สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเรา วันนี้ขอพักเรื่องซีรีส์ ละคร รายการต่างๆ ไว้ก่อนเนอะเพราะวันนี้เรามีเรื่องที่ไม่ได้มาแฉ แต่อยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน ซึ่งบอกเลยว่ามันคือประสบการณ์โดยตรงที่เราได้ประสบเจอมากับตัวเอง ถามว่ามันแย่มั้ยก็... อยากให้ลองอ่านกัน
ย้อนกลับไปประมาณ 5 - 6 เดือนก่อน เรากำลังนั่งโง่ๆ ที่ฟิวเจอร์พาร์ค คือวันนั้นแค่อยากไปเดินเล่นก็ว่าจะค่อยกลับ แต่ช่วงเรานั่งเล่นอยู่ก็มีนักศึกษาวัยรุ่นคนนึงเดินเข้ามา บอกว่าอยากจะขอสัมภาษณ์หน่อย ซึ่งถ้าเป็นสันดาน(ขอใช้คำนี้5555)ปกติของเราจะต้องลุกนี้ ปฏิเสธ แต่เราก็ไม่ได้อะไรนะเพราะเห็นว่าเป็นรุ่นเดียวกัน อาจจะทำแบบสอบถามในห้าง อาจารย์สั่งมางี้หรือเปล่า เออๆ ฉันให้สัมภาษณ์ก็ได้ เขาก็แนะนำตัวขอเรียกเขาว่า น. ละกัน ซึ่ง น. เขาก็แนะนำตัวว่าอายุเท่าไร เรียนที่ไหน คณะอะไร และเริ่มถามคำถามกับเราว่า "เรียนจบอยากทำงานอะไร" ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับพวกอนาคตของเรา แต่ไปในเชิงธุรกิจ เราก็ตอบไปตรงๆ ว่าอยากทำอะไรบ้าง ซึ่งเขาก็ถามเราเยอะมากเช่น หมื่นห้ามันจะพอหรอ จะเลี้ยงดูพ่อแม่ได้หรอ ฝันอยากทำแบบนี้จะมีทุนพอหรอ และเมื่อไรจะสำเร็จ ในตอนนั้นก็บอกตรงๆ ว่าเครี๊ยดเครียดเลยแหละ เหมือนสิ่งที่เราแพลนไว้ก่อนหน้านี้มันกลายเป็นว่าดูไร้สาระไปเลยอ่ะ คือส่วนเราเรียนมหาลัย ผ่านเรื่องการทำพาร์ทไทม์มา ที่บ้านก็ไม่ได้มีตังมากเราก็เลยต้องวางแพลนไว้อยู่แล้วไงว่า เราจะทำอะไรบ้างทำนองนี้ แต่ไม่ได้แปลว่า น. ทำให้เรารู้สึกแย่นะ กลับกัน น. ทำให้เรารู้สึกว่าเราคิดมาดีนะ แต่แค่ต้องคิดให้กว้างกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องหลักคือ เงิน 4 ด้าน ซึ่ง น. ก็แนะนำเราดีได้ความรู้ดี ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพรีเซ้นออกมาดี ดีจนเรารู้สึกว่าถ้านี่เป็นการพรีเซ้นหน้าห้องเรียน เราคงให้เกรด A+ เขาเลย555 สิ้นสุดการพูดคุยเขาก็ขอไลน์เราไว้และชวนให้ไปเข้าฟังบรรยาย อบรม(แต่ไม่ได้บอกว่าสัมนานะ) ซึ่งเราก็ยังไม่ได้รับปากว่าจะไป
ผ่านมาสัปดาห์นึงเราก็มีการติดต่อ น. บ้าง คือพื้นฐานส่วนตัวเราเป็นคนชอบหาที่ไปต่อ เวลาเลิกเรียนเสร็จ และอยู่ๆ ก็มีวันนึงที่เราดันอยากไปตามที่ น. เคยแนะนำเขาบอกว่าที่อบรมอยู่แถวสวนลุม ก็ว่าลองไปดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร แค่ลองเอง สวนลุมก็ไม่ได้ไกล พอไปถึงก็เจอ น. รอรับแถวๆ สวนลุม ตรงตึก Q House พอเราได้ไปเข้าฟังอบรม ก็รู้สึกว่ามันดีนะ ทำให้เราฉุกคิดได้หลายๆ เรื่องที่เราสามารถนำไปใช้ในอนาคตได้จริงๆ มันก็เป็นอะไรดีๆ ที่ทให้วัยรุ่นอย่างเราๆ คิดได้ และคนส่วนใหญ่นั้นเป็นวัยรุ่นหมดเลย