♥♥〰เรื่องเล่าเศร้าซี้〰♥♥
.................
รู้สึกเหมือนเมื่อวานนี่เองที่นกป่ากึ่งเมืองมีโอกาสคืนถิ่น
ความทุลักทุเลกับการปรับตัวยังอบอวลอยู่มิทันจาง
แต่มันนานพอที่ทำให้ชีวิตหนึ่งต้องจากไปอย่างมิมีวันหวนกลับ
“แม่ ๆ นังน้ำตาลยังอยู่ไหม”
“มันตายแล้ว ฝังเมื่อวานนี่เอง” เสียงแม่เบา ยกชายผ้าขะม้าขึ้นซับน้ำตา
“อ๊ะ! มันตายแล้วหรือ น่าสงสารจัง” “อ้าว..แล้วไม่มีใครพามันหาหมอหรือ”
แล้วเรื่องดรามาก็ตามมาเมื่อมีคนตีโพยตีพายว่าทีหมา แมว ยังพาไปหาหมอทุกที ทำไมนังน้ำตาลที่ออกไข่ให้กินมาหลายปีจึงไม่มีใครไยดี
ไม่วายที่แม่จะคอยปลอบใจว่านังน้ำตาลมันแก่มากแล้ว ช่วงหลัง ๆ นี่ ตามันก็แทบจะมองไม่เห็นอาหาร คงถึงเวลาของมันที่จะต้องจากเราไป แล้วแม่ก็เล่าว่ามันไม่ยอมออกจากกรงมาสองวัน อาหารก็ไม่ยอมแตะ ก็น่าสงสารมันเหมือนกัน มันคงทรมานก่อนสิ้นใจ ยิ่งทำให้บีบคั้นความรู้สึกภายในเป็นที่สุด
วันหยุดสุดสัปดาห์ก่อน คุณน้าเรียกข้าพเจ้าไปกระซิบว่า นังน้ำตาลมันหงอย ๆ ซึม ๆ ออกจากเล้าก็สายมากแล้ว ไม่รู้มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า ข้าพเจ้าก็เพียงแต่รับฟัง และไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นอะไรมาก เพราะก็เคยเป็นแบบนี้อยู่บ้าง ไม่นานก็ฟื้นตัว และอยู่กันมาจนบัดนี้ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็เปรย ๆ บอกข่าวกับทุกคนเช่นกัน แล้วยังให้ความเห็นว่าน่าจะพามันไปหาหมอเสียบ้างนะ ทุกคนพากันเงียบเฉย มีเพียงแม่คนเดียวที่บอกว่ามันอายุมากแล้ว หมอเหมอที่ไหนจะช่วยได้ ไก่ตัวเดียวคงไม่มีใครเสียเวลามาดูแล แล้วข้าพเจ้าก็ต้องกลับไปทำงานตามหน้าที่ ภารกิจต่าง ๆ ประจำวันทำให้ไม่ทันได้นึกถึงเรื่องใด ๆ ที่บ้าน จนถึงวันหยุดอีกครั้ง ครั้งนี้ที่จะไม่มีวันเหมือนครั้งไหน ๆ
นังน้ำตาลคือไก่พันธุ์ไข่ ที่เข้ามาอยู่บ้านแม่ในเวลาไล่เลี่ยกับข้าพเจ้า จำได้ว่าทางราชการแจกให้เกษตรกรครัวเรือนละสี่สิบตัว ตั้งแต่เป็นลูกเจี๊ยบตัวเล็ก ครอบครัวเราเป็นเกษตรกรสายพืชผักและสัตว์เลี้ยงพันธุ์พื้นบ้าน จึงไม่มีใครถนัดเลยกับการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ แต่เจ้าลูกเจี๊ยบสี่สิบตัวก็แสนจะน่ารัก
