สวัสดีคับ ทู้นี้ขอรีวิวเเบบฉบับของตัวเองกับการเที่ยว JP นะครับ
ทริปนี้ชื่อว่า JP4 จุด ถ้าใครเคยเล่นหรือสะสม figure Saint Seiya ก็จะรู้นะครับว่ามีความหมายว่ายังไง คิ_คิ
ทริปนี้เกิดจากการขาดสติครับ เข้าไปดูตั๋วเเล้วเห็นเที่ยวบินจาก BKK ไป NRT ด้วยราคา 4,xxx เดินทางเดือน ก.พ. (ตอนจอง พ.ย.) เราก็เเบบ เห้ย!มาตอนดื่มเเบบนี้ ไม่ต้องใช้สติเเล้วครับ ใช้บัตรเครดิตเเทนสมอง จองไปเรียบร้อย เเล้วค่อยไปหาตั๋วกลับทีหลัง หลังจองก็โล่งใจ แต่แล้วหลังจากนั้นสิครับ shiftหายครับ ตั๋วกลับมีเเต่ 9,xxx เครียดเลย เเต่ยังมั่นใจว่ายังไงมันต้องมีโปรอีกแน่ๆ เเต่เฝ้าดูเเล้วดูเล่าก็ไม่มีเลย ....จนวันนึง!! ตั๋วกลับ 5,xxx มันมาเล้ว รีบจัดสิฮะ (ซึ่งหลังจากจองเเล้ว วันสองวันหลังจากนั้น โปรถึงได้มีโปรโมทให้เห็นใน facbook)
พอสบายใจเราก็วางเเผนเที่ยวต่อดิ (ซึ่งตอนระหว่างรอตั๋วขากลับก็ทำไว้บ้างเเล้ว) อ้อ ลืมบอก คราวนี้เราไป 14 วัน ลางานจนเจ้านายน่าจะมีบางอย่างพูดกับเรา
อยากจะบอกว่าตัวช่วยที่สำคัญมากในการวางเเผนคือ Google my Map นะครับ
เราได้รู้จัก/เรียนรู้จาก Pantip นี่แหละ มันช่วยทำให่เเผนเราดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
หน้าตาเป็นเเบบนี้
ก่อนอื่นเราต้องมีบัญชี Gmail ก่อน จึงจะจัดระบบชีวิตเที่ยวได้
ผมหากระทู้เก่าไม่เจอ เลยสร้างกระทู้วิธีการใช้ Basic เบื้องต้นให้ที่กระทู้นี้นะครับ
>>
https://pantip.com/topic/36102300
ทริปนี้ตั้งใจไปเเค่ 7-8 วัน อยากไป Sapporo มาก เเต่ต้องไป Tokyo ด้วย เพราะตั๋วบินตรงไป Sap เเพงมาก เราก็เห็นว่าไปลงนี้เเล้วนั่งเครื่องบินในประเทศต่อไป มันดูเป็นอะไรที่คุ้มดี ได้เที่ยว Tokyo ด้วย เราเลยจัดเลย เเต่อย่างที่เล่าไว้ตอนต้น วันกลับมันทำให้เราอยู่เเค่ 7-8 วันไม่ได้ เพราะงั้นเลย เลยเถิด เป็น 14 วัน ... ทีนี้นี่คือมึนว่าจะทำไงให้พอดี เเล้วจู่ๆ Osaka ก็เข้ามาในหัว และแล้วทริปอันเลยเถิดเลยบังเกิดขึ้น
