5/5/2560 18:23 น. ปิดเนื้อหากระทู้ครับ คงไม่มีการแก้ไขใดๆเพิ่มเติมแล้ว
แต่ยังพูดคุยกันในความเห็นด้านล่างได้นะครับ ผมเข้ามาอ่านเรื่อยๆอยู่แล้ว
หลังจากค่อนข้างมี Conflict ในคอมเม้นต์ผมขอแก้ไขเกริ่นกระทู้ใหม่ด้วยเรื่องสั้นครับ
เปรียบสมองและความคิดเหมือนหางเสือเรือ เราจะควบคุมหางเสือก็ต้องมีพังงา
ธรรมะคือพังงาที่จะควบคุมความคิดเราให้เดินไปยังทิศทางที่ต้องการ
แต่คนเป็นซึมเศร้า มันคือเรือที่ไม่มีหางเสือ
ต่อให้คุณมีธรรมะเป็นพังงาคุณภาพดีและเที่ยงตรงที่สุด
คุณก็ทำอะไรกับทิศทางเรือไม่ได้เมื่อคุณถือพังงาแต่ไม่มีหางเสือ
สติสุดท้ายและกำลังใจคือพละกำลังและไม้พายที่คนเป็นโรคซึมเศร้าประคับประคองตัวเอง
แจวข้างกราบเรือให้ตุปัดตุเป๋กลับเข้าฝั่งอย่างเหนื่อยล้า
เมื่อคุณไม่รับการรักษา เมื่อคุณไม่ติดตั้งหางเสือใหม่เข้าไป
คุณก็ต้องเอาพังงาไปแจว คุณเอาไม้พายไปแจว คุณอาจจะขับเคลื่อนเรือไปข้างหน้าได้ด้วยความทุลักทุเล
ถ้าคุณเหนื่อย เรือก็หยุด ไม่เหมือนเรือที่มีหางเสือ เพียงตั้งเข็มให้ตรงแล้วปล่อยมันเดินหน้าไปตามแรงลม
แต่เมื่อวันหนึ่ง คุณซึ่งไร้หางเสือสิ้นแรงลง คุณนอนพักนิ่งๆบนเรือ
คุณหมดเรี่ยวแรงที่จะลงแรงแจวเรือกลับฝั่งท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
วันนึงเสบียงบนเรือคุณจะหมด คุณจะตายลงอย่างโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแห่งห้วงอารมณ์
นี่คือสิ่งที่ผมเปรียบเปรยให้เห็นภาพง่ายที่สุดเท่าที่ปัญญาผมจะเรียบเรียงออกมา
ถ้าท่านใดที่ยึดมั่นถือมั่นว่าจิตวิปัสนา"เพียงอย่างเดียว"ก็สามารถแก้โรคซึมเศร้าได้ ถ้าอ่านกระทู้ผมจนจบแล้วยังไม่เข้าใจ
... ผมก็ได้แค่ขอภาวนาให้ท่านและคนใกล้ตัวของท่านโชคดีไม่ต้องเผชิญหน้ากับโรคนี้ครับ
กระทู้ต่อไปนี้ผมเริ่มเขียน ผมไม่รู้ว่ามันจะออกมายาวมากแค่ไหน แต่ผมเขียนจากเหตุการณ์จริงๆเพื่อเป็นวิทยาทานกันนะครับ
จุดประสงค์เพื่ออยากเป็นกำลังใจให้คนป่วยคนอื่นๆ
และอยากให้คนนอกเข้าใจกลไกของโรคนี้ ว่ามันไม่ง่ายที่จะรับมือครับ มันไม่ง่ายอย่างปากคนนอกว่าเลย
ในฐานะที่ จขกท. มีความเข้าใจโรคนี้ในระดับหนึ่ง รู้ทันโรค ภายหลังสามารถเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆจนไปหาจิตแพทย์ได้อีกหลายคน
แต่วันนึงเมื่อ จขกท. ต้องเผชิญโรคนี้ด้วยตัวเอง ผมจะต้องรับมือกับมันยังไงดี
กระทู้นี้ผมขออนุญาตแท็กห้องปฏิบัติธรรมนะครับ เนื้อหาโดยรวมอาจจะไม่เกี่ยวข้อง
แต่ผมอยากให้บางท่านที่มีความเข้าใจผิดว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งที่แนวคิดไม่ช่วยเรา
เมื่อเข้าสู่สภาพผู้ป่วยแล้วยังปรับความคิดรักษาได้ง่ายๆด้วยศาสนา ... มันไม่เป็นแบบนั้นครับ
เพราะตอนนั้นผู้ป่วยเข้าสู่สภาวะ Physical illness ครับ
"มันช่วยได้ในกรณีป้องกันก่อน - หลังเป็นโรค แต่ ณ จุดที่เลวร้ายที่สุด มันเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยครับ"
สำหรับคนที่รู้จักโรคซึมเศร้าแค่ชื่อ แต่ยังไม่ได้เข้าใจโรคนี้มากนัก ผมจะอธิบายให้ฟังแบบไม่ลงลึกมากในโพสต์หลักนะครับ
