สวัสดีครับ
วันนี้ขอรีวิวที่พักที่กัวลาลัมเปอร์นะครับ
ตอนแรกก็จะรีวิวการเดินทาง ภาพถ่ายสถานที่ต่างๆ
แต่บางทีก็ลืมถ่ายภาพบ้าง และอาจจะไม่ละเอียดเท่าของคนอื่น
ลองมารีวิวที่พักบ้างดีกว่า
จากการหาข้อมูลแล้วเจอที่พักนี้ใน Pantip
จากกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/36154467
https://pantip.com/topic/36305143
แล้วก็หาข้อมูลในเว็บ Airbnb ต่อ
ดูภาพรวมแล้ว แบบเห้ยๆๆๆๆ โอเคเลย
เมื่อเทียบกับโรงแรมแล้ว ที่นี่คุ้มกว่า เพราะเราไปกัน 7 คน ถ้าจองโรงแรมอาจจะต้องจองถึง 3 ห้อง
พอมาเฉลี่ยแล้วแอบแพงอยู่ ผนวกกับใช้การหว่านล้อมให้ที่บ้านพักที่นี่ให้ได้
เปิดภาพให้เขาดู อ่านรีวิวให้เขาฟัง อ่านคอมเม้นท์แขกที่เข้าพักให้เข้าฟัง
พูดๆๆจนที่บ้านไปก็ไปว่ะ
ผมพักสองคืน ราคา 3000 บาทเท่านั้น วิวประเมินค่าไม่ได้จริงๆ
เริ่มจากการเดินทางนะครับ
จากสนามบินพวกผมนั่งรถบัสมาลงที่ KL Sentral ครับ (การเดินทางก็หาข้อมูลในพันทิปนี่แหละครับ)
นั่งชมโน่นชมนี่ระหว่างทาง ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงที่สถานีขนส่ง
คล้ายหมอชิตบ้านเรา แต่เป็นศูนย์กลางทุกสิ่งอย่างอยู่ที่นี่
ซึ่งรถจะจอดล่างสุด เราก็เดินตรงมาเรื่อยๆ พอเจอบันไดเลื่อนก็ขึ้นมาที่โถงกลาง
เพื่อมาขึ้นรถต่อไปที่พัก

ไอเราตอนแรกก็คิดว่า สายรถพวกนี้คงเป็นตามสีนี่แหละ
แต่ แต่ แต่ แต่ เป็นแค่สีในแผนที่และหน้าจอในการกดซื้อเหรียญ เพื่อให้เราเข้าใจง่ายเท่านั้น
งมกับแผนที่ซักพัก จนไม่สามารถแล้ว เลยถามเขาดีกว่า เขาเลยบอกว่าให้ไป KTM ครับ
(เส้นทางสีน้ำเงินในแผนที่นั่นเอง แต่จริงๆเขาไม่ได้เรียกสายสีน้ำเงินนะครับ)
ที่พักนี่ไปลงที่สถานี Putra
ตอนแรกเหรียญนะครับ เครื่องนี้จะไม่รับแบงค์ใหญ่เลย แบงค์ 20 เป็นต้นไป
แนะนำว่าควรแลกแบงค์ยิบแบงค์ย่อยไว้นะครับ
หยอดเกินจะมีเหรียญถอนออกมา แต่ถ้าหยอดไม่ทันเครื่องจะคืนเหรียญที่เราหยอดไปตอนแรกออกมาทั้งหมดเลย
ตอนแรกผมเจอมาแล้วครับ คือแบบขาดแค่ 1 ริงกิต เอาอย่างไรทีนี้ คนนึงก็เลยต้องรีบวิ่งไปแลกที่เคาน์เตอร์
พอมาถึงปุ๊บ เหรียญทั้งหมดก็หล่นลงมา กริ๊งๆๆ ลงมา
(พอดีไม่ได้ถ่ายไว้นะครับ เพราะนักท่องเที่ยวคนอื่นต่อแถวกันอยู่เยอะ กลัวเขาจะด่าบุพการีให้ ถึงเขาด่าก็แปลไม่ออกหรอก ^^)
ที่เครื่องแลกเหรียญนั้น จะเป็นหน้าจอ เปลี่ยนภาษาได้ ไม่ต้องงงครับ กดแค่ไม่กี่ปุ่มก็ได้เหรียญออกมา

