ก่อนหน้านี้ บ้านเราพังค่ะพังชนิดที่ว่าอยู่ไม่ได้ พื้นทรุด หลังคาไม่มี คืออยู่ไม่ได้เลยค่ะ
และบ้านหลังนี้ฉโนดที่ดินเป็นชื่อของน้า น้องของแม่ ตอนนั้นน้าต้องการจะขาย ก็มีคนมาติดต่อ ในราคา 4 ล้านบาท ขายแบบบ้านโล้นๆอยู่ไม่ได้นั่นแหละ
ในช่วงที่น้าเขาจะขายบ้านได้ แม่กับเรากลั้นใจกู้เงินมาซ่อมบ้าน ก่อนที่จะซ่อมก็คุยกับแล้วว่าถ้าซ่อมแล้วก็กลับมาอยู่กันเหมือนเดิมจะไม่ขายนะ น้าก็บอกว่าจะไม่ขาย เค้าก็ไม่อยากขายหรอกสมบัติพ่อแม่ เราก็เลยซ่อมจนเสร็จ
ซึ่งตอนที่คุยกันก็ไม่ได้ทำสัญญาอะไรเพราะคิดว่ายังไงก็คนในครอบครัว คงไม่ขายแน่ๆ
( ฉโนดตอนนี้ อยู่ที่ธนาคาร พี่สาวแม่เป็นคนผ่อนอยู่เพราะสมัยนู้น ตากับยาย เค้ายอมให้เอาบ้านไปเข้าแล้วเอาเงินมา เวลาส่งค่าบ้านส่วนมากจะขาดส่งบ้าง 1 - 2 เดือนเพราะป้าแกก็ไม่มีเงิน แม่เราก็เป็นคนจ่ายให้ ปัจจุบันก็ยังคงจ่ายอยู่ )
สุดท้ายก็ซ่อมจนเสร็จ ทำใหม่ทั้งหมด เสียไปเกือบ 7 แสนได้ เป็นเงินที่แม่กับเราที่หามาทำทั้งหมด แล้วเราก็ย้ายเข้ามาอยู่กัน
อยู่มาสักพัก ก็มาถึงช่วงที่ป้า(พี่สาวแม่) จะเกษียร น้าคิดว่าไม่น่าจะผ่อนไหว แล้วถ้าป้าเกษียร ก็คงไม่มีใครให้เงินเค้า เพราะทุกวันเค้าจะช่วยป้าทำงาน ป้ากับแม่ก็เป็นคนให้เงินกินเงินใช้ เหมือนเป็นค่าจ้าง
น้าเลยคิดว่าอยากจะขายบ้าน ถ้าขายก็น่าจะได้ราคา 6-7 ล้านได้ (น้าบอกว่าเค้าบอกมาแบบนั้น) เค้าจะเอาไปซื้อทาวเฮ้าอยู่ และซื้อคอนโด หรือทาวเฮ้า ไว้ให้คนเช่าอีก 2 ห้อง เพื่อใช้เป็นเงินเลี้ยงตัวเอง (แล้วเรากับแม่ละ....)
แม่ไปคุยว่าไม่ต้องขายหรอก ไม่อยากให้ขาย ในเมื่อก็ทำบ้านมาดีแล้ว น้าก็บอกว่า ถ้างั้น เงินผ่อนบ้านที่ต้องผ่อนธนาคารที่เหลือ ทางแม่ก็ต้องเป็นคนผ่อน แล้วก็ให้เงินเดือนเลี้ยงดูเค้า เดือนละ 15000 ทุกเดือน ไปจนตาย ทั้งๆที่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าล้างแอร์ ค่ากิน ค่าซื้อของเข้าบ้าน แม่กับเราเป็นคนจ่ายให้ เราก็เลยบอกว่าได้นะถ้าเอาชื่อเราเข้าเป็นเจ้าของฉโนดร่วมด้วย แต่เค้าก็ไม่เอา เค้าบอกจะทำพินัยกรรมไว้ให้ เค้าตายก่อนบ้านถึงจะตกเป็นชื่อเรา
แม่ก็เลยบอกว่าถ้าขายก็ต้องเอาเงินมาให้ทางเรา สัก 1 ล้านไปเริ่มต้นใหม่แล้วก็ค่าที่เสียซ่อมแซมบ้านไปก็ยังดี น้าเค้าก็บอกเอา 5 แสนก็พอแล้ว เค้าก็คงกลัวเงินไม่พอใช้ตลอดชีวิต
เราไม่รู้จะหาทางออกยังไง มันพอจะมีทางออกไหม เราจะพอเรียกร้องอะไรได้มั้ย ขอแค่ค่าที่เราซ่อมแซมบ้านไปก็ยังดี ตันไปหมดจริงๆ
