มาช่วยกันคิดหน่อย นักเตะคนไหนบ้าง ที่กล้าปฎิเสธ "รีล มาดริด" และ "บาเซโลน่า"

ช่วงนี้เห็นกระทู้ ถามจังว่าทำไมทุกคนถึงอยากไปเป็นสมาชิก "ชุดขาว" และ "ต่างดาว" ผมว่ากระแสนี้พึ่งมาแรงหลังกลาติกอสนี่ล่ะ ก่อนหน้านี้ทีมเค้าไม่ได้มีอิทธิพลในการดูดผู้เล่นได้มากขนาดนี้ มาช่วยกันตอบหน่อยครับ มีใครคิดออกบ้าง ว่านักเตะคนไหน เคย ปฎิเสธ ชุดขาว หรือ ต่างดาวมาแล้ว


สำหรับผม ขอเสนอชื่อ

รอย คีน เคยปฏิเสธ รีลมาดริด (จากหนังสือของเฟอร์กี้ ไม่ก็ ของรอยคีนเอง คีนเล่าว่าทะเลาะกับนักเตะแมนยู แล้วนักเตะคนนั้นด่าคีนว่า ไม่ภักดีกับแมนยู คีนเลยด่ากลับว่า กูเนี่ยนะ ไม่ภักดีกับแมนยู กูปฏิเสธรีลมาดริดไปนะเฟ้ย)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
มาดริด และ บาร์ซ่า คือสองสุดยอดทีมของโลก

แต่ไม่ได้แปลว่า นักเตะเก่งๆจะปฏิเสธไม่ได้ คนที่ไม่อยากไปโดยที่ไม่ได้กลัวว่าจะต้องไปนั่งสำรองหรือโดนลดบทบาทไปก็มีเยอะแยะ มันไร้สาระที่มาโพสแขวะๆข่มๆเอานักเตะที่ตัวเองชอบและนักเตะทีมอริมาดูถูกดูแคลน


รวมพวกที่เคยปฏิเสธ ทั้งๆที่ตอนนั้นกำลังดังมาก และฝีเท้าดีพอจะไปอยู่ในทีมตัวจริงแน่ๆก็มี

เบ็คแฮม ตอนนั้นแมนยูเกือบจะขายเขาให้บาร์ซ่าช่วงที่กำลังจะทุ่มดาวดังเพื่อสร้างทีมใหม่ (ช่วงที่เพิ่งได้โรนัลดิโญ่มาร่วมทีม) แต่เขาปฏิเสธ แล้วยืนยันว่า ถ้าจะย้ายออกจากแมนยูจริงๆ มีทีมเดียวในเวลานั้นที่เขาจะไปร่วมคือมาดริด สุดท้ายก็จบที่ราคา 25 ล้านที่คนสมัยนั้นมองว่า แมนยูขายถูกไปมากๆ แต่เบ็คแฮมมาพิสูจน์คุณค่าอันยิ่งใหญ่ของเจ้าตัวได้แบบไร้ข้อกังขาเอาก็ในปี 2006/2007 ที่ได้รุดย้ายมาร่วมทีม แล้วเบ็คแฮมทุ่มซ้อมทุกวันแม้ว่าคาเปลโล่จะเมิน จนสุดท้ายมาดริดกำลังผลงานกระท่อนกระแท่นในลีก และตัวหลักทั้งหมดฟอร์มตกบ้าง เจ็บบ้าง คาเปลโล่ที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ใครเลยยอมกลืนน้ำลายตัวเองดึงเบ็คแฮมกลับมาเป็นตัวจริง นำไปสู่ฟอร์มสุดยอดในช่วงเลกสองที่แอสซิสต์กระจายให้รุดและคนอื่นๆยิงประตู จนพาทีมกลับมาคว้าแชมป์ลีกหน้าตาเฉย


แม็คมานามาน อันนี้เคสแปลกหน่อย แต่ส่งผลกระทบเยอะมาก เพราะคือบทเรียนที่ทำให้ทุกทีมในยุโรปหันมาระวังเรื่องการต่อสัญญานักเตะในช่วง 2 ปีสุดท้ายไปเลย คือตอนแรกมีข่าวรุนแรงมาตลอดว่าลิเวอร์พูลจะขายให้บาร์ซ่า แต่ช่วงสุดท้ายของแม็คก้ากับทีมมันจบกันไม่สวยเลย ลิเวอร์พูลพยายามจะปล่อยแม็คก้าออกไปบาร์ซ่าด้วยค่าตัว 12 ล้าน เพราะเห็นว่าสัญญาใกล้หมด แต่แม็คก้าไม่ได้อยากย้ายออกจากทีม เขาเลยไม่พอใจมากเพราะตอนนั้นเรื่องของแม็คก้ากับบาร์ซ่านี่เข้าขั้นมหากาพย์เลยครับ อารมณ์คล้ายๆตอนแมนยูจะเอาฮากรีฟนั่นเลย คือลากกันยาวมาก ปรากฏว่าปู่บ๊อบบี้ ร็อบสัน ซึ่งลงจากตำแหน่งผู้จัดการบาร์ซ่า แล้วฟานกัลเข้ามาคุมทีมแทน ปู่บ๊อบแกแนะนำฟานกัลว่า ไปริวัลโด้มาดีกว่า เหตุผลของแกคือ แม็คก้ามีดีที่การเลี้ยงบอล แต่การยิงประตูแย่มาก เขาไม่สามารถยิงให้บาร์ซ่าต่อปีถึง 18 ลูกได้แน่ ฟานกัลเชื่อเลยไปเอาริวัลโด้มาแทน แล้วแม็คก้าก็ไม่ได้อยากย้ายมาอยู่แล้ว ดีลเลยล่ม จากน้นเจ้าตัวเลยสะสมความแค้นกับลิเวอร์พูล แกเอาคืนโดยการรอให้หมดสัญญาในปีถัดมาแล้วย้ายไปมาดริดแบบฟรีๆ ผลจากเคสนี้ ทำให้กลายเป็น Case Study ที่หลายสโมสรจะหาทางปล่อยนักเตะออกไปเลย ถ้ายังเหลือสัญญาหนึ่งปีแล้วไม่ยอมต่อ


ต๊อตติ เคยปฏิเสธมาดริด (และทีมใหญ่อื่นๆ) เพื่อจะอยู่โรม่าต่อ โดยเฉพาะในช่วงที่โรม่ายังมีลุ้นระดับยุโรป แกขออยู่เพื่อพาโรม่าลุยยูโรปและคว้าสคูเตโต้ให้ได้อีกสักครั้ง แม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม แต่ก็เฉียดอยู่หลายปีติด แล้วมาดริดก็จีบแกถี่มากช่วงนั้น แต่แกยืนยันหนักแน่นไม่ไป

ป็อกบา ปีสุดท้ายกับยูเว่ในช่วงที่กำลังเนื้อหอมสุดๆ เจ้าตัวออกมาบอกเองว่าสองทีมยักษ์มีความสนใจและยื่นขอเสอนเข้ามา แต่เขาปฏิเสธ เพื่อจะกลับมาสานต่อภารกิจที่คาใจอยู่กับแมนยู

มัลดินี่ ยืนกรานปฏิเสธทุกทีมใหญ่ในโลกที่เคยตามจีบสมัยนั้น เฟอร์กี้เคยลองทาบทามให้มาแมนยูเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ผล เหตุผลเดียวของเขาคือ ปู่ พ่อ และเขาเป็นคนเมืองมิลาน

ลาห์ม มาดริดเคยทาบ แต่แกก็ไม่ไป

เนย์มาร์ ก่อนมาสเปน แกระบุชัดเจนว่าทีมเดียวที่จะมาคือบาร์ซ่า แล้วปฏิเสธมาดริด

คีน ปีที่พีคสุดๆเคยมีข่าวกับมาดริดจริงครับ แต่แกไม่ไป

เอฟเฟ่ ช่วง 3 ปีสุดท้ายที่แกกลับมาพิสูจนต์ตัวกับบาเยิร์นว่า กูยังเจ๋ง เคยมีข่าวมาดริดอยากได้ตัว แต่แกก็ไม่ไป


