
สวัสดีค่ะ หลังจากอ่านกระทู้ของคนอื่นเขามามาก ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วละที่เราจะมาเขียนเล่าประสบการณ์ Work And Travel 2016
ของตัวเองบ้าง ฮ่าฮ่า ประสบการณ์การทำงานร้านสเต็กและเพื่อนเมกัน การหางานให้ได้ 3 JOB
ความซวยหลังมาถึง ประสบการณ์ทำเบอเกอร์คิง 1 วัน การหาเงินเลือดตาแทบกระเด็น เพราะถ้าหาไม่ได้จะไม่มีเงินเที่ยว
เพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะมาเวิร์คที่อเมริกา ตลอด 91 วันในอเมริกาของเรา
ที่มีทั้งความตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกที่เดินทาง จนถึงวันสุดท้ายที่อาลัยอาวรเพราะไม่อยากกลับบ้าน
ใช่ค่ะ เราไม่อยากกลับบ้านเลย เรารู้สึกว่า 3 เดือนมันผ่านไปไวมาก จนเราไม่อยากให้มันสิ้นสุด
จุดประสงค์กระทู้นี้เราขอเล่าประสบการณ์งานทั้ง3ของเรา และการเตรียมตัวพบเจอเรื่องดีและไม่ดีแล้วกันนะคะ
อาจจะไม่ได้อธิบายลึกในส่วนของเอเจนซี่หรือในส่วนของการจัดเตรียมของอะไรมากนัก
หลังจากสมัครและสัมภาษณ์เรียบร้อย เราก็ได้งาน Housekeeper ที่ Panama city beach, Florida เด้อ
การเตรียมตัวของเราส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารแห้ง555555
กระเป๋าใบ 28 นิ้วของเรา เต็มไปด้วยมาม่า ปลากระป๋อง และน้ำพริกที่แม่ให้นำติดไป
ส่วนเสื้อผ้ามานั่งดูแล้ว จริง ๆ เราว่าเราเอาไปเยอะเกินความจำเป็น
แล้วยิ่งที่นู่นมีให้ซื้ออีกเยอะและถูกมากกก เช่น Forever21 เครื่องสำอางก็เช่นกัน
แต่ของหลักๆสำหรับไปที่นั่น ที่เราคิดว่าขาดไม่ได้เลยคือ ครีมกันแดด ปลอกแขนกันยูวี หมวก เสื้อกันฝน

เราเดินคนเดียวไปที่ JFK เข้าอเมริกาวันที่ 28 พฤษภาคม 2016 และมาเจอเพื่อนที่สนามบิน ATL
แล้วนั่งต่อไป ECP ด้วยกัน หลังจากนั่งเครื่องมาราว ๆ 33 ชม. ก็ถึงสักที Panama city beach, Florida
ขออธิบายคร่าว ๆ เรื่องเมืองปานามาซิตี้ บีช รัฐฟลอลิด้า ช่วงหน้าร้อนที่นั่นอากาศคล้ายที่ไทยมาก
ไทยเราจะร้อนอบ ๆ เหมือนแอร์คอนดิชั่นเนอร์ ซึ่งปกติที่นั่นก็ร้อนอยู่ละ ดันหนีร้อนมาเจอร้อนไปอี๊ก
แต่ปานามาซิตี้คือร้อนแบบแสบผิว เหมือนมีลำแสงเลเซอร์บาง ๆ จ่อผิวตลอดเวลา เพื่อนเราคนนึงถึงกับผิวลอก
ส่วนเราก็แพ้เล็กน้อยที่หลังผ่ามือ ที่ปลอกแขนไม่ได้ครอบคุมถึง ดังนั้นถ้าใครไปรัฐนี้ เตรียมให้พร้อมเด้อ
การเดินทางของเด็กเวิร์คส่วนใหญ่ที่นั่นก็คือ จักรยาน บางคนมีบ้านใกล้ที่ทำงานก็เดิน หรือนั่ง Trolley (รถประจำทาง)
แต่เดี๋ยว!!! วันธรรมดา Trolley มาชั่วโมงละคันนาจาาาาาา วันเสาร์มาสองชั่วโมงมาคันจ้าาา วันอาทิตย์ไม่วิ่งด้วย
ดังนั้นถ้าจะเดินทางด้วย Trolley เผื่อเวลาเด้อ





ต่อน้า พอเท้าแตะถึงพื้นPanama city beach, Florida
!
ความซวยแรกก็มาเลยจ้า
คือรถที่มารับเรากับเพื่อน เขามารับผิด !!!!