ถ้าใครรู้จักโรคนี้ดีแล้วก็ข้ามไปอ่านความเห็นที่ 1 ได้เลยครับ ในส่วนนั้นผมจะเล่าเหตุการณ์จริงของตัวผมให้ฟัง

มนุษย์เราดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน ความคิด อารมณ์ กล้ามเนื้อ ร่างกาย ล้วนเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทหรือฮอร์โมนส์ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ขออธิบายมาก เอาเป็นว่าฮอร์โมนส์ที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าเนี่ยมันจะมี 3-4 ตัวหลักๆซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับอารมณ์และสุขภาพจิต
・Serotonin
เป็นสารแห่งความสุข ทำให้เรามีชีวิตชีวา สดใส ร่าเริง คิดบวก
・Dopamine
ส่งผลต่ออารมณ์เราให้มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิมากขึ้น และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ รอบตัว
・Norepinephrine
มีบทบาทในการทำให้เราตื่นตัว สดชื่น มีพลังที่จะขับเคลื่อนชีวิตให้เดินไปข้างหน้า
・Cortisol
ฮอร์โมนส์ตัวนี้ปกติจะหลั่งในช่วงเช้าเพื่อปลุกและกระตุ้นการสูบฉีดโลหิตและค่อยๆลดลง แต่จะหลั่งเยอะเวลาเรามีความเครียดซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้พร้อมรับมือกับปัญหาและความกดดัน เป็นโหมดพร้อมรบของร่างกาย
กลไกของโรค
กลไกจริงๆเกิดได้หลายปัจจัยนะครับ ความเครียดสะสม ความเครียดรุนแรงที่กระหน่ำเข้ามาในคราเดียว ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ความผิดปกติของสมองที่เป็นไปเอง การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทหารผ่านศึกที่เผชิญกับสภาวะ PTSD คนที่เจอสภาวะ Culture Shock และอื่นๆอีกมาก
ในกรณีของผมที่จะอธิบายถัดลงไปจะเป็นกลไกที่เกิดจากความเครียดสะสมและการเจอ PTSD ในอดีตครับ
แต่ปัจจัยหลักของผมที่กระตุ้นให้โรคนี้ระเบิดออกมาเกิดจากความเครียดรุนแรงที่ระเบิดออกมาในคราวเดียว
เดิมทีมีปัจจัยอยู่แล้ว แต่เจอสิ่งเร้าเข้าไป ปฏิกริยามันจึงรุนแรงเหมือนการเอาซีเซี่ยมโยนใส่น้ำเปล่าครับ
ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดว่าสารเคมีพวกนี้โดยปกติจะหลั่งอย่างสมดุล ทำให้เราดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่ายตามปกติ
แต่เมื่อเราเครียดปุ๊บ อย่างที่บอกไปข้างต้น Cortisol จะถูกหลั่งเยอะกว่าปกติเพื่อให้เรารับมือกับปัญหานั้นๆที่เข้ามา
แล้วถ้าเราเครียดสะสมเป็นเวลานานหรือเรามีเรื่องเครียดอย่างรุนแรงล่ะ ก็นั่นล่ะท่านผู้ชม สมองก็จะหลั่ง Cortisol มากเกินไป จนทำลายสมอง
ทำให้สมองเรามีการทำงานที่ผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมสมดุลฮอร์โมนส์ให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น Serotonin Dopamine Norepinephrine ไม่เอาแล้วข้าสนใจแต่จะหลั่ง Cortisol เมื่อขาดฮอร์โมนส์สามตัวข้างต้นไป ไอ้ความรู้สึกนึกคิดจึงบิดเบี้ยวตามไปด้วย กลายเป็นเราจมอยู่กับความเครียดเพราะ Cortisol ที่หลั่งมาในปริมาณมหาศาล ซ้ำร้ายยิ่งหลั่งมันยิ่งดึงเราดิ่ง เพราะยิ่งดิ่งก็ยิ่งหลั่ง แล้วไอ้ที่หลั่งมามันก็ดึงเราดิ่ง ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีดำ แล้วมันก็วนลูบแบบนี้ไปไม่รู้จบเหมือนจักรกลอนันต์
