สวัสดีครับทุกๆท่าน

วันนี้ MC WANG JIE (แอ๊ด ป้ายแดง) เข้าประจำการครับ
วันนี้วันหวยออก ถึงตอนที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่นี้ก็คงทราบไปแล้วว่าออกอะไรบ้าง แต่ตอนที่ผมกำลังจิ้มดีดอยู่นี้ยังไม่ทราบ และรอลุ้นอยู่

คิดไปคิดมา...
อย่ากระนั้นเลย คุยเรื่องเกี่ยวกับหวยดีกว่า
ข้อเขียนของผมในวันนี้ มีทั้งที่รวบรวมมาจากทางอินเตอร์เน็ต และจากประสบการณ์ความทรงจำของตัวเอง รวมกัน
คำว่า "หวย" นั้น มิใช่คำไทยครับ มาจากภาษาจีน ในสมัย ร.3 (พ.ศ.2375) โปรดเกล้าฯ ให้นายอากรสุราคนจีนชื่อ "จีนหง"ตั้งโรงหวยขึ้นมาก่อน และเล่นกันเฉพาะในหมู่คนจีนโดยมาก ซึ่งคนจีนเรียกกันว่า " 花會 " (ฮวยหวย หรือ ฮวาฮุ่ย ในภาษาจีนกลาง, ดังนั้น คำว่า "หวย" ก็มาจากอักษรจีน "會" = หวย หรือ ฮุ่ย ตัวนี้นั่นเอง) หมายถึง "การประชุมแห่งดอกไม้" ที่เรียกอย่างนี้เพราะเขาเอาดอกไม้ต่างๆหลายชนิดมารวมกันเป็นหวยก่อน (วิธีออกเข้าใจว่าคงจะจับสลากเอา) ภายหลังเปลี่ยนจากดอกไม้มาเป็นชื่อคนโดยเขียนใส่ไว้บนป้าย 34 ป้าย แล้วให้คนแทงโดยทายว่าจะออกเป็นชื่อใคร ซึ่งเจ้ามือจะเลือกป้ายชื่อคนเหล่านั้นหนึ่งอัน ใส่ในกระบอกไม้ ปิดปากกระบอกแขวนไว้กับหลังคาโรงหวย ให้คนทายว่าจะเป็นชื่อผู้ใดใน 34 ชื่อเหล่านั้น ภายหลังได้เพิ่มขึ้นเป็น 36 ป้าย 36 ชื่อ และในที่สุดก็กลายเป็น "หวย ก.ข." โดยสมบูรณ์ ตามภาพข้างล่างนี้

ลักษณะการออกหวย ก.ข.นั้น ผมเคยพบเห็นคล้ายๆกัน เมื่อครั้งที่ผมได้ไปใช้ชีวิตอยู่บนดอยแม่สะลอง จ.เชียงราย อยู่ร่วมกับชาวเขาเผ่าอาข่า และชาวจีนฮ่อ ปรากฏว่า พวกเขามีการออกหวยชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า
"มะก่องถี่" มีชื่อให้เลือกแทงประมาณ 30 กว่าตัวเหมือนกัน เป็นชื่อสัตว์ต่างๆก็เยอะ เช่น หมู หมา ไก่ ปลา นก ฯลฯ เจ้ามือเขาเขียนชื่อใส่กระบอกไม้ไผ่เอาไปแขวนไว้บนสุดของไม้ไผ่ยาวปักบนดินซึ่งใครก็ปีนขึ้นไปไม่ได้ มีคนเฝ้า พอถึงเวลาออกก็สอยลงมา ออกทุกอาทิตย์เลยครับ

เรื่องมะก่องถี่ ใครสนใจไปอ่านกระทู้นี้ครับ มีสมาชิกท่านหนึ่งบรรยายไว้
https://pantip.com/topic/31814876
โรงหวยที่ตั้งขึ้นมานั้น เป็นของรัฐที่ให้สัมปทานแก่เอกชน ผู้ได้รับสัมปทานจะได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนบาล" รายได้จากภาษีอากรหวยนั้นมหาศาล แต่คนเล่นมีมากเกินไป ติดกันงอมแงมจนถึงกับมี "ขุนบาลเถื่อน" ครั้นถึงรัชสมัย ร.5 ทรงดำริยกเลิกหวย แต่เพราะรัฐได้ภาษีอากรจากหวยเป็นอันมาก จึงทรงยกเลิกอากรบ่อนเบี้ยก่อนแล้วจึงทรงยกเลิกอากรหวยในสมัยรัชกาลที่ 6 ถึงตอนนี้ผู้คนก็ไม่มีหวยเล่นกันไปช่วงหนึ่ง (คงจะคันไม้คันมือกันไม่มากก็น้อย)
