองมองพนักงานที่กำลังบริการลูกค้าที่เคาน์เตอร์ เมื่อเห็นว่าแถวยังไม่ขยับ ก็เอี้ยวกลับไปมองประตูทางเข้า ก่อนจะหันกลับมามองพนักงานเคาน์เตอร์สีหน้าดูหงุดหงิด แล้วเอามือไพล่ไปตบกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ชักมือกลับมาได้ก็เอามันสอดเข้าไปในแจ็คเก็ต หรือว่าไอ้หมอนี่มันจะมาปล้นธนาคาร คงไม่หรอกน่า เสียงนั้นค้านขึ้นในใจดังๆ ถ้าว่าหุ่น และหน้าตาอย่างเดอนีโรในหนังเรื่อง ฮีท ก็ไปอย่าง
ฮีท (Heat ) เป็นการรวมตัวของเหล่าดาราขั้นเทพที่ผมสุดปลื้ม โรเบิร์ต เดอ นีโร อัล ปาชิโน กำกับโดย ไมเคิล มานน์ ผู้กำกับที่ผมทึ่ง หนังจึงออกมายอดเยี่ยมไร้เทียมทาน เป็นหนังเรื่องโปรดที่ผมดูเป็นสิบๆครั้ง โดยเฉพาะฉากยิงกันสะบั้นหั่นแหลกกลางถนน
ในเรื่องเดอนิโร เป็นโจรปล้นธนาคาร ปาซิโนเป็นตำรวจ หรือฮีโร่นั่นแหละ ผมชอบหนัง แอคชั่นมันๆแนวตำรวจจับผู้ร้าย ที่ไล่ล่ายิงกันทั้งเรื่อง มันส์สุดๆ
และไม่ว่าจะดูหนังเรื่องไหนผมก็เอาใจช่วยตำรวจให้ชนะผู้ร้ายตลอด ในเมื่อทั้งในหนังและเรื่องจริง ตำรวจคือฮีโร่ ยกเว้นเรื่องฮีทเป็นเรื่องแรก ที่ผมดันเชียร์ผู้ร้าย เพราะเดอนิโร่เป็นผู้ร้ายที่เท่เหลือทน
ปังๆๆ!! เสียงที่ว่า นำเอาความคิดที่เตลิดเปิดเปิงของผมกลับมา ผมเหลียวไปมองยังที่มาของต้นเสียง ก็เย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อชายฉกรรจ์สามคน ตรูกันเข้ามา
รปภ.ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าถลันเข้าขวางเลยโดนหนึ่งในวายร้ายซัดด้วยด้วยกระสุนปืนเข้าอกเต็มๆ ส่งให้ลงไปชักดิ้นพราดๆกับพื้น เลือดทะลักจากอก กระจายเกลื่อนพื้นแดงฉานนอนหายใจระรวย ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือในหนัง โจรปล้นธนาคาร จะสวมหมวกปิดหน้าเหลือแต่ลูกตา แต่เจ้าวายร้ายสามคนนี้กลับโชว์ใบหน้า ซึ่งสิ่งๆนี้บอกกับผมว่าพวกมันไม่ธรรมดาจริงๆ
กรี๊ด !
ว้าย !