(ภาพจากเว็บ
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=30931.0)
เห็นสีๆในภาพไหมครับ นั่นแหละคือสัญลักษณ์สีเส้นทางในแผนที่นั่นแหละ ถ้าสมมติเราจะไปเส้นทางแผนที่สีแดง กดรูปภาพรถที่เป็นสีแดง ประมาณนี้นะครับ) ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป (ที่มาเลเซีย เขาไม่ได้เรียกขบวนสีนะครับ ย้ำอีกครั้ง )เช่น
เส้นทางสีน้ำเงินในแผนที่ จะเป็นรถ KTM Komuter
เส้นทางสีเขียวอ่อน จะเป็นรถ Monorail (คล้าย BTS บ้านเรา)
พอเราเลือกพาหนะที่จะไปแล้วนะครับ ที่พักนี้อยู่แถวสถานี Putra
ห่างจาก KL Sentral ไปสามสถานีเอง
เราก็ลงบันไดลงไปครับ ที่ platform 4 รอรถมาเทียบท่าที่นี่
ระหว่างทางก็อารมณ์แบบจากหัวลำโพงออกไปย่านดอนเมืองอะครับ
ค่อยๆไป เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง ชมโน่นชมนี่
ไม่ต้องกลัวผิดนะครับ เขาจะมีป้ายไฟวิ่ง บอกว่าต่อไปสถานีอะไร หรือเหนือประตูป้ายไฟกระพริบสีเหลืองๆบอกว่ากำลังไปสถานีใด
พอมาถึงสถานี Putra

เราจะลงฝั่งหมายเลขที่ 2 นะครับ ถ้าจะกลับไป KL Sentral ก็ข้ามสะพานมาที่ฝั่งหมายเลข 1
พอก้าวออกมาจากตัวขบวน
ก็เดินมาตามทางออก ข้อควรระวังคือส่วนใหญ่เวลาจะเข้าจะออกที่นี่นะครับ
แนะนำว่าให้รีบก้าวออกมาเลย เพราะที่โน่นพอประตูเปิดปุ๊บ คุณพระ!! ก้าวเข้ามาเลย
ทั้งๆที่คนในขบวนยังไม่ออก บางคนนะครับ ย้ำว่า บางคน ขณะเรากำลังจะก้าวออก เราเห็นว่ามีคนกำลังต่อแถวจะเข้ามาในขบวน
บางคนมาจากไหนไม่รู้ เดินแซงออ้มมาจากหลังชิงเข้าก่อนเลย โอ๊ยๆๆ จะรีบไปไหน
รถไฟนะ ไม่ใช่เก้าอี้ดนตรี บ้านแม่จัดงานศพเหรอ? (คิดในใจนะ คือ ผมจะเก่งมากในจินตนาการของตัวเอง)

เดินมาถึงทางออก ก็หยอดเหรียญออกตามปกติ เหมือนใต้ดินบ้านเรา

เดินมาตามทางบันได หรือทางลาดข้างๆก็ได้นะครับ
แล้วก็เลี้ยวซ้าย

ผมแนะนำว่าพอขึ้นมาแล้ว ให้ข้ามถนนเลย เพราะว่าถ้าเดินไปตามทางจนสุดเป็นทางโค้ง
จะข้ามถนนลำบาก กลัวเกิดอุบัติเหตุ แนะนำว่าข้ามเลยดีกว่า แล้วก็เลาะๆตามทางมานิดหน่อย แล้วก็เดินลงบันไดชันๆลงมา