ในขณะที่รอวันเดินทางมาถึง ก็วางเเผนไปเรื่อยๆ ทำเเผนเที่ยวทีละวัน เสร็จวันนี้เราก็จองที่พัก เเละถ้ารู้ว่าเราจะบินไปไหนในประเทศ เราก็จองเลย จนท้ายสุด เราได้ตั๋วเครื่องบินมา 2 จังหวะ จังหวะเเรกจาก Tokyo ไป Hokkaido ตามที่ตั้งใจไว้ตอนเเรก ด้วยสายการบินน้องใหม่ในประเทศ Vanilla Airline ราคาสุดเบา 1,850.- และเหมือนเดิม! ก็ยังไม่จองขากลับจาก Sapporo ว่าจะไปไหนต่อ ณ ตอนนี้เราก็ไปวางเเผนที่อื่นก่อนดีกว่า ไปวางเเผนที่ Osaka วางไปวางมา เรียบร้อย ทีนี้กลับมาที่ Hokkaido ใหม่ เราก็เอ๊ะ อยากไป Hakodate ด้วยอ่าาา ด้วยความอะไรไม่รู้คึกหาสนามบินอื่นๆในประเทศ จนได้รู้จักสนามบินจาก Hakodate แล้วเท่านั้นไม่พอแจ๊คพอทเเตก ไปเจอสนามที่บินลงที่ Osaka สนามบิน Itami ด้วยราคาพอไหวอีกเเล้ว (ก็ดีกว่านั่งรถจาก Hakodate ไป Chitose Airport เพื่อบินมาที่ Kansai airport อะ อันนั้นเเพงมากก) สบายหละทีนี้ พอได้ปั๊บเราก็จัดการจองปละางเเผนเที่ยว Osaka เเบบเต็มที่ไปเลย แต่ปัญหาคือสุดท้ายเราก็ต้องกลับไปโตเกียวอีก เพื่อที่จะนั่งเครื่องบินกลับประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาที่เราต้องซื้อตั๋วชินคันเซนในลำดับต่อมา สุดท้าย จากที่หาข้อมูลมา เราก็จำเป็นเเล้วหละที่จะต้องซื้อ JR Nation Wide แบบ 7 วันเพื่อให้ได้สะดวกที่สุดเเล้วที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นู่น
เเล้วเรามาลุ้นกันว่าทริปนี้ที่วางไว้จะผิดเเผนไปซะกี่เรื่องกัน
............................................
ลุยเลยฮะ
"DAY 1"
เริ่มวันเเรกกันเลยดีกว่า
วันเเรก บอกออฟฟิศไปว่าป่วยตอน 8:30 ครับ เเต่พอ 8 โมงเช้ากว่า ก็อยู่ที่สนามบินเรียบร้อย ด้วยท่าทีที่ป่วยมากกก (ลาพักร้อนได้ 6 วันไป 14 วัน เราต้องลาพักร้อนหมดเลย ที่เหลือให้หักตังค์เอา อะไรที่ผิดศีลบ้างก็ทำไปเถอะครับ เเค่นี้ก็ไม่มีจะแ_ก ละ ได้ลาเเบบไม่หักตังค์เพิ่มซักวันก็บุญละครับ ฮ่าๆๆ)
ใช้เวลาบิน 5-6 ชั่วโมง บินตรง เราก็มาถึงที่หมายเรียบร้อย
และกองทัพเดินด้วยท้องฮะ
จบวันที่ 1 ทำไงได้ ฮ่ๆๆ ไปถึงก็ดึกแล้วนะ
วัด Sensoji ใกล้โรงเเรมเลยได้ชมดูก่อนเลยเป็นที่แรก
............................................