คือเขาต้องมารับอีกกลุ่มนึงที่เป็นผู้หญิงไทย3คนเช่นกัน เขาเลยต้องวนกลับมาส่งเราที่สนามบินอีกรอบ
และรับคนที่ถูกขึ้นไป ซึ่งตอนนั้นเรากับเพื่อนก็กลับมานั่งรถที่สนามบินราว ๆ 2 ชั่วโมงกว่าได้
กว่าคนขับรถจะมารับและก็พาเรามาส่งที่บ้านที่เราต้องอยู่ และพบว่าผู้หญิงไทยอีก3คน
ที่คนขับคนแรกมารับไปก็อยู่บ้านเดียวกัน เอ๊า งงในงง
!!
ความซวยที่สอง
บ้านที่เรามาถึงมีสมาชิกอยู่แล้ว 8 คน แบ่งเป็นจาไมก้าหญิง 3 คน ชาย 2 คน คนไทยผู้ชาย 2 คน และหญิงอีก1 คน
แล้วรวมเรากับเพื่อนเรา 3 คน และผู้หญิงไทยที่เราสลับรถกันอีก 3 คน รวมเป็น 14 คน OMG!!!
คำถามแรกที่แวบมาในหัวเราตอนนั้นคือ อาบน้ำทันหรอตอนเช้า ? ต้องไฝ้วใช่มั้ย 55555
14 คน กับ 2 ห้องน้ำ และห้องน้ำแยกหญิงชาย!!! ซึ่งถูกต้องแล้ว แต่ ผู้หญิง 10 คน กับห้องน้ำ 1 ห้อง
แต่เอาวะ มาถึงแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้ สู้ค่ะตอนนั้น55555 ฮึกเหิมสุดไรสุด

!!!
ความซวยที่สาม
หลังจากอยู่บ้านได้ประมาณ 3 วัน เริ่มมีการซื้อหม้อหุงข้าว ซื้อวตถุดิบ โดยหารเงินกันกับคนไทยในบ้าน
เฮฮาปาร์ตี้ประหนึ่งมีงานมีตัง ป่าว! ใช้Pocket Moneyล้วน ๆ และแล้วนายจ้างเราก็โผล่มาพร้อมบอกให้
พวกเราผู้หญิงไทย 7 คนย้ายบ้าน อีนี่ก็เอ้า ไรอะ เพิ่งหารเงินกันซื้อของเอง แต่ทำไรไม่ได้ก็ต้องย้าย
แล้วก็ทิ้งหม้อหุงข้าวและข้าวถุงโตไว้ให้เพื่อนผู้ชายอีก 2 คน T^T และพวกเราก็ได้มาอยู่บ้านหลังใหม่
ซึ่งเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการลอยแพของนายจ้าง เพราะนายจ้างเอาพวกเรามาไว้กับบ้านของคนเวียดนาม
ซึ่งการย้ายบ้านจริง ๆ เป็นโชคดีของพวกเรามากเพราะใกล้ที่ทำงาน และได้เงินประกันบ้านคืนเต็มจำนวน!

!!!!
ความซวยที่สี่
หลังจากอยู่อเมริกามาได้ประมาณ 7 วัน ย้ายบ้านก็แล้ว นายจ้างก็ยังไม่มาหรือตามไปทำงาน
พวกเราก็แจ้งไปทางพี่เอเจนซี่ว่าเออพี่ นี่ยังไม่ได้งานเลยนะ ยังไม่มีใครมาพาไปทำงานอยู่มาจะ 1 อาทิตย์แล้ว
แล้วใน job offer ที่เขียนว่าพวกเรามาทำ Housekeeper อ่ะ ยังไม่ได้ทำเลยนะพี่ แล้วยังฝากให้พี่เจ้าของบ้านช่วยหางานให้เราอีก
เพื่อนผู้ชายและพี่ผู้หญิงคนไทยที่มาถึงก่อนโดยนายจ้างให้ไปทำ Laundry !