พอดีเตรียมข้อมูลมานิดหน่อยในพันทิปและเว็บต่างๆ ก็คิดในหัวว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงทางลงบ้างแล้ว คงไม่ชันมากหรอก
หรือไม่ทางที่พักคงสนับสนุนทางขึ้นลงที่อำนวยความสะดวกสบายให้ผู้เข้าพัก
แบบห้างโลตักสนับสนุนสะพานลอยให้กับประชาชนในย่านนี้ (สมมตินะครับ)
พอเดินทาเจอก็แบบ อืม! ตามในเว็บเปะเลย
อืม ชันได้อีก ยังดีนะที่คดเคี้ยวให้นิดหน่อย
ไม่แบบตรงลงมาเลย แสดงว่ายังใส่ใจสวัสดิภาพผู้ใช้งานอยู่ (โลกสวยมากนะตอนนั้น)
นึกถึงแคมเปญใน The Face เลยที่ลงบันไดชันๆลงมา
เข้าใจอารมณ์นางงาม นางแบบ นางสาวไทยเลยเวลาลงบันไดที่ต้องเดินเฉียงๆ หันข้าง สวยๆลงบันได
อย่างที่เห็นครับ ถ้ามาพร้อมกระเป๋าใหญ่ๆ ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ตั้งครรภ์ ก็ต้องกระเตงๆๆลงมาตามภาพครับ

พอเดินบันไดเสร็จปุ๊บ ก็เดินตรงมานิดหน่อยพร้อมลากเป๋ามา

จะเจอป้ายนี้ครับ (เย้ๆ ฝันเป็นจริง)

เดินมาอีกจะเจอทางลงของที่จอดลง

ต้องระวังพอสมควรนะครับ บางทีรถลงมาก็อาจะเจออุบัติเหตุได้
พอเลยสักพัก เราก็เข้าไปในอาคารครับจะเจอโต๊ะพี่ยาม นั่งอยู่
เขาจะไม่ถามเหมือนยามไทย ว่า มาทำอะไร
เพราะเดาว่าเขาคงชินกลับการที่มีนักท่องเที่ยวมาพักที่นี่

แล้วก็เดินเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าตึก อันนี้เป็นชั้น G นะครับ พอดีผมจองที่พักไว้และห้องนี้อยู่ตึก Melrose หรือ บลอค B
Madison is Block A, Melrose is Block B, Milan is Block C. เจ้าของเข้าส่งรายละเอียดมาให้ ซึ่งละเอียดมากจะต้องทำไง มายังไง
แอร์เปิดไง กฎมีอะไรบ้าง อะไรวางไว้ตรงไหน

แล้วก็เข้าไปในอาคารแล้วกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 4
เพื่อติดต่อพี่ยามที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ในรูปจะยิ่งใหญ่เหมือนในโรงแรม แต่ไม่ใหญ่อย่างที่คิด

เราก็จะไปแจ้งว่า เราพักห้องนี้ (พอดีปริ้นท์เอกสารที่เจ้าของส่งมาด้วย)
พี่ยามแกก็จะเปิดสมุดบัญชีอะไรสักอย่างนี่แหละ (ซึ่งพี่ยามจะรู้ครับว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาพักนะ และเยอะด้วย)
แล้วก็พาเราเดินไปที่ลิฟต์ และทาบบัตรในลิฟต์ แล้วกดที่ชั้นเราพัก

เวลาเราจะขึ้นก็แตะตรงกระจกสีดำ ที่มีเซนเซอร์สีแดงข้างหลังอะครับ แล้วกดชั้นที่เราพัก
ถ้าไม่มีคีย์การ์ด กดได้แค่ชั้น G, 4, 5
ลิฟต์ก็พาเราขึ้นมาที่ชั้น 34
ห้องที่ผมพัก คือ B-33-a12
(ตึก B ชั้น 34 โซน A ห้อง 12) พักชั้นที่ 34 จริงแต่ห้องจะเป็น 33 นะครับ
พอออกลิฟต์ออกมา ก็เดินหาห้องเอา
พอเจอปุ๊บ ก็จะเจอแป้นปุ่มรหัสเข้าห้องเหมือนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแบบนี้ครับ

