[CR] ฉายเดี่ยวเที่ยวฟุกุโอกะ โอกินาว่า กับหมูหวาน

ครั้งนี้เป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเรา  555 ไม่ได้โรคจิตนะคะ  แค่อยากลองดูว่าการเดินทางคนเดียวจะไหวมั๊ย? อารมณ์ประมาณไหน?  มันคงไม่สามารถเปรียบได้ว่า อะไรดีกว่ากัน ระหว่างการเดินทางเป็นคู่ กลุ่ม หรือเดี่ยว เราลองมาหมดแล้ว  แต่ละครั้งก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันไป  การเดินทางเป็นกลุ่ม มันก็ยากตรง กว่าจะว่างพร้อมกัน ด้วยภาระกิจหน้าที่ต่างๆ นานา  ระหว่างการเดินทาง ก็ต้องไม่ให้กลุ่มใหญ่เกิน เพราะเราจะเคลื่อนตัวลำบาก แต่ช่วงรวมพลจะเฮฮาอย่างมาก เราว่าเหมาะจะไปในที่ที่ไม่ต้องเคลื่อนขบวนยากๆ ย้ายเมืองบ่อยๆ ประมาณนั้น  

ส่วนการเดินทางเป็นคู่ มันต้องมีความเป็นแนวทางเดียวกันมากๆ เช่น ชอบเข้ามิวเซียม ชอบช็อปปิ้ง ชอบกิน ชอบถ่ายรูป แค่เรื่องเล็กๆ บางครั้งระหว่างเดินทางมันก็เห็นกันเลยว่า เราแนวเดียวกันป่าวววว   เรามีความเชื่อว่า ถ้าอยากรู้ว่าคุณจะเป็นคู่ชีวิตกันได้หรือเปล่า  ให้ไปออกทริปคู่สัก 2-3 ครั้ง คุณจะได้คำตอบในใจเอง แต่ว่าคุณจะยอมรับหรือเปล่า  อันนี้ เราไม่ติดตามล่ะกันนะ ^^

เรามาโอกินาว่าช่วงสงกรานต์ ขณะที่เพื่อนๆ ไปยุโรป เมกา กันเยอะ เมื่อเทียบแล้วใน FB ที่นี่ดูไม่อลังการทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม  แต่มันก็มีเสน่ห์อีกแบบ ความเงียบ สงบ ความเป็นตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ทะเลกว้างๆ ใครว่าเหมือนกันหมดล่ะจ๊ะ ทะเลที่นี่เหมาะกับการดำน้ำลึก ซึ่งเราก็ไม่แนวนั้นอ่ะ รักทะเลนะ แต่ก็กลัวน้ำลึก ลงทะเลถ้าเหยียบไม่ถึงนี่ตัวแข็งไปไม่ถูกเลย รอมี Buddy ดำน้ำก่อนนะ จะมาพิสูจน์ว่าโลกใต้น้ำที่นี่สวยขนาดไหน?

หนึ่งความประทับใจในความเป็นญี่ปุ่น คือ เรื่องการสอนเด็ก ทั้งจากที่บ้าน ที่โรงเรียน และรัฐบาล รอบที่แล้วเราไปโอซาก้าปลายปี เจอเด็กๆ ไปทัศนศึกษาเต็มไปหมด แม้แต่เด็กอนุบาล เค้าจะเน้นให้เด็กได้สัมผัสของจริง ฝึกความกล้าและซักถาม ในอควาเลี่ยมก็จะมีโซนให้จับปลาดาว เม่นทะเล เป็นจุดแรกก่อนเข้าอควาเลี่ยมด้านใน ไปพิพิธภัณฑ์ก็จะมีห้องให้ทำการเรียนรู้จากการเห็นและสัมผัสของจริง มีอุปกรณ์การเรียนการสอนเป็นชุดๆ ให้เลือกมาเล่น มาดู มาสอนกัน แบบสัมผัสได้
รอบนี้น่าจะช่วงปิดเทอม เจอคุณพ่อไปช็อปปิ้งกับลูกสาว ในร้านจะมีบันไดอยู่หลายอัน เราก็สงสัยว่า ทำไมเยอะจัง  แล้วก็เดินไปเจอหนูน้อยกำลังปีนบันไดเพื่อแขวนคืนของที่เธอหยิบลงมาลอง แม้จะปีนบันไดแล้วก็ต้องเขย่งอีก เราเห็นเลยช่วยหยิบแขวนให้ คุณพ่อเลยแสดงตัวขอบคุณ เราเลยเข้าใจว่า มันเป็นวิธีการสอนเด็กให้ช่วยเหลือตัวเองและรับผิดชอบนั่นเอง
สุดท้าย เป็นกรณีสวนสาธารณะริมทาง เป็นไม้ลื่นที่ยาวที่สุดที่เคยเห็นมา ไม่นับรวมพวกที่ตั้งในสวนน้ำนะ รัฐบาลสร้างให้เด็กเล่นอ่ะ  เอาจริงนะ ป้ายังไม่กล้าเล่น มันสูงประมาณตึก 3 ชั้น ขอผ่านนะ หุหุ

