สวัสดีค่ะ ชื่อแอนนาค่ะ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวยุโรป 10 วันเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ใหม่ๆที่เจอให้กับเพื่อนๆ เพราะเชื่อว่า3ประเทศนี้น่าจะเป็นประเทศที่หลายๆท่านใฝ่ฝันอยากไป ซึ่งแอนนาก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าชอบเป็นคนท่องเที่ยว ชอบเจออะไรใหม่ๆตลอดเวลา ภายใน2ปีนี้แอนนาเดินทาง7ประเทศ ซึ้งทริปนี้ประทับใจที่สุด ทริปนี้เดินทางไปกันสองคนกับคุณสามี ชื่อพี่เคเรียกว่าฮันนีมูนได้ป่าวนะ555
สาเหตุที่เลือกไปกับทัวร์นั้น 1.เนื่องจากความจำกัดทางด้านเวลาเพราะนอกจากปีใหม่กับสงกรานต์ก็ไม่เคยได้หยุด2.การไปกับทัวร์เหมือนเราพกหนังสือเที่ยวต่างประเทศไป เพราะหัวหน้าทัวร์จะอธิบายให้อย่างละเอียด 3.เราจะไม่พลาดสถานที่สำคัญ อาหาร วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ แอบกระซิบนะค่ะว่าบางที่คนรอตั้งแต่หลักพัน แต่ถ้าไปกับทัวร์เค้าจองเวลาให้ เราสามารถเข้าไปได้เลย ว้าวๆ เลือกทัวร์จากบริษัทที่มีหมายเลขกำกับภาษีและมีพนักงานที่มืออาชีพที่สำคัญมากกกกกกกนะค่ะ อย่าลืมซื้อประกันเดินทาง
อ้าเริ่มตื่นเต้นที่จะอยากเล่าแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขียนกระทู้มีอะไรแนะนำได้นะค่ะ
วันแรก กรุงเทพ-ดูไบ
เราออกจากสุวรรณภูมิ 2.00ถึงดูไบ 5.35 โดยสายการบินเอมิเรต

ระหว่างทางก็จะมีจอดูหนังเล่นเกมส์แก้เบื่อ ไม่น่าเชื่อหน้าจอแอบค้างด้วยแหละ มีอาหารเสริฟหนึ่งมื้อถือว่าเป็นอาหารเช้าบนเครื่อง

วันที่สองเราก็เดินทางมาถึงดูไบค่ะ
พักยืดเส้นยืดสาย

เก็บท้องไว้กินมื้อเที่ยงบนเครื่อง แนะนำนะค่ะ แอนนาซื้อน้ำพริก หมูหยอง หมูแผ่นไปบนเครื่อง เผื่อใครไม่ชอบอาหารแนวขนมปังไม่มีเส้นไม่มีข้าว เราพกไปด้วยช่วยได้เยอะเลยค่ะ แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อเวลา9.00ของดูไบถึงสนามบินฟูมิชิโน12.40เวลาท้องถิ่น
ถึงแล้วค่ะประเทศในฝัน อิตาลี อุณภูมิเฉลี่ย 19-5องศาเซลเซียส อากาศดีมากไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ดอกไม้ก็กำลังสวย

จากนั้นเราไปกันต่อที่ โรม-วาติกัน-โคลอสเซียม-น้ำพุเทรวี่
อิตาลียกย่องเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก ที่ๆคุณไม่ควรพลาดคือวาติกัน ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก แม้กระทั่งมีสนาบินเป็นของตัวเองตั้งอยู่ใจกลางโรม ศูนย์กลางนิกายคาทอลิกถ้าโชคดีมาวันอาทิตอาจจะได้เห็นโปบยืนโบกมือผ่านหน้าต่าง พวกเรายืนต่อแถวกันประมาณ2ชม.กว่า แถวยาวมากผู้คนมากันทั่วโลก แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าที่รอมาก ที่นี้สวยมากจิงๆ

มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เซนต์ปีเตอร์

สนามกีฬาโคลอสเซียม 1 ใน7สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ สร้างโดยไม่ใช่ตะปูสักตัว ประลองการต่อสู้ จุคนได้ 50,000 คน แนะนำสาวกหนังเรื่องgladiator ค่ะ