"DAY 2"
วัด Sensoji ... ทุกคนที่มาขอพร ทุกคนปัดควันเข้าตัวตามความเชื่อ ซึ่งนี่ก็ไม่รู้ว่าความเชื่อคืออะไร เเต่มันคงดีเเหละ ไม่งั้นทุกคนไม่ทำหรอก ทำบ้าง เเค่กๆ
โคมไฟจากวัด sensoji จะถ่ายยังไงหละให้เเตกต่างจากที่เคยเห็น เอาตามนี้
ใกล้วัด Sensoji มีของกินหลากหลาย หนึ่งในร้านที่เราเลือกรองท้อง คือขนมปังใส้ครีมเมล่อน อร่อยเเท้
ตลาด Ameyoko สถานี Ueno หิวๆๆ
ร้านอะไรนะ จำไม่ได้ เเต่กินไปแล้วเย็นปาก เหมือนใส่ ใบอะไรเย็นๆเป็นเครื่องปรุงด้วย
เห็นคนไปถ่ายเจ้าฮาจิกันรูปปั้นมาก็มาก เมื่อรู้ว่ามีตัวจริงถูกสตาฟไว้อยู่ ก็อยากจะไปเห็น อยากเห็นสีของขน สีของลูกตา โครงสร้างของเจ้าฮาจิโกะ ของจริงตัวใหญ่มากกกก เเน่นอนเจ้านี่อยู่ที่ National Museum of Nature & Science แถวสถานี Ueno นั่นหละ
ตู้ฝากกระเป๋า สถานีไหนฮิต สถานีนั้นเต็ม
สะพาน ณ Imperial Palace อันนี้เราไปถึงช้ามาก เนื่องจากวันที่ไปมีการจัดงานวิ่งมาราธอน Tokyo marathon 2017 ทำให้เราต้องนั่งรอจนกว่าจะวิ่งเสร็จ ได้เข้าไปถึง ก็ถ่ายรูปนิดหน่อยเเล้วก็ออกมา ... เเต่การวิ่งมาราธอนของบ้านเค้าดีมาก คือถ้าคุณเป็นคนนึงที่ไปวิ่ง คุณเปรียบเสมือ Hero ของบ้านของคุณเลย ทุกคนจะมาเชียร์ ถือป่ายเชียร์กันสุดๆ เห็นเเล้วรู้สึกยิ้ม
5 แยก Shibuya ถ่ายจากมุมยอดฮิตที่ร้าน Starbuck เเอบลงไปวิ่งไปมาตั้งหลายรอบ ฮ่าๆๆ
รูปปั้นฮาจิโกะ ตั้งอยู่ในส่วนนึงของ 5 แยก Shibuya
Harajuku เกือบจะไม่ได้ไปแล้ว เพราะหลังจากที่ถ่ายรูปที่ Imperial Palace เสร็จก็มืดมากเเล้ว เเล้วขาอ่อนล้ามาก เลยไม่ไหว เเต่สุดท้ายก็อยากไปตามเเผนให้ได้ ก็เลยตัดสินใจ gogogo
กลับที่พักก
............................................
"DAY 3"
หอยย่างจากตลาดปลา Tsukiji อันโด่งดังเรื่องปลาสด อร่อยมากๆ กินร้อนๆในอากาศเย็นๆ
ถึง Sushi dai อันเลื่องชื่อแล้วครับ เลื่องชื่อมากจนมาไม่ทัน อดกินครับ ปิดรับแขกเพิ่มเติม
ณ ตอนนั้นเฟ้งฟ้างมาก เพราะชอบกินปลาดิบ แต่มาถึงก็ไม่ทัน เลยต้องมองหาซ้ายขวา สุดท้ายเลือกร้านนี้คนต่อคิวเยอะเหมือนกัน เพิ่งมารู้ตอนหลังว่า เป็นร้านอันดับสองรองจาก Sushi Dai ร้านนี้ชื่อว่า Sushi Daiwa ต่างกันตรงแค่ Wa นี่หละ ... จำไรไม่ได้เลยครับเพราะว่าต้องกินเร็วมาก จริงๆ Chef ก็ไม่ได้เร่งอะไรนะ เเต่เหมือนคนต่อคิวหน้าร้าน เพ่งกระเเสจิตจากนอกร้านทะลุประตูมาบอกว่า ช่วยแ_กกันเร็วๆหน่อยกูรออยู่ Chef ก็ปั้นให้เราเร็วมาก แต่ก็มีสะดุดที่ปลาหมึกดิบที่กรอบมาก ไม่เคยเจอ
อีกไม่กี่วัน ก็จะเป็นวันที่กันดั้มตัวนี้จะถูกรื้อ เรารู้สึกดีมาก ที่จองทริปมาครั้งนี้มาทันก่อนที่จะไม่มีโอกาศได้เห็นมันอีก
ใกล้ๆกันกับ Gundam ก็จะมี Agua City ซึ่งเราอยากจะมาเห็น เทพีเสรีภาพฉบับ Japan บ้างไหนๆก็มาเเล้ว เพราะอยู่ไม่ห่างจากกันดั้ม (Odaiba City) มากนัก เดินเล่นเรื่อยๆมาก็เจอ
