มาร์ค มาเกวซยังคงรักษาสถิติ King of America เอาไว้ได้ต่อไป หลังจากสามารถเก็บชัยชนะครั้งแรกของฤดูกาล 2017 ของตัวเองได้ที่ออสติน ในสนาม COTA ซึ่งเค้าชนะมาตลอดทั้ง 4 ครั้งที่จัดการแข่งขัน ซึ่งปีนี้นั้นมาร์ค ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ดูเหมือนว่า MM93 จะต้องเจอกับงานช้างในปีนี้ เนื่องจากกำลังโดนผู้ชนะ 2 สนามรวดอย่างมาเวอร์ริค วินยาเลส ก้าวขึ้นมาท้าทายและหวังจะหยุดสถิติอันเพอร์เฟคของมาเกวซที่ออสตินลงให้ได้ ซึ่งรถเบอร์ 93 และ 25 ได้ออกสตาร์ทในแถวหน้าคู่กันในอันดับที่ 1 และ 2 ทำให้ได้รับการคาดหมายว่า นี่คือมวยถูกคู่ ถูกเวลาแบบสุดๆแล้ว น่าจะได้เห็นการต่อสู้กันของ 2 คนนี้ที่นี่แน่ๆ

บรรยากาศการให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อนแข่ง ซึ่ง Vinales นั้นมาเท็กซัสด้วยความมั่นใจแบบเต็มถัง
แต่ทว่าในการแข่งขันนั้น กลายเป็นเจ้าวินที่ไม่มาตามนัด หลังจากพลาดล้มเพียงแค่ในรอบที่ 2 ขณะที่กำลังวิ่งอยู่ในอันดับ 4 ต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่ไก่โห่ ทำให้ในกลุ่มเหลือรถแค่ 4 คันคือเพรโดซ่า มาเกวซ รอสซี่และซาร์โก้ ซึ่งในช่วงต้นของการแข่งขันนั้นเป็นพ่อใหญ่แดนที่เป็นผู้นำฝูง ซึ่งแดนนี่ขี่ได้ดีมากๆในช่วง 6-7 รอบแรกของสนามนี้ ส่วนมาร์ค มาเกวซนั้นก็ดูเหมือนว่าจะยังคงขี่แบบดูลาดเลาไปก่อน มีแหย่ๆแดนนี่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้บุกอะไรมาก

Honda RC213V
วาเลนติโน่รอสซี่ โดนโยฮัน ซาร์โก้ ทำความเร็วเกาะแบบไม่ให้หนีห่างออกไปได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีจังหวะปะทะเพื่อแย่งอันดับ 3กัน เริ่มต้นที่ VR46 เบรกพลาดในโค้งก่อนหน้านี้ ทำให้เสียเวลาต่อเนื่องมาจนถึงโค้งต่อมาทำให้ซาร์โก้ตัดสินใจเสียบไลน์ในเพื่อแซงทันทีแบบที่รอสซี่ไม่ได้นึกว่าจะโดนแซงตรงนี้ กว่าที่รอสซี่จะรู้ตัว รถของทั้งคู่ก็ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันและกำลังจะแปะกันด้วยด้านข้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ารอสซี่ไม่สามารถเข้าโค้งได้ด้วยมุมเอียงตัวระดับนั้น ทำให้คุณหมอตัดสินใจวิ่งตัดผ่านโค้งรูปตัว S ไป ส่งผลให้ระยะทางของเค้ากับมาเกวซที่วิ่งอยู่ที่ 2 นั้นลดลงทันที ผลจากข้อได้เปรียบตรงนี้ ทำให้รอสซี่ถูกลงโทษเพิ่มเวลา 0.3 วินาทีหลังจากจบการแข่งขันจากทางคณะกรรมการจัดการแข่งขัน

3 ผู้นำในการแข่งขันต่อเนื่องไปจนผ่านธงตราหมากรุก
เนื่องจากมาเกวซเพิ่งจะตัดสินใจเปลี่ยนยางหน้ามาเป็นยาง Hard ในวันแข่งเนื่องจากอุณหภูมิในวันแข่งนั้นเพิ่มขึ้นมากว่าที่คาด แต่ทว่ายาง H เป็นยางที่เค้าใช้น้อยมากในการฝึกซ้อม ทำให้ MM93 ต้องขี่แบบค่อนข้างระมัดระวังในช่วงรอบแรกๆ แต่หลังจากที่มั่นใจว่ารู้ขีดจำกัดของยางแล้ว มาเกวซก็เริ่มปฏิบัติการจู่โจมและขยับขึ้นไปนำพร้อมกับหายเข้าไปในกลีบเมฆ ก่อนที่ช่วงท้ายๆจะค่อยๆลดเพดานบินต่ำลงมา แต่ก็ยังถือว่าเก็บชัยชนะไปได้แบบสบายๆอีกปี