และเมื่อถึง พ.ศ.2417 "ล็อตเตอรี" ก็ได้ถือกำเนิดครั้งแรก และมี "ล็อตเตอรีพิเศษ" ในวาระพิเศษอีกหลายครั้ง เพื่อการกุศลบ้าง บำรุงสาธารณกุศลบ้าง จนกระทั่ง พ.ศ. 2475 รัฐบาลภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้ให้มีการออกล็อตเตอรี่เป็นประจำ ครั้นถึงปี พ.ศ. 2482 จึงมีการจัดตั้ง "สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" มีการออกล็อตเตอรี่เป็นประจำ โดยใช้เลขท้ายของล็อตเตอรี่ ยกเลิกหวย ก ข ไป
ปี พ.ศ.2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออก “ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท” เพื่อหารายได้บำรุงกองเสือป่าอาสาสมัคร จำนวน 1 ล้านฉบับ จำหน่ายฉบับละ 1 บาท วิธีการออกสลากคือ นำเลขที่ออกรางวัลบรรจุกล่องทึบ แล้วใส่ลงในไห ตั้งเรียงตามลำดับของหลักตัวเลขคือ หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ก่อนออกรางวัล กรรมการจะจับสลากเพื่อให้ทราบว่า ครั้งนี้ จะออกรางวัลที่เท่าใด แล้วจึงให้กรรมการล้วงตลับบรรจุเลขหมายออกมาเปิดต่อหน้ากรรมการและประชาชนจนครบทุกรางวัล เป็นอันเสร็จการออกรางวัลสลากในงวดนั้น และนี่ จึงเป็นพื้นฐานแห่งวิธีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ใช้กันในปัจจุบันนี้
ต่อมา พ.ศ. 2476 (สมัย ร.7) รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดเงินรัชชูปการ (เงินที่เรียกเก็บจากชายไทยที่มิต้องรับราชการทหาร) ทำให้รัฐขาดรายได้ จึงได้ดำริให้มีการออกลอตเตอรี่รัฐบาลเป็นประจำขึ้น โดยเรียกว่า “ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม” โดยพิมพ์ออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านฉบับๆ 1 บาท ออกปีละ 4 งวด ปีถัดมาคือ พ.ศ. 2477 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยออก “สลากกินแบ่งบำรุงเทศบาล” โดยกำหนดว่า หากเดือนใดเป็นเดือนที่ออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนนั้นให้งดจำหน่ายสลากกินแบ่งของเทศบาล โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2478 แล้วออกสลากเดือนเมษายน พ.ศ. 2479 โดยพิมพ์จำนวน 5 แสนฉบับๆ ละ 1 บาท และได้มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาลเรื่อยมา

จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2482 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนกิจการสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาล มาสังกัดกระทรวงการคลัง และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น โดยมี พระยาพรหมทัตศรีพิลาส เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2482 ในวันดังกล่าวจึงถือเป็นวันสถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจนปัจจุบัน และการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กำหนดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง
ทั้งหมดนี้คือ ความเป็นมาของ "หวย" และ "สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" ครับ
(ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
http://www.lomtoe.net/m/news_view.php?qid=147343,
http://rpk22.ac.th/?q=node/24375 และภาพประกอบจาก กูเกิ้ลภาพ ครับ)
อย่างไรก็ดี ลำพังเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักเล่นหวย

เพราะ รางวัลจำกัดอย่างหนึ่ง จำนวนสลากที่มักจะไม่เพียงพออย่างหนึ่ง ที่สำคัญคือ มันถูกแสนยากแสนเข็ญ สำหรับรางวัลใหญ่ ที่ต้องถูกเลขทั้ง 6 ตัวโดยต้องเรียงกันตรงเป๊ะตามผลการออกสลาก สมัยก่อน (ก่อน พ.ศ.2531) ยิ่งกว่าปัจจุบันนี้อีกคือ มีเลขมากถึง 7 ตัว ยิ่งถูกยากมากเป็นทวีคูณยกกำลังสอง และ รางวัลสำหรับเลขท้ายสามตัว และสองตัว ก็จิ๊บจ๊อยเสียเหลือเกิน เมื่อเปรียบเทียบกับ "หวยใต้ดิน" เช่นถ้าเราถูกเลขท้าย 2 ตัวกับสลากกินแบ่งรัฐบาลคู่หนึ่ง ซึ่งราคา 80 บาท จะได้เงิน 2 พันบาท แต่ถ้าเอา 80 บาทนี้ไปแทงหวยใต้ดินแล้วถูก อาจจะได้เงินถึง 4,800-5,600 บาท (บางเจ้าจ่ายบาทละ 60 บางเจ้าก็จ่าย 70) มันแตกต่างกันมากขนาดนี้ นี่เฉพาะเลขท้าย 2 ตัวเท่านั้น แต่ช็อตเด็ดของคนเล่นหวยใต้ดินคือ "เลขท้าย 3 ตัว รางวัลที่ 1" ครับ ซึ่งสามารถแทงเฉพาะเลขท้าย 2 ตัวก็ได้ด้วย ในขณะที่สลากกินแบ่งรัฐบาลมีเฉพาะรางวัลเลขท้าย 2 ตัวที่ออกก่อนรางวัลที่ 1 เท่านั้น, ช็อตเด็ดที่ว่านี้คือ คนที่แทงท้ายสามตัวรางวัลที่ 1 ถูก แทงแค่บาทเดียว ก็ได้ถึง 500 เป็นอย่างต่ำ ถ้าแทงสิบบาทก็ 5 พันแล้วครับท่านผู้ชม เพราะฉะนั้น คนเล่นหวย จึงแทงหวยใต้ดินกันทั่วประเทศ นอกเหนือไปจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อหวังฟลุ๊กถูกรางวัลใหญ่คือ รางวัลที่ 5 ถูก 1 คู่ ได้ 2 หมื่นบาท, รางวัลที่ 4 ถูก 1 คู่ ได้ 4 หมื่นบาท, รางวัลที่ 3 ถูก 1 คู่ ได้ 8 หมื่นบาท, รางวัลที่ 2 ถูก 1 คู่ ได้ 2 แสนบาท และ รางวัลที่ 1 ถูก 1 คู่ ได้ 6 ล้านบาท ถ้าถูกรางวัลข้างเคียง (คือเลขท้ายของสลากกินแบ่งฯ ที่เราซื้อมานั้น ขาด หรือเกินไปจากเลขที่ออก 1 แต้ม) จะได้ 1 แสนบาท เป็นรางวัลปลอบใจ


ส่วน รางวัล เลขหน้า 3 ตัว กับเลขท้าย 3 ตัวนั้น ถ้าถูก ได้คู่ละ 4,000 บาท (เลขหน้า 3 ตัว หมายถึง เลขสามหลักแรก คือ หลักแสน หลักหมื่น และหลักพัน, ที่เหลือก็เป็นเลขท้าย 3 ตัว)
และ ครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตนี้ ผมยังจดจำ "หวยบนดิน" ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลของท่านทักษิณ และเคยถูกรางวัลกับหวยบนดินมาแล้ว....