สุดท้ายแล้วเราต้องตัด Gala Yuzawa ออกไป เพราะเราคิดว่าเราไม่น่าจะไปถึงที่พักทัน เพราะมันไกลมาก ถ้าเราไปเสียเวลาที่นั่น เราจะไปถึงดึกมากและค่อนข้างเสี่ยงพอดู เลยต้องตัดสินใจตัดออก แล้วก็ถึงเวลาที่จะไปหาฟูจิกันแล้วววว
เรานั่งรถไฟมาเป็นเวลานาน จากโตเกียว เพื่อไปเข้าพักที่เราจองไว้ที่ Shoji Lake เป้าหมายเรามาสิ้นสุดที่สถานีรถไฟ สถานี Otsuki เพื่อนั่งรถบัสไปต่อ ... แล้วหลังจากนี้หละ จุดเริ่มต้นของความตื่นเต้น
สรุปครับ เราปร้ำเป๋อๆคลำๆขึ้นรถเมลล์เพื่อไปที่พัก ตอนนั้นเป็นเวลาที่เริ่มดึกแล้ว นั่งรถเมล์เปิดเเผนที่ไปด้วยจนรู้สึกได้ว่าเริ่มผ่านที่พักเราแล้ว ใกล้ถึงแล้ว เเต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีป้ายจอด จนไปไกลเเล้ว เหงื่อเราเริ่มตก เราตัดสินใจกันเเล้วว่าถ้าไม่ถามคนขับตอนนี้เเย่ๆเเน่ เราไปไกลเเน่ ... ใช่ครับ "เราหลงเเล้ว" ... คนขับก็บอกว่าจอดให้ลงไม่ได้ด้วยเพราะข้างทางมีเเต่ป่าเขามันอักตราย จนเมื่อไปถึงตรงที่มีเเสงสว่างหน่อย คนขับก็จอดเเละช่วยเรา เราโชคดีมากที่เลือก sim ที่ใช้โทรได้ เราต้องโทรไปหาที่พักให้คนขับช่วยคุย แล้วสุดท้าย เราต้องลงจากรถเพื่อรอคนที่โรงเเรมมารับในที่ๆเราอยู่ ซึ่งตอนที่ลงไปหน้ากลัวมาก มืดมาก และหนาวมากๆด้วย น่าจะ 1-2 องศา สถานการณ์ตอนนั้นมันเคว้งมาก ให้ลองนึกถึงว่าถ้าคุณถูกทิ้งกลางถนนที่ขนาบไปด้วยป่า มันจะเป็นเเบบไหน คุยกะใครก็ลำบาก ทำได้เเค่รอ เรารอจนมีรถตู้จากโรงเเรมที่เราจองที่พักไว้มารับเรา เราจึงรอด! และนี่คือจุดเริ่มเเรกของเรื่องตื่นเต้นของทริป ย้ำเลยว่าเป็นเรื่องเเรก ยังมีอีกหลายเรื่องมากกกก ที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้น
... สุดท้ายกว่าจะมาถึง เราผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาเเล้ว โชคดีมาก ที่เราไม่ไปไกลมากกว่านี้ วันนี้ทำให้เรารู้ว่า เรายังทำข้อมูลการเดินทางยังไม่พอ
(อาหารที่ทางที่พักได้เตรียมไว้ให้ ที่พักถูกดูเเลด้วยลุงป้าคู่นึงที่น่ารักมากๆ)
ห้องสวยสมราคา พร้อมวิวฟูจิในวันพรุ่งนี้เต็มๆตาจากที่เรานอนเลย
............................................
จบวันนี้กันไปครับ เหนื่อยเเล้วกับเรื่องหลงทาง
ไว้มาต่อวันต่อไปนะครับ
เราไม่มีเพจ เราเขียนบทความไม่เก่ง เราไม่มีความสมารถที่ดีทางด้านการสื่อสารหรือการเล่าเรื่อง เราแค่ชอบถ่ายรูปในเเบบของเรา ไม่ได้ดีมากไม่มีความรู้ทฤษฎีกล้องหรือการถ่ายภาพ
ที่เราใช้ถ่ายก็ iPhone กับปรับด้วย app VSCO CAM นี่หละ
ใครชอบเเบบเดียวกัน เชิญครับ
https://www.facebook.com/PomoOoo เราเองนะ ... ะ)
ชื่อสินค้า: ญี่ปุ่น , Japan , kyoto , kansai , osaka , kobe , tokyo , hokkaido , sapporo , otaru , hakodate
คะแนน:
[CR] ๋Japan 14 วัน บนยังล่าง ... เราทำได้!!