น้ำพุเทรวี่ มีความเชื่อว่าโยนเหรียญแล้วจะได้กลับมาอีก คนเยอะมาก แอนนากับพี่เค เลยเลือกที่จะไม่โยนเหรียญเพราะกลัวไปโดนหัวคนอื่น อิอิ เลยทำตามอีกวัฒนธรรมคือ กินไอติมข้างน้ำพุ ร้านไอติมที่นี้ดังมากคนต่อเป็นหางว่าวมีสองร้านเจ้าเดียวกัน แนะนำรส พิทาชิโอค่ะเป็นรสยอดนิยม


และเดินต่อไปไม่ไกลก็มาถึงบันไดเสปนที่ชื่อนี้เพราะอยู่ใกล้สถานฑูตเสปน ใครที่ข้อเข่าไม่ดีมีลิฟท์ให้ขึ้นไปนะค่ะ ส่วนใครที่อยากสัมผัสบันไดเสปนจิงๆแนะนำให้เดินขึ้นค่ะ

โปรดระวังที่ไหนที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมักจะมีโจรแฝงตัวมาเยอะมากดังนั้นกระเป๋าของคุณควรนำมาไว้ด้านหน้า ไม่วางสัมภาระทิ้งไว้โดยเฉพาะคนไทยที่ชอบใช้กระเป๋าจองที่ ทำที่นี้ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ เผลอแป๊บเดียวของหายทันที
วันที่สาม โรม- ฟลอเรนซ์ - ปิซ่า
เดินทางกันเกือบ4ชม. ที่นี้คนขับรถจะมีกฎคือ ห้ามขับรถติดต่อนานเกิน 2 ชม.ดังนั้นเราก็จะได้พัก ที่จุดพักรถระหว่างทาง ตามระยะเวลาที่กล่องดำหน้ารถกำหนด ที่นี้ไกด์จะพยายามหาที่พักรถที่มีห้องน้ำแบบไม่เสียเงินให้เราเข้า แลกกับการแวะเลือกซื้อของในร้านมินิมารท์ เพราะการเข้าห้องน้ำที่ยุโรปส่วนใหญ่ต้องเสียเงิน1-2ยูโร ดังนั้นการซื้อของจึงไม่เสียเปล่า
มหาวิหารานตา มาเรีย เดลฟิโอเรเมืองฟลอเรนซ์ ใหญ่เป็นอันดับ4ของยุโรป ใช้หินอ่อนตกแต่งทั่วทั้งโบสถ์ คุณจะแห่งเมืองนี้จากหนัง inferno

tip หลายท่านอาจสงสัยเราไปกันสองคนแล้วใครถ่ายรูปให้ เป็นลูกทัวร์ด้วยกันป่าวใช้ค่ะ แต่เรื่องเวลาจำกัดต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปถ่ายรูป แผนสำรองคือขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาถ่ายภาพให้ อ้าวแล้วไม่โดนขโมยกล้องเหรอ ถามว่ากลัวไหมกลัวแต่อยากได้รูปมากกว่าไม่รู้ชีวิตเราจะมีโอกาสมากี่ครั้ง แอนนาเลยเลือกคนที่เค้ามากับแฟนเพราะทุกคนอยากได้รูปอยู่แล้วเราจะเสนอถ่ายรูปให้เค้าก่อน แล้วขอเค้า สลับถ่ายให้เรา ภาพที่เราถ่ายก็ควรเป็นภาพที่หันหน้ามองกล้อง ถ้าหันหลังให้กล้อง ไม่รับประกันนะค่ะ
เดวิด รูปปั้นที่เหมือนจิง ผลงานชิ้นสำคัญของไมเคิล แองเจลโล่ แต่ที่ทุกท่านเห็นในรูปไม่ใช้ของจิงเพราะรูปปั้นนี้โดงดังมากจึงมีการปั้นหุ่นเพิ่มอีกสอง ใครอยากเห็นของจิงต้องเข้าไปดูในพิพิธภัณท์นะค่ะ

และที่ควรไม่พลาดด้วยประการทั้งปวงคือ หอเอนปิซ่า 1 ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ถูกใช้เป็นหอระฆัง ใช้เวลาสร้างเกือบ 200 ปี แนะนำให้คิดท่าเจ๋งมาเลยนะค่ะ รูปนี้เราเจอคนไทยขอให้ถ่ายรูปเลยโชคดีขอให้เค้าถ่ายรูปเราบ้างเลยได้รูปเจ๋งๆมาอีกรูปค่ะ

อย่าลืมถ่ายมุมนี้กันนะค่ะ วิหารที่นี้ก็สวยไม่แพ้เมืองอื่นๆเลยค่ะ

วันที่สี่ เกาะเวนิส
เราออกเดินทางจากเมืองปิซ่ามายังเวนิส ประมานเกือบสี่ ชั่วโมง เวนิสมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเวเนเชีย ถูกล้อมรอบไปด้วยทะเล ดังนั้นเกาะแห่งนี้จึงไม่มีรถ ผู้คนเดินทางโดยใช้เรือ หรือเท้า มีสะพานเชื่อมกัน 400 แห่ง และถูกจัดว่าเป็นราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก ซึ่งที่นี้โรแมนติกมาก หลายๆคู่รักจากทั่วโลกพากันมานั้งเรือกอนโดร่าที่นี้

ที่เห็นเป็นสะพานเล็กากด้านหลัง คือ สะพานถอนหายใจ ที่ๆนักโทษออกจากห้องพิพากษาไปยังคุก

นั้งเรือประมานครึ่งชั่วโมง 20 ยูโรต่อคน บรรจุคนได้ 6 คนต่อหนึ่งลำ

นี้คือเพื่อนๆทัวร์ที่เดินทางไปด้วยกัน ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ บริเวณนี้คือจตุรัสซานมาโคที่ นโปเลียนกล่าวว่าเป็น ห้องนั้งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป และบริเวณนี้ยังมีร้านกาแฟขึ้นชื่อสำหรับคอกาแฟ และร้านอาหารมิชาลีนสองดาวด้วยค่ะ

tipที่เวนิชเต็มไปด้วยร้านขายของแบรน์เนมใครที่มองหากระเป๋าถ้ามีเวลา ซื้อที่นี้ได้ซื้อเลยหากเจอของโดนใจอย่างเช่นชาแนล เพราะที่ฝรั่งเศสบางรุ่นก็ไม่มี แต่แนะนำหลุยส์วิคตองให้ไปซื้อที่ฝรั่งเศสshopใหญ่กว่า ถามว่าราคาต่างกันมากไหม ฝรั่งเศสถูกกว่าไม่มากค่ะ
ถือโอกาสจัดมาหนึ่งใบค่ะ ค่อนข้างลังเล แต่ไม่รู้ว่าฝรั่งเศสจะมีรุ่นที่เราชอบรึเปล่าเลยคว้ามาก่อนค่ะ

จบมื้อเย็นด้วยอาหารพื้นเมือง สปาเก้ตตี้หมึกดำ บอกเลยว่าถ้ากินแล้ว แม้แต่ฟันก็ยังดำ

วันที่ห้า มิลาน
เดินทางกันประมาณ เกือบสี่ ชั่วโมง มิลานคือเมืองหลวงแฟชั่น
มาชมชอปปิ้งมอลล์ที่หรูหรา และเก่าแก่ที่สุดในมิลาน เป็นที่แรกที่ใช้โครงเหล็กสร้างหลังคา ข้างในตรงพื้นจะมีรูปกระทิง ซึ้งหลายคนเชื่อว่าให้เอาส้นเท้าเหยียบตรงไข่กระทิงแล้วหมุนหนึ่งรอบหรือเรียกง่ายๆปั่นไข่ เราจะได้กลับมาที่มิลานอีก ซึ้งแอนนาก็ไม่ลืมที่จะไปปั่น55
ใครยังช้อปไม่จุใจที่นี้ก็ยังมีร้านแบรนเนมต่างๆมากมายค่ะ

มหาวิหารเมืองมิลานก็สวยไม่แพ้ที่ใด ศิลปะแบบนีโอโกธิค

สถานที่แห่งนี้มีตะปูที่ตรึงบนไม้กางเขนของพระเยซู สังเกตุจากไฟสีแดงจะอยู่ทางด้านหลังโบสถ์อย่าพลาดที่จะได้เห็นนะค่ะ

นิดนึงค่ะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป คุณจะเห็นของสวยๆงามๆ โชว์ตามข้างถนน ถ้าจะเข้าไปถ่ายรูปด้วยจะต้องเสียเงินเพิ่ม ยังไม่พอถ้าให้น้อยอาจจะต้องถูกจ่ายเพิ่ม ดังนั้นไม่ถ่ายรูปคู่ด้วยจะดีที่สุดค่ะ