มีปัญหาพาหนักใจมากๆ คนในครอบครัวต้องการขายบ้าน เมื่อเราหาเงินมาซ่อมแซมบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และบ้านหลังนี้ฉโนดที่ดินเป็นชื่อของน้า น้องของแม่ ตอนนั้นน้าต้องการจะขาย ก็มีคนมาติดต่อ ในราคา 4 ล้านบาท ขายแบบบ้านโล้นๆอยู่ไม่ได้นั่นแหละ
ในช่วงที่น้าเขาจะขายบ้านได้ แม่กับเรากลั้นใจกู้เงินมาซ่อมบ้าน ก่อนที่จะซ่อมก็คุยกับแล้วว่าถ้าซ่อมแล้วก็กลับมาอยู่กันเหมือนเดิมจะไม่ขายนะ น้าก็บอกว่าจะไม่ขาย เค้าก็ไม่อยากขายหรอกสมบัติพ่อแม่ เราก็เลยซ่อมจนเสร็จ
ซึ่งตอนที่คุยกันก็ไม่ได้ทำสัญญาอะไรเพราะคิดว่ายังไงก็คนในครอบครัว คงไม่ขายแน่ๆ
( ฉโนดตอนนี้ อยู่ที่ธนาคาร พี่สาวแม่เป็นคนผ่อนอยู่เพราะสมัยนู้น ตากับยาย เค้ายอมให้เอาบ้านไปเข้าแล้วเอาเงินมา เวลาส่งค่าบ้านส่วนมากจะขาดส่งบ้าง 1 - 2 เดือนเพราะป้าแกก็ไม่มีเงิน แม่เราก็เป็นคนจ่ายให้ ปัจจุบันก็ยังคงจ่ายอยู่ )
สุดท้ายก็ซ่อมจนเสร็จ ทำใหม่ทั้งหมด เสียไปเกือบ 7 แสนได้ เป็นเงินที่แม่กับเราที่หามาทำทั้งหมด แล้วเราก็ย้ายเข้ามาอยู่กัน
อยู่มาสักพัก ก็มาถึงช่วงที่ป้า(พี่สาวแม่) จะเกษียร น้าคิดว่าไม่น่าจะผ่อนไหว แล้วถ้าป้าเกษียร ก็คงไม่มีใครให้เงินเค้า เพราะทุกวันเค้าจะช่วยป้าทำงาน ป้ากับแม่ก็เป็นคนให้เงินกินเงินใช้ เหมือนเป็นค่าจ้าง
น้าเลยคิดว่าอยากจะขายบ้าน ถ้าขายก็น่าจะได้ราคา 6-7 ล้านได้ (น้าบอกว่าเค้าบอกมาแบบนั้น) เค้าจะเอาไปซื้อทาวเฮ้าอยู่ และซื้อคอนโด หรือทาวเฮ้า ไว้ให้คนเช่าอีก 2 ห้อง เพื่อใช้เป็นเงินเลี้ยงตัวเอง (แล้วเรากับแม่ละ....)
แม่ไปคุยว่าไม่ต้องขายหรอก ไม่อยากให้ขาย ในเมื่อก็ทำบ้านมาดีแล้ว น้าก็บอกว่า ถ้างั้น เงินผ่อนบ้านที่ต้องผ่อนธนาคารที่เหลือ ทางแม่ก็ต้องเป็นคนผ่อน แล้วก็ให้เงินเดือนเลี้ยงดูเค้า เดือนละ 15000 ทุกเดือน ไปจนตาย ทั้งๆที่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าล้างแอร์ ค่ากิน ค่าซื้อของเข้าบ้าน แม่กับเราเป็นคนจ่ายให้ เราก็เลยบอกว่าได้นะถ้าเอาชื่อเราเข้าเป็นเจ้าของฉโนดร่วมด้วย แต่เค้าก็ไม่เอา เค้าบอกจะทำพินัยกรรมไว้ให้ เค้าตายก่อนบ้านถึงจะตกเป็นชื่อเรา
แม่ก็เลยบอกว่าถ้าขายก็ต้องเอาเงินมาให้ทางเรา สัก 1 ล้านไปเริ่มต้นใหม่แล้วก็ค่าที่เสียซ่อมแซมบ้านไปก็ยังดี น้าเค้าก็บอกเอา 5 แสนก็พอแล้ว เค้าก็คงกลัวเงินไม่พอใช้ตลอดชีวิต
เราไม่รู้จะหาทางออกยังไง มันพอจะมีทางออกไหม เราจะพอเรียกร้องอะไรได้มั้ย ขอแค่ค่าที่เราซ่อมแซมบ้านไปก็ยังดี ตันไปหมดจริงๆ