กลับเข้าเรื่องต่อ พี่เอเจนซี่เราก็แนะนำให้ลองส่งข้อความไปบอกนายจ้างดูว่าพวกเราพร้อมทำงานแล้วนะ มีงานอะไรให้ทำ
โอเคเราก็ส่งไป นายจ้างเรานางก็บอกว่ารอก่อน โอเค พวกเราไม่รอแล้ว เมื่อนายจ้างพึ่งไม่ได้ เราก็ต้องพึ่งตัวเอง ฮื่อออ
บ่ายๆวันนั้นพวกเราออกจากบ้านแล้วเดินไปตามถนนจนถึง Front Beach ไล่เขียน application ทุกร้านที่ติดป้ายว่า Hire/Hiring
เดินกันเป็นกิโลเพื่อหางาน วันต่อมาก็ไปขอเช่าจักรยานกับเจ้าของบ้านที่เป็นคนเวียตนามเพราะเดินไม่ไหวแล้ว ร้อนและไกล
ค่าเช่าเดือนละ 20 ดอล พวกเราก็โอเค เพราะว่ายังถูกกว่าซื้อเอง พอเช่าเสร็จพวกเราก็เริ่มปั่นจักรยานไปหางานกันต่อ
เราปั่นไปที่ร้าน ZAXBY เป็นร้านฟาสฟู๊ดร้านหนึ่งในปานามาที่เราได้คำแนะนำจากพี่คนหนึ่งที่ช่วยเราดีมากๆยิ่งกว่านายจ้าง
ให้เราลองไปสมัคร แต่เมเนเจอร์ไม่อยู่เราตัดสินใจว่าจะมาใหม่ในวันหลัง และวันนี้ก็มีอะไรดนใจให้เรากับเพื่อนปั่นจักรยาน
ไปหาเพื่อนที่บ้านเก่าและไปเจอะกับนายจ้างพอดี!! ฮึ้มมม เราบอกนายจ้างว่ายังไม่มีงานเลยนะ
นายจ้างก็บอกว่านี่ไงวันนี้แหละจะพาไปแล้วนางก็บอกให้ไปขึ้นรถพร้อมกับเพื่อนผู้ชายคนไทยอีก2คน
พาพวกเราดิ่งตรงไปที่ร้านสเต็กเนื้อวัวชื่อดังมั้ง ANGELO’S STEAK PIT เลยเป็นการได้งานแบบงง
แล้วคือถ้าไม่บังเอิญไปเจอ ทุกวันนี้ก็ยังจะไม่ได้งาน เพราะพี่เราคนหนึ่งไม่ได้งานจากมันเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ หาเองหมด
1st JOB
ANGELO’S STEAK PIT

ได้ชั่วโมงละ 9 ดอล / 2 days off หลัง ๆ เหลือ 1 days off
เป็นร้านขายสเต็กเนื้อวัวLonghornสไตล์ครันทรี่ที่เปิดขายตั้งแต่เวลา 3.00 pm - 10.00 pm แต่เราเริ่มทำงานตั้งแต่บ่ายโมงตรง
เลิกหกโมงนิดๆ บางวันได้ดึกหน่อยก็สองทุ่ม เพราะprepจะเตรียมของกันไวมาก จนไม่มีอะไรทำ ต้องเลิกงาน -_____- เอ้ะ มันดีมั้ยนิ
ในช่วง high season ร้านจะคนเยอะมากมากจนต่อแถวยาวหน้าร้านเพราะชาวเมกันส่วนใหญ่หน้าร้อนจะนิยมมาเที่ยวทะเล
let’s get tan ไปอี๊ก ซึ่งก็คือช่วงตั้งแต่เดือนพ.ค. - ส.ค. ร้านเปิดแค่ปีละ 6 เดือน หน้าหนาวไม่ขาย555555
หน้าที่ที่เราทำที่นั่นก็คือ Prep cook
งานหลัก คือ เป็นคนคอยเตรียมทุกอย่าง ตั้งแต่ทำสลัด ยันทำเบอร์เกอร์
บรรจุเมล็ดพันธุ์ ทำShrimp’s cocktail แกะเปลือกกุ้ง ทำOnion ring หั่นบล็อคโคลี่
หั่นเลมอน และSour cream ซึ่งมันแปลกใหม่ และบางอย่างใช้กล้ามเนื้อแขนมาก เช่นการทำSour cream
ในที่สุดก็ได้งานสักที บอสของเราเป็นผู้ชายชาวเวียดนาม (คนที่สองในเมกาละนะ) ผมสั้น
ตัวค่อนข้างเล็ก สูงสัก158 ตามมาตราฐานคนเอเชีย ซึ่งบอสเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังในเวลาทำงาน
แต่ถ้าเวลาอารมณ์ดีก็จะบ้ามาก บ้าในแบบที่เรียกว่า เอาลูกบาสเกตบอลมาปาในห้อง Seafood (แผนกที่เราทำ)
บอสแนะนำให้รู้จักกับคนในซีฟู๊ดอีก 9 คน เป็นเมกันผิวขาว 6 คน ผิวดำ 1 คน คนไทยที่มาทำก่อน 2 คน
รวมเราอีก 3 คน เพื่อนผู้ชายอีก 1 เป็นทั้งหมด 13 ชีวิตในห้อง Seafood
มาแนะนำเป็นสมาชิกเมกันในห้อง Seafood
คนแรกเป็นผู้หญิง วัย 70 ส่วนสูงราวๆ 170 มีผ้าคาดหัวและผูกเปียน้อยๆไว้ข้างหลัง เดินเข้ามาทักเราแล้วถามชื่อ