เด็กเลี้ยงวัว ดีใจสุดขีด
หลังจากเสียตำแหน่งผู้นำ เพโดรซ่า ก็ต้องมาต่อสู้กับรอสซี่เพื่อป้องกันอันดับที่ 2 แทน เนื่องจาก DP26 เจอปัญหายางหลังที่สึกค่อนข้างเร็วตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ทำให้เค้าขี่แบบระมัดระวังยางหลังเป็นพิเศษ แต่กลับกลายเป็นว่าในวันแข่งนั้น ยางหน้าโดยเฉพาะด้านขวานั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พ่อใหญ่จิ๋วไม่สามารถต้านทานรอสซี่ได้ ส่งผลให้คุณหมอนั้นจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ด้วยระยะห่างจากเพโดรซ่าอยู่ที่ 2 วินาทีกว่าๆ ซึ่งก็เพียงพอกับเวลา 0.3 วินาทีที่ต้องบวกเพิ่มเข้ามา ส่วนอันดับที่ 4 นั้นตกเป็นของคาล คลัชโลว์ ที่มาแรงปลายไล่กวดจนสามารถแซงโยฮัน ซาร์โก้ได้ในรอบที่ 20

2 นักแข่งทีมโรงงานดูคาติ
ดูคาติและซูซูกิทำผลงานได้แย่ลงที่นี่ ถ้าเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยอังเดร โดวิซิโอโซ่ จบการแข่งขันในอันดับที่ 6 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในรุ่นดูคาติ คัพ(555) ซึ่งปีที่แล้วนั้น ไอ้บ้าโจจบอันดับ 3 บนโพเดี่ยม ขณะที่ในปีนี้ บักโจ้ในเสื้อสีฟ้าทำได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับ 7 ตามหลังอดีตเพื่อนร่วมทีม ซึ่งปีที่แล้วนั้น MV25 พารถ GSX-RR จบอันดับที่ 4 (แต่ระยะห่างจากผู้ชนะ ปีนี้น้อยกว่าจิ๊ดนึง) เป็นการเก็บคะแนนแรกได้ของเอียนโนเน่ในฤดูกาลนี้ แต่สัญญาบวกของซูซูกิก็คือเอียนโนเน่ที่เสียเวลาในช่วงต้นเรซ สามารถไล่แซงรถได้หลายคันในช่วงท้ายและบักโจก็บอกว่ารู้สึกมั่นใจในตัวรถอีกครั้ง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่หายไปนานแสนนาน ต้องรอดูต่อไปว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ AI29 กับ Suzuki รึเปล่า

ไอ้หนูริน หนีไปจีบพยาบาลอีกละ ตูล่ะเซ็ง
ลอเลนโซ่ที่ออกสตาร์ทจากที่ 7 ขี่ได้โอเคในช่วงแรก ก่อนที่อันดับจะค่อยๆไหลลง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่อันดับ 9 หลังถูกเพทรัคชี่แซงได้ในช่วง 2 รอบสุดท้าย แม้ว่าอันดับจะไม่สูง แต่ดูเหมือนลอเลนโซ่สามารถเรียกความมั่นใจคืนมาได้พอสมควร เพียงแต่ว่าถ้ามองจากตัวเลขค่าเหนื่อยและความคาดหวัง ก็ต้องบอกว่ายังไกลจากจุดนั้นอีกเยอะ เจ้าแจ็คยังคงขี่ได้ดี จบใน Top10 อีกหนึ่งสนาม ส่วนโฟลเกอร์เองที่จบอันดับ 11 ก็ยังถือว่าทำผลงานได้ตามเป้า แม้เจ้าตัวมองว่าจริงๆแล้วควรจะขึ้นไปลุ้น Top6 ได้ในวันนี้ก็ตาม

JL99