เอามือกดที่แป้นนั้น มันจะขึ้นตัวเลขมาสองตัว
แล้วเราก็กดตัวเลขที่ขึ้นมา
พอเรากดสองตัวเลขเสร็จแล้ว ก็กดรหัสเข้าห้องซึ่งแต่ละห้องจะไม่เหมือนกัน บางห้องอาจจะไม่มี
อย่างของผม Host จะส่งมาให้ในเมลล์ มี 6 หลักและตามด้วย *
พอเสร็จปุ๊บจะมีเสียงกริ๊ก ห้องปลดล็อคแล้ว เย้ๆๆ ได้พักสักที

(อันนี้สภาพก่อนออกจากห้องนะครับ เพราะตอนเข้าห้องครั้งแรกลืมถ่าย)
ถามว่าสบายไหม ก็โอเคนะครับ เพราะเราไปกันเยอะ คุ้มกว่า เอาไว้ซุกหัวนอนเท่านั้น
ในห้องมีมุมครัวให้ประกอบอาหารเบื้องต้น แต่ถึงกับปาร์ตี้ ปิ้งบาร์บีคิว ทำหมูกระทะ ออกค่ายลูกเสือขนาดนั้นนะครับ
แค่อุ่นอาหารเบื้องต้นพอได้

มุมของห้องนี้จะเห็นฝั่งตรงข้ามเลยครับ ต้องปิดม่านเอาครับ เราเห็นเขา เขาก็เห็นเรา แต่ฝั่ง A จะมีระเบียงให้ออกมานั่งเล่น พอมองลงไปก้เห็นเลยว่าห้องข้างล่างทำอะไร เช่น ถ่ายรูป ตากเสื้อ กำลังเต้นอะไรสักอย่าง
พอเข้าที่พัก ผมก็ขอออกมาเดินเริงร่าเบิกบานนิดนึง ถามคนอื่นๆแล้วเขาบอกว่าอยากไปก็ไปเถอะ (แต่ละคนน่าตาแบบเหนื่อยมาก อีกนิดคือวิญญาณจะหลุดจากร่าง) เราก็ลงมาที่ชั้น 4 ดูซิมีอะไรบ้าง ก็จะเป็นลอบบี้แต่ละตึก มีสวนตรงกลาง มีร้านค้า ที่เติมน้ำ
(รูปเอามาจากในเว็บ ในเนตบ้าง)

เราก็เดินขึ้นไปที่ชั้น 5 (อันนี้เอามาจากเว็บ)

มีสระว่ายน้ำในตึก ห้องเด็กเล่น
แต่ทีเด็ดของที่นี้คือ infinity pool สระน้ำชั้น 37
ต้องไปที่ตึก A ครับจะมีลิฟต์ที่วิ่งตรงขึ้นไปโดยเฉพาะ และต้องใช้คีย์การ์ดขึ้นไป
พอเราออกลิฟต์มา ก็เดินเลี้ยวซ้าย จะมีพี่ยามนั่งอยู่ถ้าไม่ว่ายน้ำ ก็เดินเข้าไปเลย
ถ้าจะว่ายน้ำก็ลงทะเบียนเข้า บอกชื่อนามสกุล ห้องพัก เขียนว่ามาว่ายน้ำ (เขียนตามอีคนหน้าเนี่ยแหละ)
ข้างๆสมุดลงทะเบียจะมีกฎว่า ใส่อะไรได้บ้างลงในน้ำ อะไรที่ห้าม แต่พอหันไปดูอืม ตรงข้ามหมดเลย 555
เวลาใช้สระนะ ครับ 7.00 - 22.00 น.
และลิฟต์จะปิด 23.00 น.

(จากเว็บครับ)
ผมถ่ายตอนเช้านะครับ คนยังไม่เยอะ ถ้าไปกลางคืนนี่จะวุ่นวายพอสมควร
เหมือนงานปาร์ตี้อะไรสักอย่าง
เดินไปซ้ายสุดของสระจะมีมุมให้ถ่ายรูป แต่เป็นกระจกใสๆให้ถ่ายวิว

