
เป็นการเดินทางที่ท้าทายความกล้า ที่ต้องเดินทางคนเดียว ดีที่มีการวางแผนไว้แล้ว จองโรงแรมไว้แล้ว จองตั๋วไว้เรียบร้อย และการไปเที่ยวสวีเดน ค่อนข้างสบายที่แทบไม่ต้องแลกเงินไปเลย สามารถใช้บัตรเครดิตได้เกือบทุกที่
แผนการเดินทางของเรา คือ รีบๆให้ทันเวลา เนื่องจากมีเวลาเพียง 5 วัน รวมการเดินทางไปกลับด้วย!!
เพื่อนที่อยู่ทางนี้เลยวางแผนให้เที่ยวแค่สองเมือง คือ abisko และ kiruna ซึ่งเป็นเมืองที่สามารถลุ้นดูแสงเหนือมีเปอร์เซนต์มากที่สุด

การเดินทางของเรา ไม่ได้เดินทางโดยรถไฟขนแร่เหล็กนะคะ ^^
แต่ต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับสถานีรถไฟ สายทางรถรางพวกนี้พอสมควร
เป็นทริปเร่งด่วนที่วางแผนล่วงหน้าแค่เดือนกว่าๆเองค่ะ เลยเล็งแล้วว่า จะไปให้คุ้มค่าจริงๆคงต้องบินตรงกับเจ้าป้าเท่านั้น

โดยนั่งการบินไทย มาลงที่สต๊อกโฮม มาเจอเพื่อนที่นี่ซึ่งเค้าวางแผนจะไปเที่ยวรีก้า ที่ลัตเวียกัน ส่วนเราเพื่อนลงความเห็นแล้วว่า ยังไม่ได้เจอแสงเหนือ ซึ่งมาทั้งทีไม่รู้ว่าจะได้มาอีกทีเมื่อไหร่ ต้องไปดูแสงเหนือค่ะ เค้าเลยส่งเราขึ้นเหนือ ไปส่วนของ lapland เหนือสุดของสวีเดน ใช้เวลา 3 วันไปหาแสงเหนือมาให้ได้ โดยสายการบินสแกนดิเนเวียแอร์ไลน์

เป็นการเดินทางออกต่างถิ่นคนเดียวครั้งแรกจริงๆ มีความตื่นตัวตลอดเวลา สังเกตทุกอย่าง ตั้งแต่เดินเข้าทางประตูไหนออกทางไหน แล้วก็กว่าจะถึงที่หมายได้ ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี เราบินจากสต๊อกโฮม มาลงที่ kiruna airport

ตามเดิมที่ดูตารางการเดินรถไว้ ว่างต้องขึ้นตรงนี้ มันเป็นเวลา 15 น.ของที่นี่ แต่!!! ไม่มีรถมาซึ่งมันผิดปกติมากๆ

สรุปคือ เราดูเดือนผิด เค้ายังไม่วิ่ง เค้าเริ่มวิ่งเดือนเม.ย. ซึ่งเราไปเดือนมีนาคม โอ้วววว ม่ายนะ กะลังจะมืดแล้วด้วย คงเหลือทางสุดท้าย คือต้องนั่งแทกซี่ไปต่อรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะออกตอน 15.30 น. ซึ่งค่าแท๊กซี่แพงมหาโหด 375 SEK
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เจอหนุ่มนอร์เวย์ ที่เค้าดูตารางเวลาผิดเช่นเดียวกันกับเรา เหยยยยย เลยว่าจะขอหารค่ารถกับเค้า
กลายเป็นว่า พี่นอร์เวย์ออกค่ารถให้ฟรีเลยคร้าบบบ!!!