อายุไล่ๆ กัน 17 18 19 20 21 ไล่ไป สูงสุดก็น่าจะ 29 แหละ หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มไปฟังอบรมนี้เรื่อยๆ ไม่รู้สิแต่รู้สึกว่ามันดีอ่ะ และทำให้เราเปลี่ยนตัวเองได้ดีขึ้น ฟังฟรี ไม่เสียตังด้วย ก็ฟัง 3 ครั้งเลยนะที่สวนลุม 3 ครั้ง และ Workshop อีก3 ครั้ง ถ้าคนในองค์กรจะเรียกว่า การเข้าเซนเตอร์นั่นเองตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าของแอมเวย์ คือทุกครั้งเวลาเราฟังจบ น. จะพาไปเราไปรู้จักคนอื่นๆ ที่อยู่มาก่อนเรา และคนเหล่านั้นจะพูดในทำนองเดียวกันก็คือ "มาที่นี่ดีนะ เปลี่ยนแปลงเราได้จริงๆ" และบางคนก็บอกว่าทำธุรกิจ แต่ไม่ได้บอกว่าทำธุรกิจอะไร... จนเราฟังครบทั้งหมด 3 ครั้ง ก็ได้มานั่งคุยกับพี่ ว. ซึ่งพี่คนนี้ น. ก็ได้แนะนำให้รู้จักไว้ก่อนแล้ว(ก่อนหน้านั้นเขาแอดไลน์เรามาด้วย ก่อนที่เราจะมาคุยกันอย่างจริงจัง) เขาก็มาบอกว่าเากำลังทำธุรกิจแอมเวย์ ซึ่งเราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่บังคับ (แหม... 90% ของคนที่ไปถึง 3 ครั้ง บวกกับ Workshop อีก 3 ครั้งใครจะกล้าปฏิเสธ ก็บิ้วกันมาขนาดนี้ละ) เขาก็อธิบายธุรกิจแอมเวย์ มันเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ก็โล่งใจที่มันเป็นขายตรงที่ถูกกฎหมายและไม่เอาเปรียบ แต่ว่าเราเลือกที่จะศึกษาก่อน ให้รู้จริงๆ ก่อนแล้วค่อยทำ คือเหมือนกับเราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจนี้ด้วยแหละ เลยอยากจะรู้ว่าธุรกิจประเภทมันเป็นยังไง ถือว่าเอาประสบการณ์ พอเราอยู่ไปนานๆ ก็ถือว่าเราไม่ใช่คนใหม่ของที่นี้แล้ว ความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มมา
จากที่เข้าฟังฟรีทุกครั้ง พอเราผ่านการฟัง 3 ครั้งนั้นมา (มันเป็นเซนเตอร์ของคนใหม่ คือคนที่ถูกชวนใหม่จะฟรี และเขาจะบอกทีหลังว่าน่คือแอมเวย์ ทำไม่ทำแล้วแต่เรา) หลังจากนั้นเวลาเราเข้าเซนเตอร์บ่อยๆ นานวันเข้าก็เริ่มเสียตังเข้าฟัง แรกๆ ครั้งละ 30 บาท ฟังดูไม่เยอะนะ ถ้าไม่บวกกับ.. (ค่ารถที่นั่งไปสวนลุม รถเมล์ 9 บาท ขากลับแท็กซี่ 25 รถเมล์อีก 9 บาท ซึ่งดึกๆ ไม่มีอาจจะต้อง ปอ. ก็ 15 บาท ตามด้วยต่อวินเข้าบ้านอีก 25 บาท) นี่แค่ค่าเดินทางกับค่าเข้าฟัง ไหนจะเรื่องค่ากินของเราอีก ก็ไม่ใช่น้อยๆ อันนี้คือการเดินแบบประหยัดนะ ถ้าเสียมากกว่านี้คือนั่ง BTS MRT อ่ะค่าใช้จ่ายเยอะกว่านี้ แต่ของวันเสาร์เราก็จะสบายหน่อยเพราะอยู่แถวสะพานควาย ก็เลยไม่ต้องต่อรถเยอะอะไรสำหรับเรา และมันเป็นแบบนี้ทุกสัปดาห์... ตอนนี้เขาเริ่มเก็บค่าเข้าฟังเป็น 35 แล้วเอารวมกับค่าเดินทางของเราดูนะ และคิดดูเดือนนึงไป 4 สัปดาห์ค่าเดินทางนั้นของวันพฤหัสอย่างเดียว หมดไปเท่าไรอ่ะ... เยอะ!! เยอะนะสำหรับเรา