ทริปนี้ชื่อว่า JP4 จุด ถ้าใครเคยเล่นหรือสะสม figure Saint Seiya ก็จะรู้นะครับว่ามีความหมายว่ายังไง คิ_คิ ทริปนี้เกิดจากการขาดสติครับ เข้าไปดูตั๋วเเล้วเห็นเที่ยวบินจาก BKK ไป NRT ด้วยราคา 4,xxx เดินทางเดือน ก.พ. (ตอนจอง พ.ย.) เราก็เเบบ เห้ย!มาตอนดื่มเเบบนี้ ไม่ต้องใช้สติเเล้วครับ ใช้บัตรเครดิตเเทนสมอง จองไปเรียบร้อย เเล้วค่อยไปหาตั๋วกลับทีหลัง หลังจองก็โล่งใจ แต่แล้วหลังจากนั้นสิครับ shiftหายครับ ตั๋วกลับมีเเต่ 9,xxx เครียดเลย เเต่ยังมั่นใจว่ายังไงมันต้องมีโปรอีกแน่ๆ เเต่เฝ้าดูเเล้วดูเล่าก็ไม่มีเลย ....จนวันนึง!! ตั๋วกลับ 5,xxx มันมาเล้ว รีบจัดสิฮะ (ซึ่งหลังจากจองเเล้ว วันสองวันหลังจากนั้น โปรถึงได้มีโปรโมทให้เห็นใน facbook) พอสบายใจเราก็วางเเผนเที่ยวต่อดิ (ซึ่งตอนระหว่างรอตั๋วขากลับก็ทำไว้บ้างเเล้ว) อ้อ ลืมบอก คราวนี้เราไป 14 วัน ลางานจนเจ้านายน่าจะมีบางอย่างพูดกับเรา อยากจะบอกว่าตัวช่วยที่สำคัญมากในการวางเเผนคือ Google my Map นะครับ เราได้รู้จัก/เรียนรู้จาก Pantip นี่แหละ มันช่วยทำให่เเผนเราดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น หน้าตาเป็นเเบบนี้
ทริปนี้ตั้งใจไปเเค่ 7-8 วัน อยากไป Sapporo มาก เเต่ต้องไป Tokyo ด้วย เพราะตั๋วบินตรงไป Sap เเพงมาก เราก็เห็นว่าไปลงนี้เเล้วนั่งเครื่องบินในประเทศต่อไป มันดูเป็นอะไรที่คุ้มดี ได้เที่ยว Tokyo ด้วย เราเลยจัดเลย เเต่อย่างที่เล่าไว้ตอนต้น วันกลับมันทำให้เราอยู่เเค่ 7-8 วันไม่ได้ เพราะงั้นเลย เลยเถิด เป็น 14 วัน ... ทีนี้นี่คือมึนว่าจะทำไงให้พอดี เเล้วจู่ๆ Osaka ก็เข้ามาในหัว และแล้วทริปอันเลยเถิดเลยบังเกิดขึ้น ในขณะที่รอวันเดินทางมาถึง ก็วางเเผนไปเรื่อยๆ ทำเเผนเที่ยวทีละวัน เสร็จวันนี้เราก็จองที่พัก เเละถ้ารู้ว่าเราจะบินไปไหนในประเทศ เราก็จองเลย จนท้ายสุด เราได้ตั๋วเครื่องบินมา 2 จังหวะ จังหวะเเรกจาก Tokyo ไป Hokkaido ตามที่ตั้งใจไว้ตอนเเรก ด้วยสายการบินน้องใหม่ในประเทศ Vanilla Airline ราคาสุดเบา 1,850.