ค่ารถแท๊กซี่ก็จ่ายเคดิตการ์ดเช่นกัน


สถานีรถไฟที่คิรูน่า


เป็นความโชคดี บนความโชคร้ายครั้งที่สอง เรามาช้าไป 15 นาที รถไฟที่จะไป narvik ออกไปแล้วค่ะ หนุ่นนอร์เวย์ที่เราเกาะเค้ามาด้วยเค้าก็เริ่มนั่งไม่ติดเลยทีเดียว เราเลยโทรติดต่อเพื่อนว่า ตอนนี้เราแย่ละ เราคงไป abisko ตามที่ได้วางแผนไว้ไม่ได้แน่เลย เพราะว่าไม่มีรถไป แล้วเช็คหมดทุกเที่ยวแล้ว มีอีกทีพรุ่งนี้เช้า ซึ่งเราวางแผนว่าจะอยู่ที่ abisko แค่คืนเดียวคือคืนนี้ ซึ่งจอง abisko guesthouse ไว้
เสียใจ... เพื่อนก็แนะนำว่า เหลือทางไม่กี่ทางเลือกแล้วล่ะ นั่นคือ
1. ต้องนั่งแท๊กซี่ไปซึ่งแพงพอควร 3750 sek
2. ต้องจองโรงแรมที่kirunaใหม่ แล้วเปลี่ยนเป็นนอนที่นี่เลยทั้ง 3 คืน
สุดท้าย ด้วยหิมะกำลังตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็คิดว่า ยังไงต้องไปให้ได้ เลยตัดสินใจคุยกับหนุ่มนอร์เวย์ค่ะ ยู หารค่าแท๊กซี่กะไอมั้ย ยังไงยูก็จะไปนอร์เวย์ เป็นทางผ่านอยู่แล้ว รึยูจะหารค่าห้อง นอนกะไอที่นี่ 55555 สาวไทยใจกล้าจริงๆ !
หนุ่มนอร์เวย์ เลยตัดสินใจในทันทีเลยค่า ... ไอจะนั่งแท๊กซี่ไปกับยู ดีกว่าค้างคืน !! หนุ่มไม่ได้บอก ไอบอกเอง! เค้ามีธุระพอดีค่ะ ต้องทำแต่เช้าเลยตัดสินใจไปแท๊กซี่ค่ะ

เสียตังค์หลายพัน เพื่อแลกกับวิวข้างทางที่สวยงาม เราต้องคิดอย่างนี้
แล้วเราก็ถึง abisko guesthouse ตอน 18 น. ส่วนพี่นอร์เวย์ ก็นั่งแท๊กซี่ต่อไปจนถึงบ้านเค้าที่นอร์เวย์ ถึงเกือบ 3 ทุ่ม นางบอกไว้
เป็นความน่ารักของเค้าที่ บอกว่า ทางเดียวกัน ไอไม่เอาตังค์กับยูหรอก แต่ว่า เราก็เกรงใจเค้าน่ะ เลยให้เค้าหยิบเอา เค้าเลยหยิบไป 500 SEK คะยั้นคะยอจนหยิบจนได้ ขอบคุณมิตรภาพดีๆที่มีให้กันตลอดการเดินทางนะคะ
แล้วเราก็ถึงซะที abisko sweden ดินแดนแห่งแสงเหนือ ที่ใครมาแล้วไม่เจอเนี่ยเค้าว่าต้องพิจารณานิดนึง!

มาถึงที่พักก้าวเท้าลงจากรถ สิ่งแรกที่ได้เจอ คือ.... คนไทยค่ะ.. เค้ามาทานข้าวที่นี่พอดี เราเหม่อพึมพำเป็นภาษาไทย ตอนเช็คอิน เค้าเลยทักเราเลย แหม่ จริงๆก็กะหาเพื่อนคุยเกี่ยวกับการวางแผนการเที่ยวเหมือนกัน ได้ทีเลยคุยกันเลย เราคุยเค้ากิน ดูไม่จืดจริงๆ 555 คือเราไม่เกรงใจเค้าเลยน่ะ ...
ได้ความว่า เค้าจองทัวร์แสงเหนือไว้ วันนี้ แล้วเค้าจะมารับไปตอนประมาณเที่ยงคืน แล้วแพลนของเราน่ะเหรอ... เพื่อนที่เคยมาบอกว่า ให้เราเดินเข้าป่าไป เดี่ยวแสงเหนือก็ออกมาเองช่วงห้าทุ่มเที่ยงคืน เข้าไปดูในเว็บหาแสงเหนือ ถ้าเห็นค่า KP เยอะๆ ออกไปเดินดูได้เลย ... แต่สภาพอากาศสิคะ เป็นแบบนี้ค่า... คิดว่าจะได้เจอมั้ยวันนี้

ทำให้เราต้องมานั่งกินข้าวรอไปก่อน ซึ่งห้องอาหารที่นี่ก็กว้างขวางใช้ได้ ทานข้าวที่แพคมาเอง คนอร์คัพโจ๊กบ้านเราค่า^^ ประหยัดไปอีก