ที่ออสตินอาทิตย์นี้ถือเป็นสุดสัปดาห์ที่ยากลำบากของนักแข่งหลายๆคน ตั้งแต่พื้นผิวแทรคที่โดนบ่นว่าไม่ค่อยเรียบ ทีมโรงงาน Aprilia เจอปัญหาเยอะมากตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งตัวรถที่พังและการล้มของนักแข่ง AE41 นั้นถึงกับไม่ได้ออกมาควอลิไฟท์ใน Q2 หลังจากที่รถพังและล้มใน Q1 ส่วน ซึ่งในวันแข่งนั้น อาเล็กซ์ก็เจอปัญหาที่ยางหน้าจนต้องออกไปเข้าพิทไปเปลี่ยนยางก่อนที่จะออกมาวิ่งต่อ แม้ว่าจะไม่ได้ลุ้นคะแนนแล้วแต่อย่างน้อยก็ยังได้เก็บข้อมูล ส่วน Sam Lows ยังไม่สามารถยกระดับความเร็วให้ขึ้นมาสู้กับนักแข่งคนอื่นในรุ่นได้เหมือนบรรดารุกกี้คนอื่นๆได้ ที่สำคัญยังคงล้มอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม 555+

เหนื่อยสุดๆเลยค้าบ
KTM ที่มาเยือนทวีปอเมริกาเป็นครั้งแรกก็เจองานหนักมิใช่น้อย รถ RC16 ของพอล เอสพากาโร่ ครัชพัง มีน้ำมันรั่วออกมา ทำให้ต้องออกจากแข่งขันตั้งแต่ในรอบที่ 9 ส่วนเจ้าเหม่งสมิธนั้นจบการแข่งขันในอันดับ 16 แต่เวลานั้นตามหลังผู้ชนะถึง 1:22 วินาทีเลยทีเดียว

ยังต้องทำงานหนักกันอีกเยอะ
หลังจบการแข่งขัน แม้ว่าการโดนบวกเพิ่มเวลา 0.3 วินาทีจะไม่ส่งผลอะไร แต่ Rossi นั้นออกมาบ่นว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ต้องล้ม พร้อมกับบอกว่าการแซงของโยฮัน ซาร์โก้ต่างหากที่เป็นปัญหา ซึ่งลุงยังพูดไปถึงบรรดารุกกี้ทุกคนว่านี่มันโมโตจีพีนะหนูๆ ไม่ใช่โมโตทู ที่นึกจะแซงก็แซง ต้องดูตาม้า ตาเรือด้วย (ซึ่งอีก 1 ลุงอย่างเพโดรซ่าก็ชูมือสูงลิ่วหนับหนุนชมรมผู้สูงวัยอย่างเต็มที่) แต่ซาร์โก้ ก็ยังยืนยันว่าก็เพราะผมเป็นมือใหม่นี่แหละ เมื่อมีจังหวะแซงก็ต้องลองแซงดู เพราะกว่าโอกาสเหมาะแบบนี้จะมาถึง ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆนะเฮีย แต่ทั้งนี้ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เพราะซาร์โก้เองก็มาหารุ่นพี่และขอจับไม้จับมือ ไม่มีอะไรติดค้างกัน

ซาร์โก้ ยังคงแข็งแกร่งขึ้นทุกๆกิโลเมตรที่เค้าขึ้นไปขี่เจ้า YZR M1
Mike Web ผู้ควบคุมการแข่งขัน นั้นออกมาชี้แจงแถลงไขว่า โอเคล่ะรอสซี่ไม่ได้ทำผิดอะไร นั่นก็ถูก แต่เค้าได้เปรียบจากการตัดโค้งตรงนั้น ก็ต้องมาบวกเวลาเพิ่มเพื่อความเป็นธรรมกับนักแข่งคนอื่น เรื่องมันเท่านั้น ถ้าเป็นการลงโทษจริงๆ ไม่ได้มาบวกแค่ 0.3 วินาทีหรอก นี่เป็นแค่การปรับให้ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางแค่นั้นแหละ ซึ่งจริงๆแล้วกรณีนี้มันก็เป็นแค่ Racing Incident ปกตินั่นแหละ สิ่งที่กรรมการตัดสินและทำก็ถือว่าโอเคแล้ว อันนี้ในมุมมองส่วนตัวของผมนะ

เซลฟี่ ไทม์