ถือว่าคุ้มไหม ถือว่าคุ้มครับ
แต่ Airbnb จะคิดเงินสามส่วนครับ
คือ 1. ค่าที่พัก
2.ค่าทำความสะอาด (แล้วแต่เจ้าของกำหนด)
3.ค่าบริการ Airbnb
ราคาไม่แพงครับ เหมาะสำหรับไปกันเป็นกลุ่ม
ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้นะครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในห้องผมนั้นมีเตารีด ไดร์เป่าผม ปลั๊กสามตา เต้าแปลงหัวปลั๊กไฟ
และที่นี่จะใกล้กลับห้างด้วยครับ คือ ห้าง sunway putra
ไปเดินเล่น หาของกิน ชอปปิ้งได้ครับ
เย็นและกลางคืนคนค่อนข้างเยอะเชียว

ขอจบการรีวิวเท่านี้นะครับ สอบถามได้ครับ
[CR] รีวิว Regalia@Kuala Lumpur
วันนี้ขอรีวิวที่พักที่กัวลาลัมเปอร์นะครับ
ตอนแรกก็จะรีวิวการเดินทาง ภาพถ่ายสถานที่ต่างๆ
แต่บางทีก็ลืมถ่ายภาพบ้าง และอาจจะไม่ละเอียดเท่าของคนอื่น
ลองมารีวิวที่พักบ้างดีกว่า
จากการหาข้อมูลแล้วเจอที่พักนี้ใน Pantip
จากกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/36154467
https://pantip.com/topic/36305143
แล้วก็หาข้อมูลในเว็บ Airbnb ต่อ
ดูภาพรวมแล้ว แบบเห้ยๆๆๆๆ โอเคเลย
เมื่อเทียบกับโรงแรมแล้ว ที่นี่คุ้มกว่า เพราะเราไปกัน 7 คน ถ้าจองโรงแรมอาจจะต้องจองถึง 3 ห้อง
พอมาเฉลี่ยแล้วแอบแพงอยู่ ผนวกกับใช้การหว่านล้อมให้ที่บ้านพักที่นี่ให้ได้
เปิดภาพให้เขาดู อ่านรีวิวให้เขาฟัง อ่านคอมเม้นท์แขกที่เข้าพักให้เข้าฟัง
พูดๆๆจนที่บ้านไปก็ไปว่ะ
ผมพักสองคืน ราคา 3000 บาทเท่านั้น วิวประเมินค่าไม่ได้จริงๆ
เริ่มจากการเดินทางนะครับ
จากสนามบินพวกผมนั่งรถบัสมาลงที่ KL Sentral ครับ (การเดินทางก็หาข้อมูลในพันทิปนี่แหละครับ)
นั่งชมโน่นชมนี่ระหว่างทาง ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงที่สถานีขนส่ง
คล้ายหมอชิตบ้านเรา แต่เป็นศูนย์กลางทุกสิ่งอย่างอยู่ที่นี่
ซึ่งรถจะจอดล่างสุด เราก็เดินตรงมาเรื่อยๆ พอเจอบันไดเลื่อนก็ขึ้นมาที่โถงกลาง
เพื่อมาขึ้นรถต่อไปที่พัก
ไอเราตอนแรกก็คิดว่า สายรถพวกนี้คงเป็นตามสีนี่แหละ
แต่ แต่ แต่ แต่ เป็นแค่สีในแผนที่และหน้าจอในการกดซื้อเหรียญ เพื่อให้เราเข้าใจง่ายเท่านั้น
งมกับแผนที่ซักพัก จนไม่สามารถแล้ว เลยถามเขาดีกว่า เขาเลยบอกว่าให้ไป KTM ครับ
(เส้นทางสีน้ำเงินในแผนที่นั่นเอง แต่จริงๆเขาไม่ได้เรียกสายสีน้ำเงินนะครับ)
ที่พักนี่ไปลงที่สถานี Putra
ตอนแรกเหรียญนะครับ เครื่องนี้จะไม่รับแบงค์ใหญ่เลย แบงค์ 20 เป็นต้นไป
แนะนำว่าควรแลกแบงค์ยิบแบงค์ย่อยไว้นะครับ