ถ้าคุณๆนึกไม่ออกว่ามันดำมืดขนาดไหน ผู้คุมวิญญาณจากนิยาย Harry Potter คือตัวแทนสิ่งนี้ครับ JK Rowling ผู้แต่งก็เป็นคนที่เคยเผชิญกับโรคซึมเศร้าจึงสร้างสัญลักษณ์ตัวแทนขึ้นมาในนิยาย .. เวลาที่คุณโดนผู้คุมวิญญาณโจมตี .. คุณจะลืมความสุขทุกอย่างในชีวิตไป ลืมแม้กระทั่งว่าคุณเคยมีความสุขกับอะไรในอดีตที่ผ่านมาบ้าง
โรคซึมเศร้าหายเองได้ไหม ... ได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกคน และไม่ได้ใช้ระยะเวลาเท่ากัน
บางคนหลักเดือน บางคนหลักปี บางคนเลขปีสองหลัก
แน่นอนมันมีโอกาสหายเองได้ แต่ทราบหรือไม่ ผู้ป่วยโรคนี้ 15-18% ฆ่าตัวตายสำเร็จครับ จะรอให้หายเอง คุ้มหรือ ...
โชคร้าย บางคนไม่มีโอกาสหายเลยตลอดชีวิต
บางคนที่ร้ายแรงจริงๆ เป็นผลมาจากกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ ผิดปกติในระดับโครงสร้าง DNA
ผลร้ายของความผิดปกติทางกายภาพไม่ได้ออกมาในรูปความผิดปกติทางกายภาพ
แต่แสดงออกมาในรูปของความผิดปกติทางความคิดและอารมณ์
มันอยู่เหนือการควบคุม เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ จะคุมอย่างไรก็คุมไม่ได้
... ดังนั้นวิธีการคิดบวก วิธีการควบคุมความคิด ใช้ไม่ได้สำหรับทุกคนครับ
ปัจจัยส่วนใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้
・ความเครียดเรื้อรัง โดยเกิดจากความเครียดทางร่างกายหรือทางจิตใจ หากเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานแล้วจะสามารถส่งผลกระทบในทางลบ และอาจนำไปสู่ภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้า หรือเกิดการขาดสมดุลทางชีวเคมี ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออารมณ์ ความมีชีวิตชีวา ความทรงจำและการนอนหลับ
・เหตุการณ์ฝังใจที่เกิดขึ้นในอดีต ความเครียดอันเนื่องมาจากเรื่องฝังใจในวัยเด็ก หรือความเครียดที่เกิดจากการเผชิญเหตุการณ์รุนแรงหรือเลวร้ายในอดีต
・ฮอร์โมนผันผวน สตรีหลังคลอดบุตรหรือในช่วงที่มีประจำเดือนฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนนแปลงอันอาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า ซึ่งความรุนแรงอาจแตกต่างกันไป แต่ก็มักจะสามารถหายไปได้เองเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไป
・จิตใจ ทัศนคติทางอารมณ์ และรูปแบบทางความคิด การมองโลกในแง่ร้ายและการคิดลบอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงความรู้สึกโกรธแค้นหรือขมขื่นที่มีต่อบุคคลอื่น สถานการณ์ชีวิตโดยรวมอาจส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวลและอารมณ์ขุ่นเคืองได้
・ความรู้สึกไร้จุดมุ่งหมายในชีวิต ความรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันนั้นไร้จุดมุ่งหมายหรือการทำงานที่ไม่มีความก้าวหน้า อาจทำให้รู้สึกว่างเปล่า เศร้าใจหรือหงุดหงิด ความรู้สึกเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นอาการซึมเศร้าอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่สมปรารถนา