กลับไปที่ผู้ชนะ ก็คงต้องปรบมือดังๆให้กับเจ้ามาร์ค ที่เหลือเกินจริงๆ ชนะที่นี่ 5 ครั้งรวด ทำยังกะมาซ้อมอยู่แถวนี้เป็นประจำ สนามนี้ Honda มาดีมาก ถือว่าเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาได้ ก่อนที่จะกลับเปิดศึกในยุโรปอย่างจริงจัง Yamaha เองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารถ YZR-M1 ในปีนี้ยังคงเป็นเต้ยอยู่ แม้ Rossi จะจบการแข่งขันแค่คันเดียว แต่ทั้งสัปดาห์ทีมนั้นแทบจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย จนกระทั่งวินยาเลสมาล้มนี่แหละ
แต่นอนว่า MV25 นั้นผิดหวังแบบสุดๆกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเค้าเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะเมื่อไปดูข้อมูลเทียบกับในรอบวอร์ม อัพแล้ว ทุกอย่างดูปกติหมดเลย ความเร็วในการแข่งออกจะช้ากว่านิดๆด้วยซ้ำ จะมีก็แค่ในความรู้สึกที่วินยาเลสบอกว่ามันรู้สึกแปลกๆในตอนแข่ง ถ้าการเซ็พอัพยังเหมือนเดิม ปัจจัยนึงที่เปลี่ยนไปก็คืออุณหภูมิผิวแทรค แต่จากที่หลายๆคนตั้งข้อสังเกตุ ดูเหมือนว่าก่อนที่จะล้มนั้น ดูเหมือนว่าเค้าจะวิ่งออกจากไลน์ปกติไปหลายนิ้วอยู่เหมือนกัน

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
อนึ่ง ดูเหมือนความรุ่มร้อนภายในใจของวินยาเลสจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าต้องแบบรับความกดดันจากการเป็นผู้นำตารางคะแนนรวมในโมโตจีพี การแสดงออกในจังหวะกระทบกระทั่งกับรอสซี่ในรอบ QP เริ่มส่งสัญญาณตรงนี้ออกมา ซึ่งในการแข่งขันเอง วินยาเลสก็น่าจะรู้ดีกว่ามาร์ค มาเกวซเป็นเต้ยที่นี่ เค้ามีหน้าที่ต้องไล่เกาะคู่แข่งจากทีมฮอนด้า ซึ่งก็ไม่แน่เป้าหมายตรงนั้นรึเปล่า อาจจะทำให้สมาธิของเค้าลดลง ซึ่งจริงๆแล้วมันก็น่าจะมาจากหลายๆสาเหตุเล็กๆน้อยๆรวมกันนั่นแหละ การล้มในการแข่งครั้งแรกของฤดูกาลมันเกิดยากกว่าครั้งที่ 2, 3, 4 นี่เป็นบทเรียนบทใหม่ที่ MV25 กำลังเจอและยังมีอะไรอีกเยอะที่จะต้องรับมือกับมัน ซึ่งตัวเค้าเองและ Yamaha ต้องกลับไปหาคำตอบและพยายามป้องกันไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำรอย

ขอเฮียออกกล้องหน่อย
การล้มของวินยาเลส ทำให้ภาพรวมในการลุ้นแชมป์มันเปิดมากขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วการที่จะมาชี้เป้าว่าใครจะเข้าวินหลังจากที่การแข่งขันเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ 2 สนามมันก็ไม่ใช่เรื่องหรอก เพราะเหตุการณ์มันยังพลิกผลันได้อีกเยอะ แต่ว่าถ้าหากตัวเลขมันเกลี่ยๆกันแบบนี้ ยังไงมันก็ดูสูสีกว่าการที่มีนักแข่งคนใดคนหนึ่งทำคะแนนนำโด่งออกไป VR46 ขยับขึ้นมานำในตารางคะแนนสะสม จาก 3 โพเดี่ยม (ที่ 2 สองครั้งและที่ 3 หนึ่งครั้ง) ส่วนวินยาเลสหล่นลงมาอยู่ที่ 2 ขณะที่มาเกวซกระโดดจากที่ 9 ขึ้นมาอยู่ที่ 3

VR: พวกเอ็งสู้กันไปนะ เฮียจะเอาแชมป์เอง
MM, MV: เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ
การที่ปีนี้ถูกคาดหมายว่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง MM93 และ MV25 ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นแบบนั้น แม้ว่ามันจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม (แต่มาร์คบอกว่า เร็วๆนี้แหละ ได้ดูได้ชมแน่นอน) ถ้าสองคนนี้ต้องสู้ฟัดกัดแหลกกันจริงๆ ก็มีโอกาสสูงที่ใครคนใดคนหนึ่งจะกลิ้งหรือหลุดโค้งจนต้องเสียตำแหน่งไปเยอะๆในรอบท้ายๆ การที่รอสซี่แค่ขี่ตามหลัง 2 คนนี้ คอยเป็นตาอยู่ รอเสียบแบบเก๋าๆ อาจจะชนะที่มูเจลโล่(ต่อหน้าแฟนๆ) นอกนั้นก็ไปเฮฮาปาร์ตี้บนโพเดี่ยมเรื่อยๆ แนวทางนี้อาจจะพา The doctor เข้าป้ายคว้าแชมป์โลกไปครองในท้ายที่สุดได้เหมือนกันนะ ^^
[MotoGP]Review สนาม 3: มาร์คและฮอนด้ายังคงไร้เทียมทานที่ COTA
แต่ทว่าในการแข่งขันนั้น กลายเป็นเจ้าวินที่ไม่มาตามนัด หลังจากพลาดล้มเพียงแค่ในรอบที่ 2 ขณะที่กำลังวิ่งอยู่ในอันดับ 4 ต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่ไก่โห่ ทำให้ในกลุ่มเหลือรถแค่ 4 คันคือเพรโดซ่า มาเกวซ รอสซี่และซาร์โก้ ซึ่งในช่วงต้นของการแข่งขันนั้นเป็นพ่อใหญ่แดนที่เป็นผู้นำฝูง ซึ่งแดนนี่ขี่ได้ดีมากๆในช่วง 6-7 รอบแรกของสนามนี้ ส่วนมาร์ค มาเกวซนั้นก็ดูเหมือนว่าจะยังคงขี่แบบดูลาดเลาไปก่อน มีแหย่ๆแดนนี่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้บุกอะไรมาก
วาเลนติโน่รอสซี่ โดนโยฮัน ซาร์โก้ ทำความเร็วเกาะแบบไม่ให้หนีห่างออกไปได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีจังหวะปะทะเพื่อแย่งอันดับ 3กัน เริ่มต้นที่ VR46 เบรกพลาดในโค้งก่อนหน้านี้ ทำให้เสียเวลาต่อเนื่องมาจนถึงโค้งต่อมาทำให้ซาร์โก้ตัดสินใจเสียบไลน์ในเพื่อแซงทันทีแบบที่รอสซี่ไม่ได้นึกว่าจะโดนแซงตรงนี้ กว่าที่รอสซี่จะรู้ตัว รถของทั้งคู่ก็ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันและกำลังจะแปะกันด้วยด้านข้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ารอสซี่ไม่สามารถเข้าโค้งได้ด้วยมุมเอียงตัวระดับนั้น ทำให้คุณหมอตัดสินใจวิ่งตัดผ่านโค้งรูปตัว S ไป ส่งผลให้ระยะทางของเค้ากับมาเกวซที่วิ่งอยู่ที่ 2 นั้นลดลงทันที ผลจากข้อได้เปรียบตรงนี้ ทำให้รอสซี่ถูกลงโทษเพิ่มเวลา 0.3 วินาทีหลังจากจบการแข่งขันจากทางคณะกรรมการจัดการแข่งขัน
เนื่องจากมาเกวซเพิ่งจะตัดสินใจเปลี่ยนยางหน้ามาเป็นยาง Hard ในวันแข่งเนื่องจากอุณหภูมิในวันแข่งนั้นเพิ่มขึ้นมากว่าที่คาด แต่ทว่ายาง H เป็นยางที่เค้าใช้น้อยมากในการฝึกซ้อม ทำให้ MM93 ต้องขี่แบบค่อนข้างระมัดระวังในช่วงรอบแรกๆ แต่หลังจากที่มั่นใจว่ารู้ขีดจำกัดของยางแล้ว มาเกวซก็เริ่มปฏิบัติการจู่โจมและขยับขึ้นไปนำพร้อมกับหายเข้าไปในกลีบเมฆ ก่อนที่ช่วงท้ายๆจะค่อยๆลดเพดานบินต่ำลงมา แต่ก็ยังถือว่าเก็บชัยชนะไปได้แบบสบายๆอีกปี