แล้วพอได้เวลาอีกรอบ ใกล้ๆเกือบเที่ยงคืนเราก็ออกเดินเข้าไปในส่วนของ abisko national park เดินฝ่าพายุหิมะที่กำลังตกแรงไปเรื่อยๆ เพื่อนที่ guesthouse เค้าบอกว่า เค้า cancel group ที่จองไว้ ตอนกลับมาได้คุยกัน ส่วนเราก็เดินฝ่าไปเรื่อยประมาณ เกือบสี่กิโลได้ จนหิมะตกหนักมากกกก เริ่มทนไม่ได้ คิดในใจ " เลิก ... แสงหนงแสงเหนือ ไม่ดู

แล้ว.. หนาวก็หนาว มือก็แข็ง ตกหล่มหิมะ ก็ตกมาแล้ว ลมก็แรง ฮือๆๆๆ จะกลับๆ" เลยมาหลบหิมะในทางลอดถนนพักใหญ่ตอนเดินกลับมา ซึ่งความรู้สึกตอนนั้นคือ มันไม่ไหวแล้ว!!!

ขอบคุณที่พักพิงชั่วคราวของข้าพเจ้า....พอหิมะซา ก็เที่ยงคืนนิดๆละ เลยตัดสินใจจะเดินกลับ หันหลังกลับไปมองยังผืนป่าที่เพิ่งเดินออกมา หลังจากที่ก้มหน้าก้มตาเดิน เห็นเมฆสีแปลกๆ มันเขียวๆ ส้มๆ แฮะ! เลยหันกลับไปมองป่าอีกฟากของถนน เห็นมืดดี เลยตัดสินใจข้ามป่าไปตั้งกล้องอีกฟาก!!

ลมแรงมากกก

โอ้วแม่เจ้า...การมองเห็นแสงเหนือด้วยตาเปล่า มันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วเห็นที่ไหนคะรู้มั้ยยย!!! เหนือเมือง abisko ที่เราดั้นด้นเดินจากมาเพื่อที่จะไป abisko national park แทน หึหึ คิดในใจ ดีแล้ว!! มาวันแรกก็ได้เจอไง ^^

หายเหนื่อย หายกลัวเลยทีเดียว ถ่ายอยู่หลายภาพแต่ค่อนข้างเบลอเนื่องจากลมพัดแรงมาก ยืนแทบไม่อยู่ แล้วก็เริ่มหนาวแล้ว เลยตัดสินใจกลับ มานอนพักเอาแรงดีกว่า
ใครจะเชื่อว่า!!! เคราะห์กรรมยังไม่หมด !! กลับมาถึงที่พัก ว่าจะไปหาน้ำอุ่นกินซะหน่อย เข้าห้องไปแล้ว ออกมาลืมเอาคีย์การ์ดออกมาด้วย !! จบค่ะ นอนคนเดียวไม่มีรูมเมท ทุกอย่างจบ!!
นอนห้องกินข้าวสิครัชรอไร หาอะไรก็ได้ที่อุ่นๆกอดไปก่อน ใกล้ๆ ฮิตเตอร์เข้าไว้เป็นดี แล้วเราจะผ่านคืนนี้ไปด้วยกัน ... ...
ตื่นเช้าขึ้นมากับวิวนี้ !! ไงละ ห้องราคาถูกที่สุด ดันไม่ได้นอน นอนห้องกินข้าว แต่วิวดีงาม

คือ ห้องทานข้าวเป็นห้องกระจกน่ะค่ะ เลยได้มองฟ้าค่อยๆสว่างพร้อมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่พ้นขอบเขา .. มันดีใจมากกก .. และ ซึ้งใจในความเบ๊อะในเวลาเดียวากัน
เช้าละ เลยต้องหาทางออกไปหาเบอร์รีเซฟชั่นที่หน้าห้องซึ่งอยู่อีกหลังนึง จะหนาวมั้ย จะรอดมั้ย ไม่มีเสื้อกันหนาว ดีที่เจอสาวน้อยน่ารักชาวสิงคโปร์ เค้าออกมาเจอเราแล้ว เค้ามาถามว่า หิวมั้ย 5555 จะเหลือเหรอคะ เค้าเลยเอาขนมมาให้เราทาน แล้วก็ให้เรายืมเสื้อหนาวออกไปติดต่อเบอร์ที่อยู่หน้า guesthouse โอย คือเบอร์ที่อยู่ในที่พักที่มีติดต่อไปหมดแล้วน่ะค่ะ ไม่มีคนรับสายอ่า เลย... เลยตามเลย...นอนกับตุ๊กตาฮัสกี้ไปก่อน
แล้วจากนั้นก็ไปเดินเล่นยามเช้ารอบๆเมือง abisko ก่อนที่จะมารอขึ้นรถไฟที่ abisko ostra ตอน 11.30 น.
บริเวณหน้าห้องพักเลย