หยอดเกินจะมีเหรียญถอนออกมา แต่ถ้าหยอดไม่ทันเครื่องจะคืนเหรียญที่เราหยอดไปตอนแรกออกมาทั้งหมดเลย
ตอนแรกผมเจอมาแล้วครับ คือแบบขาดแค่ 1 ริงกิต เอาอย่างไรทีนี้ คนนึงก็เลยต้องรีบวิ่งไปแลกที่เคาน์เตอร์
พอมาถึงปุ๊บ เหรียญทั้งหมดก็หล่นลงมา กริ๊งๆๆ ลงมา
(พอดีไม่ได้ถ่ายไว้นะครับ เพราะนักท่องเที่ยวคนอื่นต่อแถวกันอยู่เยอะ กลัวเขาจะด่าบุพการีให้ ถึงเขาด่าก็แปลไม่ออกหรอก ^^)
ที่เครื่องแลกเหรียญนั้น จะเป็นหน้าจอ เปลี่ยนภาษาได้ ไม่ต้องงงครับ กดแค่ไม่กี่ปุ่มก็ได้เหรียญออกมา
เห็นสีๆในภาพไหมครับ นั่นแหละคือสัญลักษณ์สีเส้นทางในแผนที่นั่นแหละ ถ้าสมมติเราจะไปเส้นทางแผนที่สีแดง กดรูปภาพรถที่เป็นสีแดง ประมาณนี้นะครับ) ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป (ที่มาเลเซีย เขาไม่ได้เรียกขบวนสีนะครับ ย้ำอีกครั้ง )เช่น
เส้นทางสีน้ำเงินในแผนที่ จะเป็นรถ KTM Komuter
เส้นทางสีเขียวอ่อน จะเป็นรถ Monorail (คล้าย BTS บ้านเรา)
พอเราเลือกพาหนะที่จะไปแล้วนะครับ ที่พักนี้อยู่แถวสถานี Putra
ห่างจาก KL Sentral ไปสามสถานีเอง
เราก็ลงบันไดลงไปครับ ที่ platform 4 รอรถมาเทียบท่าที่นี่
ระหว่างทางก็อารมณ์แบบจากหัวลำโพงออกไปย่านดอนเมืองอะครับ
ค่อยๆไป เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง ชมโน่นชมนี่
ไม่ต้องกลัวผิดนะครับ เขาจะมีป้ายไฟวิ่ง บอกว่าต่อไปสถานีอะไร หรือเหนือประตูป้ายไฟกระพริบสีเหลืองๆบอกว่ากำลังไปสถานีใด
พอมาถึงสถานี Putra
เราจะลงฝั่งหมายเลขที่ 2 นะครับ ถ้าจะกลับไป KL Sentral ก็ข้ามสะพานมาที่ฝั่งหมายเลข 1
พอก้าวออกมาจากตัวขบวน
ก็เดินมาตามทางออก ข้อควรระวังคือส่วนใหญ่เวลาจะเข้าจะออกที่นี่นะครับ
แนะนำว่าให้รีบก้าวออกมาเลย เพราะที่โน่นพอประตูเปิดปุ๊บ คุณพระ!! ก้าวเข้ามาเลย
ทั้งๆที่คนในขบวนยังไม่ออก บางคนนะครับ ย้ำว่า บางคน ขณะเรากำลังจะก้าวออก เราเห็นว่ามีคนกำลังต่อแถวจะเข้ามาในขบวน
บางคนมาจากไหนไม่รู้ เดินแซงออ้มมาจากหลังชิงเข้าก่อนเลย โอ๊ยๆๆ จะรีบไปไหน
รถไฟนะ ไม่ใช่เก้าอี้ดนตรี บ้านแม่จัดงานศพเหรอ? (คิดในใจนะ คือ ผมจะเก่งมากในจินตนาการของตัวเอง)
เดินมาถึงทางออก ก็หยอดเหรียญออกตามปกติ เหมือนใต้ดินบ้านเรา
เดินมาตามทางบันได หรือทางลาดข้างๆก็ได้นะครับ
แล้วก็เลี้ยวซ้าย
ผมแนะนำว่าพอขึ้นมาแล้ว ให้ข้ามถนนเลย เพราะว่าถ้าเดินไปตามทางจนสุดเป็นทางโค้ง
จะข้ามถนนลำบาก กลัวเกิดอุบัติเหตุ แนะนำว่าข้ามเลยดีกว่า แล้วก็เลาะๆตามทางมานิดหน่อย แล้วก็เดินลงบันไดชันๆลงมา