การเดินทางของแอนนาและพี่เคอยู่กันที่อิตาลี4วัน เมืองแห่งศิลปะเราจะเดินทางกันต่อไปยังเมืองที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากสัมผัสอยากเห็นก่อนตายสักครั้งสวิตเซอร์แลนด์ ยังไงจะมารีวิวให้ต่อนะค่ะ
มีภาพสวยๆมีเยอะนะค่ะ facebook Suchawadee Taiwuwattana
เที่ยวยุโรป 10วัน อิตาลี-สวิต-ฝรั่งเศสแบบไปกับทัวร์ Part1
สาเหตุที่เลือกไปกับทัวร์นั้น 1.เนื่องจากความจำกัดทางด้านเวลาเพราะนอกจากปีใหม่กับสงกรานต์ก็ไม่เคยได้หยุด2.การไปกับทัวร์เหมือนเราพกหนังสือเที่ยวต่างประเทศไป เพราะหัวหน้าทัวร์จะอธิบายให้อย่างละเอียด 3.เราจะไม่พลาดสถานที่สำคัญ อาหาร วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ แอบกระซิบนะค่ะว่าบางที่คนรอตั้งแต่หลักพัน แต่ถ้าไปกับทัวร์เค้าจองเวลาให้ เราสามารถเข้าไปได้เลย ว้าวๆ เลือกทัวร์จากบริษัทที่มีหมายเลขกำกับภาษีและมีพนักงานที่มืออาชีพที่สำคัญมากกกกกกกนะค่ะ อย่าลืมซื้อประกันเดินทาง
อ้าเริ่มตื่นเต้นที่จะอยากเล่าแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขียนกระทู้มีอะไรแนะนำได้นะค่ะ
วันแรก กรุงเทพ-ดูไบ
เราออกจากสุวรรณภูมิ 2.00ถึงดูไบ 5.35 โดยสายการบินเอมิเรต
ระหว่างทางก็จะมีจอดูหนังเล่นเกมส์แก้เบื่อ ไม่น่าเชื่อหน้าจอแอบค้างด้วยแหละ มีอาหารเสริฟหนึ่งมื้อถือว่าเป็นอาหารเช้าบนเครื่อง
วันที่สองเราก็เดินทางมาถึงดูไบค่ะ
พักยืดเส้นยืดสาย
เก็บท้องไว้กินมื้อเที่ยงบนเครื่อง แนะนำนะค่ะ แอนนาซื้อน้ำพริก หมูหยอง หมูแผ่นไปบนเครื่อง เผื่อใครไม่ชอบอาหารแนวขนมปังไม่มีเส้นไม่มีข้าว เราพกไปด้วยช่วยได้เยอะเลยค่ะ แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อเวลา9.00ของดูไบถึงสนามบินฟูมิชิโน12.40เวลาท้องถิ่น
ถึงแล้วค่ะประเทศในฝัน อิตาลี อุณภูมิเฉลี่ย 19-5องศาเซลเซียส อากาศดีมากไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ดอกไม้ก็กำลังสวย
จากนั้นเราไปกันต่อที่ โรม-วาติกัน-โคลอสเซียม-น้ำพุเทรวี่
อิตาลียกย่องเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก ที่ๆคุณไม่ควรพลาดคือวาติกัน ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก แม้กระทั่งมีสนาบินเป็นของตัวเองตั้งอยู่ใจกลางโรม ศูนย์กลางนิกายคาทอลิกถ้าโชคดีมาวันอาทิตอาจจะได้เห็นโปบยืนโบกมือผ่านหน้าต่าง พวกเรายืนต่อแถวกันประมาณ2ชม.กว่า แถวยาวมากผู้คนมากันทั่วโลก แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าที่รอมาก ที่นี้สวยมากจิงๆ
มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เซนต์ปีเตอร์
สนามกีฬาโคลอสเซียม 1 ใน7สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ สร้างโดยไม่ใช่ตะปูสักตัว ประลองการต่อสู้ จุคนได้ 50,000 คน แนะนำสาวกหนังเรื่องgladiator ค่ะ
น้ำพุเทรวี่ มีความเชื่อว่าโยนเหรียญแล้วจะได้กลับมาอีก คนเยอะมาก แอนนากับพี่เค เลยเลือกที่จะไม่โยนเหรียญเพราะกลัวไปโดนหัวคนอื่น อิอิ เลยทำตามอีกวัฒนธรรมคือ กินไอติมข้างน้ำพุ ร้านไอติมที่นี้ดังมากคนต่อเป็นหางว่าวมีสองร้านเจ้าเดียวกัน แนะนำรส พิทาชิโอค่ะเป็นรสยอดนิยม
และเดินต่อไปไม่ไกลก็มาถึงบันไดเสปนที่ชื่อนี้เพราะอยู่ใกล้สถานฑูตเสปน ใครที่ข้อเข่าไม่ดีมีลิฟท์ให้ขึ้นไปนะค่ะ ส่วนใครที่อยากสัมผัสบันไดเสปนจิงๆแนะนำให้เดินขึ้นค่ะ
โปรดระวังที่ไหนที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมักจะมีโจรแฝงตัวมาเยอะมากดังนั้นกระเป๋าของคุณควรนำมาไว้ด้านหน้า ไม่วางสัมภาระทิ้งไว้โดยเฉพาะคนไทยที่ชอบใช้กระเป๋าจองที่ ทำที่นี้ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ เผลอแป๊บเดียวของหายทันที
วันที่สาม โรม- ฟลอเรนซ์ - ปิซ่า
เดินทางกันเกือบ4ชม. ที่นี้คนขับรถจะมีกฎคือ ห้ามขับรถติดต่อนานเกิน 2 ชม.ดังนั้นเราก็จะได้พัก ที่จุดพักรถระหว่างทาง ตามระยะเวลาที่กล่องดำหน้ารถกำหนด ที่นี้ไกด์จะพยายามหาที่พักรถที่มีห้องน้ำแบบไม่เสียเงินให้เราเข้า แลกกับการแวะเลือกซื้อของในร้านมินิมารท์ เพราะการเข้าห้องน้ำที่ยุโรปส่วนใหญ่ต้องเสียเงิน1-2ยูโร ดังนั้นการซื้อของจึงไม่เสียเปล่า
มหาวิหารานตา มาเรีย เดลฟิโอเรเมืองฟลอเรนซ์ ใหญ่เป็นอันดับ4ของยุโรป ใช้หินอ่อนตกแต่งทั่วทั้งโบสถ์ คุณจะแห่งเมืองนี้จากหนัง inferno
tip หลายท่านอาจสงสัยเราไปกันสองคนแล้วใครถ่ายรูปให้ เป็นลูกทัวร์ด้วยกันป่าวใช้ค่ะ แต่เรื่องเวลาจำกัดต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปถ่ายรูป แผนสำรองคือขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาถ่ายภาพให้ อ้าวแล้วไม่โดนขโมยกล้องเหรอ ถามว่ากลัวไหมกลัวแต่อยากได้รูปมากกว่าไม่รู้ชีวิตเราจะมีโอกาสมากี่ครั้ง แอนนาเลยเลือกคนที่เค้ามากับแฟนเพราะทุกคนอยากได้รูปอยู่แล้วเราจะเสนอถ่ายรูปให้เค้าก่อน แล้วขอเค้า สลับถ่ายให้เรา ภาพที่เราถ่ายก็ควรเป็นภาพที่หันหน้ามองกล้อง ถ้าหันหลังให้กล้อง ไม่รับประกันนะค่ะ
เดวิด รูปปั้นที่เหมือนจิง ผลงานชิ้นสำคัญของไมเคิล แองเจลโล่ แต่ที่ทุกท่านเห็นในรูปไม่ใช้ของจิงเพราะรูปปั้นนี้โดงดังมากจึงมีการปั้นหุ่นเพิ่มอีกสอง ใครอยากเห็นของจิงต้องเข้าไปดูในพิพิธภัณท์นะค่ะ
และที่ควรไม่พลาดด้วยประการทั้งปวงคือ หอเอนปิซ่า 1 ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ถูกใช้เป็นหอระฆัง ใช้เวลาสร้างเกือบ 200 ปี แนะนำให้คิดท่าเจ๋งมาเลยนะค่ะ รูปนี้เราเจอคนไทยขอให้ถ่ายรูปเลยโชคดีขอให้เค้าถ่ายรูปเราบ้างเลยได้รูปเจ๋งๆมาอีกรูปค่ะ
อย่าลืมถ่ายมุมนี้กันนะค่ะ วิหารที่นี้ก็สวยไม่แพ้เมืองอื่นๆเลยค่ะ
วันที่สี่ เกาะเวนิส
