มาแชร์ 10 อันดับหนังปี 2016 กันครับ ^^

ก็เรียกได้ว่าเข้าปี 2017 มาร่วม 4 เดือนแล้วนะครับ บางคนอาจจะงงว่าทำไมพึ่งมาพูดถึงหนังปี 2016 เอาช่วงนี้.. คือช่วงก่อนหน้าหนังดีๆก็ยังไม่เข้าหรือบางทีแผ่นก็ยังไม่ออกครับ ก็เลยต้องใช้เวลาเก็บตกหนังเรื่องอื่นๆกันพอสมควร และผมก็อยากให้คนอื่นที่เข้ามาอ่านนะครับช่วยกันแชร์หนังปี 2016 ที่ประทับใจกันหน่อย ผ่านมาขนาดนี้แล้วผมเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเก็บตกหนังในดวงใจเรื่องอื่นกันบ้างแหละ ยังไงก็เชิญแชร์กันที่ด้านล่างเลยครับ ^^

ส่วนนี่ก็คือ 10 หนังที่ผมประทับใจเมื่อปี 2016 ครับ (ทั้งหมดคือหนังปี 2016 เท่านั้นนะ หนังปี 2015 ที่เราได้ดูปี 2016 ผมก็ไม่เอาเข้ามา ส่วนหนังที่ได้ดูปี 2017 แต่เป็นหนังปี 2016 ก็อยู่ในนี้ครับ)


10 อันดับหนังของผมแบบวิดีโอทางเลือกครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เริ่มกันที่อันดับ 10 American Honey (2016)

หนังเรื่องนี้นะครับได้รับการกำกับและเขียนบทโดย Andrea Arnold.. เธอเป็นหนึ่งในผู้กำกับหญิงในลิสนี้ครับ ผลงานของเธอที่น่าจะรู้จักกันก็  Fish Tank (2009) ซึ่งหนังของเธอก็มักจะเป็นหนังที่นำเสนอผ่านตัวละครหญิงเป็นหลัก.. สำหรับใน American Honey เองก็เช่นกันครับ

ด้านเรื่องราวของ American Honey นะครับจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นหญิงคนนึงที่ถูกชวนให้ไปขายบางอย่าง อันนี้ผมจะไม่บอกนะว่าขายอะไร ซึ่งตัวหนังมีความเป็นหนังวัยรุ่นอเมริกันสูงมาก มาหมดทั้งเรื่องเซ็กส์เรื่องยาและความห่าม แต่เชื่อมั้ยครับว่าเวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่งเนี่ย ผมดูเพลินไปจนถึงตอนจบเลย แล้วพอหนังจบก็ยังอยากดูต่อ คือมันดูเพลินขนาดนั้นน่ะครับ

แล้วก็ที่ผมชอบมากๆก็คือหนังจะถ่ายอะไรที่นอกเหนือจากตัวละครด้วย ถ่ายสัตว์หรือธรรมชาติให้เราเห็นตลอดครับ ส่วนตัวผมชอบหนังที่ถ่ายอะไรแบบนี้มากอยู่แล้ว ซึ่ง American Honey ก็เป็นหนังที่พูดถึงช่วงชีวิตของวัยรุ่นได้อย่างเข้มข้นมากเรื่องนึงเลย เราจะเห็นความหลากหลายทางอารมณ์ของวัยรุ่นอยู่ในเรื่องนี้ครับ และบทสรุปของหนังก็เปี่ยมไปด้วยรสชาติและความงดงามของชีวิตในวัยนี้...


มาต่อกันที่อันดับ 9 ครับ.. Moonlight (2016)

สำหรับหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนัง Best Picture จากออสการ์ที่ผ่านมาเนาะ หลายคนน่าจะรู้จักกันดี ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับการกำกับโดย Barry Jenkins.. ตัวหนังจะเน้นดราม่าเพียวๆเลย แล้วก็มีประเด็นที่ทำให้หลายคนมองว่า Moonlight คือหนังเกย์ใช่มั้ยครับ แต่ผมไม่ได้มองหนังเรื่องนี้แบบนั้นนะ และไม่อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้มองแบบนั้นด้วย..

สำหรับผมแล้ว Moonlight คือหนังที่พูดถึง “สภาวะของตัวละครที่ลอยอยู่กลางทะเลเพียงลำพังครับ” คือหนังเรื่องนี้ไม่ได้ยัดเยียดเรื่องเกย์ให้คนดูขนาดนั้นนะ แต่เขานำเสนอสภาพจิตใจของตัวละครเป็นหลักแทน พูดง่ายๆก็คือนี่เป็นหนังดราม่าที่พูดถึงภาวะของตัวละครเป็นหลักเหมือนกับหนังดราม่าน้ำดีเรื่องอื่น พูดแบบอุปมาอุปมัยก็คือหนังเรื่องนี้จะพูดถึงตัวละครที่ถูกคลื่นทะเลพัดพาไปเรื่อยๆและยังไม่เจอฝั่งครับ ดังนั้นตัวหนังค่อนข้างแสดงให้เห็นถึงความอ้างว้างและลึกซึ้งพอสมควรเลยในความหมายเชิงลึก และตอนจบของหนังก็เป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆด้วยครับ