แต่เราก็ยังที่จะไปต่อเรื่อยๆ เพราะเหมือนคอนเนคชั่นมันดี พอเริ่มฟังจนแบบพอที่จะทำได้แล้ว เขาก็เริ่มที่จะให้เรานัดคน โดยให้เรานัดเพื่อนๆ เราเนี่ยแหละให้มาฟังแบบเรา.. นึกออกมั้ย ซึ่ง น. ได้รับหน้าที่เป็นอัพไลน์ ดูแลเราทุกอย่าง น. ให้เรานัดเพื่อนทั้งใน ทั้งนอกมหาลัย เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ นัดเจอที่นั่น ที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครเซย์ YES อะไรกับเราเลย ว่าง่ายๆ คือในตอนนั้นเราต้องหาคนมาเป็นดาวน์ไลน์ เพื่อให้เราเป็นอัพไลน์นั่นเอง และก็ไปเข้าเซนเตอร์เสียตังตลอดเรื่อยๆ มีการแนะนำสินค้า มีการพาไปเข้าค่ายสัมนาประมาณ 1,500 ถ้าไม่ผิด ส่วนถ้าจะทำธุรกิจนี้ ก็ต้องเสียค่าสมัคร 900 ทำธุรกิจ และ 100 ค่าเมนเบอร์ของแอมเวย์ คือแอมเวย์เขาจะมีศูนย์การค้าของเขา ซึ่งเราก็ต้องสมัครเพื่อจะได้ส่วนลด... เข้าท่าเนอะ แต่เราก็ยังไม่ได้สมัครนะจนถึงตอนนี้ก็ยัง เพราะพี่ ว. แนะนำว่าอยากให้เราหาคนให้ได้ก่อนค่อยสมัคร ฟังดูมันแฟร์นะ เราจะได้มีคนไว้ดูแล เป็นดาวน์ไลน์ แต่เอาจริงๆ เขาก็แค่อยากได้คนเข้าองค์กร เพราะเขาก็คงเห็นแล้วว่าเรายิ่งอยู๋นาน ยิ่งไม่มีศักยภาพอะไร เอาคนใหม่มาส่วนเราจะยังไงก็ช่าง
หลังๆ มา น. ก็เริ่มหาคนใหม่มาเข้าองค์กร และเริ่มที่จะไม่สนใจเรา เริ่มตีตัวออกห่าง และชอบพูดเคลียความคิด ให้เราเหมือนตระหนัก แค่เอาจริงๆ มันก็บั่นทอนจิตใจเราด้วย กำลังใจที่ได้รับจากในองค์กรคือประโยคเดียว"คุณทำได้" แค่นั้นประหนึ่งว่าสครีป และเราเริ่มไม่มีเพื่อน คือเริ่มเหงาพอเหมือนรู้จักหมดทุกคน คนเหล่านั้นก็เริ่มไม่สนใจ คือถ้าไม่เก่งจริงเขาก็ไม่อยากจะคุย จะปรึกษาแม้แต่เรื่องเรียนก็ยังยากเลย มีแต่เข้าเซนเตอร์ที่เรียกว่าต้องเข้าประจำๆๆๆๆๆๆๆ จนกว่าเราจะสำเร็จ สำเร็จในที่นี้คือมีเงินล้านนะคุณ... โดยการที่เราไปแชร์สินค้าให้คนอื่นๆ ชวนคนมาฟัง นั่นนี่ แต่พักหลังเราเริ่มไม่จริงจังเพราะว่าเราเองเรียนนิเทศ ปี 2 แล้ว มันก็มีเรื่องให้ทำเยอะอ่ะ แต่ดูเหมือน น. อัพไลน์เราจะไม่เข้าใจและมองว่าเหตุผลที่เราให้ มันกลายเป็นข้ออ้างไปเลย ตอนนี้เรามีเงินแล้ว 900 บาท ใจก็ยังลังเลว่าจะกลับไปสมัครดีมั้ย คือเราออกมาพักนึงแล้ว ออกมาเพื่อเอาเวลามาเรียนเนี่ยแหละ5555 งานที่มหาลัยมันค่อนข้างเยอะ แล้วเราเด็กนิเทศ กิจกรรมเยอะ ยังไงก็เลี่ยงไมได้ ส่วนแอมเวย์เราก็ยังหาคนไม่ได้ ยังไม่ได้สมัคร เพระาเรามองว่าไม่คุ้ม เราเสีย 900 ไม่ได้แปลว่าเราจบเลยนะ 900 เนี่ยเหมือนเราเริ่มทำแค่นั้นอ่ะ หลังจากนั้นเราต้องซื้อสินค้าเขามาใช้ ซึ่งนองค์กรบอกไม่แพง (เขาหยิบจุดที่ว่ามันใช้ได้นานเลยไม่แพงไง)แต่สำหรับเรามันแพง เราไม่มีตังมากขนาดนั้น และจะต้องซื้อของพวกมาทำธุรกิจ คือเราไม่ได้บอกนะว่าสินค้าเขาไม่ดี มันดีแหละ แต่ก็แพงไป อีกอย่างเราไปที่นี่มันเหมือนเราเปลี่ยนตัวเองมากเกินไป
