
...งานคืนนี้ งั้นรึ...
ฮัตเนเฟอร์ทวนถามตัวเองอยู่ในใจแทบจะตลอดทางที่นั่งรถม้ากลับบ้าน เจ้าชายเซติตรัสกับเขาถึงขนาดนั้น จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าไม่ ...ก็ ไม่ เช่นกัน
ชายหนุ่มถอนใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรถม้าแล่นเข้าสู่บริเวณบ้าน และถอนออกมาอีกเฮือกใหญ่กว่าเดิม เมื่อลงจากม้าแล้วได้ยินเสียงแว่วมาจากในตัวบ้าน
มันเป็นเสียงอ้วก โอ๊ก อ๊าก ของหญิงสาว ที่ตามมาด้วยเสียงปลอบประโลมและร้องเรียกบ่าวของหญิงสูงวัย
ประตูด้านหน้าตัวบ้านที่เปิดโล่งทำให้นายทหารหนุ่มมองเห็นห้องโถงนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่โต๊ะและเก้าอี้ไม้จำนวนหนึ่งถูกลากไปรวมกันไว้มุมหนึ่งของห้อง ในขณะที่อีกด้านจัดเป็นที่นั่งที่นอนสำหรับภรรยาของเขาโดยเฉพาะ
‘มานอนเล่นตรงนี้แหละ อากาศดี ไม่เหม็นกลิ่นเบียร์ กลิ่นข้าว’
ป้าของเขาออกความเห็นไว้ตอนที่เกณฑ์ให้บ่าวมาเลื่อนโต๊ะชิดมุมห้อง ซึ่งฮัตเนเฟอร์ก็เห็นด้วย เพียงแต่ว่า เขายังไม่เห็นว่ามันจะช่วยให้อาการแพ้ท้องของภรรยาสาวลดลงสักเท่าใดนัก ...หรือ นี่ อาจจะถือว่าลดแล้ว ?
“อ้าว”
สตรีต่างวัยสองคนอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นเขา ฮัตเนเฟอร์ยิ้มน้อย ๆ และพยักหน้าแทนการทักทายก่อนนั่งลงข้างภรรยาและเอ่ยถาม
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ตอนเจ้าออกไปก็ไม่เท่าไร เพิ่งมามีอาการนี่แหละ” เนคเบ ป้าของชายหนุ่มเป็นคนตอบแทน
“มันก็มีอาการเป็นพัก ๆ เจ้าค่ะ ท่านพี่” คราวนี้อนูทิสเป็นฝ่ายอธิบายเพิ่มเอง นางคงไม่รู้ตัวว่าหน้าตนนั้นซีดเพียงใด ยามส่งยิ้มมาให้จึงดูน่าเวทนานัก
ฮัตเนเฟอร์ถอนหายใจ “ถ้ารู้ว่าเจ้าท้องแล้วจะแพ้ขนาดนี้ ไม่...”
“หยุด !” เนคเบรีบหยุดคำพูดของหลานชาย “อย่าพูดเช่นนี้ ข้าเห็นคนอื่นแพ้ไม่นานประเดี๋ยวก็หาย ถ้าไม่หาย คลอดแล้วก็หาย อดทนแป๊บเดียว เดี๋ยวพวกเจ้าก็มีลูกไว้เชยชมแล้วนะ ...นะ อนู”
มีเพียงหลานสะใภ้เท่านั้นที่พยักหน้ารับ ในขณะที่ฮัตเนเฟอร์ถอนหายใจอีกคราพลางก้มลงถอดรองเท้า
“เป็นอันใด ไปรับเสด็จเจ้าชายกลับมาทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือเจ้าโดนดุ”
ไม่แปลกที่ป้าของเขาจะทักขึ้นมา นางช่างสังเกตเสมอ
“มิใช่หรอก ท่านป้า”
“อ้าว แล้วอะไร” คนช่างสังเกตคาดคั้น
“พอเจ้าชายรู้ว่าข้าออกเรือนแล้ว ก็เลยอยากให้พาภรรยาไปงานคืนนี้ด้วย”
“อ้าว ก็ดีน่ะสิ”
ดวงตาของหญิงสูงวัยลุกวาว แต่ฮัตเนเฟอร์ส่ายหน้ามองภรรยา
“ดีอย่างไร สภาพแบบนี้”
คราวนี้แล ที่ผู้หญิงสองคนมีสีหน้าเหมือนกันแทบไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนเนคเบจะถอนหายใจดัง “เฮ้อ” ออกมา
“ถ้าต้องไปจริง ๆ ฝืนสักหน่อยคงพอไหว”
อนูทิสส่งยิ้มมาให้ แต่กลับเป็นยิ้มที่ทำให้ฮัตเนเฟอร์หนักใจมากขึ้น
“โอ้ย อนู อย่างเสี่ยงเลย เกิดเจ้าไปเป็นลมเป็นแล้งในงานจะยุ่งยากเปล่า ๆ ยิ่งถ้าเกิดได้กลิ่นอะไรแล้วอ้วกแบบกลั้นไม่ทันขึ้นมากลางงานละก็ เฮ้อ อย่าเลยนะ”
เนคเบขัดขึ้น ซึ่งฮัตเนเฟอร์ก็เห็นด้วย
ทั้งสามนั่งเงียบกันไปชั่วขณะ ก่อนอนูทิสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความหวัง
**เจ้าชายในฝัน : ตอนที่ 2 (2)**
...งานคืนนี้ งั้นรึ...
