สวัสดีค่ะ
ติดตามอ่านพันทิปมานานค่ะ แต่ไม่เคยโพสต์อะไรเลย ตอนนี้พอมีเวลาเลยลองแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางในพันทิปดูบ้าง
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าเป็นการโพสต์ตามใจฉัน ไม่เอาใจใคร ไม่ละเอียดแบบเลี้ยวซ้ายเจอเป็ด เลี้ยวขวาเจอห่าน เพราะถ้าต้องจดหรือจำรายละเอียดขนาดนั้น ดิฉันคงเที่ยวไม่สนุก แต่ก็หวังว่าอาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนสาวสองคนว่างมากแล้วหงุดหงิด เลยมาเยี่ยมดิฉันที่เพิร์ธซะ 7 วัน The South West Region of Western Australia เลยตอบโจทย์ค่ะ ต้องขอบคุณสามีที่วางแผนทริปนี้ให้
Fri 7 Apr Arrive Perth in late afternoon
Sat 8 Apr Perth City, Elizabeth Quay, Kings Park, Outlet, Fremantle
เนื่องจากเพื่อนต้องกลับเช้าวันเสาร์ที่ 15 แล้วจุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเมืองเพิร์ธก็หนีไม่พ้น Fremantle โดยเฉพาะตลาดนัดที่เปิดแค่ศุกร์-อาทิตย์ ถ้าพลาดวีคเอนด์นี้ก็อดกัน วันนี้เลยพาชมเมืองก่อน
เริ่มจาก Elizabeth Quay ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเพิร์ธ เปิดได้ปีกว่าแต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มีกิจกรรมหลากหลายมาจัดที่นี่บ่อยๆ อย่างคอนเสิร์ต อีเว้นท์ต่างๆ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจให้เปลี่ยนบรรยากาศได้บ้าง
ต่อด้วย Kings Park ที่ใครมาเพิร์ธแล้วห้ามพลาดกับสวนสวยใจกลางเมือง ที่สามารถมองเห็นวิวของตึกรามกลางเมืองที่ขนาบด้วยแม่น้ำสวอน ต่อด้วย Watertown Outlet ตอนบอกสามีว่าต้องไป Outlet ด้วยนะ เค้าถามว่าบอกเพื่อนรึยัง ว่ามันเลิศขนาดไหน บอกไปแล้วเพื่อนจะเชื่อเหรอ ก็คนมันอยากช้อปนี่ ต้องพามาให้เห็นกับตาว่า ของธรรมดาราคาไม่ถูกมีอยู่ที่นี่หมด สรุปไม่ได้กินเงินเพื่อนตู
จากนั้นมาต่อกันที่ Fremantle ถามเพื่อนว่าอยากดูคุก ดูพิพิธภัณฑ์ ดูเรือดำน้ำมั๊ย เพื่อนตอบเลยว่าไม่ ไปตลาดดีก่า ใครมาเพิร์ธไม่มาตลาดนัด Freemantle เหมือนมาไม่ถึงเพิร์ธ ข้าวของก็ไม่มีอะไรแปลกตาเห็นได้ที่บ้านเราทั้งนั้น ก่อนกลับกินมื้อเย็นกันที่ Fishing Boat Harbour คิดถึงน้ำจิ้มซีฟู๊ดบ้านเราชะมัด
Sun 9 Apr The Pinnacles, Caversham Wildlife Park (north of Perth)
วันนี้ขับรถขึ้นเหนือไปเกือบ 3 ชั่วโมง เพื่อชม The Pinnacles กลุ่มแท่งหินน้อยใหญ่กลางทะเลทราย ซึ่งก็เกิดจากธรรมชาติที่กินเวลาหลายแสนปี ตอนแรกก็สงสัยว่าเพื่อนจะชอบรึเปล่า ผลคือเพื่อนชอบ โอเคผ่าน