“หุบปาก “ คนที่ร่างสูงใหญ่กำยำ ใส่กางเกงสีเข้มเข้ากับแจ็คเก็ต กวัดแกว่งกระบอกปืนไปมาร้องบอกทุกคนดังๆ
”นี่เป็นการปล้น ถ้าไม่อยากเป็นอย่างไอ้รปภ. ละก็ ทุกคนจงอยู่ในความสงบ แล้วไปรวมกันที่ตรงนั้น ใครไม่อยากตาย หรือเจ็บตัว อย่าขัดขืนเป็นอันขาด”
“อ้าวเฮ้ย หูแตกหรือไงลูกพี่กูบอกให้ไปยืนรวมกันตรงนั้น ยังไม่ขยับ เดี๋ยวกูก็ยิงไส้แตกเสียนี่” เจ้ารายร้ายที่มีรูปร่างเตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียวที่ยืนไม่ไกลจากผม ไม่เพียงร้องขู่ แต่ยังแขว่งกระบอกปืนที่กระชับอยู่ในมือไปมาเป็นที่น่าหวาดเสียวยิ่ง
ไม่รอให้มัน หรือหัวหน้ามันเตือนซ้ำ ผมและทุกคนตรูไปยืนรวมกันที่มุมด้านซ้ายมือ ให้ตายซิน่า นี่ผมทำผิดคิดร้ายอะไรหนอ ฟ้าดินถึงกลั่นแกล้งผมไม่จบไม่สิ้น แทนที่ผมจะได้ไปอยู่ใกล้ๆกับน้องคนสวยที่นุ่งกระโปรงสั้นเต่อ เห็นขาอ่อนรำไร ที่ผมแอบปฏิพัทธ์ตั้งแต่แรกที่หล่อนนวยนาดมายืนในแถวถัดไปจากผม ผมกลับต้องมายืนอยู่ใกล้ป้าแก่ๆ
หัวหน้าแก๊ง ร้องสั่งไอ้เตี้ย
“คุมพวกนี้ไว้ ถ้าใครทำตัวมีปัญหา จัดการทันที”
“ครับลูกพี่”
ลูกพี่ไม่พูดอะไรต่อ หันไปพยักหน้าให้สัญญาณเจ้าคนตัวผอมเกร็งที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ เจ้าหมอนั่นพยักหน้าช้าๆเป็นเชิงรับทราบ พอหัวหน้าก้าวนำไปที่เคาน์เตอร์ มันก็ตามไปติดๆ
ผมมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาอันพร่าพราย พร้อมกับถามตัวเองอย่าง สับสนไม่แน่ใจ นี่มันเรื่องจริง หรือว่ามันคือแค่ฉากหนึ่งในหนังเรื่อง ฮีท กันนะ
“มองห่าอะไรวะ” ไอ้เตี้ยที่คุมพวกเราตะคอกดังๆ ยื่นปืนในมือมาตรงหน้า ผมสะะดุ้งเฮือกใจผมเต้นแรง มือทั้งสองเย็นเฉียบ รู้สึกหวิวๆจะเป็นลม เพราะเกรงจะพบจุดจบแบบรปภ. ในหนังเดอนิโรเป็นโจรที่เท่ก็จริง แต่ในความเป็นจริงโจรคือขยะ ที่จะส่งผมไปพบกับยมบาลได้ทุกเมื่อ
ไม่ใช่แต่ผมหรอกนะที่กลัวจนหัวหด ทุกคนพากันหน้าซีด ตัวสั่นไปตามๆกัน ยกเว้นกับ ไอ้ขี้ยาคนเดียว ที่ดูไม่สะทกสะท้านอะไร แน่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้คงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับคนอย่างเขาที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาอย่างโชกโชน
ผมมองเหล่าร้ายทำหน้าที่ของมันอย่างแคล่วคล่อง ไอ้หัวหน้าไปยืนคุมเชิงใกล้เคาน์เตอร์ ในขณะที่เจ้าลูกน้องสั่งให้พนักงานเอาเงินใส่ถุงที่เตรียมมา สัญชาตญาณแห่งการอยู่รอด ทำให้ผมเก็บคำพูดและอากัปกริยาทุกอย่างไว้มิดชิด ไม่ให้กระเด็นไปเตะนัยน์ตาของเหล่าร้าย ให้เป็นที่ขุ่นข้องเคืองใจจนอดใจไม่ไหวมาซัดผมเข้า ไอ้เดนนรกพวกนี้ ไม่เคยมีคำว่าปราณี ให้กับใคร