・ความเจ็บป่วยทางการแพทย์ ความเจ็บป่วยทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคต่อมไทรอยด์ โรคทที่เกี่ยวข้องกับตับหรือไตอาจส่งผลให้ผู้ป่วยตกอยู่ในอาการของโรคซึมเศร้าได้
・การรับประทานยารักษาโรคบางชนิด สามารถเป็นสาเหตุของอาการซึมเศร้าได้ ดังนั้นหากพบว่ามีอาการซึมเศร้าเสียใจภายหลังจากการเริ่มใช้ยาตัวใหม่ควรเข้าปรึกษาแพทย์ทันที
แล้วอาการหลักๆของโรคซึมเศร้าล่ะ
ด้านล่างนี้มีกลุ่มอาการสำคัญอยู่ 9 อาการ ซึ่งหากมีอาการ 5 ข้อขึ้นไปและมีสัญญาณการคิดสั้นเป็นเวลาต่อเนื่องแทบทุกวันและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ถือว่ามีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้าพบแพทย์โดยด่วน
・มีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว
・ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง
・เสียสมาธิ ไม่มีสมาธิจดจ่อเวลาที่ทำสิ่งต่างๆ
・รู้สึกร่างกาย สมองอ่อนเพลีย
・เชื่องช้า ทำอะไรก็เป็นไปอย่างช้าๆ
・รับประทานอาหารน้อยลงกว่าปกติ หรือรับประทานอาหารมากขึ้นกว่าปกติ
・นอนน้อย หรือนอนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
・ชอบตำหนิตัวเอง ซึ่งอาการเช่นนี้จะพบได้มากในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า
・รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย หรือสังเกตได้ว่าตัวเองมีความคิด หรือความรู้สึกแบบนี้ (รวมถึงอยากไปยังที่แสนไกล ฯลฯ) ก็ขอให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า คนๆ นั้นอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า
หากใครไม่แน่ใจว่าตนเป็นรึป่าว ไปหาครับไม่เสียหายครับ จิตแพทย์น่ารักมากๆ แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องประวัติผู้ป่วยครับ จรรยาบรรณแพทย์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆของผู้ป่วยได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาต คุณไปหาคนเดียวก็จะมีแค่คุณกับแพทย์ประจำตัว 2 คนบนโลกเท่านั้นที่รู้เรื่อง ... แต่เชื่อผมเถอะ ถ้ามีคนรักหรือคนสนิท บอกให้เขารู้เถอะ คุณไม่ได้ตัวคนเดียวแม้คุณจะรู้สึกแบบนั้นก็เถอะ
โรคซึมเศร้า อยากเล่าให้โลกของคนนอกเข้าใจ
แต่ยังพูดคุยกันในความเห็นด้านล่างได้นะครับ ผมเข้ามาอ่านเรื่อยๆอยู่แล้ว
เปรียบสมองและความคิดเหมือนหางเสือเรือ เราจะควบคุมหางเสือก็ต้องมีพังงา
ธรรมะคือพังงาที่จะควบคุมความคิดเราให้เดินไปยังทิศทางที่ต้องการ
แต่คนเป็นซึมเศร้า มันคือเรือที่ไม่มีหางเสือ
ต่อให้คุณมีธรรมะเป็นพังงาคุณภาพดีและเที่ยงตรงที่สุด
คุณก็ทำอะไรกับทิศทางเรือไม่ได้เมื่อคุณถือพังงาแต่ไม่มีหางเสือ
สติสุดท้ายและกำลังใจคือพละกำลังและไม้พายที่คนเป็นโรคซึมเศร้าประคับประคองตัวเอง
แจวข้างกราบเรือให้ตุปัดตุเป๋กลับเข้าฝั่งอย่างเหนื่อยล้า
เมื่อคุณไม่รับการรักษา เมื่อคุณไม่ติดตั้งหางเสือใหม่เข้าไป
คุณก็ต้องเอาพังงาไปแจว คุณเอาไม้พายไปแจว คุณอาจจะขับเคลื่อนเรือไปข้างหน้าได้ด้วยความทุลักทุเล
ถ้าคุณเหนื่อย เรือก็หยุด ไม่เหมือนเรือที่มีหางเสือ เพียงตั้งเข็มให้ตรงแล้วปล่อยมันเดินหน้าไปตามแรงลม
แต่เมื่อวันหนึ่ง คุณซึ่งไร้หางเสือสิ้นแรงลง คุณนอนพักนิ่งๆบนเรือ
คุณหมดเรี่ยวแรงที่จะลงแรงแจวเรือกลับฝั่งท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
วันนึงเสบียงบนเรือคุณจะหมด คุณจะตายลงอย่างโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแห่งห้วงอารมณ์
นี่คือสิ่งที่ผมเปรียบเปรยให้เห็นภาพง่ายที่สุดเท่าที่ปัญญาผมจะเรียบเรียงออกมา
ถ้าท่านใดที่ยึดมั่นถือมั่นว่าจิตวิปัสนา"เพียงอย่างเดียว"ก็สามารถแก้โรคซึมเศร้าได้ ถ้าอ่านกระทู้ผมจนจบแล้วยังไม่เข้าใจ
... ผมก็ได้แค่ขอภาวนาให้ท่านและคนใกล้ตัวของท่านโชคดีไม่ต้องเผชิญหน้ากับโรคนี้ครับ
กระทู้ต่อไปนี้ผมเริ่มเขียน ผมไม่รู้ว่ามันจะออกมายาวมากแค่ไหน แต่ผมเขียนจากเหตุการณ์จริงๆเพื่อเป็นวิทยาทานกันนะครับ
จุดประสงค์เพื่ออยากเป็นกำลังใจให้คนป่วยคนอื่นๆ
และอยากให้คนนอกเข้าใจกลไกของโรคนี้ ว่ามันไม่ง่ายที่จะรับมือครับ มันไม่ง่ายอย่างปากคนนอกว่าเลย
ในฐานะที่ จขกท. มีความเข้าใจโรคนี้ในระดับหนึ่ง รู้ทันโรค ภายหลังสามารถเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆจนไปหาจิตแพทย์ได้อีกหลายคน
แต่วันนึงเมื่อ จขกท. ต้องเผชิญโรคนี้ด้วยตัวเอง ผมจะต้องรับมือกับมันยังไงดี
กระทู้นี้ผมขออนุญาตแท็กห้องปฏิบัติธรรมนะครับ เนื้อหาโดยรวมอาจจะไม่เกี่ยวข้อง
แต่ผมอยากให้บางท่านที่มีความเข้าใจผิดว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งที่แนวคิดไม่ช่วยเรา
เมื่อเข้าสู่สภาพผู้ป่วยแล้วยังปรับความคิดรักษาได้ง่ายๆด้วยศาสนา ... มันไม่เป็นแบบนั้นครับ
เพราะตอนนั้นผู้ป่วยเข้าสู่สภาวะ Physical illness ครับ
"มันช่วยได้ในกรณีป้องกันก่อน - หลังเป็นโรค แต่ ณ จุดที่เลวร้ายที่สุด มันเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยครับ"
สำหรับคนที่รู้จักโรคซึมเศร้าแค่ชื่อ แต่ยังไม่ได้เข้าใจโรคนี้มากนัก ผมจะอธิบายให้ฟังแบบไม่ลงลึกมากในโพสต์หลักนะครับ
ถ้าใครรู้จักโรคนี้ดีแล้วก็ข้ามไปอ่านความเห็นที่ 1 ได้เลยครับ ในส่วนนั้นผมจะเล่าเหตุการณ์จริงของตัวผมให้ฟัง
มนุษย์เราดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน ความคิด อารมณ์ กล้ามเนื้อ ร่างกาย ล้วนเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทหรือฮอร์โมนส์ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ขออธิบายมาก เอาเป็นว่าฮอร์โมนส์ที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าเนี่ยมันจะมี 3-4 ตัวหลักๆซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับอารมณ์และสุขภาพจิต
・Serotonin
เป็นสารแห่งความสุข ทำให้เรามีชีวิตชีวา สดใส ร่าเริง คิดบวก
・Dopamine
ส่งผลต่ออารมณ์เราให้มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิมากขึ้น และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ รอบตัว