ครอบครัวได้ช่วยกันฟูมฟัก แลบ่อยครั้งมากที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสให้อาหาร...จวบจนถึงเวลาออกไข่ได้สักระยะหนึ่ง ที่บ้านได้ทำบัญชีค่าใช้จ่ายไว้ ผลปรากฏว่าไม่คุ้มทุน ทุกครัวเรือนมีไข่ที่ทางราชการแจกให้เลี้ยงเองเหมือนกัน ทำให้ไข่ล้นตลาดในชุมชุนเล็ก ๆ ราคาไข่ถูกมาก เมื่อทนขาดทุนไม่ไหว จึงจำใจขายแม่ไก่ไปเป็นส่วนมาก คงเหลือไว้เพียงห้าตัว เผื่อมีไข่เป็นอาหารภายในครอบครัวเท่านั่น ผ่านไปไม่นานแม่ไก่ห้าตัวที่เหลือ ก็มีอันจากไปทีละตัวสองตัวโดยไม่ทราบตัวฆาตกร คือจะเจอร่องรอยถูกกัด และทิ้งซากไว้ทุกครั้ง ดังนั้นจึงเหลือนังน้ำตาลที่อยู่ด้วยกันมายาวนานที่สุด
แปดปีตั้งแต่เป็นลูกเจี๊ยบจนถึงวันที่เธอไม่ยอมออกไปคุ้ยเขี่ยอาหาร ไม่ยอมแตะอาหารที่นำไปให้ ขอให้เธอหลับให้สบายนะ
นึกถึงวันที่เหลือเธอตัวเดียวมาเป็นเวลานาน
เธอจะรู้ว่าเวลาช่วงไหนต้องมาอยู่หลังครัว เพื่อรอเศษอหาร
ช่วงไหนเป็นเวลาอาหารของใคร เธอจะคอยไปอยู่ใกล้ ๆ
จนทุกคนคุ้นชิน และถามหาเมื่อไม่เห็น
และในช่วงปิดเทอมของโรงเรียนประถมใกล้บ้าน
ไข่ของน้ำตาลจะหอมหวานมัน เนียนนุ่มเป็นพิเศษ
เหตุเพราะได้อานิสงค์จากนมโรงเรียนที่เด็กนักเรียนยกให้
นังน้ำตาลแทบจะยกอ่างซด
เมื่อหมดหน้าโปรโมชั่นเธอก็จะเตร็ดเตร่ไปไล่จิกแมลง
บ้างคุ้ยเขี่ยในสวน
ฯลฯ
มันเป็นภาพชินตา เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ต่อไปนี้...จะไม่ได้เห็นเธออีกแล้ว
ไม่มีไข่ใบใหญ่ ๆ ที่เนื้อเนียนนุ่มติดลิ้น
ไม่มีเสียงกุ๊ก ๆ ที่หลังครัวอีกต่อไป
สัญญาว่าจะคิดถึงเธอ เพื่อนรัก
ขอให้เพื่อนหลับให้สบาย สู่สุคตินะ
……….
วันที่ฉันทวนคืนหวนถิ่น
หอมดินแดดพรายและสายฝน
ดอกไม้เห็ดป่าทุ่งนาดล
งามยลยั่วรับค่อยปรับตัว
ลูกเจี๊ยบฝูงใหญ่รัฐให้เลี้ยง
เศรษฐกิจพอเพียงแจกไปทั่ว
ท้าทายได้ฝึกนึกกล้า-กลัว
ล้อมรั้วเขตแบ่งแต่งโรงเรือน
เลิกงานการหลักได้พักผ่อน
ลูกเจี๊ยบเหลืองอ่อนรอคอยเพื่อน
อาหาร น้ำ แล มิแชเชือน
เสมือนเพื่อนเล่นเป็นขวบปี
มินานได้ทานไข่ฟองน้อย
ทะยอยไข่เพิ่มเริ่มล้นที่
ตลาดคลาดเคลื่อนทุกเรือนมี
อุปทานฟรีเกินถอนทุน
ขยับปรับใหม่ตัดใจขาย
แม่พันธุ์ทั้งหลายเกินเกื้อหนุน
เหลือเพียงเลี้ยงไว้ไข่เจือจุน
สำรองท้องอุ่นในครอบครัว
บ้านป่าสัตว์เถื่อนยังเกลื่อนหลบ
ยามพลบค่ำดอดลักลอดรั้ว
กัดไก่ที่เหลือเป็นเหยื่อตัว
น่ากลัวทิ้งซากไม่ฝากรอย
เหลือรอดตัวเดียวหนังเหนียวแท้
ดูแลผูกพันกันมิน้อย
หนึ่งในครอบครัวที่รอคอย
ตามรอยตามรักตามฟักรัง
ผลัดขนหล่นหายมาหลายรอบ