แต่ถึงผมจะไม่ได้ต่อกรกับพวกมัน ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ทำอะไรเสียเลยนะครับ อย่างน้อยๆ ผมก็ภาวนาให้พนักงานคนใดคนหนึ่ง กดสัญญาณเรียกตำรวจ อย่างในหนังที่พนักงานเขาแอบทำกันประจำ
“อ้าว เฮ้ย อีป้า จะไปไหนวะนั่น” ไอ้เตี้ยที่คุมพวกเราตวาดคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างผมที่จู่ๆเกิดสติแตกทะลึ่งพรวดลุกขึ้น ร้องกรี๊ดกร๊าด ทำท่าจะวิ่งหนี ไอ้เตี้ยถามเท่านั้นก็ถลันไปหาพอถึงตัวก็เอามือตะปบผม กระชากกลับมาเผชิญหน้า คุณป้าผู้เคราะห์ร้าย ดิ้นรน ร้องแรก
“ปล่อยนะ แกมาจับฉันไว้ทำไม ตำรวจ ตำรวจอยู่ไหน มาจับไอ้พวกนี้ที มันจะฆ่าฉันแล้ว ”
“พูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง อย่างนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยซะแล้ว ” พูดจบก็กระหน่ำฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของแกจนหน้าหัน เซแซดๆไปหาไอ้ขี้ยาที่ปราดเข้าประคองคุณป้าไว้ ก่อนจะด่า ไอ้วายร้ายดังๆอย่างไม่เกรงกลัว
“ไอ้โจรสวะ เก่งก็แต่ทำร้ายผู้หญิง แน่จริง มาสู้กันตัวต่อตัวซิวะ”
“อยู่ดีๆไม่ว่าดี แกว่งปากหาเสี้ยน อย่างนี้ก็เจอดีซิวะ “ไอ้เตี้ยพูดเท่านั้นก็พุ่งไปหา พอถึงตัวอีกฝ่ายก็เงื้อด้ามปืนหมายจะตบหน้า แต่กลับโดนอีกฝ่ายเตะรวบขาพับ ล้มลงกับพื้น ครู่ต่อมาทั้งคู่ก็ซัดกันนัว
ในตอนนั้นหัวหน้าแก๊งกับลูกน้องที่ได้เงินมาคนละถุง และกำลังจะเผ่น เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็โดดเข้าช่วยไอ้เตี้ยทันที
“เก่งนักเหรอ อย่าอยู่เลย “ หัวหน้าแก๊งร้องเท่านั้นก็เหนี่ยวไกทันที
ปัง!!!
ผมหลับตาปี๋เบียดตัวเข้ากับเคาน์เตอร์แนบสนิทเป็นเนื้อเดียว เนื้อตัวผมสั่นราวกับลูกนก มือทั้งสองที่ถูกันไปมาเย็นเยียบพอกับหัวใจ
ถ้าผมรอดตายไปได้ ผมจะตระเวนบุญเก้าวัดเก้าวา และผมขอให้สัญญาต่อจากนี้ไปผมจะเป็นลูกที่ดีของแม่ เป็นคนดีของสังคม เสียงปืนจางไป ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำตึงๆอยู่ใกล้ตัวผม
“คุณคะ คุณ“
เสียงเรียกดังๆใกล้หูผม ก่อนที่มือนั้นจะตะปบลงที่ไหล่ผม ผมสะดุ้งเฮือก หากค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ เจ้าของเสียงเป็นสาววัยรุ่น แก้มยุ้ย ร่างอวบอั๋น
“ผู้ร้ายไปหมดแล้วค่ะ คุณฮีโร่”
“ฮีโร่”
“ใช่ค่ะคุณฮีโร่ อ้อ นี่ค่ะกระเป๋าสตางค์คุณมันหล่นใกล้ๆตัวคุณ ตอนที่คุณสู้กับผู้ร้าย”