หลังจากเสียตำแหน่งผู้นำ เพโดรซ่า ก็ต้องมาต่อสู้กับรอสซี่เพื่อป้องกันอันดับที่ 2 แทน เนื่องจาก DP26 เจอปัญหายางหลังที่สึกค่อนข้างเร็วตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ทำให้เค้าขี่แบบระมัดระวังยางหลังเป็นพิเศษ แต่กลับกลายเป็นว่าในวันแข่งนั้น ยางหน้าโดยเฉพาะด้านขวานั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พ่อใหญ่จิ๋วไม่สามารถต้านทานรอสซี่ได้ ส่งผลให้คุณหมอนั้นจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ด้วยระยะห่างจากเพโดรซ่าอยู่ที่ 2 วินาทีกว่าๆ ซึ่งก็เพียงพอกับเวลา 0.3 วินาทีที่ต้องบวกเพิ่มเข้ามา ส่วนอันดับที่ 4 นั้นตกเป็นของคาล คลัชโลว์ ที่มาแรงปลายไล่กวดจนสามารถแซงโยฮัน ซาร์โก้ได้ในรอบที่ 20
ดูคาติและซูซูกิทำผลงานได้แย่ลงที่นี่ ถ้าเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยอังเดร โดวิซิโอโซ่ จบการแข่งขันในอันดับที่ 6 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในรุ่นดูคาติ คัพ(555) ซึ่งปีที่แล้วนั้น ไอ้บ้าโจจบอันดับ 3 บนโพเดี่ยม ขณะที่ในปีนี้ บักโจ้ในเสื้อสีฟ้าทำได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับ 7 ตามหลังอดีตเพื่อนร่วมทีม ซึ่งปีที่แล้วนั้น MV25 พารถ GSX-RR จบอันดับที่ 4 (แต่ระยะห่างจากผู้ชนะ ปีนี้น้อยกว่าจิ๊ดนึง) เป็นการเก็บคะแนนแรกได้ของเอียนโนเน่ในฤดูกาลนี้ แต่สัญญาบวกของซูซูกิก็คือเอียนโนเน่ที่เสียเวลาในช่วงต้นเรซ สามารถไล่แซงรถได้หลายคันในช่วงท้ายและบักโจก็บอกว่ารู้สึกมั่นใจในตัวรถอีกครั้ง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่หายไปนานแสนนาน ต้องรอดูต่อไปว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ AI29 กับ Suzuki รึเปล่า
ลอเลนโซ่ที่ออกสตาร์ทจากที่ 7 ขี่ได้โอเคในช่วงแรก ก่อนที่อันดับจะค่อยๆไหลลง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่อันดับ 9 หลังถูกเพทรัคชี่แซงได้ในช่วง 2 รอบสุดท้าย แม้ว่าอันดับจะไม่สูง แต่ดูเหมือนลอเลนโซ่สามารถเรียกความมั่นใจคืนมาได้พอสมควร เพียงแต่ว่าถ้ามองจากตัวเลขค่าเหนื่อยและความคาดหวัง ก็ต้องบอกว่ายังไกลจากจุดนั้นอีกเยอะ เจ้าแจ็คยังคงขี่ได้ดี จบใน Top10 อีกหนึ่งสนาม ส่วนโฟลเกอร์เองที่จบอันดับ 11 ก็ยังถือว่าทำผลงานได้ตามเป้า แม้เจ้าตัวมองว่าจริงๆแล้วควรจะขึ้นไปลุ้น Top6 ได้ในวันนี้ก็ตาม
ที่ออสตินอาทิตย์นี้ถือเป็นสุดสัปดาห์ที่ยากลำบากของนักแข่งหลายๆคน ตั้งแต่พื้นผิวแทรคที่โดนบ่นว่าไม่ค่อยเรียบ ทีมโรงงาน Aprilia เจอปัญหาเยอะมากตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งตัวรถที่พังและการล้มของนักแข่ง AE41 นั้นถึงกับไม่ได้ออกมาควอลิไฟท์ใน Q2 หลังจากที่รถพังและล้มใน Q1 ส่วน ซึ่งในวันแข่งนั้น อาเล็กซ์ก็เจอปัญหาที่ยางหน้าจนต้องออกไปเข้าพิทไปเปลี่ยนยางก่อนที่จะออกมาวิ่งต่อ แม้ว่าจะไม่ได้ลุ้นคะแนนแล้วแต่อย่างน้อยก็ยังได้เก็บข้อมูล ส่วน Sam Lows ยังไม่สามารถยกระดับความเร็วให้ขึ้นมาสู้กับนักแข่งคนอื่นในรุ่นได้เหมือนบรรดารุกกี้คนอื่นๆได้ ที่สำคัญยังคงล้มอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม 555+