เราเคยเป็นคนร่าเริง เคยสนุกสนาน ไม่เครียดกับเรื่องเล็กๆ ตั้งแต่ไปแอมเวย์มาหลังากนั้นเรากลายเป็นคนคิดเล็ก คิดน้อยตลอด และด้วยความที่เราทำสิ่งนี้ด้วยแม้จะไม่สมัครแต่เราก็เริ่มดูเพื่อนและคนรอบข้างมองในแง่ลบ ว่าขายตรงนั่นนี่ ที่แอมเวย์จะพูดกับเราบ่อยๆ ว่าเนี่ยเราต้องรีบทำถึงจะสำเร็จ มีเงินล้าน เลี้ยงดูพ่อแม่ พ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ทำเสร็จ 2 ปี สบายไปตลอด อย่างพี่ ว. เขาก็มีใบให้เราดูนะว่าเขาได้เงินจริงจากธุรกิจนี้ ซึ่งก็อยู่ราวๆ หลักหมื่น ยังไม่ขึ้นไปไหนสักที ส่วน น. กับวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่เป็นอัพไลน์อยู่มานาน ก็ยังไม่เคยบอกเลยว่าได้เงินจากธุรกิจนี้เท่าไร... เราเลยมาคิดว่างั้นเราไม่ทำดีกว่า 900 เราขอเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะ สำหรับเราอาจจะไม่ได้สำเร็จที่แอมเวย์มีเงินล้าน แต่สำหรับเรา เรามองว่าถ้าเราได้เงินล้านมาจริงๆ แต่ไม่มีความสุข เราไม่มีเงินล้านมันจะดีกว่า ทุกวันนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้แฮปปี้เท่าไรที่เรายังวนเวียนกับธุรกิจนี้ และดูเหมือนเราจะโฟกัสเรื่องการเรียนน้อยลงไปด้วย ก็คงไม่แปลกถ้าเลิกทำจะเห็นผลดีกว่า เพราะพอเริ่มไม่ไปนะ เงินเราเหลือเยอะมากกกก มีเงินเอามาทำอะไรได้เยอะ มีเวลาทำกิจกรรม มีเวลาเรียน อยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัวมากขึ้น
แต่สิ่งนึงที่แอมเวย์ที่ไว้ให้เราอย่างมีประโยชน์ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความคิดและความกล้าแสดงออก ที่เราได้นำมาใช้กับชีวิตเราจริงๆ ได้ เรากล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น เราก็ถือว่าได้รับประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ไป ส่วนแอมเวย์ถ้าวันนึงคุณได้ไปเข้าองค์กรนี้ ก็ลองพิสูจน์ดูนะว่าคุณจะสำเร็จหรือเปล่า แต่ความสำเร็จมันเกิดขึ้นได้ที่แอมเวย์หรอ?? คนเราต้องมีเงินล้าน? ต้องไปต่างประเทศได้หรอ? อันนี้คงอยู่กับไฟ์สไตล์ของแต่ละคน ใช่ ทำงานได้เงินเดือนหลักหมื่น มันเหนื่อย แต่เราว่ามันก็น่าจะดีกว่าทำธุรกิจแอมเวย์แหละ5555 เพราะสมัครไป คุณทำไม่ได้แปลว่าคุณจะได้เงินเยอะนะ แรกๆ ได้เดือนละไม่กี่ร้อย กว่าจะแตะล้านก็นานมากกก 2 ปีอย่างมากก็หลักแสน มันก็ไม่ค่อยต่างกับทำงานข้างนอกเท่าไร แค่ไม่ต้องใช้แรง ไม่ต้องทำงานตามเวลาอะไร ได้เงินเร็วกว่า ได้เหนื่อยพอๆ กัน เชื่อดิ
สำหรับที่เราไป เป็นกลุ่ม buzzolution เป็นกลุ่มเล็กๆ ของแอมเวย์ ซึ่งถ้าเป็นแอมเวย์โดยตรงจะเก็บค่าเข้าฟังแพงกว่านี้ ครั้งละ 80 จากที่เพื่อนเราเคยไป เราไม่ไดบอกนะว่าแอมเวย์แย่ เพราะของแบบนี้แล้วแต่คนจะมอง เราขอเลือกสิ่งที่เราสบายใจจะดีกว่า