ลักลอบฟักลมไม่สมหวัง
ผ่านปีไข่มีพึงระวัง
เกเรเซซังซ่อนแอบวาง
หิวโหยจึงฝากกระต๊ากหา
วิ่งร่ากุ๊ก กุ๊ก มิไกลห่าง
ขอข้าวขอน้ำมิอำพราง
ปีกหางขนพรมสมบูรณ์พอ
คืนคุณด้วยไข่ใบใหญ่ให้
เนื้อในเนียนนุ่มชุ่มลิ้นหนอ
แต่นี้ต่อไปใครหลงรอ
น้ำคลอหน่วยตายังพร่าพราย
สู่สุคติเถิดนะแม่เพื่อนรัก
เพื่อนจักมิเลือนเพื่อนง่ายง่าย
อยู่เหย้าเฝ้ากันจวบวันตาย
แต่วันสุดท้ายเธอไม่รอ
…...จบ……


หมายเหตุ 1. เหตุเกิดเมื่อ 290460
2. ทดลองหัดเขียนจากเรื่องจริงในวิถีชีวิตพื้นถิ่น
3. ขอบคุณแรงบันดาลใจจากทู้ “ผู้หญิงหน้าบ้าน@เรื่องสั้นจากใจ@” โดยคุณแก้ว นพเก้า ล็อกอินสมาชิกหมายเลข 3669470 อ่านแล้วประทับใจมาก จนอยากหัดเล่าเรื่องบ้าง
4. เรียนเชิญทุกท่านช่วยกรุณาชี้แนะ น้อมรับคำติ เตือน แนะนำ (หัดทดลองเล่าเรื่องเป็นตัวอักษรร้อยแก้วครั้งแรก)
♥♥〰เรื่องเล่าเศร้าซี้〰♥♥
.................
รู้สึกเหมือนเมื่อวานนี่เองที่นกป่ากึ่งเมืองมีโอกาสคืนถิ่น
ความทุลักทุเลกับการปรับตัวยังอบอวลอยู่มิทันจาง
แต่มันนานพอที่ทำให้ชีวิตหนึ่งต้องจากไปอย่างมิมีวันหวนกลับ
“แม่ ๆ นังน้ำตาลยังอยู่ไหม”
“มันตายแล้ว ฝังเมื่อวานนี่เอง” เสียงแม่เบา ยกชายผ้าขะม้าขึ้นซับน้ำตา
“อ๊ะ! มันตายแล้วหรือ น่าสงสารจัง” “อ้าว..แล้วไม่มีใครพามันหาหมอหรือ”
แล้วเรื่องดรามาก็ตามมาเมื่อมีคนตีโพยตีพายว่าทีหมา แมว ยังพาไปหาหมอทุกที ทำไมนังน้ำตาลที่ออกไข่ให้กินมาหลายปีจึงไม่มีใครไยดี
ไม่วายที่แม่จะคอยปลอบใจว่านังน้ำตาลมันแก่มากแล้ว ช่วงหลัง ๆ นี่ ตามันก็แทบจะมองไม่เห็นอาหาร คงถึงเวลาของมันที่จะต้องจากเราไป แล้วแม่ก็เล่าว่ามันไม่ยอมออกจากกรงมาสองวัน อาหารก็ไม่ยอมแตะ ก็น่าสงสารมันเหมือนกัน มันคงทรมานก่อนสิ้นใจ ยิ่งทำให้บีบคั้นความรู้สึกภายในเป็นที่สุด
วันหยุดสุดสัปดาห์ก่อน คุณน้าเรียกข้าพเจ้าไปกระซิบว่า นังน้ำตาลมันหงอย ๆ ซึม ๆ ออกจากเล้าก็สายมากแล้ว ไม่รู้มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า ข้าพเจ้าก็เพียงแต่รับฟัง และไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นอะไรมาก เพราะก็เคยเป็นแบบนี้อยู่บ้าง ไม่นานก็ฟื้นตัว และอยู่กันมาจนบัดนี้ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็เปรย ๆ บอกข่าวกับทุกคนเช่นกัน แล้วยังให้ความเห็นว่าน่าจะพามันไปหาหมอเสียบ้างนะ ทุกคนพากันเงียบเฉย มีเพียงแม่คนเดียวที่บอกว่ามันอายุมากแล้ว หมอเหมอที่ไหนจะช่วยได้ ไก่ตัวเดียวคงไม่มีใครเสียเวลามาดูแล แล้วข้าพเจ้าก็ต้องกลับไปทำงานตามหน้าที่ ภารกิจต่าง ๆ ประจำวันทำให้ไม่ทันได้นึกถึงเรื่องใด ๆ ที่บ้าน จนถึงวันหยุดอีกครั้ง ครั้งนี้ที่จะไม่มีวันเหมือนครั้งไหน ๆ