ผมนี่นะ สู้กับผู้ร้าย ยายตุ้ยนุ้ยเอาอะไรมาพูดผมเรียกหล่อนตามรูปลักษณ์ มองกระเป๋าสตางค์หนังสีดำที่หล่อน

พรวดมาตรงหน้า ขยับจะบอกกับหล่อนว่ากระเป๋าใครเอามาให้ผมทำไม แต่ไม่ทันจะพูดหล่อนก็ถือวิสาสะยัดกระเป๋าใบนั้นใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังของผม
ผมขยับจะท้วงแต่ไม่ทัน เพราะตำรวจ ผู้สื่อข่าว เหล่าตัวประกัน รวมทั้งไทยมุงที่มาจากไหนไม่รู้ พรูกันเข้ามารุมล้อมผม ที่ยืนงงๆ มองหน้าคนนั้นที่คนนี้ที
ฮีโร่
คนขับรถโดยสารประจำทางคันที่ผมโดยสาร แซงซ้ายแซงขวา กระตุกกระชากมาตลอดทางไม่ได้เห็นใจผู้โดยสาร ที่อัดแน่นในรถราวกับปลากระป๋อง พอรถเบรกทีก็หน้าทิ่มหน้าหงายไปตามๆกัน ผมและผู้โดยสารคนอื่นๆ ทำได้อย่างดีก็แค่ด่าคนขับในใจ พร้อมกับภาวนาสาทก ขอให้ถึงที่หมายโดยที่อวัยวะยังอยู่ครบสามสิบสองประการไม่หลุดร่วงไปไหน
“ไอ้บ้า จะรีบไปตายห่าที่ไหนวะ “ ป้าแก่ๆที่ลงจากรถในอาการเซถลาคล้ายนกปีกหัก ยืนด่าเหยงๆอยู่ที่ถนนเมื่อตั้งหลักได้ ก็น่าด่าอยู่หรอก แกจะลงป้ายที่แล้ว แต่คนขับแถมให้แกอีกป้าย จะว่าไปคุณป้ายังโชคดีกว่าผมมาก เพราะสามสี่ป้ายผมก็เคยเจอมาแล้วบ่อยๆ
มัวแต่มองคุณป้าด่าคนขับรถอย่างสะใจ พอคนขับกระชากรถออก ผมเลยเสียหลักเซถลาเอาหน้าไปทิ่มหลังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า เขาเอี้ยวกลับมามองผมเร็วๆ พอเห็นใบหน้าของเขา ผมก็ลอบกลืนน้ำลายออกมาดังเอื๊อกใจเต้นระทึก ก็รูปร่างหน้าตาของเขาน่าไว้ใจซะที่ไหน เขาสูงผอม ดวงตาทั้งสองแห้งผาด แก้มตอบลึก ริมฝีปากแตกขุลยตกสะเก็ด แต่งตัวก็แปลกประหลาด มีอย่างที่ไหน ร้อนตับจะแตกดันใส่กางเกงยีนส์สีดำหนาๆ เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า ทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ ผมจะไม่แปลกใจสักนิด ถ้ากระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตของเขามีปืนหรือมีดซ่อนอยู่ในนั้น
ไอ้หมอนี่ ติดยา
คุณจะว่าผม ตัดสินคนจากภายนอก หรือมีอคติอะไรก็แล้วแต่คุณ ผมไม่สนใจหรอกนะ ผมเจอมานักต่อนัก พวกที่หน้าตา และท่าทางไม่น่าไว้ใจอย่างหมอนี่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กกุ๊ยในซอยแถวบ้านที่ติดยา หรือไอ้พวกลักเล็กขโมยน้อย ปล้นฆ่า ที่ตกเป็นข่าวพาดหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์รายวัน ร้อยทั้งร้อยล้วนแต่มีหน้าตาอย่างหมอนี่ทั้งนั้น