ใช้เวลาที่ The Pinnacles สักชั่วโมงนึงได้ ก็มุ่งหน้ากลับเพิร์ธ เพื่อไปที่ Caversham Wildlife Park ตอนแรกบอกสามีไปว่า เพื่อนไม่ได้อยากจับหมีจับจิงโจ้นะ ไม่ต้องไปก็ได้ แต่เค้าไม่ยอมค่ะ บอกมาถึงนี่แล้วต้องถึงเนื้อถึงตัวมันซิ เลยต้องมาป้อนอาหารเม็ดให้จิงโจ้เหวย กับเข้าคิวรอลูบหลังหมีโคอล่าสักสองวิ ฟินเว่อร์ไปคนละ 28 เหรียญ หลังจากนั้นระหว่างการเดินทางเราก็เจอจิงโจ้บ่อยๆค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะนอนไม่ยอมฟื้นกันนะคะ
Mon 10 Apr Gnomesville, Busselton, Dunsborough
วันนี้เราแพ็กกระเป๋าล็อคประตูบ้านมุ่งหน้าลงใต้กันค่ะ การเดินทางวันนี้จะเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เพราะ Busselton กับ Dunsborough ห่างจากเพิร์ธแค่สองร้อยกว่าโล
ระหว่างทางเราแวะที่ Gnomesville เพื่อดูหมู่มวล gnome ที่มีคนเอามาวางไว้หลายพันตัว ตอนนี้มีเพิ่มอีกหนึ่งตัวจากประเทศไทยเรียบร้อย จาก Gnomesville มาไม่นานก็ถึง Busselton เราแวะกันที่ Busselton Jetty ที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายภาพ กับตั้งใจจะไปกินไอติม Simmo’s ที่หน้า Jetty ปรากฎว่าร้านหาย! บริเวณริมหาดก็กำลังปรับปรุงพื้นที่ จบกัน เลยเข้าที่พักเก็บกระเป๋าแล้วออกไป Dunsborough กัน
Busselton กับ Dunsborough เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมที่ไม่ไกลจากเพิร์ธมากนัก มีหาดสวยๆ ที่คนนิยมไปเล่นน้ำ หรือตกปลาอยู่หลายหาด พวกสวนน้ำก็มี ช่วงวีคเอนด์หรือวันหยุดต่างๆ ก็จะมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นเป็นพิเศษ
Tue 11 Apr Yallingup, Canal Rocks, Shearing show, Margaret River, Augusta
วันนี้โปรแกรมหลักๆ ก็คือไปดูการตัดขนแกะ (Shearing) แล้วก็ไปพักที่ Augusta แต่โชว์เริ่มตั้งสิบเอ็ดโมง เลยไป Yallingup beach กับ Canal Rocks ก่อน
Yallingup beach ก็เป็นที่นิยมกันของนักเล่นเซิร์ฟค่ะ เคยเห็นแต่ในหนัง ได้มาเห็นของจริงที่นี่ดูตื่นเต้นดี ถ่ายรูปตอนเค้าไต่คลื่นมาก็เห็นไม่ชัดค่ะเพราะใช้มือถือถ่าย คนเล่นเซิร์ฟก็มีทั้งผู้หญิงผู้ชายนะคะ หนุ่มแก่มีหมด ดูแข็งแรงมาก อันนี้ลืมถ่ายมายืนยันค่ะ มัวแต่ยืนเช็ดน้ำหมากอยู่
อีกที่นึงที่ไม่ควรพลาดคือ Canal Rocks ค่ะ มหัศจรรย์ธรรมชาติอีกตามเคย เป็นจุดที่คลื่นซัดหินมาช้านาน กัดเซาะไปจนเป็นทางน้ำดูเหมือนคลองแล้วก็มีสะพานไม้ข้ามไป สวยค่ะ
เราไปถึงที่ Yallingup Shearing Shed ก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง ซื้อตั๋วแล้วคุณจะได้อาหารแกะอัดเม็ดมาคนละหนึ่งถ้วย เอามาป้อนแกะด้านนอกรอโชว์ โชว์ก็จะบอกถึงกระบวนการตัดขนแกะ จนถึงจับเข้าเครื่องแพ็กพร้อมส่งยังไง ต่อด้วยชมการต้อนแกะโดยสุนัข เสร็จแล้วก็ป้อนนมแกะที่เด็กๆ รอคอย