ฮัตเนเฟอร์ทวนถามตัวเองอยู่ในใจแทบจะตลอดทางที่นั่งรถม้ากลับบ้าน เจ้าชายเซติตรัสกับเขาถึงขนาดนั้น จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าไม่ ...ก็ ไม่ เช่นกัน
ชายหนุ่มถอนใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรถม้าแล่นเข้าสู่บริเวณบ้าน และถอนออกมาอีกเฮือกใหญ่กว่าเดิม เมื่อลงจากม้าแล้วได้ยินเสียงแว่วมาจากในตัวบ้าน
มันเป็นเสียงอ้วก โอ๊ก อ๊าก ของหญิงสาว ที่ตามมาด้วยเสียงปลอบประโลมและร้องเรียกบ่าวของหญิงสูงวัย
ประตูด้านหน้าตัวบ้านที่เปิดโล่งทำให้นายทหารหนุ่มมองเห็นห้องโถงนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่โต๊ะและเก้าอี้ไม้จำนวนหนึ่งถูกลากไปรวมกันไว้มุมหนึ่งของห้อง ในขณะที่อีกด้านจัดเป็นที่นั่งที่นอนสำหรับภรรยาของเขาโดยเฉพาะ
‘มานอนเล่นตรงนี้แหละ อากาศดี ไม่เหม็นกลิ่นเบียร์ กลิ่นข้าว’
ป้าของเขาออกความเห็นไว้ตอนที่เกณฑ์ให้บ่าวมาเลื่อนโต๊ะชิดมุมห้อง ซึ่งฮัตเนเฟอร์ก็เห็นด้วย เพียงแต่ว่า เขายังไม่เห็นว่ามันจะช่วยให้อาการแพ้ท้องของภรรยาสาวลดลงสักเท่าใดนัก ...หรือ นี่ อาจจะถือว่าลดแล้ว ?
“อ้าว”
สตรีต่างวัยสองคนอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นเขา ฮัตเนเฟอร์ยิ้มน้อย ๆ และพยักหน้าแทนการทักทายก่อนนั่งลงข้างภรรยาและเอ่ยถาม
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ตอนเจ้าออกไปก็ไม่เท่าไร เพิ่งมามีอาการนี่แหละ” เนคเบ ป้าของชายหนุ่มเป็นคนตอบแทน
“มันก็มีอาการเป็นพัก ๆ เจ้าค่ะ ท่านพี่” คราวนี้อนูทิสเป็นฝ่ายอธิบายเพิ่มเอง นางคงไม่รู้ตัวว่าหน้าตนนั้นซีดเพียงใด ยามส่งยิ้มมาให้จึงดูน่าเวทนานัก
ฮัตเนเฟอร์ถอนหายใจ “ถ้ารู้ว่าเจ้าท้องแล้วจะแพ้ขนาดนี้ ไม่...”
“หยุด !” เนคเบรีบหยุดคำพูดของหลานชาย “อย่าพูดเช่นนี้ ข้าเห็นคนอื่นแพ้ไม่นานประเดี๋ยวก็หาย ถ้าไม่หาย คลอดแล้วก็หาย อดทนแป๊บเดียว เดี๋ยวพวกเจ้าก็มีลูกไว้เชยชมแล้วนะ ...นะ อนู”
มีเพียงหลานสะใภ้เท่านั้นที่พยักหน้ารับ ในขณะที่ฮัตเนเฟอร์ถอนหายใจอีกคราพลางก้มลงถอดรองเท้า
“เป็นอันใด ไปรับเสด็จเจ้าชายกลับมาทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือเจ้าโดนดุ”
ไม่แปลกที่ป้าของเขาจะทักขึ้นมา นางช่างสังเกตเสมอ
“มิใช่หรอก ท่านป้า”
“อ้าว แล้วอะไร” คนช่างสังเกตคาดคั้น
“พอเจ้าชายรู้ว่าข้าออกเรือนแล้ว ก็เลยอยากให้พาภรรยาไปงานคืนนี้ด้วย”
“อ้าว ก็ดีน่ะสิ”
ดวงตาของหญิงสูงวัยลุกวาว แต่ฮัตเนเฟอร์ส่ายหน้ามองภรรยา
“ดีอย่างไร สภาพแบบนี้”
คราวนี้แล ที่ผู้หญิงสองคนมีสีหน้าเหมือนกันแทบไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนเนคเบจะถอนหายใจดัง “เฮ้อ” ออกมา
“ถ้าต้องไปจริง ๆ ฝืนสักหน่อยคงพอไหว”
อนูทิสส่งยิ้มมาให้ แต่กลับเป็นยิ้มที่ทำให้ฮัตเนเฟอร์หนักใจมากขึ้น
“โอ้ย อนู อย่างเสี่ยงเลย เกิดเจ้าไปเป็นลมเป็นแล้งในงานจะยุ่งยากเปล่า ๆ ยิ่งถ้าเกิดได้กลิ่นอะไรแล้วอ้วกแบบกลั้นไม่ทันขึ้นมากลางงานละก็ เฮ้อ อย่าเลยนะ”
เนคเบขัดขึ้น ซึ่งฮัตเนเฟอร์ก็เห็นด้วย
ทั้งสามนั่งเงียบกันไปชั่วขณะ ก่อนอนูทิสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความหวัง