ผลผลิตดีๆ ที่ชื่อ ผลิตโชค

เนื้อหายาวครับ หากไม่ชอบอ่านโปรดผ่าน

“ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้อะไรๆ เปลี่ยนตาม”

ประโยคนี้ในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองเจอมาหลายครั้งและหลายเรื่องมาก รวมไปถึงบุคคลที่ได้พบเห็นผ่านตาในช่วงนี้ กระทู้ก่อนมีเกริ่นไว้ว่าจะเขียนเกี่ยวกับนักร้องท่านหนึ่งที่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาได้ออกมาแสดงความสามารถอยู่ภายใต้ “หน้ากากจิงโจ้” และทุกคนคงได้รู้แล้วว่าเขาคือ
“เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร”

แน่นอนผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามรายการหน้ากากนี้และร่วมทายชื่อคนใต้หน้ากากอยู่บ้าง และหน้ากากจิงโจ้ก็คือหนึ่งในหน้ากากที่ผมมั่นใจว่าเขาคือใครในหน้ากากสุดเท่นั้น ผมแอบเสียดายที่เขาตกรอบแต่ก็ยอมรับว่าหน้ากากทุเรียนนั้นสุดยอดมากจริงๆ

เนื่องจากผมดูรายการหน้ากากทุก EP. ติดต่อกันจึงได้เห็นความแตกต่างบางอย่างที่เกิดขึ้นใน EP. แชมป์ชนแชมป์ ของแชมป์สาย หน้ากากอีกาดำกับหน้ากากมังกร และ หน้ากากทุเรียนกับหน้ากากจิงโจ้ ซึ่งตอนที่ดูผมไม่รู้ว่านั่นเป็นการบันทึกเทปในวันเดียวกัน พอมารู้ทีหลังจึงได้เข้าใจอะไรๆ ใน EP. ของหน้ากากทุเรียนกับหน้ากากจิงโจ้ขึ้นมาทันที ทั้งดราม่าพูดดัดจริต(ลิ้นรัว) ดราม่านักร้องหน้าใหม่(ศัลยกรรม) ฯ

อย่างที่บอกไปในกระทู้ก่อนว่าผมคุ้นหูกับชื่อ เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร มานานนับสิบปี และที่คุ้นยิ่งกว่าก็คือเสียงร้องที่ไม่ว่าจะเป็นการร้องเล่น ร้องจริงจะทรงพลังอย่างมาก เส้นทางการเป็นนักร้องของเขานั้นมีมายาวนานมากหากใครเป็นแฟนคลับตัวจริงของเขาก็น่าจะทราบดี เขาต้องไปฝึกร้องเพลงที่แกรมมี่อยู่หลายปีกว่าที่จะมีผลงานเพลงออกมาให้ได้ฟังกัน เป๊กเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงนั้นเหนื่อยมากเพราะบ้านกับแกรมมี่อยู่ไกลกัน แค่เดินทางก็เหนื่อยแล้ว แต่เพราะเขามีความฝันอยากร้องเพลงจริงๆ เขาจึงอดทน มุ่งมั่นตลอดมา

ในที่สุดก็มีผลงานเพลงแรกของเขาออกมาให้ทุกคนได้รู้จักกันในนามของ เป๊ก ผลิตโชค โดยมีเพลงฮิตคือ “ไม่มีใครรู้” แต่...ใช่ต้องมี ‘แต่’ นั่นเพราะผลงานเพลงของเขากลับดังกว่าตัวนักร้อง ผลงานเพลงเป็นที่รู้จักและติดหูคนฟังอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ตัวนักร้องกลับไม่มีใครให้ความสำคัญนัก เขามีแฟนคลับอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งหากเทียบกับนักร้องด้วยกันที่มีผลงานในช่วงนั้นเขาก็ถือว่าน่าจะเป็นนักร้องเบอร์เล็กสุด หลังจากนั้นเขาก็มีอัลบั้มเต็มออกมา มีเพลง “ไม่มีใครรู้” รวมอยู่ในอัลบั้มนั้นและมีดังติดหูติดปากคนฟังตามมาอยู่อีก 3-4 เพลง

เป๊ก ผลิตโชค ถือว่าเป็นนักร้องคุณภาพคนหนึ่งที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานั้น ทั้งอัลบั้มเดี่ยว อัลบั้มที่เป็นชุดพิเศษ และผลงานอื่นๆ อีกมากมาย แต่ข่าวการศัลยกรรม ความสำอาง และแต่งตัวจัดของเขาก็มาบดบังความสามารถของเขาไปเสียกว่าครึ่ง ยิ่งเมื่อมารวมตัวกันในนาม เป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ เขาก็มักถูกเปรียบเทียบว่ามีชื่อเสียงไม่โด่งดังเท่ากับเพื่อนร่วมวงอีกสองคน บางคนถึงกับออกมาพูดว่าเกาะเขาดัง จริงๆ ถ้าใครได้ดูคลิปการแสดงเก่าๆ ของเป๊กจะรู้ว่าเขามีเสน่ห์มากและโดดเด่นเหลือเกิน แต่ก็นั่นแหละครับเพราะไม่ค่อยมีใครสนใจจึงไม่ค่อยมีใครได้เห็น หลังการเปิดตัวเรื่องรสนิยมทางเพศของอ๊อฟ หลายคนก็เลยยิ่งมาจับจ้องทั้งไอซ์และเป๊กว่าอาจจะมีรสนิยมเดียวกับอ๊อฟหรือเปล่า โดยเฉพาะเป๊กที่เหมือนจะโดนกระแสหนักกว่าไอซ์อยู่มากเลยทีเดียว มีอยู่หลายครั้งที่เขาปฏิเสธเรื่องนี้ออกสื่อแต่กลับไม่เคยมีใครเชื่อแถมยังตีข่าวโหมหนักขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นเป๊กก็ไม่เคยออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย

จากนั้นเป๊กก็เหมือนจะหายไปจากหน้าจอทีวี มีเพียงรายการทีวีบางรายการที่เขาออกมาให้ได้เห็นหน้าบ้างแต่ก็ถือว่าน้อยมากในความคิดของผม แม้เขาจะยังมีเพลงประกอบละคร เสียงพากย์การ์ตูน ภาพยนตร์ออกมาให้คนที่เป็นแฟนคลับได้หายคิดถึงบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม และในช่วงนั้นเขาก็เหมือนคนที่ถูกลืมไป

และเมื่อสักประมาณปลายๆ ปีที่แล้ว ผมจำได้ว่า มีข่าวของเป๊กออกมาทำนองว่าเขาไปศัลยกรรมหน้ามาอีกแล้ว ซึ่งเป็นภาพที่เขาถ่ายในรถ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำไม่ติดกระดุม(พูดแค่นี้หลายคนคงนึกออกกันแล้วใช่ป่ะ) ผมคงไม่ต้องพูดว่ามันจริงหรือไม่จริง อะไรยังไงหรอกเนอะ แถมสื่อยังเหน็บเขาโดยการให้รางวัลว่าเป็นนักร้องหน้าใหม่อีก ผมว่าช่วงนั้นเป๊กคงรู้สึก Fail ขั้นสุดแล้วจริงๆ เพราะเริ่มแซะตัวเองด้วยการลงโซเชี่ยลบอกขอบคุณสำหรับรางวัลที่ได้มาและแน่นอนว่าข่าวเรื่องหน้าใหม่นั้นก็ไปกลบผลงานเพลงที่ออกมาล่าสุดอย่าง “อยากให้แววตาฉันเป็นคนอื่น” เสียจนเงียบกริบไปตามระเบียบ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาทุ่มเทที่จะโปรโมทซิงเกิ้ลนี้อย่างมาก