ตลอดโชว์ก็จะมีข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายนะคะ แต่ดิฉันจำไม่ได้เพราะไม่ได้จดค่ะ มัวแต่อัดวีดีโอที่เมมโมรี่เต็ม เวรกรรม เท่าที่นึกได้ก็คือ แกะที่จะตัดขนขายจะเป็นพันธุ์ Merino เท่านั้น ซึ่งแกะพันธุ์นี้มาจากสเปนค่ะ สังเกตว่าเป็นพันธุ์นี้ได้จากหน้าจะขาว และตัวผอมสูงค่ะ แกะหนึ่งตัวจะตัดขนเพียงปีละครั้งเดียว ตัดได้ตั้งแต่อายุหกเจ็ดเดือน แกะหนึ่งตัวจะโดนตัดขนได้แค่ 6-7 ครั้ง หลังจากนั้นก็ขายเนื้อไป แล้วไรอีก แกะแรกเกิดจนถึงหนึ่งปี เรียกว่า Lamb หนึ่งปีขึ้นไปเรียก Sheep เราจะรู้อายุแกะได้จากฟันมันค่ะ แล้วแกะมีแต่ฟันล่าง ถ้ามีฟันบนให้รู้เลยว่านั่นคือฟันปลอม เป็นไงคะ ข้อมูลของดิฉัน ทึ่งตัวเองเป็นที่สุด
จาก Shearing Shed มาไม่ไกล เราแวะกันที่ Margaret River Chocolate Company ค่ะ พวกเราก็ซื้อกันไปคนละสองสามห่อ ดิฉันชอบที่ผสม marshmallow มันอาหย่อยมาก วันนี้เรากินกลางวันใน Margaret River เสร็จแล้วก็พุ่งไป Augusta ก่อน Lighthouse ปิด
Cape Leeuwin Lighthouse สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1895 ปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่นะคะ เป็นประภาคารที่สูงที่สุดของออสเตรเลีย (mainland) ตั้งอยู่ที่ปลายแหลม Leeuwin ซึ่งเป็นจุดปลายสุดของ South-West ของออสเตรเลีย และเป็นจุดบรรจบกันของ Indian Ocean กับ Southern Ocean ตั๋วเข้าชมจะมีสองราคานะคะ แบบที่เข้าไปในประภาคาร กับแบบที่ดูอยู่ด้านนอก คืนนี้เราพักกันที่ Augusta
Wed 12 Apr Pemberton, Denmark
วันนี้เราจะไปเมือง Pemberton เพื่อไปปีน Gloucester tree แล้วก็ต่อไปเมือง Walpole เพื่อชม Valley of the Giants -Tree Top Walk กันค่ะ
ถ้าพูดถึงเมือง Pemberton คำจำกัดความที่เค้าให้กันก็คือ The clean green jewel in Australia’s South West มันดูเขียวชุ่มชื่นไปตลอดทางเลยค่ะ
The Gloucester Tree ที่เราจะไปปีนกันก็คือต้น Karri ยักษ์นั่นเองค่ะ เป็นต้นที่มีการสร้างหอสังเกตไฟไหม้ป่าอยู่บนยอด ฝรั่งเรียก Fire lookout tower ตั้งชื่อตาม Duke of Gloucester ซึ่งไปที่นั่นตอนที่ lookout นี้กำลังสร้าง ความสูงถ้าจำไม่ผิดประมาณ 63 เมตรค่ะ ขั้นบันไดให้ปีนก็ทำจากแท่งเหล็กใหญ่เท่านิ้วโป้ง ยาวสักฟุตกว่า เสียบเป็นขั้นบันไดเวียนไปจนถึงยอด ความปลอดภัยก็ขึ้นอยู่กับความเหนียวของมือค่ะ ที่บอกว่า “เรา” ก็คือเราส่งตัวแทนปีนเพื่อเพื่อนเพียงหนึ่งสาวค่ะ ดิฉันเคยปีนแล้ว เลยนั่งเชียร์อยู่ข้างล่างแทน