# ประสบการณ์ที่เราเอามาแชร์มีเท่านี้ ขอบคุณจ้า
ความสำเร็จ เริ่มต้น และ จบ ที่แอมเวย์(เท่านั้นหรอ)
ย้อนกลับไปประมาณ 5 - 6 เดือนก่อน เรากำลังนั่งโง่ๆ ที่ฟิวเจอร์พาร์ค คือวันนั้นแค่อยากไปเดินเล่นก็ว่าจะค่อยกลับ แต่ช่วงเรานั่งเล่นอยู่ก็มีนักศึกษาวัยรุ่นคนนึงเดินเข้ามา บอกว่าอยากจะขอสัมภาษณ์หน่อย ซึ่งถ้าเป็นสันดาน(ขอใช้คำนี้5555)ปกติของเราจะต้องลุกนี้ ปฏิเสธ แต่เราก็ไม่ได้อะไรนะเพราะเห็นว่าเป็นรุ่นเดียวกัน อาจจะทำแบบสอบถามในห้าง อาจารย์สั่งมางี้หรือเปล่า เออๆ ฉันให้สัมภาษณ์ก็ได้ เขาก็แนะนำตัวขอเรียกเขาว่า น. ละกัน ซึ่ง น. เขาก็แนะนำตัวว่าอายุเท่าไร เรียนที่ไหน คณะอะไร และเริ่มถามคำถามกับเราว่า "เรียนจบอยากทำงานอะไร" ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับพวกอนาคตของเรา แต่ไปในเชิงธุรกิจ เราก็ตอบไปตรงๆ ว่าอยากทำอะไรบ้าง ซึ่งเขาก็ถามเราเยอะมากเช่น หมื่นห้ามันจะพอหรอ จะเลี้ยงดูพ่อแม่ได้หรอ ฝันอยากทำแบบนี้จะมีทุนพอหรอ และเมื่อไรจะสำเร็จ ในตอนนั้นก็บอกตรงๆ ว่าเครี๊ยดเครียดเลยแหละ เหมือนสิ่งที่เราแพลนไว้ก่อนหน้านี้มันกลายเป็นว่าดูไร้สาระไปเลยอ่ะ คือส่วนเราเรียนมหาลัย ผ่านเรื่องการทำพาร์ทไทม์มา ที่บ้านก็ไม่ได้มีตังมากเราก็เลยต้องวางแพลนไว้อยู่แล้วไงว่า เราจะทำอะไรบ้างทำนองนี้ แต่ไม่ได้แปลว่า น. ทำให้เรารู้สึกแย่นะ กลับกัน น. ทำให้เรารู้สึกว่าเราคิดมาดีนะ แต่แค่ต้องคิดให้กว้างกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องหลักคือ เงิน 4 ด้าน ซึ่ง น. ก็แนะนำเราดีได้ความรู้ดี ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพรีเซ้นออกมาดี ดีจนเรารู้สึกว่าถ้านี่เป็นการพรีเซ้นหน้าห้องเรียน เราคงให้เกรด A+ เขาเลย555 สิ้นสุดการพูดคุยเขาก็ขอไลน์เราไว้และชวนให้ไปเข้าฟังบรรยาย อบรม(แต่ไม่ได้บอกว่าสัมนานะ) ซึ่งเราก็ยังไม่ได้รับปากว่าจะไป
ผ่านมาสัปดาห์นึงเราก็มีการติดต่อ น. บ้าง คือพื้นฐานส่วนตัวเราเป็นคนชอบหาที่ไปต่อ เวลาเลิกเรียนเสร็จ และอยู่ๆ ก็มีวันนึงที่เราดันอยากไปตามที่ น. เคยแนะนำเขาบอกว่าที่อบรมอยู่แถวสวนลุม ก็ว่าลองไปดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร แค่ลองเอง สวนลุมก็ไม่ได้ไกล พอไปถึงก็เจอ น. รอรับแถวๆ สวนลุม ตรงตึก Q House พอเราได้ไปเข้าฟังอบรม ก็รู้สึกว่ามันดีนะ ทำให้เราฉุกคิดได้หลายๆ เรื่องที่เราสามารถนำไปใช้ในอนาคตได้จริงๆ มันก็เป็นอะไรดีๆ ที่ทให้วัยรุ่นอย่างเราๆ คิดได้ และคนส่วนใหญ่นั้นเป็นวัยรุ่นหมดเลย อายุไล่ๆ กัน 17 18 19 20 21 ไล่ไป สูงสุดก็น่าจะ 29 แหละ หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มไปฟังอบรมนี้เรื่อยๆ ไม่รู้สิแต่รู้สึกว่ามันดีอ่ะ และทำให้เราเปลี่ยนตัวเองได้ดีขึ้น ฟังฟรี ไม่เสียตังด้วย ก็ฟัง 3 ครั้งเลยนะที่สวนลุม 3 ครั้ง และ Workshop อีก3 ครั้ง ถ้าคนในองค์กรจะเรียกว่า การเข้าเซนเตอร์นั่นเองตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าของแอมเวย์ คือทุกครั้งเวลาเราฟังจบ น. จะพาไปเราไปรู้จักคนอื่นๆ ที่อยู่มาก่อนเรา และคนเหล่านั้นจะพูดในทำนองเดียวกันก็คือ "มาที่นี่ดีนะ เปลี่ยนแปลงเราได้จริงๆ" และบางคนก็บอกว่าทำธุรกิจ แต่ไม่ได้บอกว่าทำธุรกิจอะไร... จนเราฟังครบทั้งหมด 3 ครั้ง ก็ได้มานั่งคุยกับพี่ ว. ซึ่งพี่คนนี้ น. ก็ได้แนะนำให้รู้จักไว้ก่อนแล้ว(ก่อนหน้านั้นเขาแอดไลน์เรามาด้วย ก่อนที่เราจะมาคุยกันอย่างจริงจัง) เขาก็มาบอกว่าเากำลังทำธุรกิจแอมเวย์ ซึ่งเราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่บังคับ (แหม... 90% ของคนที่ไปถึง 3 ครั้ง บวกกับ Workshop อีก 3 ครั้งใครจะกล้าปฏิเสธ ก็บิ้วกันมาขนาดนี้ละ) เขาก็อธิบายธุรกิจแอมเวย์ มันเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ก็โล่งใจที่มันเป็นขายตรงที่ถูกกฎหมายและไม่เอาเปรียบ แต่ว่าเราเลือกที่จะศึกษาก่อน ให้รู้จริงๆ ก่อนแล้วค่อยทำ คือเหมือนกับเราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจนี้ด้วยแหละ เลยอยากจะรู้ว่าธุรกิจประเภทมันเป็นยังไง ถือว่าเอาประสบการณ์ พอเราอยู่ไปนานๆ ก็ถือว่าเราไม่ใช่คนใหม่ของที่นี้แล้ว ความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มมา
จากที่เข้าฟังฟรีทุกครั้ง พอเราผ่านการฟัง 3 ครั้งนั้นมา (มันเป็นเซนเตอร์ของคนใหม่ คือคนที่ถูกชวนใหม่จะฟรี และเขาจะบอกทีหลังว่าน่คือแอมเวย์ ทำไม่ทำแล้วแต่เรา) หลังจากนั้นเวลาเราเข้าเซนเตอร์บ่อยๆ นานวันเข้าก็เริ่มเสียตังเข้าฟัง แรกๆ ครั้งละ 30 บาท ฟังดูไม่เยอะนะ ถ้าไม่บวกกับ.. (ค่ารถที่นั่งไปสวนลุม รถเมล์ 9 บาท ขากลับแท็กซี่ 25 รถเมล์อีก 9 บาท ซึ่งดึกๆ ไม่มีอาจจะต้อง ปอ. ก็ 15 บาท ตามด้วยต่อวินเข้าบ้านอีก 25 บาท) นี่แค่ค่าเดินทางกับค่าเข้าฟัง ไหนจะเรื่องค่ากินของเราอีก ก็ไม่ใช่น้อยๆ อันนี้คือการเดินแบบประหยัดนะ ถ้าเสียมากกว่านี้คือนั่ง BTS MRT อ่ะค่าใช้จ่ายเยอะกว่านี้ แต่ของวันเสาร์เราก็จะสบายหน่อยเพราะอยู่แถวสะพานควาย ก็เลยไม่ต้องต่อรถเยอะอะไรสำหรับเรา และมันเป็นแบบนี้ทุกสัปดาห์... ตอนนี้เขาเริ่มเก็บค่าเข้าฟังเป็น 35 แล้วเอารวมกับค่าเดินทางของเราดูนะ และคิดดูเดือนนึงไป 4 สัปดาห์ค่าเดินทางนั้นของวันพฤหัสอย่างเดียว หมดไปเท่าไรอ่ะ... เยอะ!! เยอะนะสำหรับเรา แต่เราก็ยังที่จะไปต่อเรื่อยๆ เพราะเหมือนคอนเนคชั่นมันดี พอเริ่มฟังจนแบบพอที่จะทำได้แล้ว เขาก็เริ่มที่จะให้เรานัดคน โดยให้เรานัดเพื่อนๆ เราเนี่ยแหละให้มาฟังแบบเรา.. นึกออกมั้ย ซึ่ง น. ได้รับหน้าที่เป็นอัพไลน์ ดูแลเราทุกอย่าง น. ให้เรานัดเพื่อนทั้งใน ทั้งนอกมหาลัย เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ นัดเจอที่นั่น ที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครเซย์ YES อะไรกับเราเลย ว่าง่ายๆ คือในตอนนั้นเราต้องหาคนมาเป็นดาวน์ไลน์ เพื่อให้เราเป็นอัพไลน์นั่นเอง และก็ไปเข้าเซนเตอร์เสียตังตลอดเรื่อยๆ มีการแนะนำสินค้า มีการพาไปเข้าค่ายสัมนาประมาณ 1,500 ถ้าไม่ผิด ส่วนถ้าจะทำธุรกิจนี้ ก็ต้องเสียค่าสมัคร 900 ทำธุรกิจ และ 100 ค่าเมนเบอร์ของแอมเวย์ คือแอมเวย์เขาจะมีศูนย์การค้าของเขา ซึ่งเราก็ต้องสมัครเพื่อจะได้ส่วนลด... เข้าท่าเนอะ แต่เราก็ยังไม่ได้สมัครนะจนถึงตอนนี้ก็ยัง เพราะพี่ ว. แนะนำว่าอยากให้เราหาคนให้ได้ก่อนค่อยสมัคร ฟังดูมันแฟร์นะ เราจะได้มีคนไว้ดูแล เป็นดาวน์ไลน์ แต่เอาจริงๆ เขาก็แค่อยากได้คนเข้าองค์กร เพราะเขาก็คงเห็นแล้วว่าเรายิ่งอยู๋นาน ยิ่งไม่มีศักยภาพอะไร เอาคนใหม่มาส่วนเราจะยังไงก็ช่าง
หลังๆ มา น. ก็เริ่มหาคนใหม่มาเข้าองค์กร และเริ่มที่จะไม่สนใจเรา เริ่มตีตัวออกห่าง และชอบพูดเคลียความคิด ให้เราเหมือนตระหนัก แค่เอาจริงๆ มันก็บั่นทอนจิตใจเราด้วย กำลังใจที่ได้รับจากในองค์กรคือประโยคเดียว"คุณทำได้" แค่นั้นประหนึ่งว่าสครีป และเราเริ่มไม่มีเพื่อน คือเริ่มเหงาพอเหมือนรู้จักหมดทุกคน คนเหล่านั้นก็เริ่มไม่สนใจ คือถ้าไม่เก่งจริงเขาก็ไม่อยากจะคุย จะปรึกษาแม้แต่เรื่องเรียนก็ยังยากเลย มีแต่เข้าเซนเตอร์ที่เรียกว่าต้องเข้าประจำๆๆๆๆๆๆๆ จนกว่าเราจะสำเร็จ สำเร็จในที่นี้คือมีเงินล้านนะคุณ... โดยการที่เราไปแชร์สินค้าให้คนอื่นๆ ชวนคนมาฟัง นั่นนี่ แต่พักหลังเราเริ่มไม่จริงจังเพราะว่าเราเองเรียนนิเทศ ปี 2 แล้ว มันก็มีเรื่องให้ทำเยอะอ่ะ แต่ดูเหมือน น. อัพไลน์เราจะไม่เข้าใจและมองว่าเหตุผลที่เราให้ มันกลายเป็นข้ออ้างไปเลย ตอนนี้เรามีเงินแล้ว 900 บาท ใจก็ยังลังเลว่าจะกลับไปสมัครดีมั้ย คือเราออกมาพักนึงแล้ว ออกมาเพื่อเอาเวลามาเรียนเนี่ยแหละ5555 งานที่มหาลัยมันค่อนข้างเยอะ แล้วเราเด็กนิเทศ กิจกรรมเยอะ ยังไงก็เลี่ยงไมได้ ส่วนแอมเวย์เราก็ยังหาคนไม่ได้ ยังไม่ได้สมัคร เพระาเรามองว่าไม่คุ้ม เราเสีย 900 ไม่ได้แปลว่าเราจบเลยนะ 900 เนี่ยเหมือนเราเริ่มทำแค่นั้นอ่ะ หลังจากนั้นเราต้องซื้อสินค้าเขามาใช้ ซึ่งนองค์กรบอกไม่แพง (เขาหยิบจุดที่ว่ามันใช้ได้นานเลยไม่แพงไง)แต่สำหรับเรามันแพง เราไม่มีตังมากขนาดนั้น และจะต้องซื้อของพวกมาทำธุรกิจ คือเราไม่ได้บอกนะว่าสินค้าเขาไม่ดี มันดีแหละ แต่ก็แพงไป อีกอย่างเราไปที่นี่มันเหมือนเราเปลี่ยนตัวเองมากเกินไป