ความประทับใจที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ก็คงเป็นความน่ารักของคนญี่ปุ่น เราพูดญี่ปุ่นไม่ได้เลย แต่ห้าวอยากเดินทางเองไปทางใต้ ไม่ซื้อ day tour เพราะอยากลอง ก็การเดินทางคือการเรียนรู้นี่น่า  เลยเปิด google หาข้อมูล รู้แล้วว่าต้องไปขึ้นรถที่ไหน สายไหน พอไปถึงภาพที่คิดไว้กับที่เจอจริงๆ มันต่างกันลิบ  งานเข้าสิคะ! ถามค่ะ ถาม 555 คนญี่ปุ่นที่นี่พูดอังกฤษได้น้อย แม้แต่เจ้าหน้าที่ของ Bus Information ก็ตาม แต่ความตั้งใจสูงคะ สามารถพูดญี่ปุ่นประกอบเอกสาร บวกภาพแผนที่ให้กระเหรี่ยงอย่างเราเข้าใจได้ว่า ต้องไปขึ้นรถสายนี้ที่ไหน  มีพลาดนิดหน่อยทำให้เดินหลงทิศ (ซึ่งเป็นประจำอยู่แล้ว) แต่ไหวตัวทัน กลับมาทำความเข้าใจแผนที่อีกรอบก็พอไปได้  แต่เล่นเอาเหงื่อซก เพราะเดินรอบจาก A – F เนื่องจากครั้งแรกยังไม่เข้าใจในระบบของเขา  พอเข้าใจปุ๊ปก็เร็วล่ะ วันถัดมา มาถึงดูตาราง เดินไปที่ Bus stop แล้วดูเวลารถ คล่องเลย แสนภูมิใจ 555

สำหรับเราแล้ว การเดินทางคนเดียวทำให้เราได้ฝึกฝนตัวเองในมุมของการวางแผน การรับมือกับสถานการณ์ และที่สุด ทำให้เราอ่อนน้อมกับโลกกว้างใบนี้ เราเดินทาง 8 วันในญี่ปุ่น วันท้ายๆ ของการเดินทาง เราจะโค้งมากขึ้นเรื่อยๆ และพูดติดปากว่า Arigatou gozaimasu ^^
การมาคนเที่ยวคนเดียว มันมีข้อดีที่ว่า ไม่ต้องรีบไปเก็บอาร์ซีถ้ายังไม่อยากลุกจากที่นอน หรือร้านกาแฟ ไปจุดเที่ยวแล้วจะหยุดตรงไหนก็ได้ ไม่ชอบก็ข้ามรายการไป ชอบก็ขอลากนานหน่อย ช็อปปิ้งไม่ใช่เป้าหมายเรา แต่ตกเย็นการช็อปปิ้งก็บันเทิงดี เพราะที่อื่นปิด อยากกินไรกิน ไม่ต้องกินดีตลอดตาม trip advisor หรอก ลองผิดลองถูกบ้างเป็นรสชาดชีวิต ไม่ต้องกังวลว่าต้องประหยัดกินข้าวไว้ซื้อกระเป๋าไฮแบรนด์  ปกติใช้ Coach – made in China  แล้วเอาตังค์ที่เหลือไปเที่ยวอย่างสบายใจ  555
การเดินทางมันมีข้อพลาดเรื่อยๆ แหละ เป็นรสชาติชีวิต หลงบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ตกรถไฟ ตกเครื่องบิน บ้างเป็นประสบการณ์  ถ้าไปมากกว่าหนึ่งคนก็เก็บไว้เป็นเรื่องขำขันระหว่างเรา  แต่ถ้าไปคนเดียวอย่างคราวนี้ก็คิดซะว่าจะเก็บเป็นเรื่องเล่าขำขันให้เพื่อนฝูงฟังเวลากินข้าว  ถ้าใครอยากมาร่วมทริปกะเรา ก็ห้ามบ่นเรื่องพลาดๆ เหล่านี้นะคร้า จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วจัดทริปให้เพื่อนๆ มาร่วมสร้างเสริมประสบการณ์กันบ้าง  ลองเดินทางคนเดียวดูนะคะ ถ้ามีโอกาส แนะนำเลยคร้าเยี่ยม

