อยากจะถามว่าใครคนไหนเจอแบบนี้บ้างครับ? แล้วต้องทำยังไงต่อ?
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ผมได้ขับรถของ บริษัท ไปชนกับรถแท็คซี่ ที่ภูเก็ตครับ โดนรถทำประกันชั้นหนึ่งไว้กับทาง บ. พุทธรรมประกันภัยจำกัด ทางแท็คซี่นอกจากค่าซ่อมรถที่ผมต้องซ่อมให้ ก็เรียกค่าชดเชยรายได้ เป็นเงิน 15,000 ต่อเดือนจนกว่าจะซ่อมเสร็จ โดยผมได้นำรถผมและรถคู่กรณีไปเข้าซ่อมที่อู่ในเครือของ บ.ประกัน สำหรับเงินชดเชยนั้นก่อนผมจะจ่าย ผมได้โทรไปปรึกษากับตัวแทนของ บ.ประกัน ว่า สมควรจ่ายหรือไม่ ซึ่งตัวแทนของ บ. บอกว่า ให้สำรองจ่ายไปได้เลย แล้วพอรถซ่อมเสร็จจะเบิกคืนให้
ปรากฎว่า รถของคู่กรณีซ่อมนานมาก ผมตามทุกเดือนเลย เพราะเราต้องสำรองเงินจ่ายคู่กรณีไปก่อน(เงินส่วนนี้ยืมคุณแม่มาครับตอนนี้จ่ายคืนหมดแล้ว

) ทางอู่แจ้งว่าเนื่องจากรถคู่กรณีเก่ามากต้องเอาอะไหล่มาจากทางญี่ปุ่นแต่ทางนั้นเกิดเรื่องขึ้นเลยทำให้ช้า ผมจำได้ช่วงนั้นที่ญี่ปุ่นมีเรื่องสุนามิพอดีเลยต้องทำใจ
5 เดือนผ่านไป รถเสร้จ (คิดว่าเอาวะ หมดเวรหมดกรรมกันซะที) เราก็รีบบอกให้ตัวแทนประกันตั้งเบิกเลยเพราะเงินเริ่มช็อต 15,000 x 5 = 75,000 บาทปรากฎว่าตัวแทนบอกว่า ทาง บ.พุทธรรรมประกันภัย ปฎิเสธการจ่ายเงิน!!!! ในความที่ดูหนังเยอะ ความคิดแว๊บเข้ามา แบบในหนังเลย ว่า บ.ประกันจะปฏิเสธก่อนเสมอ
เอาไงละทีนี้ นั่งคิดนอนคิด.........ปรึกษากะเพื่อน เอาวะไปแจ้ง คปภ. ภูเก็ต ดีกว่า ว่าแล้วก็จัดไป ทาง คภป ก็แจ้งว่าเดี๋ยวจะนัดประกันคุย เราก็ใจชื้นขึ้น พอถึงวันนัดก็ไปที่ คปภ ปรากฎว่า ทาง คปภ บอกว่า คุยกับ ประกันแล้ว ทางประกัน ยืนยันที่จะไม่จ่าย ซึ่งทาง คปภ ไปบังคับเขาไม่ได้ (ตอนนั้นคิดในใจเลยว่า แล้วกูมาบอกทำไมวะ? เพื่อ?)
เราก็เลยตัดสินใจฟ้อง บ.ประกัน ในคดีคุ้มครองผู้บริโภค ประมาณ พฤศจิกายน 2555 พอหมายศาลไปหา บ.ประกันก็มีพนักงานของ บ.ประกันโทรมาไกล่เกลี่ย (ไม่รู้โทรมาไกล่กลี่ย หรือโทรมาขู่ น้ำเสียงกะคำพูดจาเหมือนอย่างหลังมากกว่า) บอกว่าจะขอ จ่าย 12,000 บาท เราก็คิดว่า 12,000 จาก 15,000 ขาดทุนเดือน 3,000 เอาวะ ยอม ยังดีกว่าเสียเวลา แต่ทางพนักงานบอกว่า 12,000 ไม่ใช่ต่อเดือนนะแต่เป็นทั้งหมด เราก็บอก จะบ้าเรอะ ไม่เอา
คดีถึงศาลชั้นต้นโดนศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง ผมคิดว่าไม่มีอะไรต้องเสียละเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ตัดสินเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ผมชนะ.......เย้ คิดว่าจะได้ตังแล้ว เพราะทนายบอกว่า คดีผม ยอดเงินน้อย ฏีกาไม่ได่
ปรากฎว่า บ.ประกัน ขอ ฏีกา .......T-T ซึ่งทางผมก็คัดค้าน
ช่วงนั้นก็รอ ศาลฎีกาตัดสินใจว่าจะรับฏีกาไหม ซึ่งนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โทรไปเบอร์ติดตามคดี ก็บอกแต่เพียงว่า คดียังไม่ออก ให้โทรตามเรื่อยๆ
จน ปี 2559 ผมว่านานเกินไปละ ผมจึงทำหนังสือขอให้ติดตามคดี ถึงท่านประธานศาลฎีกา (หาเบอร์ในเน็ตครับแต่ไม่ใช่เบอร์จากเว็บของศาล เพราะไม่มี) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 แล้วก็รอออออออ (ความจริงจะตามต่อ อาทิตย์แรกเลย แต่กลัวท่านโกรธ) 3 เดือนหลังจากนั้น ทนไม่ไหวเลยลองโทรตามกับ เบอร์ติดตามคดีดู ซึ่งบอกว่า คดีตัดสินนานแล้ว ว่าไม่รับฏีกา (แต่ไม่มีคนแจ้งผมเลย)
เอ้า ไม่เป็นไร คราวนี้และได้เงินชัวร์ ศาลก็ตัดสินละ ทนายฝ่ายจำเลยมาฟังเองเลยนะว่าไม่รับฎีกา ............................................................................................................................................. เงียบ...............................................................................................................................