สำหรับหวยใต้ดินนั้น มีการเล่นการแทงที่ต้องเรียกว่า "พิสดาร" มากกว่าหวยรัฐบาลหลายเท่านัก ข้อมูลต่อไปนี้ มิได้ตั้งใจที่จะสนับสนุนให้เล่นการพนันนะครับ เพียงแต่บอกให้ทราบว่าเขาเล่นกันอย่างไรเท่านั้น......โดยหลักๆ ก็มีดังนี้
เลขท้ายสามตัว รางวัลที่ 1 บาทละ 500 ถ้าถูกกลับตัว (เรียกว่า "โต๊ด") บาทละ 100 ซึ่งผู้ซื้อต้องแจ้งให้ชัดเจนด้วยว่า "โต๊ด" ไม่แจ้งถือว่าถูกตรง (อันนี้ เคยเกิดกรณีขึ้นมาตอนหวยบนดิน ที่แม่ค้าคนหนึ่งซื้อสลาก แต่ไม่ได้เขียนระบุ สุดท้ายนายกทักษิณชี้ขาดให้ว่า ถูกสามตัวท้าย(ตรง) และจ่ายรางวัลให้)
เลขท้าย 2 ตัว บนและล่าง,บนคือ ท้ายสองตัวรางวัลที่ 1 ส่วนล่างก็คือเลขท้ายสองตัวของรัฐบาลนั่นเอง บาทละ 60-70
2 ตัวโต๊ดบน หรือเรียกกันว่า "คู่โต๊ด" คือเลข 2 ตัวซึ่งเป็น "เซ็ต" ของเลขท้ายสามตัวบน เช่น สมมติว่าเลขออก 123 คู่โต๊ดก็คือ 12,13 และ 23 คู่โต๊ดนี้ บาทละ 10
เลขวิ่ง หรือ เลขลอย เป็นเลขตัวเดียวโดดๆ แยกเป็น วิ่งบน/ลอยบน ตรวจกับเลขท้ายสามตัวบน ถ้าเลขที่วิ่งหรือลอยนั้น เป็นเลขตัวหนึ่งในเลขท้าย 3 ตัว จ่ายบาทละ 3 (รวมทุน) กับ วิ่งล่าง/ลอยล่าง ตรวจกับเลขท้ายสองตัวล่าง ถ้าเลขที่วิ่งหรือลอยนั้น เป็นเลขตัวหนึ่งในเลขท้าย 2 ตัว จ่ายบาทละ 4 (รวมทุน) แล้วก็ ยังมีแบบ ห้าตัวมาสามตัว อีก สำหรับสามตัวบน อันนี้ไม่แน่ใจว่าเขาคิดกันอย่างไรแต่เคยได้ยิน
ทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นกระบวนการหวยใต้ดิน
สำหรับ เลขท้าย สามตัวบน มี "ความรู้" อย่างหนึ่งที่คนที่เล่น ควรรู้ โดยเฉพาะคนที่ชอบซื้อทีละหลายเบอร์อ (เปลืองและลงทุนเยอะ ไม่แนะนำนะครับแต่บอกให้รู้ไว้เฉยๆ)
เลขสามตัว คือ 000 ถึง 999 มีทั้งหมด 1 พันเบอร์.....แต่ถ้า สกัด เอาเลขเบิ้ล (เลขมีคู่ติดกันข้างหน้าหรือข้างหลังเช่น 002,533 เป็นต้น) และ เลขหาม (เลขมีคู่แต่แยกไม่ติดกัน มีเลขอื่นแทรกกลาง เช่น 101,545 เป็นต้น) กับเลขตอง (สามตัวเลขเดียวกันเช่น 111,333 เป็นต้น) ออกไปให้หมดเสียแล้ว จะเหลือเลขสามตัวที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละเบอร์ และเลขสามตัวเหล่านั้น เมื่อรวมเป็นเลข "โต๊ด" จะได้เลขรวมแล้ว 120 เบอร์ ดังนี้
012-013-014-015-016-017-018-019-023-024
025-026-027-028-029-034-035-036-037-038
039-045-046-047-048-049-056-057-058-059
067-068-069-078-079-089-123-124-125-126
127-128-129-134-135-136-137-138-139-145
146-147-148-149-156-157-158-159-167-168
169-178-179-189-234-235-236-237-238-239
245-246-247-248-249-256-257-258-259-267
268-269-278-279-289-345-346-347-348-349
356-357-358-359-367-368-369-379-379-389
456-457-458-459-467-468-469-478-479-489
567-568-569-578-579-589-678-679-689-789
ถ้างวดไหน เลขที่ออก ไม่ออกเลขเบิ้ล ไม่ออกเลขหาม ไม่ออกเลขตอง มันก็จะอยู่ในกลุ่มนี้แหละครับ เช่น งวดที่แล้ว (16 เมษายน 2560) ออก 729 ก็ถูกที่ชุดโต๊ด 279
แผงเลขนี้ เรียกว่า "สามตัวโต๊ดอมตะตลอดกาล" ถูกทุกงวดครับ
ใครมีสูตร ตัดเลข ดับเลข ในแต่ละงวด ก็เอาไปตัดดู ตัดได้เด็ดๆอะไรมา ก็บอกกันบ้างเน้อ