ต่อมาก็อันดับที่ 8 Captain Fantastic (2016)

หนังเรื่องนี้นะครับได้รับการกำกับและเขียนบทโดย Matt Ross ซึ่งตัวหนังเนี่ยจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวนึงครับที่อาศัยอยู่ในป่า แล้วก็มีเหตุให้ต้องเดินทางเข้ามาในเมือง หนังก็จะถ่ายทอดมุมมองของคนที่อยู่ในเมืองต่อคนที่อยู่ในป่า และในขณะเดียวกันหนังก็ถ่ายทอดมุมมองของคนที่อยู่ในป่าต่อคนในเมือง..

คือเราจะได้เห็นอะไรตลกๆแบบซื่อๆและชาญฉลาดในหนังเรื่องนี้ครับ แน่นอนว่าหนังมีการพูดถึงประเด็นเชิงปรัชญาอยู่ด้วย แต่ไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่เท่าไหร่ ภาพรวมจะเป็นหนังดราม่าตลกอารมณ์ดีมีเครียดนิดๆ ออกแนวหนังสร้างแรงบันดาลใจและให้มุมมองด้าน + ครับ แล้วก็ที่สำคัญคือเพลงเรื่องนี้เพราะมากๆ เป็นหนังดูสนุกเนื้อหาดีและมีประเด็นน่าสนใจให้เรานั่นเองครับ


ต่อกันที่อันดับ 7 ครับ The Salesman (2016)

The Salesman นะครับเป็นหนังของผู้กำกับ Asghar Farhadi ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีกับสุดยอดผลงานของแกอย่าง A Separation (2011) เนาะ ซึ่งเป็นหนังที่คว้าออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศนั่นเอง และในคราวนี้แกก็คว้ารางวัลนี้อีกครั้งครับจากเรื่อง The Salesman เนี่ยแหละ

โดยส่วนตัวแล้วผู้กำกับคนนี้เป็นหนึ่งในผู้กำกับคนโปรดของผมครับ ผมชอบสไตล์หนังและการกำกับของแกอยู่แล้ว และ The Salesman ก็ยังเป็นหนังที่อยู่ในมาตรฐานของแกเช่นเคย สำหรับเรื่องราวของหนังก็เรียบง่ายอีกเหมือนกันครับ เป็นเรื่องราวของคู่สามี-ภรรยาที่เจอเหตุการณ์บางอย่างที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งก็จะมีประเด็นเชิงศาสนาและวัฒนธรรมแฝงเข้ามาด้วยอีกเหมือนกัน แน่นอนครับว่านี่เป็นหนังที่ค่อนข้างตึงเครียดและส่งผลต่ออารมณ์โดยไม่บิ้วคนดูเหมือนหนังส่วนใหญ่.. จังหวะความขัดแย้งและปะทะกันของตัวละครจะเต็มไปด้วยความสมจริงที่ไม่มีดนตรีประกอบหรืออะไรมาทำให้คนดูกดดัน แต่เราจะกดดันเพราะตัวบทและเรื่องราวไปเอง ซึ่งนี่ก็เป็นความถนัดของผู้กำกับคนนี้อยู่แล้ว.. และตอนจบเรื่องนี้ก็ยังคงเฉียบคมและสร้างความกระอักกระอ่วนใจเหมือนเดิมครับ


อันดับที่ 6 Under The Shadow (2016)

เรื่องนี้เป็นหนังผีเพียงเรื่องเดียวนะครับที่ติดอยู่ในลิสนี้.. ตัวหนังได้รับการกำกับโดย Babak Anvari ซึ่งมีผลงานที่โด่งดังจากหนังสั้นเรื่อง Two & Two (2011) ครับ หรือที่คนไทยเราน่าจะคุ้นกับชื่อ 2+2 = 5 นั่นแหละ เคยมีกระแสในโซเชี่ยลอยู่ระยะนึงด้วยนะเพราะประเด็นมันสากลดี ถ้าใครยังไม่เคยดูลองไปหาดูตาม Youtube ก็ได้นะครับ

สำหรับเรื่อง Under The Shadow ก็จะหยิบเอาเรื่องความเชื่อมาโยงกับประเด็นทางการเมืองหรือว่าศาสนาและวัฒนธรรมครับ เป็นหนังผีที่มีประเด็นแฝงน่าสนใจมาก และที่สำคัญคือใช้ Jump Scare น้อยด้วย ดนตรีประกอบก็ไม่เหมือนหนังผีส่วนใหญ่ครับ จัดว่าเป็นหนึ่งในหนังผีที่ดีที่สุดที่เท่าผมเคยดูมาเลยแหละ..

มีต่อ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่