แล้วไงต่อ?.......... บ.ประกันไม่ยอมจ่าย .......................................................
ไม่เปงไรไหนๆ รอมาหลายปีแล้ว รออีกหน่อยเหอะ.............................................................................................................................................. 2560............................................................................................... อืมมมมมมมม เอาไงดีอะ?
วัน ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ตัดสินใจ บังคับคดี โดยให้ยึดเงินจาก บช. กรุงไทย ของ บ.ประกันเอามาให้เรา จ่ายค่าใช้จ่าย 1,500 บาท
28 เมษายน 2560 ติดตามเรื่อง ทางกรมบังคับคดี แจ้งว่า ทางแบงค์ ไม่ได้นำส่ง............อ้าววว
ยอมรับครับว่าเจออย่างนี้เริ่มท้อเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เหมือนทุกแห่งเราต้องเร่งต้องตามเองตลอด
อยากทราบผู้รู้หน่อยครับ ว่า
1. ผมต้องทำยังไงต่อ?
2. ถ้าทางแบงค์ไม่นำส่งนี้เราตามที่ไหนครับ?
2. เมื่อไหร่จะได้เงินครับ?
3. ทำให้คิดนะครับว่าขั้นตอนต่างๆหรือคนในกระบวนการ นี่ มีการเอื้อ บ.ประกันรึไม่? เพราะรู้สึกนานเป็นสองเท่าตลอด
4. คภป. มีไว้ทำไม?
5. ถ้าผมอยากให้ยึดใบอนุญาต ของ บ..ประกัน ทำได้ไหมครับ? ใช้เวลาแล้วมีโอกาสไหม? เพราะผมไม่อยากให้ใครเจอ บ.ประกันแย่ๆ แบบผมอีกแล้ว
ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ หากอ่านยาก หรือมีคำผิด ไม่ค่อยได้โพสครับ
ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย พุทธรรมประกันภัย
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ผมได้ขับรถของ บริษัท ไปชนกับรถแท็คซี่ ที่ภูเก็ตครับ โดนรถทำประกันชั้นหนึ่งไว้กับทาง บ. พุทธรรมประกันภัยจำกัด ทางแท็คซี่นอกจากค่าซ่อมรถที่ผมต้องซ่อมให้ ก็เรียกค่าชดเชยรายได้ เป็นเงิน 15,000 ต่อเดือนจนกว่าจะซ่อมเสร็จ โดยผมได้นำรถผมและรถคู่กรณีไปเข้าซ่อมที่อู่ในเครือของ บ.ประกัน สำหรับเงินชดเชยนั้นก่อนผมจะจ่าย ผมได้โทรไปปรึกษากับตัวแทนของ บ.ประกัน ว่า สมควรจ่ายหรือไม่ ซึ่งตัวแทนของ บ. บอกว่า ให้สำรองจ่ายไปได้เลย แล้วพอรถซ่อมเสร็จจะเบิกคืนให้
ปรากฎว่า รถของคู่กรณีซ่อมนานมาก ผมตามทุกเดือนเลย เพราะเราต้องสำรองเงินจ่ายคู่กรณีไปก่อน(เงินส่วนนี้ยืมคุณแม่มาครับตอนนี้จ่ายคืนหมดแล้ว
5 เดือนผ่านไป รถเสร้จ (คิดว่าเอาวะ หมดเวรหมดกรรมกันซะที) เราก็รีบบอกให้ตัวแทนประกันตั้งเบิกเลยเพราะเงินเริ่มช็อต 15,000 x 5 = 75,000 บาทปรากฎว่าตัวแทนบอกว่า ทาง บ.พุทธรรรมประกันภัย ปฎิเสธการจ่ายเงิน!!!! ในความที่ดูหนังเยอะ ความคิดแว๊บเข้ามา แบบในหนังเลย ว่า บ.ประกันจะปฏิเสธก่อนเสมอ
เอาไงละทีนี้ นั่งคิดนอนคิด.........ปรึกษากะเพื่อน เอาวะไปแจ้ง คปภ. ภูเก็ต ดีกว่า ว่าแล้วก็จัดไป ทาง คภป ก็แจ้งว่าเดี๋ยวจะนัดประกันคุย เราก็ใจชื้นขึ้น พอถึงวันนัดก็ไปที่ คปภ ปรากฎว่า ทาง คปภ บอกว่า คุยกับ ประกันแล้ว ทางประกัน ยืนยันที่จะไม่จ่าย ซึ่งทาง คปภ ไปบังคับเขาไม่ได้ (ตอนนั้นคิดในใจเลยว่า แล้วกูมาบอกทำไมวะ? เพื่อ?)