ตบท้ายด้วยเพลง "หวย" ของวง ดาจิม ครับ
กระทู้ห้องเพลง เป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 2/5/2017 วันหวยออก คุยเรื่องหวยจ้า
วันนี้วันหวยออก ถึงตอนที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่นี้ก็คงทราบไปแล้วว่าออกอะไรบ้าง แต่ตอนที่ผมกำลังจิ้มดีดอยู่นี้ยังไม่ทราบ และรอลุ้นอยู่
ข้อเขียนของผมในวันนี้ มีทั้งที่รวบรวมมาจากทางอินเตอร์เน็ต และจากประสบการณ์ความทรงจำของตัวเอง รวมกัน
คำว่า "หวย" นั้น มิใช่คำไทยครับ มาจากภาษาจีน ในสมัย ร.3 (พ.ศ.2375) โปรดเกล้าฯ ให้นายอากรสุราคนจีนชื่อ "จีนหง"ตั้งโรงหวยขึ้นมาก่อน และเล่นกันเฉพาะในหมู่คนจีนโดยมาก ซึ่งคนจีนเรียกกันว่า " 花會 " (ฮวยหวย หรือ ฮวาฮุ่ย ในภาษาจีนกลาง, ดังนั้น คำว่า "หวย" ก็มาจากอักษรจีน "會" = หวย หรือ ฮุ่ย ตัวนี้นั่นเอง) หมายถึง "การประชุมแห่งดอกไม้" ที่เรียกอย่างนี้เพราะเขาเอาดอกไม้ต่างๆหลายชนิดมารวมกันเป็นหวยก่อน (วิธีออกเข้าใจว่าคงจะจับสลากเอา) ภายหลังเปลี่ยนจากดอกไม้มาเป็นชื่อคนโดยเขียนใส่ไว้บนป้าย 34 ป้าย แล้วให้คนแทงโดยทายว่าจะออกเป็นชื่อใคร ซึ่งเจ้ามือจะเลือกป้ายชื่อคนเหล่านั้นหนึ่งอัน ใส่ในกระบอกไม้ ปิดปากกระบอกแขวนไว้กับหลังคาโรงหวย ให้คนทายว่าจะเป็นชื่อผู้ใดใน 34 ชื่อเหล่านั้น ภายหลังได้เพิ่มขึ้นเป็น 36 ป้าย 36 ชื่อ และในที่สุดก็กลายเป็น "หวย ก.ข." โดยสมบูรณ์ ตามภาพข้างล่างนี้
ลักษณะการออกหวย ก.ข.นั้น ผมเคยพบเห็นคล้ายๆกัน เมื่อครั้งที่ผมได้ไปใช้ชีวิตอยู่บนดอยแม่สะลอง จ.เชียงราย อยู่ร่วมกับชาวเขาเผ่าอาข่า และชาวจีนฮ่อ ปรากฏว่า พวกเขามีการออกหวยชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า "มะก่องถี่" มีชื่อให้เลือกแทงประมาณ 30 กว่าตัวเหมือนกัน เป็นชื่อสัตว์ต่างๆก็เยอะ เช่น หมู หมา ไก่ ปลา นก ฯลฯ เจ้ามือเขาเขียนชื่อใส่กระบอกไม้ไผ่เอาไปแขวนไว้บนสุดของไม้ไผ่ยาวปักบนดินซึ่งใครก็ปีนขึ้นไปไม่ได้ มีคนเฝ้า พอถึงเวลาออกก็สอยลงมา ออกทุกอาทิตย์เลยครับ
เรื่องมะก่องถี่ ใครสนใจไปอ่านกระทู้นี้ครับ มีสมาชิกท่านหนึ่งบรรยายไว้
https://pantip.com/topic/31814876
โรงหวยที่ตั้งขึ้นมานั้น เป็นของรัฐที่ให้สัมปทานแก่เอกชน ผู้ได้รับสัมปทานจะได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนบาล" รายได้จากภาษีอากรหวยนั้นมหาศาล แต่คนเล่นมีมากเกินไป ติดกันงอมแงมจนถึงกับมี "ขุนบาลเถื่อน" ครั้นถึงรัชสมัย ร.5 ทรงดำริยกเลิกหวย แต่เพราะรัฐได้ภาษีอากรจากหวยเป็นอันมาก จึงทรงยกเลิกอากรบ่อนเบี้ยก่อนแล้วจึงทรงยกเลิกอากรหวยในสมัยรัชกาลที่ 6 ถึงตอนนี้ผู้คนก็ไม่มีหวยเล่นกันไปช่วงหนึ่ง (คงจะคันไม้คันมือกันไม่มากก็น้อย)
และเมื่อถึง พ.ศ.2417 "ล็อตเตอรี" ก็ได้ถือกำเนิดครั้งแรก และมี "ล็อตเตอรีพิเศษ" ในวาระพิเศษอีกหลายครั้ง เพื่อการกุศลบ้าง บำรุงสาธารณกุศลบ้าง จนกระทั่ง พ.ศ. 2475 รัฐบาลภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้ให้มีการออกล็อตเตอรี่เป็นประจำ ครั้นถึงปี พ.ศ. 2482 จึงมีการจัดตั้ง "สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" มีการออกล็อตเตอรี่เป็นประจำ โดยใช้เลขท้ายของล็อตเตอรี่ ยกเลิกหวย ก ข ไป