KTM ที่มาเยือนทวีปอเมริกาเป็นครั้งแรกก็เจองานหนักมิใช่น้อย รถ RC16 ของพอล เอสพากาโร่ ครัชพัง มีน้ำมันรั่วออกมา ทำให้ต้องออกจากแข่งขันตั้งแต่ในรอบที่ 9 ส่วนเจ้าเหม่งสมิธนั้นจบการแข่งขันในอันดับ 16 แต่เวลานั้นตามหลังผู้ชนะถึง 1:22 วินาทีเลยทีเดียว
หลังจบการแข่งขัน แม้ว่าการโดนบวกเพิ่มเวลา 0.3 วินาทีจะไม่ส่งผลอะไร แต่ Rossi นั้นออกมาบ่นว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ต้องล้ม พร้อมกับบอกว่าการแซงของโยฮัน ซาร์โก้ต่างหากที่เป็นปัญหา ซึ่งลุงยังพูดไปถึงบรรดารุกกี้ทุกคนว่านี่มันโมโตจีพีนะหนูๆ ไม่ใช่โมโตทู ที่นึกจะแซงก็แซง ต้องดูตาม้า ตาเรือด้วย (ซึ่งอีก 1 ลุงอย่างเพโดรซ่าก็ชูมือสูงลิ่วหนับหนุนชมรมผู้สูงวัยอย่างเต็มที่) แต่ซาร์โก้ ก็ยังยืนยันว่าก็เพราะผมเป็นมือใหม่นี่แหละ เมื่อมีจังหวะแซงก็ต้องลองแซงดู เพราะกว่าโอกาสเหมาะแบบนี้จะมาถึง ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆนะเฮีย แต่ทั้งนี้ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เพราะซาร์โก้เองก็มาหารุ่นพี่และขอจับไม้จับมือ ไม่มีอะไรติดค้างกัน
Mike Web ผู้ควบคุมการแข่งขัน นั้นออกมาชี้แจงแถลงไขว่า โอเคล่ะรอสซี่ไม่ได้ทำผิดอะไร นั่นก็ถูก แต่เค้าได้เปรียบจากการตัดโค้งตรงนั้น ก็ต้องมาบวกเวลาเพิ่มเพื่อความเป็นธรรมกับนักแข่งคนอื่น เรื่องมันเท่านั้น ถ้าเป็นการลงโทษจริงๆ ไม่ได้มาบวกแค่ 0.3 วินาทีหรอก นี่เป็นแค่การปรับให้ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางแค่นั้นแหละ ซึ่งจริงๆแล้วกรณีนี้มันก็เป็นแค่ Racing Incident ปกตินั่นแหละ สิ่งที่กรรมการตัดสินและทำก็ถือว่าโอเคแล้ว อันนี้ในมุมมองส่วนตัวของผมนะ
กลับไปที่ผู้ชนะ ก็คงต้องปรบมือดังๆให้กับเจ้ามาร์ค ที่เหลือเกินจริงๆ ชนะที่นี่ 5 ครั้งรวด ทำยังกะมาซ้อมอยู่แถวนี้เป็นประจำ สนามนี้ Honda มาดีมาก ถือว่าเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาได้ ก่อนที่จะกลับเปิดศึกในยุโรปอย่างจริงจัง Yamaha เองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารถ YZR-M1 ในปีนี้ยังคงเป็นเต้ยอยู่ แม้ Rossi จะจบการแข่งขันแค่คันเดียว แต่ทั้งสัปดาห์ทีมนั้นแทบจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย จนกระทั่งวินยาเลสมาล้มนี่แหละ