“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมขอโทษเขาก่อนที่เขาจะพูดอะไร คนสมัยนี้ดุจะตาย แค่มองหน้าก็ฆ่ากัน บอกตรงๆผมยังไม่อยากตายในตอนนี้ เพราะหากผมตายไปใครละจะดูแลแม่ของผมที่แก่ชราแถมป่วยกระเสาะกระแสะ ก็เพราะแม่นี่แหละ ผมจึงต้องมาธนาคารเพื่อถอนเงินที่มีอยู่น้อยนิดส่งเงินไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดเป็นค่ารักษาพยาบาล ดังนั้นไม่ว่ากับไอ้หมอนี่ หรือกับใครๆ ผมก็มีเรื่องด้วยไม่ได้ทั้งนั้น
โชคดีที่เขาไม่ตอแยกับผม ส่วนผมพอรถจอดป้ายก็ตะลีตะลานลงจากรถไม่หันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย เพราะเกิดเคราะห์หามยามร้าย เขาเปลี่ยนใจมาอัดผมเข้าผมก็ซวยเท่านั้นแหละคุณ
ลงจากรถได้ ผมก็ก้าวฉับๆตรงไปยังอาคารสูงตระหง่านที่มีอยู่ทั้งหมดสิบสองชั้น และธนาคารเพื่อปวงชนที่ผมจะไปเบิกเงินอยู่ชั้นแรก ผมก้าวเร็วๆเข้าในธนาคารตรงกลางมีหกเคาน์เตอร์ ผมเลือกช่องที่สี่เพราะแถวสั้นที่สุด ใครๆก็ทำอย่างผมนี่แหละคุณ เวลาเป็นเงินเป็นทอง คงไม่มีใครหน้าไหนไปยืนเข้าแถวยาว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมว่าเขาไม่บ้าก็ต้องเมา
ระหว่างที่ยังไม่ถึงคิวผม ผมก็มองผู้คนรอบข้าง พร้อมกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตอนนี้แม่เป็นหนี้ลุงผิน เจ้าของที่ที่เราเช่าปลูกบ้านและทำนา รวมทั้งเงินกู้ก้อนใหญ่ที่แม่กับพ่อกู้ลุงผินเพื่อให้ผมเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพ ตอนพ่อยังอยู่ไม่มีปัญหา แต่พอสิ้นพ่อไปเมื่อสองปีก่อนผมเองเรียนจบก็หางานทำงานในเมืองหลวงไม่ได้กลับไปช่วยบ้าน แม่ทำนาคนเดียวไม่ไหวเลยให้เพื่อนบ้านมาช่วยทำโดยแบ่งกันคนละครึ่ง แต่พอราคาข้าวตกหนี้สินของแม่ก็เลยเป็นดินพอกหางหมู ดีหน่อยที่ลุงผินไม่ใช่เจ้าหนี้หน้าเลือด ไม่ได้มาทวงยิกๆ แกเพียงแต่เทียวไปเทียวมาเปรยกับแม่ผมประจำ จะยกหนี้สินทั้งหมดให้ หากผมแต่งกับลำดวนลูกสาวคนเดียวของแกที่แอบชอบผมอยู่ แม่เลยบอกให้ผมคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ ตอนแรกผมก็ไม่เห็นด้วยกับแม่ เพราะผมไม่ชอบลำดวน แต่พอแม่ล้มป่วยเพราะคิดมากเรื่องนี้ผมก็เริ่มเขว หรือว่าผมจะแต่งงานกับลำดวนดีเพราะตอนนี้ผมก็ไม่มีใคร
“เฮ้ย นั่นมันไอ้ขี้ยา ที่เราเจอในรถเมื่อกี้นี่นา “ผมร้องลั่นในใจ มองอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้มายืนอยู่ปลายแถวด้านซ้ายมือ