แฟนคลับเก่าๆ และแฟนคลับรุ่นใหม่คงได้เห็นผ่านตามาบ้างกับคลิปไลฟ์ของเป๊กช่วงปีที่ผ่านมา คงได้เห็นว่าช่วงเวลานั้นเขาเหมือนคนขาดกำลังใจอย่างที่สุด แม้เขาจะได้ไปร้องเพลงไปโชว์ตามที่ต่างๆ อยู่บ้าง แต่การต้อนรับของคนฟังคงไม่ลึกซึ้งเท่าที่ควร ทุกคลิปไลฟ์จึงต้องมีการร้องขอกำลังใจอยู่ตลอด
“ขอเลิฟหน่อยคร๊าบ”
“ขอไลค์หน่อยคร๊าบ”
“รักเฮียมั้ย”
“เฮียเหงา อยู่เป็นเพื่อนเฮียหน่อยนะ”
ทุกครั้งที่เขาไลฟ์ในช่วงเวลานั้น แววตาของเขาเศร้า เหงาอย่างชัดเจนจนผมเองก็นึกสะท้อนใจ ผมเข้าใจความรู้สึกของเป๊กนะ จากที่เคยมีแต่คนสนใจ(แม้จะเป็นกลุ่มไม่ใหญ่นัก) กลับต้องมาร้องหาความสนใจจากคนในไลฟ์หลักร้อยซึ่งบางทีก็ไม่ถึง ความเหงาและความในใจของเขาออกมาในไลฟ์อันหนึ่งจากโรงพยาบาล(คิดว่าแฟนคลับรุ่นใหม่คงเคยได้เห็นกันแล้ว) แม้จะมีหน้ากากอนามัยปิดปากอยู่ แต่แววตาที่กำลังวอนขอกำลังใจพร้อมด้วยการยกมือไหว้ ผมยอมรับว่าผมจุกอกอย่างบอกไม่ถูก(อยากบอกว่าผมดูทุกไลฟ์สดทันทุกอัน เพียงแต่ไม่เคยคอมเมนต์) คำพูดที่ว่า
“เฮียอยากร้องเพลงต่อนะ แต่ไม่รู้ว่าทุกคนยังอยากฟังเฮียร้องอยู่หรือเปล่า”
ผมบอกเลยว่าน้ำตาซึมกับประโยคนี้ คำพูดของเป๊กในครั้งนั้นทำผมเศร้าไปหลายวัน ผมว่าเขาคงกำลังรู้สึกเหมือนโดนคนรักหักอกและทอดทิ้งไปให้ต้องโดดเดี่ยว และตอนนั้นเขาอยู่ในโรงพยาบาลด้วย คงอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจอย่างที่สุดแล้ว

กระทั่งชื่อของผลิตโชคเหมือนจะกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังจากที่ The Mask Singer EP. ที่มีหน้ากากจิงโจ้ออกอากาศไป คนที่เป็นแฟนคลับที่แท้ทรู เอ๊ย...ที่แท้จริงก็ดูเหมือนจะรู้กันตั้งแต่ประโยคแรกที่ออกมาจากปากหน้ากากจิงโจ้ว่าเป็นนักร้องในดวงใจของพวกเขารวมถึงตัวผมด้วย แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะยังเอนไปทางชินวุฒอยู่มากก็ตาม ความเป็นตัวของตัวเองที่สูงมากภายใต้หน้ากากจิงโจ้พุ่งทะลุหน้ากากออกมาซึ่งก็รวมไปถึงความสามารถ ความมีเสน่ห์ในการร้องเพลงและการแสดงบนเวทีที่โดดเด่นอย่างมาก ผมยังจำได้ว่าเคยมีคำพูดจากคนบางคนในช่วงที่เป๊กรวมตัวกับอ๊อฟ ไอซ์ ว่าเป๊กไร้เสน่ห์เวลาอยู่บนเวที ผมก็ไม่รู้ว่าเขาดูยังไงถึงมองไม่เห็นเสน่ห์ที่ท่วมท้นในตัวของเป๊ก หากคุณๆ ดูการแสดงของหน้ากากจิงโจ้ คุณคงจะสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่เพลงจบหน้ากากจิงโจ้จะมีท่าจบพร้อมกับดนตรีเสมอ ผมว่าแค่นั้นก็เป็นเสน่ห์ของเขาแล้ว และสิ่งนี้ถือเป็นลายเซ็นของเป๊กเลย ไม่เชื่อคุณลองไปหาคลิปคอนเสิร์ตเก่าๆ ของเป๊กดูได้