ปี พ.ศ.2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออก “ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท” เพื่อหารายได้บำรุงกองเสือป่าอาสาสมัคร จำนวน 1 ล้านฉบับ จำหน่ายฉบับละ 1 บาท วิธีการออกสลากคือ นำเลขที่ออกรางวัลบรรจุกล่องทึบ แล้วใส่ลงในไห ตั้งเรียงตามลำดับของหลักตัวเลขคือ หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ก่อนออกรางวัล กรรมการจะจับสลากเพื่อให้ทราบว่า ครั้งนี้ จะออกรางวัลที่เท่าใด แล้วจึงให้กรรมการล้วงตลับบรรจุเลขหมายออกมาเปิดต่อหน้ากรรมการและประชาชนจนครบทุกรางวัล เป็นอันเสร็จการออกรางวัลสลากในงวดนั้น และนี่ จึงเป็นพื้นฐานแห่งวิธีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ใช้กันในปัจจุบันนี้
ต่อมา พ.ศ. 2476 (สมัย ร.7) รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดเงินรัชชูปการ (เงินที่เรียกเก็บจากชายไทยที่มิต้องรับราชการทหาร) ทำให้รัฐขาดรายได้ จึงได้ดำริให้มีการออกลอตเตอรี่รัฐบาลเป็นประจำขึ้น โดยเรียกว่า “ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม” โดยพิมพ์ออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านฉบับๆ 1 บาท ออกปีละ 4 งวด ปีถัดมาคือ พ.ศ. 2477 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยออก “สลากกินแบ่งบำรุงเทศบาล” โดยกำหนดว่า หากเดือนใดเป็นเดือนที่ออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนนั้นให้งดจำหน่ายสลากกินแบ่งของเทศบาล โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2478 แล้วออกสลากเดือนเมษายน พ.ศ. 2479 โดยพิมพ์จำนวน 5 แสนฉบับๆ ละ 1 บาท และได้มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาลเรื่อยมา
จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2482 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนกิจการสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาล มาสังกัดกระทรวงการคลัง และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น โดยมี พระยาพรหมทัตศรีพิลาส เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2482 ในวันดังกล่าวจึงถือเป็นวันสถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจนปัจจุบัน และการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กำหนดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง
ทั้งหมดนี้คือ ความเป็นมาของ "หวย" และ "สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" ครับ
(ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก http://www.lomtoe.net/m/news_view.php?qid=147343,http://rpk22.ac.th/?q=node/24375 และภาพประกอบจาก กูเกิ้ลภาพ ครับ)
อย่างไรก็ดี ลำพังเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักเล่นหวย
และ ครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตนี้ ผมยังจดจำ "หวยบนดิน" ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลของท่านทักษิณ และเคยถูกรางวัลกับหวยบนดินมาแล้ว....