และแนะนำตัวเองว่าเธอชื่อเบ๊บ ซึ่งต่อมากลายเป็นmomของพวกเรา เพราะเบ๊บใจดีและน่ารักมาก
เบ๊บเป็นคนที่คอยช่วยแนะนำและบอกพวกเราทุกอย่าง เบ๊บแทบไม่เคยดุเลยสักครั้ง เบ๊บชอบแอบนำขนมมาให้กินระหว่างทำงาน
มีครั้งหนึ่งแอบเอาไอศรีมมาให้กินทั้งแกนลอน แล้วให้ไปแอบมุมกล้องแล้วคอยดูบอสให้555555 รักมัมสุดในซีฟู้ด

คนที่สองชื่อดริวเป็นหนุ่มอายุราว 40 กว่า ตัวสูง180 ขึ้น จมูกโด่งเป็นสันกำแพง ผมน้ำตาลเข้มปนทอง คิ้วเข้ม
มีตาสีฟ้าเทาที่สวยมากกกกก เป็นคนหล่อที่นิสัยดี ชอบแกล้ง บ้าๆบอๆ แต่ก็เป็นคนที่จริงจังและน่าเชื่อถืออีกคนหนึ่งรองจากมัม
มีหน้าที่คอยช่วยเหลือทุกคน แต่หลัก ๆ คือทอดของกิน
ต่อมาชื่อจาเร็ด อายุใกล้ๆพวกเรา อายุ 22 ตัวสูง เกือบๆเท่าดริว ผมสีน้ำตาลแดง หุ่นดี ชอบปาของกินเล่น หน้าที่ทอด
แซนดร้า สาววัยแรกรุ่นอายุ 50 บวก เป็นสาวอวบ เป็นคนที่คอยสั่งงานและทำงานร่วมกับพวกเรา
เพราะพวกเรามี 3 คน ในทุก ๆ วันจะมีคนหนึ่งต้องจับคู่กับแซนดร้าเพื่อทำงาน และมีบ้างครั้งที่แซนดร้าจะแอบอู้บ้าง
ไมค์กี้ หนุ่มเมกันผิวดำคนเดียวในครัว อายุ 25 ตัวใหญ่มาก และก็สูงด้วย ค่อนข้างจะใจดี
เป็นคนที่คอยช่วยยกเนื้อเบอร์เกอร์หนักๆมาให้เราปั้น หน้าที่ล้างมัน และนำไปเข้าตู้อบ
ดัสตินคนนี้อายุน่าจะรุ่นเดียวกับพวกเรา ตัวสูงราว 170 ตาสีน้ำตาลเข้มสีผมก็เช่นกัน ช่วยไมค์กี้และทำความสะอาดครัว
คนสุดท้าย ชิม เป็นคนเมกันที่ใส่แว่น ผมเกือบสกินเฮด ไม่ค่อยชอบพูด แต่ชอบเรอ5555555
กินข้าวร่วมโต๊ะทีไร จะต้องได้ยินเสียงเรอตลอด หน้าที่ทอดเช่นเดียวกับจาเร็ด บางทีก็แว๊บมาช่วยพวกเรา
มาพูดถึงการเข้างาน การเข้างานของที่นี่จะมีเครื่อง Clock in/Clock out เราเริ่มทำงานตั้งแต่บ่ายโมงเพื่อจัดเตรียมสลัด
แล้วจะพักตอนบ่ายสองโมงเพื่อกินข้าว แต่ก่อนกินข้าวต้องเก็บกวาดครัวให้เรียบร้อย
ในช่วงเวลาพักจะต้องมีการมากด Break ที่เครื่องClock in/Clock out และพอบ่ายสองโมงก็มาเริ่มทำงานอีกครั้ง
การทำงานในครัวทุกครั้งต้องสวมถุงมือ เพื่อความสำหรับลูกค้า แรกๆเบ๊บจะเป็นคนสอนงาน พอหลัง ๆ
พวกเราจะรู้สิ่งที่ต้องไปโดยปริยาย โดยไม่ต้องถามอีก

ช่วงเวลาที่เราทำงานที่แองเจโล่เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ มีแต่ความสนุกทั้งได้เพื่อนและได้ประสบการณ์การทำครัวที่เยอะมาก
ถึงแม้จะได้ชั่วโมงไม่มากแต่เราก็ยินดีที่จะทำเพราะคนที่นั่นniceมาก ๆ และแถมยังได้ความอ้วนกลับมาเต็ม
และประหยัดไปได้เยอะ เพราะด้วยที่ทำงานเป็นร้านสเต็กแล้วทุก ๆ เที่ยงเราจะสามารถเอาอาหารทุกอย่างในครัวมากินได้ฟรี
ย้ำ! ได้ทุกอย่าง ยกเว้นซีฟู้ด55555555 ซึ่งส่วนใหญ่ที่กินก็จะมีเบอร์เกอร์ ริบอาย สลัด เฟรนฟรายด์ ไก่ทอด
สปาเกตตี้ มันบด พายแอปเปิ้ล รวมทั้งไอศรีม ดีไม่ดีบางวันเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ชื่อเดวิดก็จะซื้อพิซซ่า
และคุ้กกี้บราวนี่ของโดมิโน่พิซซ่ามาแบ่งให้กิน ไม่ต้องแปลกใจที่กลับมาจะน้ำหนักขึ้น เพราะของกินที่นั่นอุดมไปด้วยแป้ง

(FILM) CONEY ISLAND, NEW YORK - 1 day trip