เราเคยเป็นคนร่าเริง เคยสนุกสนาน ไม่เครียดกับเรื่องเล็กๆ ตั้งแต่ไปแอมเวย์มาหลังากนั้นเรากลายเป็นคนคิดเล็ก คิดน้อยตลอด และด้วยความที่เราทำสิ่งนี้ด้วยแม้จะไม่สมัครแต่เราก็เริ่มดูเพื่อนและคนรอบข้างมองในแง่ลบ ว่าขายตรงนั่นนี่ ที่แอมเวย์จะพูดกับเราบ่อยๆ ว่าเนี่ยเราต้องรีบทำถึงจะสำเร็จ มีเงินล้าน เลี้ยงดูพ่อแม่ พ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ทำเสร็จ 2 ปี สบายไปตลอด อย่างพี่ ว. เขาก็มีใบให้เราดูนะว่าเขาได้เงินจริงจากธุรกิจนี้ ซึ่งก็อยู่ราวๆ หลักหมื่น ยังไม่ขึ้นไปไหนสักที ส่วน น. กับวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่เป็นอัพไลน์อยู่มานาน ก็ยังไม่เคยบอกเลยว่าได้เงินจากธุรกิจนี้เท่าไร... เราเลยมาคิดว่างั้นเราไม่ทำดีกว่า 900 เราขอเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะ สำหรับเราอาจจะไม่ได้สำเร็จที่แอมเวย์มีเงินล้าน แต่สำหรับเรา เรามองว่าถ้าเราได้เงินล้านมาจริงๆ แต่ไม่มีความสุข เราไม่มีเงินล้านมันจะดีกว่า ทุกวันนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้แฮปปี้เท่าไรที่เรายังวนเวียนกับธุรกิจนี้ และดูเหมือนเราจะโฟกัสเรื่องการเรียนน้อยลงไปด้วย ก็คงไม่แปลกถ้าเลิกทำจะเห็นผลดีกว่า เพราะพอเริ่มไม่ไปนะ เงินเราเหลือเยอะมากกกก มีเงินเอามาทำอะไรได้เยอะ มีเวลาทำกิจกรรม มีเวลาเรียน อยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัวมากขึ้น
แต่สิ่งนึงที่แอมเวย์ที่ไว้ให้เราอย่างมีประโยชน์ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความคิดและความกล้าแสดงออก ที่เราได้นำมาใช้กับชีวิตเราจริงๆ ได้ เรากล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น เราก็ถือว่าได้รับประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ไป ส่วนแอมเวย์ถ้าวันนึงคุณได้ไปเข้าองค์กรนี้ ก็ลองพิสูจน์ดูนะว่าคุณจะสำเร็จหรือเปล่า แต่ความสำเร็จมันเกิดขึ้นได้ที่แอมเวย์หรอ?? คนเราต้องมีเงินล้าน? ต้องไปต่างประเทศได้หรอ? อันนี้คงอยู่กับไฟ์สไตล์ของแต่ละคน ใช่ ทำงานได้เงินเดือนหลักหมื่น มันเหนื่อย แต่เราว่ามันก็น่าจะดีกว่าทำธุรกิจแอมเวย์แหละ5555 เพราะสมัครไป คุณทำไม่ได้แปลว่าคุณจะได้เงินเยอะนะ แรกๆ ได้เดือนละไม่กี่ร้อย กว่าจะแตะล้านก็นานมากกก 2 ปีอย่างมากก็หลักแสน มันก็ไม่ค่อยต่างกับทำงานข้างนอกเท่าไร แค่ไม่ต้องใช้แรง ไม่ต้องทำงานตามเวลาอะไร ได้เงินเร็วกว่า ได้เหนื่อยพอๆ กัน เชื่อดิ
สำหรับที่เราไป เป็นกลุ่ม buzzolution เป็นกลุ่มเล็กๆ ของแอมเวย์ ซึ่งถ้าเป็นแอมเวย์โดยตรงจะเก็บค่าเข้าฟังแพงกว่านี้ ครั้งละ 80 จากที่เพื่อนเราเคยไป เราไม่ไดบอกนะว่าแอมเวย์แย่ เพราะของแบบนี้แล้วแต่คนจะมอง เราขอเลือกสิ่งที่เราสบายใจจะดีกว่า
# ประสบการณ์ที่เราเอามาแชร์มีเท่านี้ ขอบคุณจ้า