สำหรับหวยใต้ดินนั้น มีการเล่นการแทงที่ต้องเรียกว่า "พิสดาร" มากกว่าหวยรัฐบาลหลายเท่านัก ข้อมูลต่อไปนี้ มิได้ตั้งใจที่จะสนับสนุนให้เล่นการพนันนะครับ เพียงแต่บอกให้ทราบว่าเขาเล่นกันอย่างไรเท่านั้น......โดยหลักๆ ก็มีดังนี้
เลขท้ายสามตัว รางวัลที่ 1 บาทละ 500 ถ้าถูกกลับตัว (เรียกว่า "โต๊ด") บาทละ 100 ซึ่งผู้ซื้อต้องแจ้งให้ชัดเจนด้วยว่า "โต๊ด" ไม่แจ้งถือว่าถูกตรง (อันนี้ เคยเกิดกรณีขึ้นมาตอนหวยบนดิน ที่แม่ค้าคนหนึ่งซื้อสลาก แต่ไม่ได้เขียนระบุ สุดท้ายนายกทักษิณชี้ขาดให้ว่า ถูกสามตัวท้าย(ตรง) และจ่ายรางวัลให้)
เลขท้าย 2 ตัว บนและล่าง,บนคือ ท้ายสองตัวรางวัลที่ 1 ส่วนล่างก็คือเลขท้ายสองตัวของรัฐบาลนั่นเอง บาทละ 60-70
2 ตัวโต๊ดบน หรือเรียกกันว่า "คู่โต๊ด" คือเลข 2 ตัวซึ่งเป็น "เซ็ต" ของเลขท้ายสามตัวบน เช่น สมมติว่าเลขออก 123 คู่โต๊ดก็คือ 12,13 และ 23 คู่โต๊ดนี้ บาทละ 10
เลขวิ่ง หรือ เลขลอย เป็นเลขตัวเดียวโดดๆ แยกเป็น วิ่งบน/ลอยบน ตรวจกับเลขท้ายสามตัวบน ถ้าเลขที่วิ่งหรือลอยนั้น เป็นเลขตัวหนึ่งในเลขท้าย 3 ตัว จ่ายบาทละ 3 (รวมทุน) กับ วิ่งล่าง/ลอยล่าง ตรวจกับเลขท้ายสองตัวล่าง ถ้าเลขที่วิ่งหรือลอยนั้น เป็นเลขตัวหนึ่งในเลขท้าย 2 ตัว จ่ายบาทละ 4 (รวมทุน) แล้วก็ ยังมีแบบ ห้าตัวมาสามตัว อีก สำหรับสามตัวบน อันนี้ไม่แน่ใจว่าเขาคิดกันอย่างไรแต่เคยได้ยิน
ทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นกระบวนการหวยใต้ดิน
สำหรับ เลขท้าย สามตัวบน มี "ความรู้" อย่างหนึ่งที่คนที่เล่น ควรรู้ โดยเฉพาะคนที่ชอบซื้อทีละหลายเบอร์อ (เปลืองและลงทุนเยอะ ไม่แนะนำนะครับแต่บอกให้รู้ไว้เฉยๆ)
เลขสามตัว คือ 000 ถึง 999 มีทั้งหมด 1 พันเบอร์.....แต่ถ้า สกัด เอาเลขเบิ้ล (เลขมีคู่ติดกันข้างหน้าหรือข้างหลังเช่น 002,533 เป็นต้น) และ เลขหาม (เลขมีคู่แต่แยกไม่ติดกัน มีเลขอื่นแทรกกลาง เช่น 101,545 เป็นต้น) กับเลขตอง (สามตัวเลขเดียวกันเช่น 111,333 เป็นต้น) ออกไปให้หมดเสียแล้ว จะเหลือเลขสามตัวที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละเบอร์ และเลขสามตัวเหล่านั้น เมื่อรวมเป็นเลข "โต๊ด" จะได้เลขรวมแล้ว 120 เบอร์ ดังนี้
012-013-014-015-016-017-018-019-023-024
025-026-027-028-029-034-035-036-037-038
039-045-046-047-048-049-056-057-058-059
067-068-069-078-079-089-123-124-125-126
127-128-129-134-135-136-137-138-139-145
146-147-148-149-156-157-158-159-167-168
169-178-179-189-234-235-236-237-238-239
245-246-247-248-249-256-257-258-259-267
268-269-278-279-289-345-346-347-348-349
356-357-358-359-367-368-369-379-379-389
456-457-458-459-467-468-469-478-479-489
567-568-569-578-579-589-678-679-689-789
ถ้างวดไหน เลขที่ออก ไม่ออกเลขเบิ้ล ไม่ออกเลขหาม ไม่ออกเลขตอง มันก็จะอยู่ในกลุ่มนี้แหละครับ เช่น งวดที่แล้ว (16 เมษายน 2560) ออก 729 ก็ถูกที่ชุดโต๊ด 279
แผงเลขนี้ เรียกว่า "สามตัวโต๊ดอมตะตลอดกาล" ถูกทุกงวดครับ
ใครมีสูตร ตัดเลข ดับเลข ในแต่ละงวด ก็เอาไปตัดดู ตัดได้เด็ดๆอะไรมา ก็บอกกันบ้างเน้อ
กระทู้ห้องเพลง เป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น