https://pantip.com/topic/35984457
[CR] MY CRAZY EXPERIENCE, 3 JOBS 3 MONTHS HARD AND HARDER (WAT2016)
ของตัวเองบ้าง ฮ่าฮ่า ประสบการณ์การทำงานร้านสเต็กและเพื่อนเมกัน การหางานให้ได้ 3 JOB
ความซวยหลังมาถึง ประสบการณ์ทำเบอเกอร์คิง 1 วัน การหาเงินเลือดตาแทบกระเด็น เพราะถ้าหาไม่ได้จะไม่มีเงินเที่ยว
เพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะมาเวิร์คที่อเมริกา ตลอด 91 วันในอเมริกาของเรา
ที่มีทั้งความตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกที่เดินทาง จนถึงวันสุดท้ายที่อาลัยอาวรเพราะไม่อยากกลับบ้าน
ใช่ค่ะ เราไม่อยากกลับบ้านเลย เรารู้สึกว่า 3 เดือนมันผ่านไปไวมาก จนเราไม่อยากให้มันสิ้นสุด
จุดประสงค์กระทู้นี้เราขอเล่าประสบการณ์งานทั้ง3ของเรา และการเตรียมตัวพบเจอเรื่องดีและไม่ดีแล้วกันนะคะ
อาจจะไม่ได้อธิบายลึกในส่วนของเอเจนซี่หรือในส่วนของการจัดเตรียมของอะไรมากนัก
หลังจากสมัครและสัมภาษณ์เรียบร้อย เราก็ได้งาน Housekeeper ที่ Panama city beach, Florida เด้อ
การเตรียมตัวของเราส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารแห้ง555555
กระเป๋าใบ 28 นิ้วของเรา เต็มไปด้วยมาม่า ปลากระป๋อง และน้ำพริกที่แม่ให้นำติดไป
ส่วนเสื้อผ้ามานั่งดูแล้ว จริง ๆ เราว่าเราเอาไปเยอะเกินความจำเป็น
แล้วยิ่งที่นู่นมีให้ซื้ออีกเยอะและถูกมากกก เช่น Forever21 เครื่องสำอางก็เช่นกัน
แต่ของหลักๆสำหรับไปที่นั่น ที่เราคิดว่าขาดไม่ได้เลยคือ ครีมกันแดด ปลอกแขนกันยูวี หมวก เสื้อกันฝน
เราเดินคนเดียวไปที่ JFK เข้าอเมริกาวันที่ 28 พฤษภาคม 2016 และมาเจอเพื่อนที่สนามบิน ATL
แล้วนั่งต่อไป ECP ด้วยกัน หลังจากนั่งเครื่องมาราว ๆ 33 ชม. ก็ถึงสักที Panama city beach, Florida
ขออธิบายคร่าว ๆ เรื่องเมืองปานามาซิตี้ บีช รัฐฟลอลิด้า ช่วงหน้าร้อนที่นั่นอากาศคล้ายที่ไทยมาก
ไทยเราจะร้อนอบ ๆ เหมือนแอร์คอนดิชั่นเนอร์ ซึ่งปกติที่นั่นก็ร้อนอยู่ละ ดันหนีร้อนมาเจอร้อนไปอี๊ก
แต่ปานามาซิตี้คือร้อนแบบแสบผิว เหมือนมีลำแสงเลเซอร์บาง ๆ จ่อผิวตลอดเวลา เพื่อนเราคนนึงถึงกับผิวลอก
ส่วนเราก็แพ้เล็กน้อยที่หลังผ่ามือ ที่ปลอกแขนไม่ได้ครอบคุมถึง ดังนั้นถ้าใครไปรัฐนี้ เตรียมให้พร้อมเด้อ
การเดินทางของเด็กเวิร์คส่วนใหญ่ที่นั่นก็คือ จักรยาน บางคนมีบ้านใกล้ที่ทำงานก็เดิน หรือนั่ง Trolley (รถประจำทาง)
แต่เดี๋ยว!!! วันธรรมดา Trolley มาชั่วโมงละคันนาจาาาาาา วันเสาร์มาสองชั่วโมงมาคันจ้าาา วันอาทิตย์ไม่วิ่งด้วย
ดังนั้นถ้าจะเดินทางด้วย Trolley เผื่อเวลาเด้อ
ต่อน้า พอเท้าแตะถึงพื้นPanama city beach, Florida
!
ความซวยแรกก็มาเลยจ้า
คือรถที่มารับเรากับเพื่อน เขามารับผิด !!!!
คือเขาต้องมารับอีกกลุ่มนึงที่เป็นผู้หญิงไทย3คนเช่นกัน เขาเลยต้องวนกลับมาส่งเราที่สนามบินอีกรอบ
และรับคนที่ถูกขึ้นไป ซึ่งตอนนั้นเรากับเพื่อนก็กลับมานั่งรถที่สนามบินราว ๆ 2 ชั่วโมงกว่าได้
กว่าคนขับรถจะมารับและก็พาเรามาส่งที่บ้านที่เราต้องอยู่ และพบว่าผู้หญิงไทยอีก3คน
ที่คนขับคนแรกมารับไปก็อยู่บ้านเดียวกัน เอ๊า งงในงง
!!