ใช่ ผมเรียกเขาไอ้ขี้ยา จะให้ผมเรียกเขามาริโอ้ เมาเร่อ คงไม่ได้ ในเมื่อรูปร่างหน้าตาของเขามันใช่ เจอกันในรถเมล์เมื่อตะกี้ ผมคิดว่าอายุเขาคงสักห้าสิบต้นๆ เพราะแค่มองผ่านๆ แต่ในยามนี้ที่เขาไม่ใส่ใจผม หรือใครๆ ผมจึงพินิจเขาอย่างถ้วนถี่ พอเห็นหน้าตาถนัดถนี่ถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้แก่อย่างที่ผมคิด แต่รุ่นราวคราวผม คือสามสิบสี่กว่าๆ หรือหากจะแก่กว่าผม ก็คงแค่ปี สองปี เรื่องทายอายุใครต่อใครส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยพลาดหรอกนะ แต่ที่ทายอายุเขาผิดไปตอนแรกจะโทษผมไม่ได้ ต้องโทษยาเสพติด ที่ทำให้หน้าของเขาล้ำกว่าอายุจริง
เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาบ่อยๆ ตาทั้งสองมองพนักงานที่กำลังบริการลูกค้าที่เคาน์เตอร์ เมื่อเห็นว่าแถวยังไม่ขยับ ก็เอี้ยวกลับไปมองประตูทางเข้า ก่อนจะหันกลับมามองพนักงานเคาน์เตอร์สีหน้าดูหงุดหงิด แล้วเอามือไพล่ไปตบกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ชักมือกลับมาได้ก็เอามันสอดเข้าไปในแจ็คเก็ต หรือว่าไอ้หมอนี่มันจะมาปล้นธนาคาร คงไม่หรอกน่า เสียงนั้นค้านขึ้นในใจดังๆ ถ้าว่าหุ่น และหน้าตาอย่างเดอนีโรในหนังเรื่อง ฮีท ก็ไปอย่าง
ฮีท (Heat ) เป็นการรวมตัวของเหล่าดาราขั้นเทพที่ผมสุดปลื้ม โรเบิร์ต เดอ นีโร อัล ปาชิโน กำกับโดย ไมเคิล มานน์ ผู้กำกับที่ผมทึ่ง หนังจึงออกมายอดเยี่ยมไร้เทียมทาน เป็นหนังเรื่องโปรดที่ผมดูเป็นสิบๆครั้ง โดยเฉพาะฉากยิงกันสะบั้นหั่นแหลกกลางถนน
ในเรื่องเดอนิโร เป็นโจรปล้นธนาคาร ปาซิโนเป็นตำรวจ หรือฮีโร่นั่นแหละ ผมชอบหนัง แอคชั่นมันๆแนวตำรวจจับผู้ร้าย ที่ไล่ล่ายิงกันทั้งเรื่อง มันส์สุดๆ
และไม่ว่าจะดูหนังเรื่องไหนผมก็เอาใจช่วยตำรวจให้ชนะผู้ร้ายตลอด ในเมื่อทั้งในหนังและเรื่องจริง ตำรวจคือฮีโร่ ยกเว้นเรื่องฮีทเป็นเรื่องแรก ที่ผมดันเชียร์ผู้ร้าย เพราะเดอนิโร่เป็นผู้ร้ายที่เท่เหลือทน
ปังๆๆ!! เสียงที่ว่า นำเอาความคิดที่เตลิดเปิดเปิงของผมกลับมา ผมเหลียวไปมองยังที่มาของต้นเสียง ก็เย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อชายฉกรรจ์สามคน ตรูกันเข้ามา
รปภ.ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าถลันเข้าขวางเลยโดนหนึ่งในวายร้ายซัดด้วยด้วยกระสุนปืนเข้าอกเต็มๆ ส่งให้ลงไปชักดิ้นพราดๆกับพื้น เลือดทะลักจากอก กระจายเกลื่อนพื้นแดงฉานนอนหายใจระรวย ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือในหนัง โจรปล้นธนาคาร จะสวมหมวกปิดหน้าเหลือแต่ลูกตา แต่เจ้าวายร้ายสามคนนี้กลับโชว์ใบหน้า ซึ่งสิ่งๆนี้บอกกับผมว่าพวกมันไม่ธรรมดาจริงๆ
กรี๊ด !
ว้าย !