・Norepinephrine
มีบทบาทในการทำให้เราตื่นตัว สดชื่น มีพลังที่จะขับเคลื่อนชีวิตให้เดินไปข้างหน้า
・Cortisol
ฮอร์โมนส์ตัวนี้ปกติจะหลั่งในช่วงเช้าเพื่อปลุกและกระตุ้นการสูบฉีดโลหิตและค่อยๆลดลง แต่จะหลั่งเยอะเวลาเรามีความเครียดซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้พร้อมรับมือกับปัญหาและความกดดัน เป็นโหมดพร้อมรบของร่างกาย
กลไกของโรค
กลไกจริงๆเกิดได้หลายปัจจัยนะครับ ความเครียดสะสม ความเครียดรุนแรงที่กระหน่ำเข้ามาในคราเดียว ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ความผิดปกติของสมองที่เป็นไปเอง การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทหารผ่านศึกที่เผชิญกับสภาวะ PTSD คนที่เจอสภาวะ Culture Shock และอื่นๆอีกมาก
ในกรณีของผมที่จะอธิบายถัดลงไปจะเป็นกลไกที่เกิดจากความเครียดสะสมและการเจอ PTSD ในอดีตครับ
แต่ปัจจัยหลักของผมที่กระตุ้นให้โรคนี้ระเบิดออกมาเกิดจากความเครียดรุนแรงที่ระเบิดออกมาในคราวเดียว
เดิมทีมีปัจจัยอยู่แล้ว แต่เจอสิ่งเร้าเข้าไป ปฏิกริยามันจึงรุนแรงเหมือนการเอาซีเซี่ยมโยนใส่น้ำเปล่าครับ
ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดว่าสารเคมีพวกนี้โดยปกติจะหลั่งอย่างสมดุล ทำให้เราดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่ายตามปกติ
แต่เมื่อเราเครียดปุ๊บ อย่างที่บอกไปข้างต้น Cortisol จะถูกหลั่งเยอะกว่าปกติเพื่อให้เรารับมือกับปัญหานั้นๆที่เข้ามา
แล้วถ้าเราเครียดสะสมเป็นเวลานานหรือเรามีเรื่องเครียดอย่างรุนแรงล่ะ ก็นั่นล่ะท่านผู้ชม สมองก็จะหลั่ง Cortisol มากเกินไป จนทำลายสมอง
ทำให้สมองเรามีการทำงานที่ผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมสมดุลฮอร์โมนส์ให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น Serotonin Dopamine Norepinephrine ไม่เอาแล้วข้าสนใจแต่จะหลั่ง Cortisol เมื่อขาดฮอร์โมนส์สามตัวข้างต้นไป ไอ้ความรู้สึกนึกคิดจึงบิดเบี้ยวตามไปด้วย กลายเป็นเราจมอยู่กับความเครียดเพราะ Cortisol ที่หลั่งมาในปริมาณมหาศาล ซ้ำร้ายยิ่งหลั่งมันยิ่งดึงเราดิ่ง เพราะยิ่งดิ่งก็ยิ่งหลั่ง แล้วไอ้ที่หลั่งมามันก็ดึงเราดิ่ง ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีดำ แล้วมันก็วนลูบแบบนี้ไปไม่รู้จบเหมือนจักรกลอนันต์
ถ้าคุณๆนึกไม่ออกว่ามันดำมืดขนาดไหน ผู้คุมวิญญาณจากนิยาย Harry Potter คือตัวแทนสิ่งนี้ครับ JK Rowling ผู้แต่งก็เป็นคนที่เคยเผชิญกับโรคซึมเศร้าจึงสร้างสัญลักษณ์ตัวแทนขึ้นมาในนิยาย .. เวลาที่คุณโดนผู้คุมวิญญาณโจมตี .. คุณจะลืมความสุขทุกอย่างในชีวิตไป ลืมแม้กระทั่งว่าคุณเคยมีความสุขกับอะไรในอดีตที่ผ่านมาบ้าง
โรคซึมเศร้าหายเองได้ไหม ... ได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกคน และไม่ได้ใช้ระยะเวลาเท่ากัน
บางคนหลักเดือน บางคนหลักปี บางคนเลขปีสองหลัก
แน่นอนมันมีโอกาสหายเองได้ แต่ทราบหรือไม่ ผู้ป่วยโรคนี้ 15-18% ฆ่าตัวตายสำเร็จครับ จะรอให้หายเอง คุ้มหรือ ...
โชคร้าย บางคนไม่มีโอกาสหายเลยตลอดชีวิต
บางคนที่ร้ายแรงจริงๆ เป็นผลมาจากกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ ผิดปกติในระดับโครงสร้าง DNA
ผลร้ายของความผิดปกติทางกายภาพไม่ได้ออกมาในรูปความผิดปกติทางกายภาพ
แต่แสดงออกมาในรูปของความผิดปกติทางความคิดและอารมณ์
มันอยู่เหนือการควบคุม เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ จะคุมอย่างไรก็คุมไม่ได้
... ดังนั้นวิธีการคิดบวก วิธีการควบคุมความคิด ใช้ไม่ได้สำหรับทุกคนครับ
ปัจจัยส่วนใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้
・ความเครียดเรื้อรัง โดยเกิดจากความเครียดทางร่างกายหรือทางจิตใจ หากเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานแล้วจะสามารถส่งผลกระทบในทางลบ และอาจนำไปสู่ภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้า หรือเกิดการขาดสมดุลทางชีวเคมี ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออารมณ์ ความมีชีวิตชีวา ความทรงจำและการนอนหลับ
・เหตุการณ์ฝังใจที่เกิดขึ้นในอดีต ความเครียดอันเนื่องมาจากเรื่องฝังใจในวัยเด็ก หรือความเครียดที่เกิดจากการเผชิญเหตุการณ์รุนแรงหรือเลวร้ายในอดีต
・ฮอร์โมนผันผวน สตรีหลังคลอดบุตรหรือในช่วงที่มีประจำเดือนฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนนแปลงอันอาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า ซึ่งความรุนแรงอาจแตกต่างกันไป แต่ก็มักจะสามารถหายไปได้เองเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไป
・จิตใจ ทัศนคติทางอารมณ์ และรูปแบบทางความคิด การมองโลกในแง่ร้ายและการคิดลบอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงความรู้สึกโกรธแค้นหรือขมขื่นที่มีต่อบุคคลอื่น สถานการณ์ชีวิตโดยรวมอาจส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวลและอารมณ์ขุ่นเคืองได้
・ความรู้สึกไร้จุดมุ่งหมายในชีวิต ความรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันนั้นไร้จุดมุ่งหมายหรือการทำงานที่ไม่มีความก้าวหน้า อาจทำให้รู้สึกว่างเปล่า เศร้าใจหรือหงุดหงิด ความรู้สึกเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นอาการซึมเศร้าอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่สมปรารถนา
・ความเจ็บป่วยทางการแพทย์ ความเจ็บป่วยทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคต่อมไทรอยด์ โรคทที่เกี่ยวข้องกับตับหรือไตอาจส่งผลให้ผู้ป่วยตกอยู่ในอาการของโรคซึมเศร้าได้
・การรับประทานยารักษาโรคบางชนิด สามารถเป็นสาเหตุของอาการซึมเศร้าได้ ดังนั้นหากพบว่ามีอาการซึมเศร้าเสียใจภายหลังจากการเริ่มใช้ยาตัวใหม่ควรเข้าปรึกษาแพทย์ทันที
แล้วอาการหลักๆของโรคซึมเศร้าล่ะ
ด้านล่างนี้มีกลุ่มอาการสำคัญอยู่ 9 อาการ ซึ่งหากมีอาการ 5 ข้อขึ้นไปและมีสัญญาณการคิดสั้นเป็นเวลาต่อเนื่องแทบทุกวันและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ถือว่ามีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้าพบแพทย์โดยด่วน
・มีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว
・ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง
・เสียสมาธิ ไม่มีสมาธิจดจ่อเวลาที่ทำสิ่งต่างๆ
・รู้สึกร่างกาย สมองอ่อนเพลีย
・เชื่องช้า ทำอะไรก็เป็นไปอย่างช้าๆ
・รับประทานอาหารน้อยลงกว่าปกติ หรือรับประทานอาหารมากขึ้นกว่าปกติ
・นอนน้อย หรือนอนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
・ชอบตำหนิตัวเอง ซึ่งอาการเช่นนี้จะพบได้มากในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า
・รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย หรือสังเกตได้ว่าตัวเองมีความคิด หรือความรู้สึกแบบนี้ (รวมถึงอยากไปยังที่แสนไกล ฯลฯ) ก็ขอให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า คนๆ นั้นอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า
หากใครไม่แน่ใจว่าตนเป็นรึป่าว ไปหาครับไม่เสียหายครับ จิตแพทย์น่ารักมากๆ แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องประวัติผู้ป่วยครับ จรรยาบรรณแพทย์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆของผู้ป่วยได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาต คุณไปหาคนเดียวก็จะมีแค่คุณกับแพทย์ประจำตัว 2 คนบนโลกเท่านั้นที่รู้เรื่อง ... แต่เชื่อผมเถอะ ถ้ามีคนรักหรือคนสนิท บอกให้เขารู้เถอะ คุณไม่ได้ตัวคนเดียวแม้คุณจะรู้สึกแบบนั้นก็เถอะ