ความซวยที่สอง
บ้านที่เรามาถึงมีสมาชิกอยู่แล้ว 8 คน แบ่งเป็นจาไมก้าหญิง 3 คน ชาย 2 คน คนไทยผู้ชาย 2 คน และหญิงอีก1 คน
แล้วรวมเรากับเพื่อนเรา 3 คน และผู้หญิงไทยที่เราสลับรถกันอีก 3 คน รวมเป็น 14 คน OMG!!!
คำถามแรกที่แวบมาในหัวเราตอนนั้นคือ อาบน้ำทันหรอตอนเช้า ? ต้องไฝ้วใช่มั้ย 55555
14 คน กับ 2 ห้องน้ำ และห้องน้ำแยกหญิงชาย!!! ซึ่งถูกต้องแล้ว แต่ ผู้หญิง 10 คน กับห้องน้ำ 1 ห้อง
แต่เอาวะ มาถึงแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้ สู้ค่ะตอนนั้น55555 ฮึกเหิมสุดไรสุด
!!!
ความซวยที่สาม
หลังจากอยู่บ้านได้ประมาณ 3 วัน เริ่มมีการซื้อหม้อหุงข้าว ซื้อวตถุดิบ โดยหารเงินกันกับคนไทยในบ้าน
เฮฮาปาร์ตี้ประหนึ่งมีงานมีตัง ป่าว! ใช้Pocket Moneyล้วน ๆ และแล้วนายจ้างเราก็โผล่มาพร้อมบอกให้
พวกเราผู้หญิงไทย 7 คนย้ายบ้าน อีนี่ก็เอ้า ไรอะ เพิ่งหารเงินกันซื้อของเอง แต่ทำไรไม่ได้ก็ต้องย้าย
แล้วก็ทิ้งหม้อหุงข้าวและข้าวถุงโตไว้ให้เพื่อนผู้ชายอีก 2 คน T^T และพวกเราก็ได้มาอยู่บ้านหลังใหม่
ซึ่งเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการลอยแพของนายจ้าง เพราะนายจ้างเอาพวกเรามาไว้กับบ้านของคนเวียดนาม
ซึ่งการย้ายบ้านจริง ๆ เป็นโชคดีของพวกเรามากเพราะใกล้ที่ทำงาน และได้เงินประกันบ้านคืนเต็มจำนวน!
!!!!
ความซวยที่สี่
หลังจากอยู่อเมริกามาได้ประมาณ 7 วัน ย้ายบ้านก็แล้ว นายจ้างก็ยังไม่มาหรือตามไปทำงาน
พวกเราก็แจ้งไปทางพี่เอเจนซี่ว่าเออพี่ นี่ยังไม่ได้งานเลยนะ ยังไม่มีใครมาพาไปทำงานอยู่มาจะ 1 อาทิตย์แล้ว
แล้วใน job offer ที่เขียนว่าพวกเรามาทำ Housekeeper อ่ะ ยังไม่ได้ทำเลยนะพี่ แล้วยังฝากให้พี่เจ้าของบ้านช่วยหางานให้เราอีก
เพื่อนผู้ชายและพี่ผู้หญิงคนไทยที่มาถึงก่อนโดยนายจ้างให้ไปทำ Laundry !