เอาไว้เท่านี้ก่อนนะคะ เดี่ยวมาเล่าต่อแป๊บ
[CR] เมื่อโชคชะตาพาไป...ล่าแสงเหนือ...abisko sweden...
แผนการเดินทางของเรา คือ รีบๆให้ทันเวลา เนื่องจากมีเวลาเพียง 5 วัน รวมการเดินทางไปกลับด้วย!!
เพื่อนที่อยู่ทางนี้เลยวางแผนให้เที่ยวแค่สองเมือง คือ abisko และ kiruna ซึ่งเป็นเมืองที่สามารถลุ้นดูแสงเหนือมีเปอร์เซนต์มากที่สุด
การเดินทางของเรา ไม่ได้เดินทางโดยรถไฟขนแร่เหล็กนะคะ ^^
แต่ต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับสถานีรถไฟ สายทางรถรางพวกนี้พอสมควร
เป็นทริปเร่งด่วนที่วางแผนล่วงหน้าแค่เดือนกว่าๆเองค่ะ เลยเล็งแล้วว่า จะไปให้คุ้มค่าจริงๆคงต้องบินตรงกับเจ้าป้าเท่านั้น
เป็นการเดินทางออกต่างถิ่นคนเดียวครั้งแรกจริงๆ มีความตื่นตัวตลอดเวลา สังเกตทุกอย่าง ตั้งแต่เดินเข้าทางประตูไหนออกทางไหน แล้วก็กว่าจะถึงที่หมายได้ ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี เราบินจากสต๊อกโฮม มาลงที่ kiruna airport
ตามเดิมที่ดูตารางการเดินรถไว้ ว่างต้องขึ้นตรงนี้ มันเป็นเวลา 15 น.ของที่นี่ แต่!!! ไม่มีรถมาซึ่งมันผิดปกติมากๆ
สรุปคือ เราดูเดือนผิด เค้ายังไม่วิ่ง เค้าเริ่มวิ่งเดือนเม.ย. ซึ่งเราไปเดือนมีนาคม โอ้วววว ม่ายนะ กะลังจะมืดแล้วด้วย คงเหลือทางสุดท้าย คือต้องนั่งแทกซี่ไปต่อรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะออกตอน 15.30 น. ซึ่งค่าแท๊กซี่แพงมหาโหด 375 SEK
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เจอหนุ่มนอร์เวย์ ที่เค้าดูตารางเวลาผิดเช่นเดียวกันกับเรา เหยยยยย เลยว่าจะขอหารค่ารถกับเค้า
กลายเป็นว่า พี่นอร์เวย์ออกค่ารถให้ฟรีเลยคร้าบบบ!!!
ค่ารถแท๊กซี่ก็จ่ายเคดิตการ์ดเช่นกัน
สถานีรถไฟที่คิรูน่า
เป็นความโชคดี บนความโชคร้ายครั้งที่สอง เรามาช้าไป 15 นาที รถไฟที่จะไป narvik ออกไปแล้วค่ะ หนุ่นนอร์เวย์ที่เราเกาะเค้ามาด้วยเค้าก็เริ่มนั่งไม่ติดเลยทีเดียว เราเลยโทรติดต่อเพื่อนว่า ตอนนี้เราแย่ละ เราคงไป abisko ตามที่ได้วางแผนไว้ไม่ได้แน่เลย เพราะว่าไม่มีรถไป แล้วเช็คหมดทุกเที่ยวแล้ว มีอีกทีพรุ่งนี้เช้า ซึ่งเราวางแผนว่าจะอยู่ที่ abisko แค่คืนเดียวคือคืนนี้ ซึ่งจอง abisko guesthouse ไว้
เสียใจ... เพื่อนก็แนะนำว่า เหลือทางไม่กี่ทางเลือกแล้วล่ะ นั่นคือ
1. ต้องนั่งแท๊กซี่ไปซึ่งแพงพอควร 3750 sek
