[SR] มนต์เสน่ห์เมืองห้ามพลาด นราธิวาส ปัตตานี <บันทึกคนขี้เที่ยว>

สวัสดีค่าาา สมาชิกห้องบลูและสมาคมคนขี้เที่ยวทั้งหลาย นานพอสมควรแล้วที่เราไม่ได้มาใช้พื้นที่ใน pantip บอกเล่าประสบการณ์การเดินทางของเรา
วันนี้ฤกษ์งามยามดีเราพร้อมจะมาถ่ายทอดความทรงจำที่ได้พบเจอจากทริปในฝันที่ผ่านมาของเรา เราเลือกใช้เทศกาลสงกรานต์เดินทางไปยังจังหวัดชายแดนใต้ที่ใครๆ ก็ท้วงว่าจะไปจริงๆ เหรอ สำหรับเรานั้น เราเคยไปเยือน อ.เบตง จ.ยะลามาแล้ว และประทับใจมากๆ ด้วย
คราวนี้เราเลยตั้งใจมากที่จะไปเยือนนราธิวาส และปัตตานี ซึ่งเรายืนยันได้ว่าจังหวัดชายแดนมีเสน่ห์และไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะจ๊ะ
การเดินทางครั้งนี้ เรามี dtac ร่วมเดินทางไปด้วยทั้งทริป ทำให้เราไม่พลาดการติดต่อและอัพเดตข่าวสารให้คนทางบ้านและเพื่อนๆ ได้รู้ตลอด



ก่อนอื่นเลย เราจัดกระเป๋าเตรียมพร้อมเดินทางในวันที่ 12 เมษายน ครั้งนี้เราได้เตรียมตัวสำหรับการอัพเดตข่าวสารให้เพื่อนๆ ในเพจ บันทึกคนขี้เที่ยวของเราได้ติดตามอย่างทันใจ ด้วยซิมGo เพลิน และแพ็กเก็จดีๆ ของ dtacด้วยโปรเน็ตเต็มสปีดสุดคุ้มสำหรับหยุดยาว 7 วัน 9GB 119 บาทติดตัวไปด้วย เพื่อความเที่ยวลื่นๆ ไม่มีสะดุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครสนใจก็ไปสมัครกันได้เลยที่ https://dtac.co.th/s/ss2**รีบหน่อย สมัครได้ตั้งแต่ 6-30 เม.ย. นี้เท่านั้นนาจา**


เราเดินทางด้วยสายการบินไทยสมายล์ จากสุวรรณภูมิไปลงหาดใหญ่ สาเหตุที่ไม่ตรงที่สนามบินนราธิวาสเพราะว่า เราอยากสัมผัสการเดินทางระหว่างทางจากหาดใหญ่ ผ่านอำเภอต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงนราธิวาสมากกว่า


ระหว่างการเดินทางก็มีการบริหารอาหารร้อนจากไทยสมายล์เช่นเคย แต่พิเศษในช่วง summer มีข้าวเหนียวมะม่วงและน้ำมะม่วงเสิร์ฟด้วย เก๋ไปอีกถึงสนามบินหาดใหญ่ปุ๊ปก็ขึ้นรถตู้เลย ตรงไปสู่เมืองสุไหง-โกลก แต่ถึงอย่างไร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราแวะเช็คอินจุดแรกทีสวนอาหารริมน้ำ ในตัวเมืองนราธิวาสก่อนเลย (ร้านนี้มีฮาลาลนะจ๊ะ)

เอาเป็นว่า ไม่พูดพร่ำทำเพลงเยอะแล้วกัน ชอบภาพปลากรอบดีกว่า

เอาแค่นี้มาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม หากใครผ่านไปที่นราธิวาสสามารถแวะไปลองชิมอาหารใต้ฮาลาลได้ที่นี่เลย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3/@6.4197924,101.8351667,15z/data=!4m5!3m4!1s0x0:0x3b0f1c2d8ecd4065!8m2!3d6.4197924!4d101.8351667

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขุนละหาร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/KhunLaharnLocalMuseum/