นังน้ำตาลคือไก่พันธุ์ไข่ ที่เข้ามาอยู่บ้านแม่ในเวลาไล่เลี่ยกับข้าพเจ้า จำได้ว่าทางราชการแจกให้เกษตรกรครัวเรือนละสี่สิบตัว ตั้งแต่เป็นลูกเจี๊ยบตัวเล็ก ครอบครัวเราเป็นเกษตรกรสายพืชผักและสัตว์เลี้ยงพันธุ์พื้นบ้าน จึงไม่มีใครถนัดเลยกับการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ แต่เจ้าลูกเจี๊ยบสี่สิบตัวก็แสนจะน่ารัก
ครอบครัวได้ช่วยกันฟูมฟัก แลบ่อยครั้งมากที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสให้อาหาร...จวบจนถึงเวลาออกไข่ได้สักระยะหนึ่ง ที่บ้านได้ทำบัญชีค่าใช้จ่ายไว้ ผลปรากฏว่าไม่คุ้มทุน ทุกครัวเรือนมีไข่ที่ทางราชการแจกให้เลี้ยงเองเหมือนกัน ทำให้ไข่ล้นตลาดในชุมชุนเล็ก ๆ ราคาไข่ถูกมาก เมื่อทนขาดทุนไม่ไหว จึงจำใจขายแม่ไก่ไปเป็นส่วนมาก คงเหลือไว้เพียงห้าตัว เผื่อมีไข่เป็นอาหารภายในครอบครัวเท่านั่น ผ่านไปไม่นานแม่ไก่ห้าตัวที่เหลือ ก็มีอันจากไปทีละตัวสองตัวโดยไม่ทราบตัวฆาตกร คือจะเจอร่องรอยถูกกัด และทิ้งซากไว้ทุกครั้ง ดังนั้นจึงเหลือนังน้ำตาลที่อยู่ด้วยกันมายาวนานที่สุด
แปดปีตั้งแต่เป็นลูกเจี๊ยบจนถึงวันที่เธอไม่ยอมออกไปคุ้ยเขี่ยอาหาร ไม่ยอมแตะอาหารที่นำไปให้ ขอให้เธอหลับให้สบายนะ
นึกถึงวันที่เหลือเธอตัวเดียวมาเป็นเวลานาน
เธอจะรู้ว่าเวลาช่วงไหนต้องมาอยู่หลังครัว เพื่อรอเศษอหาร
ช่วงไหนเป็นเวลาอาหารของใคร เธอจะคอยไปอยู่ใกล้ ๆ
จนทุกคนคุ้นชิน และถามหาเมื่อไม่เห็น
และในช่วงปิดเทอมของโรงเรียนประถมใกล้บ้าน
ไข่ของน้ำตาลจะหอมหวานมัน เนียนนุ่มเป็นพิเศษ
เหตุเพราะได้อานิสงค์จากนมโรงเรียนที่เด็กนักเรียนยกให้
นังน้ำตาลแทบจะยกอ่างซด
เมื่อหมดหน้าโปรโมชั่นเธอก็จะเตร็ดเตร่ไปไล่จิกแมลง
บ้างคุ้ยเขี่ยในสวน
ฯลฯ
มันเป็นภาพชินตา เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ต่อไปนี้...จะไม่ได้เห็นเธออีกแล้ว
ไม่มีไข่ใบใหญ่ ๆ ที่เนื้อเนียนนุ่มติดลิ้น
ไม่มีเสียงกุ๊ก ๆ ที่หลังครัวอีกต่อไป
สัญญาว่าจะคิดถึงเธอ เพื่อนรัก
ขอให้เพื่อนหลับให้สบาย สู่สุคตินะ
……….