2. ต้องจองโรงแรมที่kirunaใหม่ แล้วเปลี่ยนเป็นนอนที่นี่เลยทั้ง 3 คืน
สุดท้าย ด้วยหิมะกำลังตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็คิดว่า ยังไงต้องไปให้ได้ เลยตัดสินใจคุยกับหนุ่มนอร์เวย์ค่ะ ยู หารค่าแท๊กซี่กะไอมั้ย ยังไงยูก็จะไปนอร์เวย์ เป็นทางผ่านอยู่แล้ว รึยูจะหารค่าห้อง นอนกะไอที่นี่ 55555 สาวไทยใจกล้าจริงๆ !
หนุ่มนอร์เวย์ เลยตัดสินใจในทันทีเลยค่า ... ไอจะนั่งแท๊กซี่ไปกับยู ดีกว่าค้างคืน !! หนุ่มไม่ได้บอก ไอบอกเอง! เค้ามีธุระพอดีค่ะ ต้องทำแต่เช้าเลยตัดสินใจไปแท๊กซี่ค่ะ
เสียตังค์หลายพัน เพื่อแลกกับวิวข้างทางที่สวยงาม เราต้องคิดอย่างนี้
แล้วเราก็ถึง abisko guesthouse ตอน 18 น. ส่วนพี่นอร์เวย์ ก็นั่งแท๊กซี่ต่อไปจนถึงบ้านเค้าที่นอร์เวย์ ถึงเกือบ 3 ทุ่ม นางบอกไว้
เป็นความน่ารักของเค้าที่ บอกว่า ทางเดียวกัน ไอไม่เอาตังค์กับยูหรอก แต่ว่า เราก็เกรงใจเค้าน่ะ เลยให้เค้าหยิบเอา เค้าเลยหยิบไป 500 SEK คะยั้นคะยอจนหยิบจนได้ ขอบคุณมิตรภาพดีๆที่มีให้กันตลอดการเดินทางนะคะ
แล้วเราก็ถึงซะที abisko sweden ดินแดนแห่งแสงเหนือ ที่ใครมาแล้วไม่เจอเนี่ยเค้าว่าต้องพิจารณานิดนึง!
มาถึงที่พักก้าวเท้าลงจากรถ สิ่งแรกที่ได้เจอ คือ.... คนไทยค่ะ.. เค้ามาทานข้าวที่นี่พอดี เราเหม่อพึมพำเป็นภาษาไทย ตอนเช็คอิน เค้าเลยทักเราเลย แหม่ จริงๆก็กะหาเพื่อนคุยเกี่ยวกับการวางแผนการเที่ยวเหมือนกัน ได้ทีเลยคุยกันเลย เราคุยเค้ากิน ดูไม่จืดจริงๆ 555 คือเราไม่เกรงใจเค้าเลยน่ะ ...
ได้ความว่า เค้าจองทัวร์แสงเหนือไว้ วันนี้ แล้วเค้าจะมารับไปตอนประมาณเที่ยงคืน แล้วแพลนของเราน่ะเหรอ... เพื่อนที่เคยมาบอกว่า ให้เราเดินเข้าป่าไป เดี่ยวแสงเหนือก็ออกมาเองช่วงห้าทุ่มเที่ยงคืน เข้าไปดูในเว็บหาแสงเหนือ ถ้าเห็นค่า KP เยอะๆ ออกไปเดินดูได้เลย ... แต่สภาพอากาศสิคะ เป็นแบบนี้ค่า... คิดว่าจะได้เจอมั้ยวันนี้
ทำให้เราต้องมานั่งกินข้าวรอไปก่อน ซึ่งห้องอาหารที่นี่ก็กว้างขวางใช้ได้ ทานข้าวที่แพคมาเอง คนอร์คัพโจ๊กบ้านเราค่า^^ ประหยัดไปอีก
แล้วพอได้เวลาอีกรอบ ใกล้ๆเกือบเที่ยงคืนเราก็ออกเดินเข้าไปในส่วนของ abisko national park เดินฝ่าพายุหิมะที่กำลังตกแรงไปเรื่อยๆ เพื่อนที่ guesthouse เค้าบอกว่า เค้า cancel group ที่จองไว้ ตอนกลับมาได้คุยกัน ส่วนเราก็เดินฝ่าไปเรื่อยประมาณ เกือบสี่กิโลได้ จนหิมะตกหนักมากกกก เริ่มทนไม่ได้ คิดในใจ " เลิก ... แสงหนงแสงเหนือ ไม่ดู
