กระทู้ที่ 2 แล้วหลังจากห่างหายไปนาน แต่รีวิวไก่กาเช่นเคย

ทริปนี้เกิดจากจขกท.ไม่อยากนอนอยู่บ้านเหี่ยวเฉาในวันหยุดสงกรานต์เลยมีผู้ใจดีสงสารพาไปเที่ยวซะเลย

จังหวัดที่เราเลือกไปกันนั้นคือ "ประจวบคีรีขันธ์" นี่แหละค่าาาาาาา เลือกสถานที่ได้แล้วจะรออะไรอยู่ ต้องรีบหาที่ซุกหัวนอนกันนี่ก็วันที่ 11 แล้วยิ่งเป็นช่วงเทศกาลด้วยที่ไหนๆก็เต็ม ตอนแรกวางแผนจะไปพักที่ปราณบุรี พอโทรสอบถามที่พักแต่ละที่แล้ว เต็มแล้วค่ะ เต็มแล้วค่ะ ฮรือออออ ฉันจะได้ไปไหมเนี่ยยยยย TT เปลี่ยนแผนๆเราต้องหาที่หมายปลายทางใหม่ เข้าพี่กูเกิ้ลสิคะแล้วเสิร์ชหาสถานที่เที่ยวใหม่ และแล้วก็ได้ "หาดบ้านกรูดและคลองวาฬ" ไปสองคืนก็เปลี่ยนบรรยากาศกันไป นานๆจะมีคนพาไปเที่ยวซะทีต้องเอาให้คุ้ม อิอิ ได้สถานที่แล้วก็ต้องหาที่พักกันต่อ ไปพักผ่อนวันหยุดยาวทั้งที่ก็อยากนอนฟังเสียงคลื่นติดริมทะเล วันที่ 12 ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการหาที่พัก งานการแทบจะไม่ได้ทำ

ออฟฟิตก็เงียบเหงาซะเหลือเกิน เค้าลากันไปหมดแล้วววววว สรุปที่เราหามาไม่ถูกใจคนพาไปสักที่ คนพาไปเลยจัดการหามาให้ เรามีหน้าที่แค่โทรสอบถามและจองที่พักแค่นั้นพอ ที่พักในคืนแรกของเราเลือกพักที่ "คีรีวารี ซีไซด์ วิลล่า แอนด์ สปา" คืนที่สองของเราเลือกพักที่ "รั้วไม้ รีสอร์ท" ได้ที่พักแล้วก็รีบโอนเงินค่าที่พักกันเล๊ยยยยย สถานีต่อไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วรอเวลาไปกันเลยจ้าาา go go go
เริ่มต้นวันแรกของการเดินทางจากสมุทรปราการไปประจวบคีรีขันธ์กันเลยยยยย
เราออกเดินทางจากสมุทรปราการ ตี 5.40 จากที่นัดกันไว้ว่าออกตอนตี 5

ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาทีไปถึงเพชรบุรี เพื่อไปสถานที่แรกของเราในวันนี้ พระราชนิเวศน์มฤคทายวันตั้งอยู่ในค่ายพระรามหก การเดินทางของเราไม่ค่อยแม่นย้ำมากนะ วนหลงเข้าผิดไปเข้าค่ายนเรศวรอีก เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไปเชื่อ Google maps มากนักกกกก โดนคนขับว๊ากไปทีเลย TT เลยถามพี่ทหารว่าพระราชนิเวศน์มฤคทายวันไปทางไหนค่ะ พี่เค้าเลยบอกว่ามันเลยมาแล้ว ต้องย้อนกลับไปแล้วเลี้ยวยูเทิร์นที่ 3 แง่ววววว พอเข้ามาในค่ายพระรามหกแล้วขับรถมาตามทางเรื่อยๆไม่นานก็ถึงแล้ว
"พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน"
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) เวลาเปิดทำการ 08.30 - 16.30 น. แต่ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 16.00 น.
เราไปถึงที่พระราชนิเวศน์ประมาณ 8.00 โมง เลยแวะทานข้าวด้านหน้าบริเวณทางเข้าพระราชนิเวศน์ บริเวณด้านหน้ามีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกมากมาย เปิดกันแต่เช้าเลย ช่วงเช้าที่ไปถึงคนไม่เยอะมากนัก แต่อากาศนี่ร้อนใช้ได้เลย กินข้าวรอเวลาสักพักก็ 8 โมงครึ่งแล้ว จะรออะไรอยู่เข้าไปเที่ยวชมพระราชนิเวศน์ด้านในกันเลยค่าาาาา ตามมาน้าาาาาา

ทางเข้าจะมีจุดจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียมในการเข้าชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ผู้ใหญ่ ท่านละ 30 บาท เด็ก(อายุ 10 -15) คนละ 15 บาท

พอซื้อบัตรเสร็จ เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีการปิดปรับปรุงพระราชฐานชั้นในของพระราชนิเวศน์ สามารถเที่ยวชมได้แต่รอบนอกนะคะ ฮรืออออ
ด้านหน้าตรงจุดจำหน่ายบัตรมีป้ายระเบียบการเยี่ยมชม

ซื้อบัตรแล้วเดินเข้าไปด้านในกันเลยจ้า

ร่มรื่นมากๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ แต่อากาศในวันนั้นร้อนไปหน่อย

พอเข้าไปด้านในจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจบัตรเข้าชม

ตารางเวลาในการเข้าชมพระราชฐานชั้นในของพระราชนิเวศน์ค่ะ เคยอ่านเจอในรีวิวว่าเค้าให้ขึ้นไปดูรอบละ 30 คนนะคะ แต่วันที่เราไปปิดปรับปรุงเลยขึ้นไปไม่ได้ เสียใจจจจจจ

เข้ามาภายในหลังจากตรวจบัตรเข้าชมเสร็จ ทางด้านขวามือจะมีที่จำหน่ายของที่ระลึกค่ะ

เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะพบกับความสวยงามของพระราชนิเวศน์

เนื่องจากเราไม่รู้รายละเอียดว่าจุดไหนเป็นอะไรเราเลยมีแต่รูปมาฝากน้าาา ไม่ว่ากันเนอะ


พระราชนิเวศน์อยู่ติดกับทะเลเลยนะคะ ถึงอากาศจะร้อนยังมีลมทะเลพัดพาให้คลายร้อนได้



ระหว่างที่เดินชม จะได้ยินเสียงดนตรีไทยด้วยนะคะ มีเจ้าหน้าที่คอยเล่นระนาดอยู่ชั้นบนของพระราชฐานชั้นใน


เดินถ่ายรูปเพลินๆ อยู่เหมือนกัน






ทางเดินไปยังทางออก

สิ้นสุดการเที่ยวชมสถานที่แรกกันแล้ว เราไปสถานที่ต่อไปกันเลยจ้า
"เขากระโหลก" ตั้งอยู่ที่อำเภอปราณบุรี
การเดินทางก็ยังเพิ่งพา Google maps เช่นเดิมจ้าาาา และคนช่วยบอกทางอย่างเราก็บอกผิดบอกถูกเหมือนเดิม

เราเดินทางมาถึงที่เขากระโหลกประมาณ 10 โมงกว่า แดดนี่ร้อนแบบไม่ต้องพูดถึงเลย ทริปนี้ของเราเน้นแวะเยอะแต่อยู่ไม่ค่อยนาน 55555 คือประมาณว่าขอแค่แวะมาให้เห็นสักแปปก็ยังดี

รูปที่เขากระโหลกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะ เรากับคนขับสู้แดดไม่ไหวจริงๆ เพราะหลังจากสถานที่นี้เสร็จเราจะไปต่อสายโหดปีนเขากัน เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา

ด้วยความที่เราคิดเองว่า ตรงรูๆตรงนี้คงเป็นส่วนที่เรียกว่ากระโหลกเลยถ่ายมาซะเยอะเชียว จริงๆแล้วมันก็ทั้งเขาเนี่ยแหละ แต่ถ่ายมาแค่นี้ ><"


ชายหาดทอดยาวสุดสายตา คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่


เราไปกันต่อจ้า สถานที่ถัดไป
"จุดชมวิวเขาแดง" ตั้งอยู่ที่อำเภอกุยบุรี ใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรแต่ไปถึงเราว่าคุ้มค่ามากนะ เพราะมันสนุกและเหนื่อยมาก 555555 วิวข้างบนสวยมาก ถ้าใครมีโอกาศไปเที่ยวประจวบฯ เราอยากให้แวะนะ
ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาทจ้า ด้านล่างอุทยานมีร้านค้าขายพวกเครื่องดื่ม เราแนะนำให้ซื้อน้ำเปล่าติดไปด้วยสักขวดนะเอาไว้ดื่มเวลาเหนื่อยตอนขึ้นเขา



ถ้าพร้อมกันแล้วไปปีนเขากันเลยจ้า ทางเดินตอนแรกๆก็ชิวๆไป

เราแนะนำว่าให้ใส่รองเท้าผ้าใบไปน้า ถ้าใส่รองเท้าแตะไปก็ปีนได้เหมือนกันแหละแต่จะเจ็บเท้าเอาได้ ระหว่างเดินขึ้นเขาก็ส่วนทางกับคนที่ลงมา เราถามเค้าตลอดเลยว่าอีกไกลไหมกว่าจะถึงด้านบน เพราะมันเหนื่อยเหลือเกินเลยจะถอดใจระหว่างทางด้วยเนี่ย ใครๆก็บอกว่าไม่ไกลเดินนิดเดียวเอง เราเดินเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง

เดินขึ้นไปไม่ต้องกลัวหลงนะคะ จะมีลูกศรคอยบอกทางเราอยู่ และมีเพื่อนเดินส่วนขึ้นลงกับเราตลอดเวลาไม่เหงาแน่นอน

ทางเดินขึ้นไปก็จะเป็นหินประมาณนี้ บางช่วงที่ชันทางอุทยานเค้ามีเชือกให้จับนะคะ

มองลงไปไม่ค่อยหน้ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้าตกลงไปนี่น่าจะถลอกหนักเลย


