ผู้ลงทะเบียนคนจนเตรียมเฮ! รัฐเตรียมแจกเงินให้อีก เหมือนครั้งที่แล้ว และช่วยค่าแก้สเพิ่มด้วย

เจ้าหอบเงิน
3 พ.ค.60 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กระทรวงแรงงาน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) เพื่อติดตามความคืบหน้าการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งตอนนี้มีคนลงทะเบียนแล้ว 10 ล้านราย คาดว่าเมื่อลงทะเบียนเสร็จจะมีถึง 15 ล้านราย โดยได้แยกกลุ่มผู้มีรายได้น้อย 2 กลุ่มได้แก่ คนยากจนรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี หรือต่ำกว่าเส้นความยากจน และรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี โดยจะช่วยดูแลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปีจะมีการแจกเงินให้ดำรงชีพอยู่ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาของกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ยังสั่งการให้จัดกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในการรับสวัสดิการ ที่แตกต่างกันทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพราะมีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนกัน รวมถึงได้สั่งการให้แบงก์รัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์) ไปหามาตรการเพิ่มรายได้ให้กับลูกค้าของตนเองให้มีรายได้มากที่สุด และให้มีการประชุมติดตามในทุกเดือน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า การแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อยเป็นแนวคิดที่อยู่ระหว่างพิจารณา เพราะคนยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีรายได้น้อยเกินไป ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องไปดูแล โดยการแจกเงินนั้น มีแนวคิดเติมวงเงินเข้าในบัตรสวัสดิการทุกเดือน เพื่อให้ไปใช้ดำรงชีพ ซึ่งผลสรุปต้องรอดูผลการลงทะเบียนและงบประมาณที่ต้องดำเนินการ

สำหรับการแจกเงินให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ต้องเป็นคนที่ไม่สามารถดำรงชีพได้จริง กรณีที่มีรายได้น้อยแต่มีคนอุปถัมป์ เช่น นักเรียน นักศึกษา จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะมีพ่อแม่ ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว โดยตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติมีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปีอยู่ 4 ล้านคน แต่ต้องมาตรวจสอบจากการลงทะเบียนอีกครั้งว่ามีจำนวนเท่าไร

ขณะที่สวัสดิการให้กับผู้ลงทะเบียนทั้งหมดยังคงเหมือนเดิม คือ รถเมล์ รถไฟฟรี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส และให้วงเงินซื้อปัจจัย 4 ในร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งที่ผ่านมาใช้งบส่วนนี้ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เมื่อรวมการช่วยเหลือแจกเงินอาจจะใช้งบสูงขึ้น ซึ่งไม่มีปัญหา เพราะงบประมาณ 61 มีการกู้ขาดดุลเพิ่ม 4.5 แสนล้านบาท เพียงพอที่จะจัดสรรงบบางส่วนมาเพิ่มเติมการให้สวัสดิการผู้มีรายได้น้อย

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ได้ประชุมกับ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยวางกรอบมาตรการที่ออกมาจะต้องสนับสนุนแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มคุณภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า รวมถึงลดปริมาณปลูกพืชส่วนเกินไปปลูกพืชที่มีรายได้มากกว่า ทั้งนี้จะไม่ใช่มาตรการจำนำข้าวอีกต่อไป เนื่องจากมีปัญหาและรั่วไหลมาก โดยขณะนี้ได้ให้ ธ.ก.ส.ไปหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มเติม
http://www.naewna.com/politic/268453
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่