“หุบปาก “ คนที่ร่างสูงใหญ่กำยำ ใส่กางเกงสีเข้มเข้ากับแจ็คเก็ต กวัดแกว่งกระบอกปืนไปมาร้องบอกทุกคนดังๆ
”นี่เป็นการปล้น ถ้าไม่อยากเป็นอย่างไอ้รปภ. ละก็ ทุกคนจงอยู่ในความสงบ แล้วไปรวมกันที่ตรงนั้น ใครไม่อยากตาย หรือเจ็บตัว อย่าขัดขืนเป็นอันขาด”
“อ้าวเฮ้ย หูแตกหรือไงลูกพี่กูบอกให้ไปยืนรวมกันตรงนั้น ยังไม่ขยับ เดี๋ยวกูก็ยิงไส้แตกเสียนี่” เจ้ารายร้ายที่มีรูปร่างเตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียวที่ยืนไม่ไกลจากผม ไม่เพียงร้องขู่ แต่ยังแขว่งกระบอกปืนที่กระชับอยู่ในมือไปมาเป็นที่น่าหวาดเสียวยิ่ง
ไม่รอให้มัน หรือหัวหน้ามันเตือนซ้ำ ผมและทุกคนตรูไปยืนรวมกันที่มุมด้านซ้ายมือ ให้ตายซิน่า นี่ผมทำผิดคิดร้ายอะไรหนอ ฟ้าดินถึงกลั่นแกล้งผมไม่จบไม่สิ้น แทนที่ผมจะได้ไปอยู่ใกล้ๆกับน้องคนสวยที่นุ่งกระโปรงสั้นเต่อ เห็นขาอ่อนรำไร ที่ผมแอบปฏิพัทธ์ตั้งแต่แรกที่หล่อนนวยนาดมายืนในแถวถัดไปจากผม ผมกลับต้องมายืนอยู่ใกล้ป้าแก่ๆ
หัวหน้าแก๊ง ร้องสั่งไอ้เตี้ย
“คุมพวกนี้ไว้ ถ้าใครทำตัวมีปัญหา จัดการทันที”
“ครับลูกพี่”
ลูกพี่ไม่พูดอะไรต่อ หันไปพยักหน้าให้สัญญาณเจ้าคนตัวผอมเกร็งที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ เจ้าหมอนั่นพยักหน้าช้าๆเป็นเชิงรับทราบ พอหัวหน้าก้าวนำไปที่เคาน์เตอร์ มันก็ตามไปติดๆ
ผมมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาอันพร่าพราย พร้อมกับถามตัวเองอย่าง สับสนไม่แน่ใจ นี่มันเรื่องจริง หรือว่ามันคือแค่ฉากหนึ่งในหนังเรื่อง ฮีท กันนะ
“มองห่าอะไรวะ” ไอ้เตี้ยที่คุมพวกเราตะคอกดังๆ ยื่นปืนในมือมาตรงหน้า ผมสะะดุ้งเฮือกใจผมเต้นแรง มือทั้งสองเย็นเฉียบ รู้สึกหวิวๆจะเป็นลม เพราะเกรงจะพบจุดจบแบบรปภ. ในหนังเดอนิโรเป็นโจรที่เท่ก็จริง แต่ในความเป็นจริงโจรคือขยะ ที่จะส่งผมไปพบกับยมบาลได้ทุกเมื่อ
ไม่ใช่แต่ผมหรอกนะที่กลัวจนหัวหด ทุกคนพากันหน้าซีด ตัวสั่นไปตามๆกัน ยกเว้นกับ ไอ้ขี้ยาคนเดียว ที่ดูไม่สะทกสะท้านอะไร แน่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้คงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับคนอย่างเขาที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาอย่างโชกโชน
ผมมองเหล่าร้ายทำหน้าที่ของมันอย่างแคล่วคล่อง ไอ้หัวหน้าไปยืนคุมเชิงใกล้เคาน์เตอร์ ในขณะที่เจ้าลูกน้องสั่งให้พนักงานเอาเงินใส่ถุงที่เตรียมมา สัญชาตญาณแห่งการอยู่รอด ทำให้ผมเก็บคำพูดและอากัปกริยาทุกอย่างไว้มิดชิด ไม่ให้กระเด็นไปเตะนัยน์ตาของเหล่าร้าย ให้เป็นที่ขุ่นข้องเคืองใจจนอดใจไม่ไหวมาซัดผมเข้า ไอ้เดนนรกพวกนี้ ไม่เคยมีคำว่าปราณี ให้กับใคร