จนเมื่อหน้ากากจิงโจ้ถูกถอดหน้ากาก กระแสดราม่าก็บังเกิด
“เมื่อก่อนพูดชัด ทำไมตอนนี้ไม่ชัด”
“เสพติดศัลยกรรม”
“แต่งตัวเก่ง เป็นเกย์ชัวร์”
“นักร้องหน้าใหม่”
และอื่นๆ อีกมากมาย

ผมจะพูดในฐาแนะ เอ๊ย...ฐานะที่ได้เห็นนักร้องคนนี้มานาน เรื่องการพูด ผมยืนยันอีกเสียงว่าเขาพูดแบบนี้มาตลอด ไม่ได้เพิ่งจะมาไม่ชัดในตอนนี้อย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งผมมาลองคิดๆ หาสาเหตุดู ว่าทำไมหลายคนถึงได้คิดว่าเขาดัดจริตทำเป็นพูดไม่ชัด สิ่งที่หลายคนคิดนั่นไม่ได้เกิดมาจากเป๊กทำหรอก แต่มันเกิดมาจากความคิดของคนเหล่านั้นเองนั่นแหละ เพราะเมื่อก่อนไม่ได้สนใจไม่ได้ติดตามเขากันไง หากบอกว่าติดตาม ผมเชื่อว่าก็คงเป็นเพียงการติดตามแบบผ่านๆ จึงไม่รู้ว่ายามที่เขาไม่ได้อยู่ในอะไรที่เป็นเรื่องซีเรียสหรือพิธีการเขาจะเป็นแบบที่เห็นกันอย่างตอนนี้นี่แหละ

ส่วนเรื่องศัลยกรรมจากที่ผมเห็น ผมว่าหน้าเขาเปลี่ยนไปแบบชัดเจนก็เพียงสามครั้งเท่านั้นนะ จากช่วงแรกตอน G-Boyz, One ผลิตโชค ช่วงที่สองก็ I’m in love และช่วงสุดท้ายก็คือในปัจจุบันนี้ ซึ่งที่เห็นชัดสุดก็คือจมูก เรื่องการศัลยกรรมนี่ผมเข้าใจนะ การเป็นนักร้องมันก็ต้องมีหน้าตาเป็นจุดขายด้วย อีกอย่างใครๆ ก็อยากดูดีในสายตาคนอื่น ผมเข้าใจว่าเป๊กนี่น่าจะเป็นนักร้องนักแสดงคนแรกๆ เลยมั้งที่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบไม่ปิดบังเลยว่าไปทำจมูกมา ในขณะที่หลายๆ คนจะบอกเพียงว่าตัวเองไปดัดฟันมาแล้วก็ผอมลงหน้าเลยเปลี่ยน เรื่องนี้ผมมองว่าเป๊กใจถึงดีนะเพราะในยุคสมัยนั้นสังคมยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องสวยหล่อด้วยแพทย์กันนัก อีกทั้งยังมีค่านิยมแบบแปลกๆ ว่าการศัลยกรรมมีไว้สำหรับพวกเพศที่สามเท่านั้น นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ใครหลายคนมองว่าเป๊กมีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน

ส่วนตัวผมว่าเป๊กไม่ได้เป็นนะ จากที่เคยคุย เอ่อ...สัมภาษณ์น่ะ ตั้งแต่อัลบั้ม Together เป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ ตอนนั้นผมรับรู้ได้ว่าอ๊อฟ มีแสงสีม่วงแรงสุด ผมมองจากสายตา ท่าทางน่ะนะ แล้วสังเห่า เอ๊ย...สังหรณ์ผมก็เป็นจริงในเวลาต่อมา แต่สำหรับเป๊ก ผมไม่รู้สึกถึงรังสีสีม่วงใดๆ เลย รู้สึกแต่ว่าเขาเป็นเด็กแสบๆ ซนๆ คนหนึ่งที่แฝงความขี้อ้อนเอาไว้ เวลาที่เขาอยู่กับใครเขาจะให้เกียรติคนนั้นทุกครั้ง มือไม้อ่อน พูดจาไพเราะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่ามาจากการอบรมสั่งสอนของครอบครัวและจากต้นสังกัดที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เป๊กออกมาเป็นผลผลิตดีๆ ในการวางตัวให้อ่อนน้อมต่อทุกคน และผมว่านี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตัวนักร้องนักแสดงสมัยนี้

นอกจากไม่ปิดบังเรื่องศัลยกรรมแล้ว ไลฟ์ในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้ได้เห็นว่าชีวิตของเป๊กสุดโต่งมากจริงๆ ตั้งแต่กินเหล้าธรรมดาๆ กับชาวบ้านไปจนกระทั่งกินไวน์ในโรงแรมสุดหรูหรา แต่การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ทุกอย่างยังคงความเป็นตัวเขาอย่างคงเส้นคงวา ไลฟ์ที่ขนอมเป็นไลฟ์ที่ยืนยันตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี การปลอมตัว ความติดดิน เป็นกันเองกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ปรุงแต่ง เพราะหากจะบอกว่าจัดฉากละก็ คนที่มาทักเขาในไลฟ์คงเป็นนักแสดงระดับรางวัลออสการ์แน่นอน

เป๊กเป็นนักร้องนักแสดงคนแรกสำหรับผม ที่ไลฟ์ให้เห็นความเป็นคนธรรมดาที่เข้าถึงตัวได้ เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่ไม่เคยเย่อหยิ่ง ไม่รักษาภาพลักษณ์เพราะทุกไลฟ์ในช่วงก่อนนี้จะมีเครื่องดื่มหมักดองอยู่ในมือเสมอ ผมเชื่อว่าหากเป็นเมื่อสิบปีก่อนเขาคงโดนถล่มเละแน่ แต่การไลฟ์แบบนั้นของเขาผมคิดว่าเขาคงปล่อยวางทุกอย่างแล้ว ไม่แคร์ไม่สนใจว่าใครจะมองเขาว่าเป็นยังไง เขาคงคิดว่าเส้นทางการเป็นนักร้องของตัวเองคงตันแล้วเขาถึงได้ทำอะไรแบบนั้นออกมา และเป็นที่มาของการไลฟ์ที่ฉีกทุกกฎของการเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างสิ้นเชิง

ทว่าหลังจากถอดหน้ากากจิงโจ้และเหลือแต่ตัวตนของผลิตโชคที่อยู่ในหน้ากากนั้น กระแสความนิยมที่ผมเชื่อว่ามาจากหน้าตาของเขาเป็นอันดับแรกก็โถมกระหน่ำใส่เขา จากที่เขาเคยร้องขอไลค์ขอเลิฟจากแฟนคลับหลักร้อยทุกวันนี้มีแฟนคลับแปดแสนกว่า หากเป็นคนอื่นคงเหลิงและผยองไปแล้วแต่ผลิตโชคก็ยังเป็นผลิตโชคคนเดิม คนเดียวกับที่เคยอ้อนวอนขอกำลังใจจากแฟนคลับ เขาจึงพยายามที่จะดูแลแฟนคลับของเขาทุกคนเต็มที่นั่นคงเป็นเพราะว่าเขารู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าในช่วงที่โดดเดี่ยวนั้น มันท้อแท้และเหงาเพียงไร

ต่อข้างล่างครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่