วันที่ฉันทวนคืนหวนถิ่น
หอมดินแดดพรายและสายฝน
ดอกไม้เห็ดป่าทุ่งนาดล
งามยลยั่วรับค่อยปรับตัว
ลูกเจี๊ยบฝูงใหญ่รัฐให้เลี้ยง
เศรษฐกิจพอเพียงแจกไปทั่ว
ท้าทายได้ฝึกนึกกล้า-กลัว
ล้อมรั้วเขตแบ่งแต่งโรงเรือน
เลิกงานการหลักได้พักผ่อน
ลูกเจี๊ยบเหลืองอ่อนรอคอยเพื่อน
อาหาร น้ำ แล มิแชเชือน
เสมือนเพื่อนเล่นเป็นขวบปี
มินานได้ทานไข่ฟองน้อย
ทะยอยไข่เพิ่มเริ่มล้นที่
ตลาดคลาดเคลื่อนทุกเรือนมี
อุปทานฟรีเกินถอนทุน
ขยับปรับใหม่ตัดใจขาย
แม่พันธุ์ทั้งหลายเกินเกื้อหนุน
เหลือเพียงเลี้ยงไว้ไข่เจือจุน
สำรองท้องอุ่นในครอบครัว
บ้านป่าสัตว์เถื่อนยังเกลื่อนหลบ
ยามพลบค่ำดอดลักลอดรั้ว
กัดไก่ที่เหลือเป็นเหยื่อตัว
น่ากลัวทิ้งซากไม่ฝากรอย
เหลือรอดตัวเดียวหนังเหนียวแท้
ดูแลผูกพันกันมิน้อย
หนึ่งในครอบครัวที่รอคอย
ตามรอยตามรักตามฟักรัง
ผลัดขนหล่นหายมาหลายรอบ
ลักลอบฟักลมไม่สมหวัง
ผ่านปีไข่มีพึงระวัง
เกเรเซซังซ่อนแอบวาง
หิวโหยจึงฝากกระต๊ากหา
วิ่งร่ากุ๊ก กุ๊ก มิไกลห่าง
ขอข้าวขอน้ำมิอำพราง
ปีกหางขนพรมสมบูรณ์พอ
คืนคุณด้วยไข่ใบใหญ่ให้
เนื้อในเนียนนุ่มชุ่มลิ้นหนอ
แต่นี้ต่อไปใครหลงรอ
น้ำคลอหน่วยตายังพร่าพราย
สู่สุคติเถิดนะแม่เพื่อนรัก
เพื่อนจักมิเลือนเพื่อนง่ายง่าย
อยู่เหย้าเฝ้ากันจวบวันตาย
แต่วันสุดท้ายเธอไม่รอ
…...จบ……
หมายเหตุ 1. เหตุเกิดเมื่อ 290460
2. ทดลองหัดเขียนจากเรื่องจริงในวิถีชีวิตพื้นถิ่น
3. ขอบคุณแรงบันดาลใจจากทู้ “ผู้หญิงหน้าบ้าน@เรื่องสั้นจากใจ@” โดยคุณแก้ว นพเก้า ล็อกอินสมาชิกหมายเลข 3669470 อ่านแล้วประทับใจมาก จนอยากหัดเล่าเรื่องบ้าง
4. เรียนเชิญทุกท่านช่วยกรุณาชี้แนะ น้อมรับคำติ เตือน แนะนำ (หัดทดลองเล่าเรื่องเป็นตัวอักษรร้อยแก้วครั้งแรก)