เราออกเดินทางจากเมืองปิซ่ามายังเวนิส ประมานเกือบสี่ ชั่วโมง เวนิสมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเวเนเชีย ถูกล้อมรอบไปด้วยทะเล ดังนั้นเกาะแห่งนี้จึงไม่มีรถ ผู้คนเดินทางโดยใช้เรือ หรือเท้า มีสะพานเชื่อมกัน 400 แห่ง และถูกจัดว่าเป็นราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก ซึ่งที่นี้โรแมนติกมาก หลายๆคู่รักจากทั่วโลกพากันมานั้งเรือกอนโดร่าที่นี้
ที่เห็นเป็นสะพานเล็กากด้านหลัง คือ สะพานถอนหายใจ ที่ๆนักโทษออกจากห้องพิพากษาไปยังคุก
นั้งเรือประมานครึ่งชั่วโมง 20 ยูโรต่อคน บรรจุคนได้ 6 คนต่อหนึ่งลำ
นี้คือเพื่อนๆทัวร์ที่เดินทางไปด้วยกัน ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ บริเวณนี้คือจตุรัสซานมาโคที่ นโปเลียนกล่าวว่าเป็น ห้องนั้งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป และบริเวณนี้ยังมีร้านกาแฟขึ้นชื่อสำหรับคอกาแฟ และร้านอาหารมิชาลีนสองดาวด้วยค่ะ
tipที่เวนิชเต็มไปด้วยร้านขายของแบรน์เนมใครที่มองหากระเป๋าถ้ามีเวลา ซื้อที่นี้ได้ซื้อเลยหากเจอของโดนใจอย่างเช่นชาแนล เพราะที่ฝรั่งเศสบางรุ่นก็ไม่มี แต่แนะนำหลุยส์วิคตองให้ไปซื้อที่ฝรั่งเศสshopใหญ่กว่า ถามว่าราคาต่างกันมากไหม ฝรั่งเศสถูกกว่าไม่มากค่ะ
ถือโอกาสจัดมาหนึ่งใบค่ะ ค่อนข้างลังเล แต่ไม่รู้ว่าฝรั่งเศสจะมีรุ่นที่เราชอบรึเปล่าเลยคว้ามาก่อนค่ะ
จบมื้อเย็นด้วยอาหารพื้นเมือง สปาเก้ตตี้หมึกดำ บอกเลยว่าถ้ากินแล้ว แม้แต่ฟันก็ยังดำ
วันที่ห้า มิลาน
เดินทางกันประมาณ เกือบสี่ ชั่วโมง มิลานคือเมืองหลวงแฟชั่น
มาชมชอปปิ้งมอลล์ที่หรูหรา และเก่าแก่ที่สุดในมิลาน เป็นที่แรกที่ใช้โครงเหล็กสร้างหลังคา ข้างในตรงพื้นจะมีรูปกระทิง ซึ้งหลายคนเชื่อว่าให้เอาส้นเท้าเหยียบตรงไข่กระทิงแล้วหมุนหนึ่งรอบหรือเรียกง่ายๆปั่นไข่ เราจะได้กลับมาที่มิลานอีก ซึ้งแอนนาก็ไม่ลืมที่จะไปปั่น55
ใครยังช้อปไม่จุใจที่นี้ก็ยังมีร้านแบรนเนมต่างๆมากมายค่ะ
มหาวิหารเมืองมิลานก็สวยไม่แพ้ที่ใด ศิลปะแบบนีโอโกธิค
สถานที่แห่งนี้มีตะปูที่ตรึงบนไม้กางเขนของพระเยซู สังเกตุจากไฟสีแดงจะอยู่ทางด้านหลังโบสถ์อย่าพลาดที่จะได้เห็นนะค่ะ
นิดนึงค่ะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป คุณจะเห็นของสวยๆงามๆ โชว์ตามข้างถนน ถ้าจะเข้าไปถ่ายรูปด้วยจะต้องเสียเงินเพิ่ม ยังไม่พอถ้าให้น้อยอาจจะต้องถูกจ่ายเพิ่ม ดังนั้นไม่ถ่ายรูปคู่ด้วยจะดีที่สุดค่ะ
การเดินทางของแอนนาและพี่เคอยู่กันที่อิตาลี4วัน เมืองแห่งศิลปะเราจะเดินทางกันต่อไปยังเมืองที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากสัมผัสอยากเห็นก่อนตายสักครั้งสวิตเซอร์แลนด์ ยังไงจะมารีวิวให้ต่อนะค่ะ
มีภาพสวยๆมีเยอะนะค่ะ facebook Suchawadee Taiwuwattana