พิพิธภัณฑ์ขุนละหาร เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี2555 เป็นของเอกชนในพื้นที่ของผู้ใหญ่มิง ผู้ใหญ่บ้านของที่นั่น  ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 60/4 หมู่ 7 ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อเก็บสะสมของโบราณที่ผู้ใหญ่มิงและรุ่นบรรพบุรษของเขาได้เก็บไว้ และเพื่อสืบสานรักษาเผยแผ่วัฒนธรรมอันดีของชาติพันธุ์มาลายูในไทย

นี่คือผู้ใหญ่มิง ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้น และยังเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้แก่พวกเรา

ภายในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดมี 6 ห้อง คือ
1. ห้องภูมิหลัง ที่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องปั้นดินเผาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์สมัยลังกาสุกะ
2. ห้องเครื่องใช้ไม้สอย ที่มีใช้ในหมู่คนมลายูในชายแดนใต้ เช่น เครื่องทองเหลือง เป็นต้น
3.ห้องพิธีกรรม สะสมประเภทอุปกรณ์ในการแห่นก มะโย่ง และแม่พิมพ์ขนม เป็นต้น
4. ห้องสายน้ำ จัดแสดงวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพประมงน้ำจืดและน้ำเค็ม ในสมัยก่อน
5. ห้องศาสตราวุธชาวมลายูในอดีต เช่น กรีซและดาบ ไฮไลท์คือ มีดาบที่ร.5 พระราชทานให้แก่ปู่ของผู้ใหญ่มิงไว้สมัยที่ท่านรับราชการด้วย
6.ห้องนันทนาการ คือจัดแสดงวัสดุ อุปกรณ์สำหรับการนันทนาการของชาวมลายูในอดีต เช่น ที่ดักนกคุ่ม กรงตั๊กแตนประชันเสียง
ทั้ง 6 ห้องล้วนแต่น่าดูน่าชม หายากมากในปัจจุบัน และนอกจากนี้ ยังมีชานนั่งเล่นภายในพิพิธภัณฑ์ไว้ให้ได้ชมการละเล่น งานฝีมือต่างๆอีกด้วย

พระเอกของที่นี่ก็คงไม่พ้นคุณตาแน่ๆ นายแบบหลักของพวกเรา ท่านน่ารักยิ้มแย้มตลอดเวลา แม้ว่าจะพูดและฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้ก็ตาม
การปักลายฉลุของชาวบ้าน ศิลปะที่หาชมได้ยาก

เห็นแล้วคิดถึงสมัยเด็กๆ การเล่นหมากขุม(หมากหลุม) คือความสนุกและชิงไหวชิงพริบได้ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่ ตากใบ ตรงไปยังวัดพิทักษ์แผ่นดินไทย หรือวัดชลธาราสิงเห ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยร.4 ถึงตากใบก็ต้องเช็คอินกันหน่อย เราเลือกจะเช็คอินคู่รถดับเพลิงนี่แหละ 55+


ถึงวัดแล้ว ไกด์ท้องถิ่นเล่าให้เราฟังว่า วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ เพราะเป็นโบราณสถานที่รัฐบาลใช้อ้างอิงในการปักปันเขตแดนในปี 2452 ที่มีผลให้ดินแดนแห่งนี้ไม่ต้องผนวกเป็นประเทศมาเลเซีย จึงได้รับสมญานามว่า วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย  (ชื่อเท่จัง)

ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ชุมชนให้เราได้เรียนรู้อยู่ด้วย นั่นคือบริเวณกุฏิเจ้าอาวาสเก่าซึ่งตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ชลธาราสิงเห เป็นเรือนไทยทรงปั้นหยาที่สวยงามมาก ด้านในเก็บของโบราณและความรู้ต่างๆมากมาย