ทริปนี้เกิดขึ้นมาเนื่องจาก Peach Airline เปิดเส้นทางใหม่บินตรงจาก Bangkok (Suvarnabhumi) สู่ Okinawa (Naha) ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์ 2560  เราก็จัดตั๋วไปคนเดียวเลย ช่วง 8-15 เมษายน เพราะสงกรานต์ยังไม่มีแผน  โดยซื้อแบบ Happy Peach Plus คือ ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 10 กิโล (ปกติ ถ้าไม่มีเสื้อกันหนาว ไม่ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มเลย)  โหลดกระเป๋าได้ 1 ใบ (ไม่เห็นว่าจำกัดน้ำหนักนะคะ) พร้อมเลือกที่นั่งแบบธรรมดาได้  รวมทั้งสามารถเปลี่ยนไฟล์ทได้ก่อนการเดินทางจนถึง 1 ชั่วโมง ก่อนบิน (ต้องเสียค่าส่วนต่างราคาตั๋วและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางบินหรือชื่อผู้โดยสารได้)   ทุกอย่างทำได้บนอินเตอร์เน็ตฟรี แต่ถ้าให้ call center หรือ airport counter ทำให้จะมีค่าบริการแพงอยู่ค่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย http://www.flypeach.com/pc/en/lm/fares/fees_and_charges#international  
ถ้า no show ก็คือทิ้งตั๋วเลย ไม่สามารถเคลมใดๆ ได้อีก  ส่วนการยกเลิกทำได้เมื่อสายการบินยกเลิกเที่ยวบินเท่านั้น โดยจะคืนเป็น Peach points ไม่ได้เงินคืนนะจ๊ะ  ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยคะ  http://www.flypeach.com/pc/en/lm/fares/fare_conditions

[img]
คำเตือน คือ ให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาข้อสงสัยทางอินเตอร์เน็ตก่อนบิน  เพราะเมื่อบินกับ Peach Airline ห้ามมีคำถามระหว่างทาง เนื่องจากเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้เฉพาะที่หน้าเคาน์เตอร์รับโหลดกระเป๋าเท่านั้น  และเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบคำถามใดๆ  แม้แต่ air hostess ก็พูดภาษาอังกฤษพอได้เท่านั้น
check-in process ของ Peach ก็จะแตกต่างจากสายการบินทั่วไป ที่ต้นทาง สุวรรณภูมิ ก็ปกติคะ ไป check-in พร้อมโหลดกระเป๋าปกติ  แต่ขากลับ ผู้โดยสารต้องทำการ check-in ด้วยตนเองที่ตู้อัตโนมัติ แล้วนำบัตรไปโหลดกระเป๋าอีกที  ระบบของเค้าเจ้าหน้าที่มีหน้าที่รับกระเป๋าเท่านั้น ผู้โดยสารต้อง check-in เอง
จุด check-in ของ Peach จะอยู่ที่ LCC Terminal หลังจากนั่ง Yui rail มาถึงสนามบิน ซึ่งเชื่อมต่อกับ Domestic Terminal ที่ชั้น 2  เราต้องเดินลงมาหนึ่งชั้น และมองหาประตู 3 เพื่อต่อรถ Shutter Bus No.4 ไป LCC Terminal
LCC terminal คือ โรงเก็บสินค้าของสายการบิน แต่เค้าพัฒนาให้มี mobile counter สำหรับ low cost airline โดยจะมีเพียง 2 สายการบินที่ขึ้นเครื่องที่ LCC คือ Peach & Vanilla ซึ่งเป็น low cost airline ทั้งคู่ ดูภาพประกอบแล้วกันนะคะว่าประมาณนี้  


เมื่อไปถึงโอกินาว่า ไม่ต้องมองหาสายพานกระเป๋าคะ  ยืนรอตรงประตูที่เขียนว่า claim bag สักพักประตูจะเปิดออก กระเป๋าของเหล่าผู้โดยสารก็จะถูกขนลงจากรถมาตั้งเป็นแถวให้ผู้โดยสารเข้าไปเลือกตามสะดวก  (อันนี้งงมาก ไม่เคยเจอ 555) ได้กระเป๋าแล้ว เราก็ต่อรถไป Domestic Terminal กันคะ  ก็อ่านๆ มาบ้างว่า เครื่องจะไปจอดที่ LCC แล้วจะมีรถมารับไปที่ Terminal  แต่ไม่ได้คิดว่า LCC จะเป็นแบบนี้...เลยตกใจเล็กน้อย 555  แต่ก็มีข้อดี คือ เราสามารถต่อเครื่องไปของ Peach ไปฟุกุโอกะ ได้เลย ไม่ต้องวิ่งเข้า Domestic Terminal

อันนี้เป็นเมนูบนเครื่องคะ  เราต้องภูมิใจนะคะที่เมนูต้มยำของไทย เป็นที่ชื่นชอบถึงขนาด เป็นเมนูแนะนำเลยทีเดียว

ชื่อสินค้า:   ตอนที่ 1 การเดินทางของฉันและเธอ คือ การเรียนรู้ แล้ว Peach Airline ดีมั๊ยนะ?
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่