ประสบการณ์ป่วยโรคปอดติดเชื้อ อาการเฉียดตาย แต่ รพ.ทำเหมือนแค่ป่วยไข้หวัดธรรมดา

ขอชี้แจงและทำความเข้าใจก่อนอื่นเลยนะครับว่า ไม่ได้มีเจตนาจะร้องเรียนโรงพยาบาล หรือสร้างความเสื่อมเสียใดๆให้แก่ รพ. และ จนท.ผู้ให้บริการ
เพียงแต่อยากแชร์ประสบการณ์ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราจะเอาชีวิตรอดอย่างไร
เพี้ยนติ่งเราเป็นเด็กมาจากบ้านนอกนะครับ เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพ และขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่ใช่ผู้ป่วย แต่ผมคือพี่ชายของผู้ป่วย และเป็นคนที่อยู่กับผู้ป่วยเกือบตลอดเวลา
เริ่มเรื่องเลยนะครับ เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา น้องชายได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ และเกิดไม่สบายกระทันหัน อาการคือ ไข้ หนาวสั่น มีไอ และได้เข้ารับการรักษาใน รพ.รัฐแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ โดยตอนแรกเข้า เราส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินเลย เพราะอาการตอนนั้นคือเรามองว่าอาการน้องแย่มากๆแล้ว ซึ่งทาง รพ.ก็รับเข้ารักษา ผลวินิจฉัยหมอบอกว่า เป็นปอดติดเชื้อ (จากแผ่นฟิล์ม x-ray ในปอดมีจุดๆดำๆ) ซึ่งก็รักษาไปตามอาการ ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาลดไข้ จนอาการเริ่มดีขึ้น
*** เหตุการณ์ที่ 1 ***ฝน
ตอนแรกเข้า รพ. เราไม่ได้ถามหมอว่า เราสามารถใช้สิทธิ์รักษาแบบฉุกเฉินได้มั้ย เพราะถ้าใช้สิทธิ์นี้ได้เราก็จะจ่ายแค่30บาทตามนโยบายรัฐ (อันนี้ยอมรับว่าประมาทเองที่ไม่ได้ถามก่อน) และวันที่จะออกจาก รพ. ก็ไปติดต่อการเงินของ รพ. ก็มีใบแจ้งรายการค่าใช้จ่ายออกมา รวมค่ารักษา ค่าบริการทางการแพทย์ ค่ายา รวมๆแล้ว ตัวเลขอยู่ที่ เก้าพันกว่าบาท (จขกท.ไม่ได้อยู่กับน้องในเวลานั้น เพราะติดงาน)
ซึ่งตอนนั้นน้องได้ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง รับยา และให้เพื่อนมาส่งที่สนามบินเพื่อกลับกรุงเทพ
เมื่อมาถึงกรุงเทพ ผมถามหาใบเสร็จค่ารักษา น้องบอกว่าทาง รพ.ไม่ได้ออกให้ จ่ายเงินรับยาแล้วให้กลับเลย  
**ข้อสังเกตุ** จ่ายเงินทุกครั้งต้องออกใบเสร็จให้ถูกมั้ย แล้วทำใม รพ.ไม่ออกใบเสร็จให้
เรื่องใบเสร็จผมเองก็ยังคาใจ โทรไปที่ รพ. ก็เหมือนไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนอะไร โยนกันไปโยนกันมา ให้โอนสายไปเป็นทอดๆ สรุปคือไม่ได้คำตอบใดๆ
ก็เลยคิดไปเสียว่าฟาดเคราะห์ไป เสียเงินค่าโง่ไป
*** เหตุการณ์ที่2 อันนี้หนักเจียนตาย *** เพี้ยนเพลีย
หลังจากกลับจากเชียงใหม่ อาการไข้ก็เริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังต้องรับยาให้ครบ โดยจะต้องรับยาทุกๆ7วัน (เป็นยาฆ่าเชื้อแบบฉีด เข็มละประมาณ 500 บาท) ซึ่งสิทธิ์รักษาบัตรทอง 30 บาท อยู่ในเขตอำเภอหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี (ขอสงวนชื่อเขตอำเภอ เพราะมันจะไปเกี่ยวเนื่องกับชื่อ รพ.) เราจึงไปถือประวัติการรักษาที่ขอมา ไปติดต่อที่ รพ. เพื่อขอรักษาอาการไข้ และแจ้งว่าต้องได้รับยาต่อเนื่อง ซึ่งทาง รพ.ก็บอกว่า ต้องไปติดต่อคลินิกชุมชนที่มีชื่อในสิทธิ์การรักษาก่อน ให้คลินิกชุมชนทำเรื่องส่งตัวมา รพ. ซึ่งเราก็ต้องกลับไปกลับมา เพราะดำเนินการทำเรื่อง สรุปกว่าจะเสร็จก็เสียเวลาไปเกือบวันนึงเต็มๆ  วันนั้นก็เลยไปได้พบแพทย์ (ทำไมระบบมันยุ่งยากซับซ้อนจัง เริ่มเหนื่อยใจ)
วันต่อมา จึงได้ไปที่ รพ. และได้ตรวจอาการ หมอก็ฉีดยาฆ่าเชื้อให้ และจ่ายยาพาราเซตามอลมาจำนวนหนึ่ง จ่าย30บาท ซึ่งตอนนั้นผมก้เริ่มสบายใจละ เพราะถ้าต้องจ่ายค่ายาเข็มละ 500 บาทเอง คงไม่ไหวแน่ๆ
แต่สิ่งที่ผมอยากจะเล่าต่อไปนี้คือ ทาง รพ.ไม่ได้ทำนัดให้ คือไม่มีใบนัด ว่าต้องมาหาหมออีกวันไหน แต่พยาบาลได้ขอเบอร์ไว้ บอกว่า คิวหมอว่างวันไหน เดี๋ยวจะโทรไปบอกนะ
อ่าว คือเราป่วยมั้ย? เราต้องได้รับยาต่อเนื่อง แต่ต้องมารอให้หมอว่าง รอให้หมอโทรมาหา ถึงจะได้เข้าไปรับยา
ขอสรุปสั้นๆเพื่อให้เข้าใจง่ายๆนะครับ

+ก่อนที่จะไป รพ.เราต้องไปคลินิกเพื่อขอใบส่งตัวก่อนทุกครั้ง
+หลังจากครั้งแรกที่รับยา ต้องรอประมาณ 8 วัน จึงได้รับยารอบต่อไป (จขกท.โทรไปหาคุณพยาบาลเพื่อนัดหมอเอง)
+หลังจากรับยาไป 2 ครั้ง อาการผู้ป่วยยังทรงๆ มีไข้ตอนเย็น มีไอเล็กน้อย
+ผู้ป่วยได้เดินทางไปทำงานที่จังหวัดน่าน ซึ่งช่วงนั้นอากาศหนาวมาก เมื่อกลับมากรุงเทพ อาการเริ่มทรุด มีไข้สูง มีไอหนัก ไอจนหน้าแดง
+ผ่านไปหลายวัน ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆจาก รพ.