แต่ถึงผมจะไม่ได้ต่อกรกับพวกมัน ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ทำอะไรเสียเลยนะครับ อย่างน้อยๆ ผมก็ภาวนาให้พนักงานคนใดคนหนึ่ง กดสัญญาณเรียกตำรวจ อย่างในหนังที่พนักงานเขาแอบทำกันประจำ
“อ้าว เฮ้ย อีป้า จะไปไหนวะนั่น” ไอ้เตี้ยที่คุมพวกเราตวาดคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างผมที่จู่ๆเกิดสติแตกทะลึ่งพรวดลุกขึ้น ร้องกรี๊ดกร๊าด ทำท่าจะวิ่งหนี ไอ้เตี้ยถามเท่านั้นก็ถลันไปหาพอถึงตัวก็เอามือตะปบผม กระชากกลับมาเผชิญหน้า คุณป้าผู้เคราะห์ร้าย ดิ้นรน ร้องแรก
“ปล่อยนะ แกมาจับฉันไว้ทำไม ตำรวจ ตำรวจอยู่ไหน มาจับไอ้พวกนี้ที มันจะฆ่าฉันแล้ว ”
“พูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง อย่างนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยซะแล้ว ” พูดจบก็กระหน่ำฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของแกจนหน้าหัน เซแซดๆไปหาไอ้ขี้ยาที่ปราดเข้าประคองคุณป้าไว้ ก่อนจะด่า ไอ้วายร้ายดังๆอย่างไม่เกรงกลัว
“ไอ้โจรสวะ เก่งก็แต่ทำร้ายผู้หญิง แน่จริง มาสู้กันตัวต่อตัวซิวะ”
“อยู่ดีๆไม่ว่าดี แกว่งปากหาเสี้ยน อย่างนี้ก็เจอดีซิวะ “ไอ้เตี้ยพูดเท่านั้นก็พุ่งไปหา พอถึงตัวอีกฝ่ายก็เงื้อด้ามปืนหมายจะตบหน้า แต่กลับโดนอีกฝ่ายเตะรวบขาพับ ล้มลงกับพื้น ครู่ต่อมาทั้งคู่ก็ซัดกันนัว
ในตอนนั้นหัวหน้าแก๊งกับลูกน้องที่ได้เงินมาคนละถุง และกำลังจะเผ่น เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็โดดเข้าช่วยไอ้เตี้ยทันที
“เก่งนักเหรอ อย่าอยู่เลย “ หัวหน้าแก๊งร้องเท่านั้นก็เหนี่ยวไกทันที
ปัง!!!
ผมหลับตาปี๋เบียดตัวเข้ากับเคาน์เตอร์แนบสนิทเป็นเนื้อเดียว เนื้อตัวผมสั่นราวกับลูกนก มือทั้งสองที่ถูกันไปมาเย็นเยียบพอกับหัวใจ
ถ้าผมรอดตายไปได้ ผมจะตระเวนบุญเก้าวัดเก้าวา และผมขอให้สัญญาต่อจากนี้ไปผมจะเป็นลูกที่ดีของแม่ เป็นคนดีของสังคม เสียงปืนจางไป ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำตึงๆอยู่ใกล้ตัวผม
“คุณคะ คุณ“
เสียงเรียกดังๆใกล้หูผม ก่อนที่มือนั้นจะตะปบลงที่ไหล่ผม ผมสะดุ้งเฮือก หากค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ เจ้าของเสียงเป็นสาววัยรุ่น แก้มยุ้ย ร่างอวบอั๋น
“ผู้ร้ายไปหมดแล้วค่ะ คุณฮีโร่”
“ฮีโร่”
“ใช่ค่ะคุณฮีโร่ อ้อ นี่ค่ะกระเป๋าสตางค์คุณมันหล่นใกล้ๆตัวคุณ ตอนที่คุณสู้กับผู้ร้าย”
ผมนี่นะ สู้กับผู้ร้าย ยายตุ้ยนุ้ยเอาอะไรมาพูดผมเรียกหล่อนตามรูปลักษณ์ มองกระเป๋าสตางค์หนังสีดำที่หล่อน
ผมขยับจะท้วงแต่ไม่ทัน เพราะตำรวจ ผู้สื่อข่าว เหล่าตัวประกัน รวมทั้งไทยมุงที่มาจากไหนไม่รู้ พรูกันเข้ามารุมล้อมผม ที่ยืนงงๆ มองหน้าคนนั้นที่คนนี้ที