เสร็จแล้วเราไปต่อกันที่ Valley of the Giants กันเลยค่ะ Tree Top Walk เป็นทางเดินที่สร้างสูงจากพื้นดิน 40 เมตร (จุดสูงสุด) เป็นทางเดินยาวสัก 600 เมตร ที่พาคุณเดินลัดเลาะเหนือผืนป่าอันเขียวชอุ่ม ซึ่งคุณจะเดินกี่รอบก็ได้นะคะ เสร็จแล้วเดินต่อไปที่ The Ancient Empire เลยค่ะ ส่วนนี้จัดเป็นทางเดินราบสัก 200 เมตร ลัดเลาะท่ามกลาง The Tingle Tree forest ที่สูงใหญ่มากมีอายุมากกว่าสี่ร้อยปี ลักษณะที่น่าสนใจคือ ที่โคนต้นจะเป็นโพรงใหญ่มาก เป็นต้นไม้ที่ไม่มีรากหยั่งลึกลงไปแบบรากแก้ว มีแต่รากตื้นๆโดยรอบ แต่ก็ยังยืนต้นสูงตระหง่านมาได้จนทุกวันนี้
ก่อนจบทริปวันนี้เราแวะกันที่ Green Pool Beach ค่ะ เป็นหาดทรายขาวที่ไม่มีคลื่นรุนแรง เพราะถูกกั้นด้วยกลุ่มหินตามธรรมชาติ เลยสงบปลอดภัยสำหรับการว่ายน้ำ วันที่ไปอากาศเย็นแถมฝนตกฟ้าครึ้มเกือบทั้งวัน ไม่มีใครเล่นน้ำค่ะ หาดเลยเป็นของเรา คืนนี้เราพักที่เดนมาร์กค่ะ
Thus 13 Apr Albany, Back to Perth
วันนี้กลับเพิร์ธแล้วค่ะ ก่อนกลับเราแวะ The Gap และ Natural Bridge ซึ่งอยู่ใน Torndirrup Nation Park กันค่ะ The Gap ก็คือรอยแตกของหินแกรนิตขนาดใหญ่สูงประมาณ 25 เมตร ซึ่งเกิดจากการซัดอันทรงพลังของคลื่นยักษ์ในทะเลใต้ ไปรอบนี้มีแพลทฟอร์มขนาดใหญ่ยื่นออกไปเหนือ The Gap ด้วย คุณจะได้สัมผัสพลังของคลื่นที่ซัดสาดไม่มีเหน็ดเหนื่อยได้อย่างใกล้ชิด เสร็จแล้วเดินข้ามไปดู The Natural Bridge ที่อยู่ใกล้ๆกันด้วยค่ะ
เสร็จแล้วเราขับรถวนดูเมือง Albany กันสักชั่วโมงนึงได้ เราวางแผนช้อปปิ้งกันพรุ่งนี้ แต่สามีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้คือ Good Friday ของเทศกาลอีสเตอร์ เป็นวันหยุดไม่มีใครทำงานกัน โชคดีที่วันพฤหัสห้างร้านเปิดถึงสามทุ่ม (ปกติปิดห้าโมงเย็น) เลยรีบบึ่งกลับเพิร์ธเพื่อช้อปปิ้งได้ทัน สรุปก็ไม่ผิดหวังค่ะ ตอนมาเบาโหวง ตอนกลับกระเป๋าแทบแตก
Fri 14 Apr Shopping in Perth City (Mission Impossible)
วันนี้เรานั่งรถไฟ รถเมล์ เดินเท้า ชมเมืองเพิร์ธกันค่ะ ร้านรวงปิด เห็นมีเปิดแต่ร้านขายของที่ระลึก ร้านฟาสฟู๊ด กับร้านอาหารเล็กๆแบบเทคอเวย์ คนน้อยไม่วุ่นวาย เพลินดีนะคะ ดิฉันชอบ
Sat 15 Apr Back to Thailand
ค่าใช้จ่ายที่นี่ทั้งหมดสำหรับสี่คน ตกคนละ $700 ค่ะ มีค่าเช่ารถ (รถที่บ้านสองที่นั่งค่ะ) ค่าน้ำมันรถ ค่าที่จอดรถ ค่าเข้าชมที่ต่างๆ ค่าโรงแรมสามคืน ค่าอาหารการกินนอกบ้าน...ไม่หรูหรา ไม่อนาถา กินอิ่ม นอนหลับ น้ำหนักขึ้นกันถ้วนหน้า
ขอบคุณที่อ่านค่ะ
ไปไหนก็ไป ใครจะสน - Holiday in WA.