กลับเข้าเรื่องต่อ พี่เอเจนซี่เราก็แนะนำให้ลองส่งข้อความไปบอกนายจ้างดูว่าพวกเราพร้อมทำงานแล้วนะ มีงานอะไรให้ทำ
โอเคเราก็ส่งไป นายจ้างเรานางก็บอกว่ารอก่อน โอเค พวกเราไม่รอแล้ว เมื่อนายจ้างพึ่งไม่ได้ เราก็ต้องพึ่งตัวเอง ฮื่อออ
บ่ายๆวันนั้นพวกเราออกจากบ้านแล้วเดินไปตามถนนจนถึง Front Beach ไล่เขียน application ทุกร้านที่ติดป้ายว่า Hire/Hiring
เดินกันเป็นกิโลเพื่อหางาน วันต่อมาก็ไปขอเช่าจักรยานกับเจ้าของบ้านที่เป็นคนเวียตนามเพราะเดินไม่ไหวแล้ว ร้อนและไกล
ค่าเช่าเดือนละ 20 ดอล พวกเราก็โอเค เพราะว่ายังถูกกว่าซื้อเอง พอเช่าเสร็จพวกเราก็เริ่มปั่นจักรยานไปหางานกันต่อ
เราปั่นไปที่ร้าน ZAXBY เป็นร้านฟาสฟู๊ดร้านหนึ่งในปานามาที่เราได้คำแนะนำจากพี่คนหนึ่งที่ช่วยเราดีมากๆยิ่งกว่านายจ้าง
ให้เราลองไปสมัคร แต่เมเนเจอร์ไม่อยู่เราตัดสินใจว่าจะมาใหม่ในวันหลัง และวันนี้ก็มีอะไรดนใจให้เรากับเพื่อนปั่นจักรยาน
ไปหาเพื่อนที่บ้านเก่าและไปเจอะกับนายจ้างพอดี!! ฮึ้มมม เราบอกนายจ้างว่ายังไม่มีงานเลยนะ
นายจ้างก็บอกว่านี่ไงวันนี้แหละจะพาไปแล้วนางก็บอกให้ไปขึ้นรถพร้อมกับเพื่อนผู้ชายคนไทยอีก2คน
พาพวกเราดิ่งตรงไปที่ร้านสเต็กเนื้อวัวชื่อดังมั้ง ANGELO’S STEAK PIT เลยเป็นการได้งานแบบงง
แล้วคือถ้าไม่บังเอิญไปเจอ ทุกวันนี้ก็ยังจะไม่ได้งาน เพราะพี่เราคนหนึ่งไม่ได้งานจากมันเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ หาเองหมด
1st JOB
ANGELO’S STEAK PIT
ได้ชั่วโมงละ 9 ดอล / 2 days off หลัง ๆ เหลือ 1 days off
เป็นร้านขายสเต็กเนื้อวัวLonghornสไตล์ครันทรี่ที่เปิดขายตั้งแต่เวลา 3.00 pm - 10.00 pm แต่เราเริ่มทำงานตั้งแต่บ่ายโมงตรง
เลิกหกโมงนิดๆ บางวันได้ดึกหน่อยก็สองทุ่ม เพราะprepจะเตรียมของกันไวมาก จนไม่มีอะไรทำ ต้องเลิกงาน -_____- เอ้ะ มันดีมั้ยนิ
ในช่วง high season ร้านจะคนเยอะมากมากจนต่อแถวยาวหน้าร้านเพราะชาวเมกันส่วนใหญ่หน้าร้อนจะนิยมมาเที่ยวทะเล
let’s get tan ไปอี๊ก ซึ่งก็คือช่วงตั้งแต่เดือนพ.ค. - ส.ค. ร้านเปิดแค่ปีละ 6 เดือน หน้าหนาวไม่ขาย555555
หน้าที่ที่เราทำที่นั่นก็คือ Prep cook
งานหลัก คือ เป็นคนคอยเตรียมทุกอย่าง ตั้งแต่ทำสลัด ยันทำเบอร์เกอร์
บรรจุเมล็ดพันธุ์ ทำShrimp’s cocktail แกะเปลือกกุ้ง ทำOnion ring หั่นบล็อคโคลี่
หั่นเลมอน และSour cream ซึ่งมันแปลกใหม่ และบางอย่างใช้กล้ามเนื้อแขนมาก เช่นการทำSour cream
ในที่สุดก็ได้งานสักที บอสของเราเป็นผู้ชายชาวเวียดนาม (คนที่สองในเมกาละนะ) ผมสั้น
ตัวค่อนข้างเล็ก สูงสัก158 ตามมาตราฐานคนเอเชีย ซึ่งบอสเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังในเวลาทำงาน
แต่ถ้าเวลาอารมณ์ดีก็จะบ้ามาก บ้าในแบบที่เรียกว่า เอาลูกบาสเกตบอลมาปาในห้อง Seafood (แผนกที่เราทำ)
บอสแนะนำให้รู้จักกับคนในซีฟู๊ดอีก 9 คน เป็นเมกันผิวขาว 6 คน ผิวดำ 1 คน คนไทยที่มาทำก่อน 2 คน
รวมเราอีก 3 คน เพื่อนผู้ชายอีก 1 เป็นทั้งหมด 13 ชีวิตในห้อง Seafood
มาแนะนำเป็นสมาชิกเมกันในห้อง Seafood
คนแรกเป็นผู้หญิง วัย 70 ส่วนสูงราวๆ 170 มีผ้าคาดหัวและผูกเปียน้อยๆไว้ข้างหลัง เดินเข้ามาทักเราแล้วถามชื่อ