เราก็เลยตัดสินใจฟ้อง บ.ประกัน ในคดีคุ้มครองผู้บริโภค ประมาณ พฤศจิกายน 2555 พอหมายศาลไปหา บ.ประกันก็มีพนักงานของ บ.ประกันโทรมาไกล่เกลี่ย (ไม่รู้โทรมาไกล่กลี่ย หรือโทรมาขู่ น้ำเสียงกะคำพูดจาเหมือนอย่างหลังมากกว่า) บอกว่าจะขอ จ่าย 12,000 บาท เราก็คิดว่า 12,000 จาก 15,000 ขาดทุนเดือน 3,000 เอาวะ ยอม ยังดีกว่าเสียเวลา แต่ทางพนักงานบอกว่า 12,000 ไม่ใช่ต่อเดือนนะแต่เป็นทั้งหมด เราก็บอก จะบ้าเรอะ ไม่เอา
คดีถึงศาลชั้นต้นโดนศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง ผมคิดว่าไม่มีอะไรต้องเสียละเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ตัดสินเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ผมชนะ.......เย้ คิดว่าจะได้ตังแล้ว เพราะทนายบอกว่า คดีผม ยอดเงินน้อย ฏีกาไม่ได่
ปรากฎว่า บ.ประกัน ขอ ฏีกา .......T-T ซึ่งทางผมก็คัดค้าน
ช่วงนั้นก็รอ ศาลฎีกาตัดสินใจว่าจะรับฏีกาไหม ซึ่งนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โทรไปเบอร์ติดตามคดี ก็บอกแต่เพียงว่า คดียังไม่ออก ให้โทรตามเรื่อยๆ
จน ปี 2559 ผมว่านานเกินไปละ ผมจึงทำหนังสือขอให้ติดตามคดี ถึงท่านประธานศาลฎีกา (หาเบอร์ในเน็ตครับแต่ไม่ใช่เบอร์จากเว็บของศาล เพราะไม่มี) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 แล้วก็รอออออออ (ความจริงจะตามต่อ อาทิตย์แรกเลย แต่กลัวท่านโกรธ) 3 เดือนหลังจากนั้น ทนไม่ไหวเลยลองโทรตามกับ เบอร์ติดตามคดีดู ซึ่งบอกว่า คดีตัดสินนานแล้ว ว่าไม่รับฏีกา (แต่ไม่มีคนแจ้งผมเลย)
เอ้า ไม่เป็นไร คราวนี้และได้เงินชัวร์ ศาลก็ตัดสินละ ทนายฝ่ายจำเลยมาฟังเองเลยนะว่าไม่รับฎีกา ............................................................................................................................................. เงียบ...............................................................................................................................
แล้วไงต่อ?.......... บ.ประกันไม่ยอมจ่าย .......................................................
ไม่เปงไรไหนๆ รอมาหลายปีแล้ว รออีกหน่อยเหอะ.............................................................................................................................................. 2560............................................................................................... อืมมมมมมมม เอาไงดีอะ?
วัน ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ตัดสินใจ บังคับคดี โดยให้ยึดเงินจาก บช. กรุงไทย ของ บ.ประกันเอามาให้เรา จ่ายค่าใช้จ่าย 1,500 บาท
28 เมษายน 2560 ติดตามเรื่อง ทางกรมบังคับคดี แจ้งว่า ทางแบงค์ ไม่ได้นำส่ง............อ้าววว
ยอมรับครับว่าเจออย่างนี้เริ่มท้อเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เหมือนทุกแห่งเราต้องเร่งต้องตามเองตลอด
อยากทราบผู้รู้หน่อยครับ ว่า
1. ผมต้องทำยังไงต่อ?
2. ถ้าทางแบงค์ไม่นำส่งนี้เราตามที่ไหนครับ?
2. เมื่อไหร่จะได้เงินครับ?
3. ทำให้คิดนะครับว่าขั้นตอนต่างๆหรือคนในกระบวนการ นี่ มีการเอื้อ บ.ประกันรึไม่? เพราะรู้สึกนานเป็นสองเท่าตลอด
4. คภป. มีไว้ทำไม?
5. ถ้าผมอยากให้ยึดใบอนุญาต ของ บ..ประกัน ทำได้ไหมครับ? ใช้เวลาแล้วมีโอกาสไหม? เพราะผมไม่อยากให้ใครเจอ บ.ประกันแย่ๆ แบบผมอีกแล้ว
ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ หากอ่านยาก หรือมีคำผิด ไม่ค่อยได้โพสครับ