ติดตามอ่านพันทิปมานานค่ะ แต่ไม่เคยโพสต์อะไรเลย ตอนนี้พอมีเวลาเลยลองแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางในพันทิปดูบ้าง
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าเป็นการโพสต์ตามใจฉัน ไม่เอาใจใคร ไม่ละเอียดแบบเลี้ยวซ้ายเจอเป็ด เลี้ยวขวาเจอห่าน เพราะถ้าต้องจดหรือจำรายละเอียดขนาดนั้น ดิฉันคงเที่ยวไม่สนุก แต่ก็หวังว่าอาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนสาวสองคนว่างมากแล้วหงุดหงิด เลยมาเยี่ยมดิฉันที่เพิร์ธซะ 7 วัน The South West Region of Western Australia เลยตอบโจทย์ค่ะ ต้องขอบคุณสามีที่วางแผนทริปนี้ให้
Fri 7 Apr Arrive Perth in late afternoon
Sat 8 Apr Perth City, Elizabeth Quay, Kings Park, Outlet, Fremantle
เนื่องจากเพื่อนต้องกลับเช้าวันเสาร์ที่ 15 แล้วจุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเมืองเพิร์ธก็หนีไม่พ้น Fremantle โดยเฉพาะตลาดนัดที่เปิดแค่ศุกร์-อาทิตย์ ถ้าพลาดวีคเอนด์นี้ก็อดกัน วันนี้เลยพาชมเมืองก่อน
เริ่มจาก Elizabeth Quay ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเพิร์ธ เปิดได้ปีกว่าแต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มีกิจกรรมหลากหลายมาจัดที่นี่บ่อยๆ อย่างคอนเสิร์ต อีเว้นท์ต่างๆ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจให้เปลี่ยนบรรยากาศได้บ้าง
ต่อด้วย Kings Park ที่ใครมาเพิร์ธแล้วห้ามพลาดกับสวนสวยใจกลางเมือง ที่สามารถมองเห็นวิวของตึกรามกลางเมืองที่ขนาบด้วยแม่น้ำสวอน ต่อด้วย Watertown Outlet ตอนบอกสามีว่าต้องไป Outlet ด้วยนะ เค้าถามว่าบอกเพื่อนรึยัง ว่ามันเลิศขนาดไหน บอกไปแล้วเพื่อนจะเชื่อเหรอ ก็คนมันอยากช้อปนี่ ต้องพามาให้เห็นกับตาว่า ของธรรมดาราคาไม่ถูกมีอยู่ที่นี่หมด สรุปไม่ได้กินเงินเพื่อนตู
จากนั้นมาต่อกันที่ Fremantle ถามเพื่อนว่าอยากดูคุก ดูพิพิธภัณฑ์ ดูเรือดำน้ำมั๊ย เพื่อนตอบเลยว่าไม่ ไปตลาดดีก่า ใครมาเพิร์ธไม่มาตลาดนัด Freemantle เหมือนมาไม่ถึงเพิร์ธ ข้าวของก็ไม่มีอะไรแปลกตาเห็นได้ที่บ้านเราทั้งนั้น ก่อนกลับกินมื้อเย็นกันที่ Fishing Boat Harbour คิดถึงน้ำจิ้มซีฟู๊ดบ้านเราชะมัด
Sun 9 Apr The Pinnacles, Caversham Wildlife Park (north of Perth)
วันนี้ขับรถขึ้นเหนือไปเกือบ 3 ชั่วโมง เพื่อชม The Pinnacles กลุ่มแท่งหินน้อยใหญ่กลางทะเลทราย ซึ่งก็เกิดจากธรรมชาติที่กินเวลาหลายแสนปี ตอนแรกก็สงสัยว่าเพื่อนจะชอบรึเปล่า ผลคือเพื่อนชอบ โอเคผ่าน