ช่วงเราเดินขึ้นเขาก็ประมาณเที่ยง แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่เพราะมีร่มไม้บังแดดให้เลยเดินขึ้นได้อย่างสบายๆแต่กว่าเราจะขึ้นไปถึงแขนโดนหินถลอกไปหลายแผลอยู่ เห็นป้ายนี้ก็น่าจะครึ่งทางแล้ว

พอเห็นป้ายนี้เราแทบกรี๊ด คือแบบมันเหนื่อยมากกกกกก ไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้เหมือนกันในชีวิต ยิ่งกว่าการเดินทางไกลของค่ายลูกเสือ 555555 ขึ้นมาถึงแล้วคุ้มค่ามาก วิวสวยมาก ลมพัดเย็นสบายแต่แดดนี่แรงมากกกก เล่นเอาผิวแทนๆกันไป



เห็นวิวทะเล วิวหมู่บ้านคือดี๊ดี


เราใช้เวลาอยู่ด้านบนนานพอสมควร เพราะกว่าจะขึ้นมาได้นี่ต้องอยู่ให้คุ้มซะหน่อย


วิวด้านหลังก็เป็นต้นไม้ เป็นเขา กว่าจะถ่ายได้นี่เสียวตกลงไปเหมือนกันขาสั่นพอสมควรเนื่องจากกลัวความสูง แต่ก็พลีชีพเพื่อกระทู้นี้เลยนะเธอ


สิ้นสุดการเดินขึ้นเขาไปจุดชมวิวเขาแดง เราไปต่อที่พักกันเลยดีกว่า ร้อนไม่ไหวแย้ว อยากจะอาบน้ำใจจะขาดดด
ที่พักของเราในวันแรก คีรีวารี ซีไซด์ วิลล่า แอนด์ สปา ตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน ห้องพักที่เราเข้าพักเป็น Garden villa คืนละ 2,500 บาท ราคานี้อาจจะเป็นช่วงเทศกาลด้วยแหละ วันธรรมดาหรือช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลน่าจะถูกลงกว่านี้ เราโทรมาจองแล้วแอดไลน์มาแจ้งรายละเอียดกับพนักงานอีกที เผื่อใครสนใจเราแปะลิ้งค์ไว้ให้ละกันเนอะ
http://www.keereewaree.com/index.html
[CR] :: Route Prachuapkhirikhan :: ~ทริปธรรมดาที่ไม่ธรรมดาในวันสงกรานต์ | 3 วัน 2 คืน
เราออกเดินทางจากสมุทรปราการ ตี 5.40 จากที่นัดกันไว้ว่าออกตอนตี 5
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) เวลาเปิดทำการ 08.30 - 16.30 น. แต่ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 16.00 น.
เราไปถึงที่พระราชนิเวศน์ประมาณ 8.00 โมง เลยแวะทานข้าวด้านหน้าบริเวณทางเข้าพระราชนิเวศน์ บริเวณด้านหน้ามีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกมากมาย เปิดกันแต่เช้าเลย ช่วงเช้าที่ไปถึงคนไม่เยอะมากนัก แต่อากาศนี่ร้อนใช้ได้เลย กินข้าวรอเวลาสักพักก็ 8 โมงครึ่งแล้ว จะรออะไรอยู่เข้าไปเที่ยวชมพระราชนิเวศน์ด้านในกันเลยค่าาาาา ตามมาน้าาาาาา
ด้านหน้าตรงจุดจำหน่ายบัตรมีป้ายระเบียบการเยี่ยมชม
การเดินทางก็ยังเพิ่งพา Google maps เช่นเดิมจ้าาาา และคนช่วยบอกทางอย่างเราก็บอกผิดบอกถูกเหมือนเดิม
ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาทจ้า ด้านล่างอุทยานมีร้านค้าขายพวกเครื่องดื่ม เราแนะนำให้ซื้อน้ำเปล่าติดไปด้วยสักขวดนะเอาไว้ดื่มเวลาเหนื่อยตอนขึ้นเขา
ช่วงเราเดินขึ้นเขาก็ประมาณเที่ยง แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่เพราะมีร่มไม้บังแดดให้เลยเดินขึ้นได้อย่างสบายๆแต่กว่าเราจะขึ้นไปถึงแขนโดนหินถลอกไปหลายแผลอยู่ เห็นป้ายนี้ก็น่าจะครึ่งทางแล้ว
ที่พักของเราในวันแรก คีรีวารี ซีไซด์ วิลล่า แอนด์ สปา ตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน ห้องพักที่เราเข้าพักเป็น Garden villa คืนละ 2,500 บาท ราคานี้อาจจะเป็นช่วงเทศกาลด้วยแหละ วันธรรมดาหรือช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลน่าจะถูกลงกว่านี้ เราโทรมาจองแล้วแอดไลน์มาแจ้งรายละเอียดกับพนักงานอีกที เผื่อใครสนใจเราแปะลิ้งค์ไว้ให้ละกันเนอะ http://www.keereewaree.com/index.html
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น