แล้วก็แนวๆข่าวลือหรือมีความสนใจอีกหลายๆคนในช่วงพีคๆ แต่บางคนก็แค่มีข่าวมา 1-2 ครั้ง หริออาจเพราะบางคนเหมือนเป็นตำนานสโมสรด้วย เช่น กิ๊กซ์ รูนี่ย์ เจอร์ราร์ด แล้วเท่าที่นึกออก สมัยนั้นยังมีพวก เชฟเชนโก้ ตูราม เอสเซียง บัลลัค ตอเรส พวกนี้เคยโดนทาบมาหมดแล้ว แต่ไม่ไป



คือมันมีช่วงหนึ่งที่ มาดริดและบาร์ซ่า อยู่ในช่วงตกต่ำย่ำแย่ ต้องผลัดเปลี่ยนทีม หรือเจออาการถังแตก ซึ่งแฟนบอลรุ่นใหม่ๆอาจนึกภาพไม่ออก แต่ช่วงยุค 90 จนถึงต้น 2000 สองทีมนี้อาการเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้ไร้เทียมทานอะไรขนาดนั้น ยังดีว่ามาดริดนี่มีสามารถเข้าชิง UCL ถึง 3 ครั้งใน
6 ปี แล้วชนะมาได้หมด แต่เชื่อไหมว่าปีที่ได้แชมป์ UCL 97/98 ปีต่อมามาดริดถังแตกจ้า (ไม่รู้เอาไปทำอะไรหมด) ต้องมาเน้นเอานักเตะหมดสัญญาหรือค่าเหนื่อยไม่สูงมาเข้าทีมแทน แล้วพยายามโละพวกเลข 3 อัพที่ค่าเหนื่อยหนักๆออกไป ช่วงนั้นกำลังปั้นราอูลพอดี จากนั้นก็เข้ายุคกาลาคติกอสที่รวมดาวดังระดับโลก ตามนโนบายของเปเรส ที่จะทุ่มคว้าดาวดังปีละคน ซึ่งมาจุดติดเอาปี 2000 แต่ขอโทษเถอะ เกมรับห่วยถึงขั้นห่วยมาก ทีมเวิร์คต่ำสุดๆ เกมรุกเน้นดาวดังที่แต่ละคนนี่ก็อายุเข้าเลข 3 กันเกือบหมดแล้ว ทำให้หลายๆเกมออกเนือยๆด้วยซ้ำ พร้อมแพ้ทีมที่เน้นบอลระบบและมีทีมเวิร์ค สมัยนึงนี่มาดริดเจอลียงอัดแพ้ตกรอบ 16 ทีม หรือ 8 ทีม UCL บ่อยมาก ใช่แล้วลียงนี่แหละครับ 10 ปีก่อนคือยอดทีมของฝรั่งเศส เจ้าของฉายา ลงเป็นยิง อัดมาริดกลับบ้านประจำ แล้วไม่รู้ทำไมเจอกันโคตรบ่อย เจอในรอบแบ่งกลุ่มก็ชอบแพ้ลียงอีก คือกว่ามาดริดจะมาปลดล็อคอาถรรพ์บอลแบบลียงกับพวกทีมสายเน้นรับและบอลระบบแน่นๆได้ ก็มาในยุคมูและโด้ที่แปลงร่างแล้วนี่แหละ เพราะก่อนหน้านี้มาดริดเป็นทีมใหญ่ที่ทีมเวิร์คแย่มาตลอดหลายทศวรรษ มีเดลบอสเก้ช่วงปีแรกๆกับมู และตอนหลังๆนี่เองที่ทีมมาเน้นการเล่นแบบหนาแน่นแล้วใช้เกมรุกรวดเร็วเล่นงานได้