ใช้เวลาที่ The Pinnacles สักชั่วโมงนึงได้ ก็มุ่งหน้ากลับเพิร์ธ เพื่อไปที่ Caversham Wildlife Park ตอนแรกบอกสามีไปว่า เพื่อนไม่ได้อยากจับหมีจับจิงโจ้นะ ไม่ต้องไปก็ได้ แต่เค้าไม่ยอมค่ะ บอกมาถึงนี่แล้วต้องถึงเนื้อถึงตัวมันซิ เลยต้องมาป้อนอาหารเม็ดให้จิงโจ้เหวย กับเข้าคิวรอลูบหลังหมีโคอล่าสักสองวิ ฟินเว่อร์ไปคนละ 28 เหรียญ หลังจากนั้นระหว่างการเดินทางเราก็เจอจิงโจ้บ่อยๆค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะนอนไม่ยอมฟื้นกันนะคะ
Mon 10 Apr Gnomesville, Busselton, Dunsborough
วันนี้เราแพ็กกระเป๋าล็อคประตูบ้านมุ่งหน้าลงใต้กันค่ะ การเดินทางวันนี้จะเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เพราะ Busselton กับ Dunsborough ห่างจากเพิร์ธแค่สองร้อยกว่าโล
ระหว่างทางเราแวะที่ Gnomesville เพื่อดูหมู่มวล gnome ที่มีคนเอามาวางไว้หลายพันตัว ตอนนี้มีเพิ่มอีกหนึ่งตัวจากประเทศไทยเรียบร้อย จาก Gnomesville มาไม่นานก็ถึง Busselton เราแวะกันที่ Busselton Jetty ที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายภาพ กับตั้งใจจะไปกินไอติม Simmo’s ที่หน้า Jetty ปรากฎว่าร้านหาย! บริเวณริมหาดก็กำลังปรับปรุงพื้นที่ จบกัน เลยเข้าที่พักเก็บกระเป๋าแล้วออกไป Dunsborough กัน
Busselton กับ Dunsborough เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมที่ไม่ไกลจากเพิร์ธมากนัก มีหาดสวยๆ ที่คนนิยมไปเล่นน้ำ หรือตกปลาอยู่หลายหาด พวกสวนน้ำก็มี ช่วงวีคเอนด์หรือวันหยุดต่างๆ ก็จะมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นเป็นพิเศษ
Tue 11 Apr Yallingup, Canal Rocks, Shearing show, Margaret River, Augusta
วันนี้โปรแกรมหลักๆ ก็คือไปดูการตัดขนแกะ (Shearing) แล้วก็ไปพักที่ Augusta แต่โชว์เริ่มตั้งสิบเอ็ดโมง เลยไป Yallingup beach กับ Canal Rocks ก่อน
Yallingup beach ก็เป็นที่นิยมกันของนักเล่นเซิร์ฟค่ะ เคยเห็นแต่ในหนัง ได้มาเห็นของจริงที่นี่ดูตื่นเต้นดี ถ่ายรูปตอนเค้าไต่คลื่นมาก็เห็นไม่ชัดค่ะเพราะใช้มือถือถ่าย คนเล่นเซิร์ฟก็มีทั้งผู้หญิงผู้ชายนะคะ หนุ่มแก่มีหมด ดูแข็งแรงมาก อันนี้ลืมถ่ายมายืนยันค่ะ มัวแต่ยืนเช็ดน้ำหมากอยู่
อีกที่นึงที่ไม่ควรพลาดคือ Canal Rocks ค่ะ มหัศจรรย์ธรรมชาติอีกตามเคย เป็นจุดที่คลื่นซัดหินมาช้านาน กัดเซาะไปจนเป็นทางน้ำดูเหมือนคลองแล้วก็มีสะพานไม้ข้ามไป สวยค่ะ
เราไปถึงที่ Yallingup Shearing Shed ก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง ซื้อตั๋วแล้วคุณจะได้อาหารแกะอัดเม็ดมาคนละหนึ่งถ้วย เอามาป้อนแกะด้านนอกรอโชว์ โชว์ก็จะบอกถึงกระบวนการตัดขนแกะ จนถึงจับเข้าเครื่องแพ็กพร้อมส่งยังไง ต่อด้วยชมการต้อนแกะโดยสุนัข เสร็จแล้วก็ป้อนนมแกะที่เด็กๆ รอคอย