+จขกท.จึงพาผู้ป่วยไป รพ. ขอตรวจ และพบหมอ หมอก็ตรวจซ้ำ ฉีดยาและจ่ายยาพารา และไม่ได้ทำนัด ไม่มีใบนัด
+ผู้ป่วยเริ่มมีไข้หนาวสั่น ไอหนัก หายใจไม่สะดวก ทานอาหารได้น้อย น้ำหนักลด
+ติดต่อไปที่ รพ. ได้คำตอบแต่เพียงว่า รอคิวหมอว่าง เดี๋ยวโทรกลับไป
เม่าตาสว่าง ผู้ป่วยต้องนอนซม อยู่แบบนี้อยู่ประมาณ 3 วัน ซึ่งตอนนี้ร่างกายซูบผอม มีอาการไอหนัก ไอแห้งๆ ไข้หนาวสั่น ตัวร้อน
ถ้าเป็นคุณ หรือคนในบ้านคุณป่วยแบบนี้ คุณจะทำอย่างไร จะทนรอให้หมอโทรมามั้ย หรือจะไปหาหมอที่อื่น
ใช่ครับ ผมหอบน้องไปที่ รพ.เอง เวลานั้นประมาณสองทุ่ม ในใจก็คิดว่าจะไปเอกชนดีมั้ย หรือจะไป รพ.รัฐ แต่เวลานั้น ถ้าเป็น รพ.รัฐ ก็คงล่าช้าไปอีก เพราะไม่ใช่เวลาให้บริการ รพ.เอกชน ก็ค่าใช้จ่ายคงสูงมากๆแน่นอน สุดท้าย ผมพาน้องไปที่ รพ.ทรวงอกครับ
ไปถึงก็ตรงไปที่ห้องฉุกเฉินเลย ไม่ต้องถามแล้วว่าขอใช้สิทธิ์30บาทได้มั้ย เพราะอาการน้องตอนนั้นคือแย่มากแล้ว เอาชีวิตไว้ก่อน
ขอชื่นชมแพทย์เวรและพยาบาลมากๆนะครับ ที่ให้บริการรวดเร็วมาก ไม่ต้องไปนอนรอดูอาการใดๆ ไปถึงหมอก็ถามอาการ ซักประวัติ แล้วก็จับเข้า X-RAY ทันที
หมอถามว่า ทำไมทิ้งให้เป็นหนักขนาดนี้ รู้มั้ย ว่าบางรายที่ปอดติดเชื้อแบบหนักๆ ไม่ถึงสามวัน ก็เสียชีวิตแล้วนะ
ลุ้นอยู่นาน หมอก็บอกว่า อาการตอนนี้ หมอสงสัยว่าจะเป็นปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง หรือไม่ก็อาจจะเป็นวัณโรค
หลังจากตรวจเสร็จ หมอก็ให้ยาแก้ไข ยาลดไข้ และยาอื่นๆอีกสองตัว (จำชื่อไม่ได้)
หมอให้กลับบ้านและให้เก็บเสมหะ ทุกๆวันเป็นเวลา3วัน มาตรวจเพื่อหาเชื่อวัณโรค
หลังจากที่ตรวจหาเชื้อวัณโรค ปรากฏว่าไม่พบ อาจารย์หมอเลยมุ่งไปที่อาการปอดติดเชื้อ และนัดให้มาพ่นยาเข้าปอด ให้ยากลับมาทาน
หลังจากที่เริ่มพ่นยาเข้าปอด อาการเริ่มดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่ไอ แต่ยังมีอาการเหนื่อยง่าย ทานอาหารยังไม่ค่อยได้
หลังจากที่เริ่มป่วยที่เชียงใหม่ จนมาถึงพ่นยาเข้าปอดครั้งสุดท้าย น้ำหนักลงไปเกือบ10กิโล รวมเวลาเกือบสี่เดือน และหมดค่าใช้จ่ายไปหลายหมื่นบาท
หยอกเย้า
ทั้งหมดคือเหตุการณ์จริง ป่วยจริง และเฉียดตายจริงๆ ที่อยากจะเอามาเล่าสู่กันฟัง
ลองคิดดูนะครับว่า ชาวบ้านตาสีตาสา ทำนาทำไร่ ถ้าเป็นคนที่เขาอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ ไม่ได้อยู่ใกล้หมอ ไม่มีความรู้เรื่องการรักษา ต้องมารอให้หมอโทรมาถึงจะได้รับยา
เขาไม่ตายก่อนเหรอครับ
สุดท้ายนี้ผมขอยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้มีเจตนาจะร้องเรียน หรือทำให้ รพ.รัฐ เสียหาย
เพียงแต่อยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ได้เผชิญมา และเป็นข้อคิดเล็กๆน้อยๆ ว่าถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะรอ หรือจะดิ้นรนเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่