ขอบคุณที่พักพิงชั่วคราวของข้าพเจ้า....พอหิมะซา ก็เที่ยงคืนนิดๆละ เลยตัดสินใจจะเดินกลับ หันหลังกลับไปมองยังผืนป่าที่เพิ่งเดินออกมา หลังจากที่ก้มหน้าก้มตาเดิน เห็นเมฆสีแปลกๆ มันเขียวๆ ส้มๆ แฮะ! เลยหันกลับไปมองป่าอีกฟากของถนน เห็นมืดดี เลยตัดสินใจข้ามป่าไปตั้งกล้องอีกฟาก!!
ลมแรงมากกก
โอ้วแม่เจ้า...การมองเห็นแสงเหนือด้วยตาเปล่า มันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วเห็นที่ไหนคะรู้มั้ยยย!!! เหนือเมือง abisko ที่เราดั้นด้นเดินจากมาเพื่อที่จะไป abisko national park แทน หึหึ คิดในใจ ดีแล้ว!! มาวันแรกก็ได้เจอไง ^^
หายเหนื่อย หายกลัวเลยทีเดียว ถ่ายอยู่หลายภาพแต่ค่อนข้างเบลอเนื่องจากลมพัดแรงมาก ยืนแทบไม่อยู่ แล้วก็เริ่มหนาวแล้ว เลยตัดสินใจกลับ มานอนพักเอาแรงดีกว่า
ใครจะเชื่อว่า!!! เคราะห์กรรมยังไม่หมด !! กลับมาถึงที่พัก ว่าจะไปหาน้ำอุ่นกินซะหน่อย เข้าห้องไปแล้ว ออกมาลืมเอาคีย์การ์ดออกมาด้วย !! จบค่ะ นอนคนเดียวไม่มีรูมเมท ทุกอย่างจบ!!
นอนห้องกินข้าวสิครัชรอไร หาอะไรก็ได้ที่อุ่นๆกอดไปก่อน ใกล้ๆ ฮิตเตอร์เข้าไว้เป็นดี แล้วเราจะผ่านคืนนี้ไปด้วยกัน ... ...
ตื่นเช้าขึ้นมากับวิวนี้ !! ไงละ ห้องราคาถูกที่สุด ดันไม่ได้นอน นอนห้องกินข้าว แต่วิวดีงาม
คือ ห้องทานข้าวเป็นห้องกระจกน่ะค่ะ เลยได้มองฟ้าค่อยๆสว่างพร้อมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่พ้นขอบเขา .. มันดีใจมากกก .. และ ซึ้งใจในความเบ๊อะในเวลาเดียวากัน
เช้าละ เลยต้องหาทางออกไปหาเบอร์รีเซฟชั่นที่หน้าห้องซึ่งอยู่อีกหลังนึง จะหนาวมั้ย จะรอดมั้ย ไม่มีเสื้อกันหนาว ดีที่เจอสาวน้อยน่ารักชาวสิงคโปร์ เค้าออกมาเจอเราแล้ว เค้ามาถามว่า หิวมั้ย 5555 จะเหลือเหรอคะ เค้าเลยเอาขนมมาให้เราทาน แล้วก็ให้เรายืมเสื้อหนาวออกไปติดต่อเบอร์ที่อยู่หน้า guesthouse โอย คือเบอร์ที่อยู่ในที่พักที่มีติดต่อไปหมดแล้วน่ะค่ะ ไม่มีคนรับสายอ่า เลย... เลยตามเลย...นอนกับตุ๊กตาฮัสกี้ไปก่อน
แล้วจากนั้นก็ไปเดินเล่นยามเช้ารอบๆเมือง abisko ก่อนที่จะมารอขึ้นรถไฟที่ abisko ostra ตอน 11.30 น.
บริเวณหน้าห้องพักเลย
เอาไว้เท่านี้ก่อนนะคะ เดี่ยวมาเล่าต่อแป๊บ