ส่วนบาร์ซ่า ยุคฟานกัลนี่เกมรุกสุดโหด แต่เกมรับบัดซบพอกัน ปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 บาร์ซ่ามีเกมรุกที่น่ากลัว แต่ตอนเล่นใน UCL ไม่มีใครกลัวมากเหมือนสมัยนี้ เพราะรู้ว่าเกมรับแย่ ถ้าบุกคมๆก็ปราบบาร์ซ๋าได้ ครองบอลคุมเกมก็ไม่ได้เป็นติกิตากะเหมือนยุคหลัง ไรด์การ์ทตอนคุมสองปีแรกก็เกือบเด้งไปแล้ว ได้รอนนี่มาร่วมทีมช่วงแรกนี่ก็ใช่ว่าจะเล่นดีอะไรด้วย มาลงตัวเพราะปรับจูนแผน 4-3-3 แล้วเลิกนโยบายใช้ดาวดัง แต่เอานักเตะที่เหมาะกับระบบการเล่นอย่างเอโต้สมัยนั้นที่เป็นส่วนเกินของมาดริดมายืนหน้าเป้า แล้วเอาพวกตัวทำเกมอย่างเดโก้ที่เก่งเกินชื่อเสียงมาทำเกมรุก ปั้นระบบทีมรุกให้สดใหม่ ถึงกลับมาต่อยอดได้ถึงตอนนี้ ซาบีเริ่มมาองค์ลงก็ช่วงนั้นแหละ ก่อนหน้านั้นยังหาตัวเองไม่พบ ยังจะโดนบาร์ซ่าขายทิ้งอยู่เลย แกเกือบมาแมนยูแล้วด้วย เพราะเฟอร์กี้ชอบแกมาก สุดท้ายแกเปลี่ยนใจสู้ต่อ แล้วก็ตัดสินใจถูก เพราะปีถัดมาก็เป็นยุคเป๊ปพอดี มีอิเนสต้าพุ่งขึ้นมาช่วย ซาบีแกเลยเป็นเทพไปเลย ถ้าตอนนั้นซาบีมาแมนยูจริงๆ แกก็อาจจะแทนที่สโคลส์ แต่เราก็ยากจะบอกได้ว่าแกจะทำได้สุดๆขนาดตอนอยู่บาร์ซ่าไหม มันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต เพราะปีที่บาร์ซ่าเพิ่งได้แชมป์ยุโรป 2006 ตอนนั้นซาบียังไม่ถึงระดับแกนหลักในแดนกลางของทีม แต่เป็นเดโก้ แกมาระเบิดฟอร์มสุดยอดจริงๆช่วงเลกสองของปี 2007 ต่อเนื่องมาจนแขวนสตั้ด ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น นักเตะที่เล่นสไตล์โฮลด์บอลของวงการลูกหนังทุกวันนี้ สามารถกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของแต่ละทีมได้ อาจจะต้อขอบคุณปีร์โล่ ซึ่งเป็นคนที่แสดงให้ทั้งโลกลูกหนังเห็นว่า นักเตะสไตล์นี้คืออนาคตของฟุตบอลยุคใหม่ในเวลานั้น และอีกสองคนคือ อันเชล็อตติ ที่คิดแผนปิระมิด 4-3-2-1 มาใช้กับมิลานในช่วงนั้น และลิปปี้ ที่รับแนวคิดของอันเช่มาต่อยอดในทีมชาติอิตาลีชุด 2006


คือจะบอกว่า ทุกทีมมันมียุคสมัย มีช่วงเวลาของมัน ไม่จำเป้นต้องไปข่มแขวะดูถูกใครหรือเห็นสองทีมนี้เป็นพระเจ้าตลอดกาลหรอก มันมีขึ้นมีลงหมด แค่เผอิญว่าตอนนี้เป้นยุคของสองทีมนี้ที่นานเป้นพิเศษเท่านั้น



Reference
https://www.onefootball.com/magazine/david-beckham-barcelona-real-madrid-manchester-united/
http://www.espnfc.com/story/3039927/paul-pogba-turned-down-barcelona-and-real-madrid-for-man-united-move
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่