แต่นอนว่า MV25 นั้นผิดหวังแบบสุดๆกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเค้าเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะเมื่อไปดูข้อมูลเทียบกับในรอบวอร์ม อัพแล้ว ทุกอย่างดูปกติหมดเลย ความเร็วในการแข่งออกจะช้ากว่านิดๆด้วยซ้ำ จะมีก็แค่ในความรู้สึกที่วินยาเลสบอกว่ามันรู้สึกแปลกๆในตอนแข่ง ถ้าการเซ็พอัพยังเหมือนเดิม ปัจจัยนึงที่เปลี่ยนไปก็คืออุณหภูมิผิวแทรค แต่จากที่หลายๆคนตั้งข้อสังเกตุ ดูเหมือนว่าก่อนที่จะล้มนั้น ดูเหมือนว่าเค้าจะวิ่งออกจากไลน์ปกติไปหลายนิ้วอยู่เหมือนกัน
อนึ่ง ดูเหมือนความรุ่มร้อนภายในใจของวินยาเลสจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าต้องแบบรับความกดดันจากการเป็นผู้นำตารางคะแนนรวมในโมโตจีพี การแสดงออกในจังหวะกระทบกระทั่งกับรอสซี่ในรอบ QP เริ่มส่งสัญญาณตรงนี้ออกมา ซึ่งในการแข่งขันเอง วินยาเลสก็น่าจะรู้ดีกว่ามาร์ค มาเกวซเป็นเต้ยที่นี่ เค้ามีหน้าที่ต้องไล่เกาะคู่แข่งจากทีมฮอนด้า ซึ่งก็ไม่แน่เป้าหมายตรงนั้นรึเปล่า อาจจะทำให้สมาธิของเค้าลดลง ซึ่งจริงๆแล้วมันก็น่าจะมาจากหลายๆสาเหตุเล็กๆน้อยๆรวมกันนั่นแหละ การล้มในการแข่งครั้งแรกของฤดูกาลมันเกิดยากกว่าครั้งที่ 2, 3, 4 นี่เป็นบทเรียนบทใหม่ที่ MV25 กำลังเจอและยังมีอะไรอีกเยอะที่จะต้องรับมือกับมัน ซึ่งตัวเค้าเองและ Yamaha ต้องกลับไปหาคำตอบและพยายามป้องกันไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำรอย
การล้มของวินยาเลส ทำให้ภาพรวมในการลุ้นแชมป์มันเปิดมากขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วการที่จะมาชี้เป้าว่าใครจะเข้าวินหลังจากที่การแข่งขันเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ 2 สนามมันก็ไม่ใช่เรื่องหรอก เพราะเหตุการณ์มันยังพลิกผลันได้อีกเยอะ แต่ว่าถ้าหากตัวเลขมันเกลี่ยๆกันแบบนี้ ยังไงมันก็ดูสูสีกว่าการที่มีนักแข่งคนใดคนหนึ่งทำคะแนนนำโด่งออกไป VR46 ขยับขึ้นมานำในตารางคะแนนสะสม จาก 3 โพเดี่ยม (ที่ 2 สองครั้งและที่ 3 หนึ่งครั้ง) ส่วนวินยาเลสหล่นลงมาอยู่ที่ 2 ขณะที่มาเกวซกระโดดจากที่ 9 ขึ้นมาอยู่ที่ 3
MM, MV: เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ
การที่ปีนี้ถูกคาดหมายว่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง MM93 และ MV25 ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นแบบนั้น แม้ว่ามันจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม (แต่มาร์คบอกว่า เร็วๆนี้แหละ ได้ดูได้ชมแน่นอน) ถ้าสองคนนี้ต้องสู้ฟัดกัดแหลกกันจริงๆ ก็มีโอกาสสูงที่ใครคนใดคนหนึ่งจะกลิ้งหรือหลุดโค้งจนต้องเสียตำแหน่งไปเยอะๆในรอบท้ายๆ การที่รอสซี่แค่ขี่ตามหลัง 2 คนนี้ คอยเป็นตาอยู่ รอเสียบแบบเก๋าๆ อาจจะชนะที่มูเจลโล่(ต่อหน้าแฟนๆ) นอกนั้นก็ไปเฮฮาปาร์ตี้บนโพเดี่ยมเรื่อยๆ แนวทางนี้อาจจะพา The doctor เข้าป้ายคว้าแชมป์โลกไปครองในท้ายที่สุดได้เหมือนกันนะ ^^