- และเหมือนเดิม! ก็ยังไม่จองขากลับจาก Sapporo ว่าจะไปไหนต่อ ณ ตอนนี้เราก็ไปวางเเผนที่อื่นก่อนดีกว่า ไปวางเเผนที่ Osaka วางไปวางมา เรียบร้อย ทีนี้กลับมาที่ Hokkaido ใหม่ เราก็เอ๊ะ อยากไป Hakodate ด้วยอ่าาา ด้วยความอะไรไม่รู้คึกหาสนามบินอื่นๆในประเทศ จนได้รู้จักสนามบินจาก Hakodate แล้วเท่านั้นไม่พอแจ๊คพอทเเตก ไปเจอสนามที่บินลงที่ Osaka สนามบิน Itami ด้วยราคาพอไหวอีกเเล้ว (ก็ดีกว่านั่งรถจาก Hakodate ไป Chitose Airport เพื่อบินมาที่ Kansai airport อะ อันนั้นเเพงมากก) สบายหละทีนี้ พอได้ปั๊บเราก็จัดการจองปละางเเผนเที่ยว Osaka เเบบเต็มที่ไปเลย แต่ปัญหาคือสุดท้ายเราก็ต้องกลับไปโตเกียวอีก เพื่อที่จะนั่งเครื่องบินกลับประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาที่เราต้องซื้อตั๋วชินคันเซนในลำดับต่อมา สุดท้าย จากที่หาข้อมูลมา เราก็จำเป็นเเล้วหละที่จะต้องซื้อ JR Nation Wide แบบ 7 วันเพื่อให้ได้สะดวกที่สุดเเล้วที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นู่น
เเล้วเรามาลุ้นกันว่าทริปนี้ที่วางไว้จะผิดเเผนไปซะกี่เรื่องกัน
............................................
ลุยเลยฮะ
"DAY 1"
เริ่มวันเเรกกันเลยดีกว่า วันเเรก บอกออฟฟิศไปว่าป่วยตอน 8:30 ครับ เเต่พอ 8 โมงเช้ากว่า ก็อยู่ที่สนามบินเรียบร้อย ด้วยท่าทีที่ป่วยมากกก (ลาพักร้อนได้ 6 วันไป 14 วัน เราต้องลาพักร้อนหมดเลย ที่เหลือให้หักตังค์เอา อะไรที่ผิดศีลบ้างก็ทำไปเถอะครับ เเค่นี้ก็ไม่มีจะแ_ก ละ ได้ลาเเบบไม่หักตังค์เพิ่มซักวันก็บุญละครับ ฮ่าๆๆ)
และกองทัพเดินด้วยท้องฮะ
วัด Sensoji ใกล้โรงเเรมเลยได้ชมดูก่อนเลยเป็นที่แรก
"DAY 2"
"DAY 3"
อีกไม่กี่วัน ก็จะเป็นวันที่กันดั้มตัวนี้จะถูกรื้อ เรารู้สึกดีมาก ที่จองทริปมาครั้งนี้มาทันก่อนที่จะไม่มีโอกาศได้เห็นมันอีก
... สุดท้ายกว่าจะมาถึง เราผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาเเล้ว โชคดีมาก ที่เราไม่ไปไกลมากกว่านี้ วันนี้ทำให้เรารู้ว่า เรายังทำข้อมูลการเดินทางยังไม่พอ
(อาหารที่ทางที่พักได้เตรียมไว้ให้ ที่พักถูกดูเเลด้วยลุงป้าคู่นึงที่น่ารักมากๆ)
จบวันนี้กันไปครับ เหนื่อยเเล้วกับเรื่องหลงทาง
ไว้มาต่อวันต่อไปนะครับ
เราไม่มีเพจ เราเขียนบทความไม่เก่ง เราไม่มีความสมารถที่ดีทางด้านการสื่อสารหรือการเล่าเรื่อง เราแค่ชอบถ่ายรูปในเเบบของเรา ไม่ได้ดีมากไม่มีความรู้ทฤษฎีกล้องหรือการถ่ายภาพ
ที่เราใช้ถ่ายก็ iPhone กับปรับด้วย app VSCO CAM นี่หละ
ใครชอบเเบบเดียวกัน เชิญครับ https://www.facebook.com/PomoOoo เราเองนะ ... ะ)