ตลอดโชว์ก็จะมีข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายนะคะ แต่ดิฉันจำไม่ได้เพราะไม่ได้จดค่ะ มัวแต่อัดวีดีโอที่เมมโมรี่เต็ม เวรกรรม เท่าที่นึกได้ก็คือ แกะที่จะตัดขนขายจะเป็นพันธุ์ Merino เท่านั้น ซึ่งแกะพันธุ์นี้มาจากสเปนค่ะ สังเกตว่าเป็นพันธุ์นี้ได้จากหน้าจะขาว และตัวผอมสูงค่ะ แกะหนึ่งตัวจะตัดขนเพียงปีละครั้งเดียว ตัดได้ตั้งแต่อายุหกเจ็ดเดือน แกะหนึ่งตัวจะโดนตัดขนได้แค่ 6-7 ครั้ง หลังจากนั้นก็ขายเนื้อไป แล้วไรอีก แกะแรกเกิดจนถึงหนึ่งปี เรียกว่า Lamb หนึ่งปีขึ้นไปเรียก Sheep เราจะรู้อายุแกะได้จากฟันมันค่ะ แล้วแกะมีแต่ฟันล่าง ถ้ามีฟันบนให้รู้เลยว่านั่นคือฟันปลอม เป็นไงคะ ข้อมูลของดิฉัน ทึ่งตัวเองเป็นที่สุด
จาก Shearing Shed มาไม่ไกล เราแวะกันที่ Margaret River Chocolate Company ค่ะ พวกเราก็ซื้อกันไปคนละสองสามห่อ ดิฉันชอบที่ผสม marshmallow มันอาหย่อยมาก วันนี้เรากินกลางวันใน Margaret River เสร็จแล้วก็พุ่งไป Augusta ก่อน Lighthouse ปิด
Cape Leeuwin Lighthouse สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1895 ปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่นะคะ เป็นประภาคารที่สูงที่สุดของออสเตรเลีย (mainland) ตั้งอยู่ที่ปลายแหลม Leeuwin ซึ่งเป็นจุดปลายสุดของ South-West ของออสเตรเลีย และเป็นจุดบรรจบกันของ Indian Ocean กับ Southern Ocean ตั๋วเข้าชมจะมีสองราคานะคะ แบบที่เข้าไปในประภาคาร กับแบบที่ดูอยู่ด้านนอก คืนนี้เราพักกันที่ Augusta
Wed 12 Apr Pemberton, Denmark
วันนี้เราจะไปเมือง Pemberton เพื่อไปปีน Gloucester tree แล้วก็ต่อไปเมือง Walpole เพื่อชม Valley of the Giants -Tree Top Walk กันค่ะ
ถ้าพูดถึงเมือง Pemberton คำจำกัดความที่เค้าให้กันก็คือ The clean green jewel in Australia’s South West มันดูเขียวชุ่มชื่นไปตลอดทางเลยค่ะ
The Gloucester Tree ที่เราจะไปปีนกันก็คือต้น Karri ยักษ์นั่นเองค่ะ เป็นต้นที่มีการสร้างหอสังเกตไฟไหม้ป่าอยู่บนยอด ฝรั่งเรียก Fire lookout tower ตั้งชื่อตาม Duke of Gloucester ซึ่งไปที่นั่นตอนที่ lookout นี้กำลังสร้าง ความสูงถ้าจำไม่ผิดประมาณ 63 เมตรค่ะ ขั้นบันไดให้ปีนก็ทำจากแท่งเหล็กใหญ่เท่านิ้วโป้ง ยาวสักฟุตกว่า เสียบเป็นขั้นบันไดเวียนไปจนถึงยอด ความปลอดภัยก็ขึ้นอยู่กับความเหนียวของมือค่ะ ที่บอกว่า “เรา” ก็คือเราส่งตัวแทนปีนเพื่อเพื่อนเพียงหนึ่งสาวค่ะ ดิฉันเคยปีนแล้ว เลยนั่งเชียร์อยู่ข้างล่างแทน