ที่นี่มีสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่มากมายให้เดินชม เราว่าถ้าใครชอบความคลาสสิคควรมาที่นี่เลย ดีมากๆ ทั้งโบสถ์ เจดีย์ วิหาร ล้วนแต่มีความเก่าแก่และประณีต สำหรับอีกที่ที่เราแนะนำ คือหอพระนารายณ์ เป็นสิ่งก่อสร้างพื้นเมืองของวัด โครงสร้างเป็นฐานสี่เหลี่ยม ก่ออิฐถือปูนเป็นมุขทรงไทยยื่นออกมาด้านหน้า หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา 4 ชั้นซ้อนกัน คล้ายกับยอดมงกุฎ ส่วนยอดหลังคาทำเป็นปล่องไฉนประดับด้วยบัวกลุ่มจนถึงปลียอด สวยงามตระการตามาก

ต่อไปก็เป็นศาลาธรรมรุ่นเก่าริมน้ำ เป็นศิลปะปักษ์ใต้ผสมอิทธิพลสถาปัตยกรรมจีนแปลกตา ร่มรื่นลมพัดเย็นสบายมากๆ

มาถึงตากใบทั้งที ก็ต้อง VDO call หาเพื่อนที่กทม. กันหน่อย สัญญาณชัดแจ๋วแม้ว่าน้ำจะนิ่งสงบไร้คลื่นนะเธอ (เล่นมุขอะไรเนี่ย)


หลังจากนั้น พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยังสะพานคอยร้อยปี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดชลธาราสิงเหเท่าไหร่
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำตากใบไปยังเกาะยาว มีความยาว 345 เมตร เกาะยาวนี่คืออยู่ระหว่างแม่น้ำตากใบและทะเลนะ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นมุสลิมประกอบอาชีพประมงและสวนมะพร้าว เราไปชมแค่สะพานและสวนสาธารณะแถวสะพาน ไม่ได้ข้ามไปเกาะยาว เพราะตอนนั้นเย็นมากแล้ว เสียใจจุง  แล้วทำไมถึงชื่อสะพานคอยร้อยปีเหรอ  ก็ได้ข่าวมาว่า กว่าจะได้สะพานนี้มา ชาวบ้านต้องคอยเป็น 100 ปีเลยนะ 555+

บริเวณสะพานคอยร้อยปีลมเย็นสบายเหมาะกับการพักผ่อน หลังจากนั้น เราก็เดินทางต่อไปสุไหงโก-ลก
เพื่อค้างที่นั่น

ถึงสุไหงโกลกเราเช็คอินกันที่โรงแรม กรีนวิว ถนนวงศ์วิวัฒน์ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
เป็นตึก 4 ชั้น 60 ห้องนอน มีทั้งเตียงเดี่ยว เตียงคู่ มีห้องประชุม ห้องละหมาด มุมกาแฟด้วยนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เบอร์ติดต่อโทร.098-671-7037, 073-530-666, 073-530-667, 073-530-668

มาถึงนราธิวาสทั้งที  สิ่งที่เราอยากทำก็ต้องได้ทำ คือมาขอถ่ายรูปกับพี่ๆ ทหาร 555+  ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พี่ๆปฏิบัติหน้าที่นะคะ สู้ๆ ค่ะ
เที่ยวมาทั้งวัน เราก็ได้เวลาฝากท้องมื้อค่ำที่ภัตตาคารบักมุ้ย
เด็ดมากกกกกกกกกกก จริงๆ ที่นี่มีผักดองและม่วงเบาแช่อิ่มสูตรของที่นี่ด้วย แต่ถ่ายรูปไม่ทัน 555+

ถ้าแวะไปโก-ลก ลองไปเยือนไปชิมกันได้ที่ภัตตาคารบักมุ้ยเยื้องศาลาเจ้าแม่โตโมะ  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โทร073611129

คืนนี้เราต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปสุคิริน
ซึ่งที่นี่เป็นที่ที่เราสนใจมาก เพราะเคยได้ยินจากคนรอบข้างบอกมาว่าสวยและชอุ่มมาก
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าถึง one day trip ที่สุคิรินกันต่อ

อย่าลืมแวะไปทักทายพวกเราได้ในเพจบันทึกคนขี้เที่ยวนะจ๊ะ
https://www.facebook.com/khonkheetiew/