และแนะนำตัวเองว่าเธอชื่อเบ๊บ ซึ่งต่อมากลายเป็นmomของพวกเรา เพราะเบ๊บใจดีและน่ารักมาก
เบ๊บเป็นคนที่คอยช่วยแนะนำและบอกพวกเราทุกอย่าง เบ๊บแทบไม่เคยดุเลยสักครั้ง เบ๊บชอบแอบนำขนมมาให้กินระหว่างทำงาน
มีครั้งหนึ่งแอบเอาไอศรีมมาให้กินทั้งแกนลอน แล้วให้ไปแอบมุมกล้องแล้วคอยดูบอสให้555555 รักมัมสุดในซีฟู้ด
คนที่สองชื่อดริวเป็นหนุ่มอายุราว 40 กว่า ตัวสูง180 ขึ้น จมูกโด่งเป็นสันกำแพง ผมน้ำตาลเข้มปนทอง คิ้วเข้ม
มีตาสีฟ้าเทาที่สวยมากกกกก เป็นคนหล่อที่นิสัยดี ชอบแกล้ง บ้าๆบอๆ แต่ก็เป็นคนที่จริงจังและน่าเชื่อถืออีกคนหนึ่งรองจากมัม
มีหน้าที่คอยช่วยเหลือทุกคน แต่หลัก ๆ คือทอดของกิน
ต่อมาชื่อจาเร็ด อายุใกล้ๆพวกเรา อายุ 22 ตัวสูง เกือบๆเท่าดริว ผมสีน้ำตาลแดง หุ่นดี ชอบปาของกินเล่น หน้าที่ทอด
แซนดร้า สาววัยแรกรุ่นอายุ 50 บวก เป็นสาวอวบ เป็นคนที่คอยสั่งงานและทำงานร่วมกับพวกเรา
เพราะพวกเรามี 3 คน ในทุก ๆ วันจะมีคนหนึ่งต้องจับคู่กับแซนดร้าเพื่อทำงาน และมีบ้างครั้งที่แซนดร้าจะแอบอู้บ้าง
ไมค์กี้ หนุ่มเมกันผิวดำคนเดียวในครัว อายุ 25 ตัวใหญ่มาก และก็สูงด้วย ค่อนข้างจะใจดี
เป็นคนที่คอยช่วยยกเนื้อเบอร์เกอร์หนักๆมาให้เราปั้น หน้าที่ล้างมัน และนำไปเข้าตู้อบ
ดัสตินคนนี้อายุน่าจะรุ่นเดียวกับพวกเรา ตัวสูงราว 170 ตาสีน้ำตาลเข้มสีผมก็เช่นกัน ช่วยไมค์กี้และทำความสะอาดครัว
คนสุดท้าย ชิม เป็นคนเมกันที่ใส่แว่น ผมเกือบสกินเฮด ไม่ค่อยชอบพูด แต่ชอบเรอ5555555
กินข้าวร่วมโต๊ะทีไร จะต้องได้ยินเสียงเรอตลอด หน้าที่ทอดเช่นเดียวกับจาเร็ด บางทีก็แว๊บมาช่วยพวกเรา
มาพูดถึงการเข้างาน การเข้างานของที่นี่จะมีเครื่อง Clock in/Clock out เราเริ่มทำงานตั้งแต่บ่ายโมงเพื่อจัดเตรียมสลัด
แล้วจะพักตอนบ่ายสองโมงเพื่อกินข้าว แต่ก่อนกินข้าวต้องเก็บกวาดครัวให้เรียบร้อย
ในช่วงเวลาพักจะต้องมีการมากด Break ที่เครื่องClock in/Clock out และพอบ่ายสองโมงก็มาเริ่มทำงานอีกครั้ง
การทำงานในครัวทุกครั้งต้องสวมถุงมือ เพื่อความสำหรับลูกค้า แรกๆเบ๊บจะเป็นคนสอนงาน พอหลัง ๆ
พวกเราจะรู้สิ่งที่ต้องไปโดยปริยาย โดยไม่ต้องถามอีก
ช่วงเวลาที่เราทำงานที่แองเจโล่เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ มีแต่ความสนุกทั้งได้เพื่อนและได้ประสบการณ์การทำครัวที่เยอะมาก
ถึงแม้จะได้ชั่วโมงไม่มากแต่เราก็ยินดีที่จะทำเพราะคนที่นั่นniceมาก ๆ และแถมยังได้ความอ้วนกลับมาเต็ม
และประหยัดไปได้เยอะ เพราะด้วยที่ทำงานเป็นร้านสเต็กแล้วทุก ๆ เที่ยงเราจะสามารถเอาอาหารทุกอย่างในครัวมากินได้ฟรี
ย้ำ! ได้ทุกอย่าง ยกเว้นซีฟู้ด55555555 ซึ่งส่วนใหญ่ที่กินก็จะมีเบอร์เกอร์ ริบอาย สลัด เฟรนฟรายด์ ไก่ทอด
สปาเกตตี้ มันบด พายแอปเปิ้ล รวมทั้งไอศรีม ดีไม่ดีบางวันเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ชื่อเดวิดก็จะซื้อพิซซ่า
และคุ้กกี้บราวนี่ของโดมิโน่พิซซ่ามาแบ่งให้กิน ไม่ต้องแปลกใจที่กลับมาจะน้ำหนักขึ้น เพราะของกินที่นั่นอุดมไปด้วยแป้ง
(FILM) CONEY ISLAND, NEW YORK - 1 day trip
https://pantip.com/topic/35984457