เสร็จแล้วเราไปต่อกันที่ Valley of the Giants กันเลยค่ะ Tree Top Walk เป็นทางเดินที่สร้างสูงจากพื้นดิน 40 เมตร (จุดสูงสุด) เป็นทางเดินยาวสัก 600 เมตร ที่พาคุณเดินลัดเลาะเหนือผืนป่าอันเขียวชอุ่ม ซึ่งคุณจะเดินกี่รอบก็ได้นะคะ เสร็จแล้วเดินต่อไปที่ The Ancient Empire เลยค่ะ ส่วนนี้จัดเป็นทางเดินราบสัก 200 เมตร ลัดเลาะท่ามกลาง The Tingle Tree forest ที่สูงใหญ่มากมีอายุมากกว่าสี่ร้อยปี ลักษณะที่น่าสนใจคือ ที่โคนต้นจะเป็นโพรงใหญ่มาก เป็นต้นไม้ที่ไม่มีรากหยั่งลึกลงไปแบบรากแก้ว มีแต่รากตื้นๆโดยรอบ แต่ก็ยังยืนต้นสูงตระหง่านมาได้จนทุกวันนี้
ก่อนจบทริปวันนี้เราแวะกันที่ Green Pool Beach ค่ะ เป็นหาดทรายขาวที่ไม่มีคลื่นรุนแรง เพราะถูกกั้นด้วยกลุ่มหินตามธรรมชาติ เลยสงบปลอดภัยสำหรับการว่ายน้ำ วันที่ไปอากาศเย็นแถมฝนตกฟ้าครึ้มเกือบทั้งวัน ไม่มีใครเล่นน้ำค่ะ หาดเลยเป็นของเรา คืนนี้เราพักที่เดนมาร์กค่ะ
Thus 13 Apr Albany, Back to Perth
วันนี้กลับเพิร์ธแล้วค่ะ ก่อนกลับเราแวะ The Gap และ Natural Bridge ซึ่งอยู่ใน Torndirrup Nation Park กันค่ะ The Gap ก็คือรอยแตกของหินแกรนิตขนาดใหญ่สูงประมาณ 25 เมตร ซึ่งเกิดจากการซัดอันทรงพลังของคลื่นยักษ์ในทะเลใต้ ไปรอบนี้มีแพลทฟอร์มขนาดใหญ่ยื่นออกไปเหนือ The Gap ด้วย คุณจะได้สัมผัสพลังของคลื่นที่ซัดสาดไม่มีเหน็ดเหนื่อยได้อย่างใกล้ชิด เสร็จแล้วเดินข้ามไปดู The Natural Bridge ที่อยู่ใกล้ๆกันด้วยค่ะ
เสร็จแล้วเราขับรถวนดูเมือง Albany กันสักชั่วโมงนึงได้ เราวางแผนช้อปปิ้งกันพรุ่งนี้ แต่สามีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้คือ Good Friday ของเทศกาลอีสเตอร์ เป็นวันหยุดไม่มีใครทำงานกัน โชคดีที่วันพฤหัสห้างร้านเปิดถึงสามทุ่ม (ปกติปิดห้าโมงเย็น) เลยรีบบึ่งกลับเพิร์ธเพื่อช้อปปิ้งได้ทัน สรุปก็ไม่ผิดหวังค่ะ ตอนมาเบาโหวง ตอนกลับกระเป๋าแทบแตก
Fri 14 Apr Shopping in Perth City (Mission Impossible)
วันนี้เรานั่งรถไฟ รถเมล์ เดินเท้า ชมเมืองเพิร์ธกันค่ะ ร้านรวงปิด เห็นมีเปิดแต่ร้านขายของที่ระลึก ร้านฟาสฟู๊ด กับร้านอาหารเล็กๆแบบเทคอเวย์ คนน้อยไม่วุ่นวาย เพลินดีนะคะ ดิฉันชอบ
Sat 15 Apr Back to Thailand
ค่าใช้จ่ายที่นี่ทั้งหมดสำหรับสี่คน ตกคนละ $700 ค่ะ มีค่าเช่ารถ (รถที่บ้านสองที่นั่งค่ะ) ค่าน้ำมันรถ ค่าที่จอดรถ ค่าเข้าชมที่ต่างๆ ค่าโรงแรมสามคืน ค่าอาหารการกินนอกบ้าน...ไม่หรูหรา ไม่อนาถา กินอิ่ม นอนหลับ น้ำหนักขึ้นกันถ้วนหน้า
ขอบคุณที่อ่านค่ะ