พอดีเตรียมข้อมูลมานิดหน่อยในพันทิปและเว็บต่างๆ ก็คิดในหัวว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงทางลงบ้างแล้ว คงไม่ชันมากหรอก
หรือไม่ทางที่พักคงสนับสนุนทางขึ้นลงที่อำนวยความสะดวกสบายให้ผู้เข้าพัก
แบบห้างโลตักสนับสนุนสะพานลอยให้กับประชาชนในย่านนี้ (สมมตินะครับ)
พอเดินทาเจอก็แบบ อืม! ตามในเว็บเปะเลย
อืม ชันได้อีก ยังดีนะที่คดเคี้ยวให้นิดหน่อย
ไม่แบบตรงลงมาเลย แสดงว่ายังใส่ใจสวัสดิภาพผู้ใช้งานอยู่ (โลกสวยมากนะตอนนั้น)
นึกถึงแคมเปญใน The Face เลยที่ลงบันไดชันๆลงมา
เข้าใจอารมณ์นางงาม นางแบบ นางสาวไทยเลยเวลาลงบันไดที่ต้องเดินเฉียงๆ หันข้าง สวยๆลงบันได
อย่างที่เห็นครับ ถ้ามาพร้อมกระเป๋าใหญ่ๆ ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ตั้งครรภ์ ก็ต้องกระเตงๆๆลงมาตามภาพครับ
พอเดินบันไดเสร็จปุ๊บ ก็เดินตรงมานิดหน่อยพร้อมลากเป๋ามา
จะเจอป้ายนี้ครับ (เย้ๆ ฝันเป็นจริง)
เดินมาอีกจะเจอทางลงของที่จอดลง
ต้องระวังพอสมควรนะครับ บางทีรถลงมาก็อาจะเจออุบัติเหตุได้
พอเลยสักพัก เราก็เข้าไปในอาคารครับจะเจอโต๊ะพี่ยาม นั่งอยู่
เขาจะไม่ถามเหมือนยามไทย ว่า มาทำอะไร
เพราะเดาว่าเขาคงชินกลับการที่มีนักท่องเที่ยวมาพักที่นี่
แล้วก็เดินเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าตึก อันนี้เป็นชั้น G นะครับ พอดีผมจองที่พักไว้และห้องนี้อยู่ตึก Melrose หรือ บลอค B
Madison is Block A, Melrose is Block B, Milan is Block C. เจ้าของเข้าส่งรายละเอียดมาให้ ซึ่งละเอียดมากจะต้องทำไง มายังไง
แอร์เปิดไง กฎมีอะไรบ้าง อะไรวางไว้ตรงไหน
แล้วก็เข้าไปในอาคารแล้วกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 4
เพื่อติดต่อพี่ยามที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ในรูปจะยิ่งใหญ่เหมือนในโรงแรม แต่ไม่ใหญ่อย่างที่คิด
เราก็จะไปแจ้งว่า เราพักห้องนี้ (พอดีปริ้นท์เอกสารที่เจ้าของส่งมาด้วย)
พี่ยามแกก็จะเปิดสมุดบัญชีอะไรสักอย่างนี่แหละ (ซึ่งพี่ยามจะรู้ครับว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาพักนะ และเยอะด้วย)
แล้วก็พาเราเดินไปที่ลิฟต์ และทาบบัตรในลิฟต์ แล้วกดที่ชั้นเราพัก
เวลาเราจะขึ้นก็แตะตรงกระจกสีดำ ที่มีเซนเซอร์สีแดงข้างหลังอะครับ แล้วกดชั้นที่เราพัก
ถ้าไม่มีคีย์การ์ด กดได้แค่ชั้น G, 4, 5
ลิฟต์ก็พาเราขึ้นมาที่ชั้น 34
ห้องที่ผมพัก คือ B-33-a12
(ตึก B ชั้น 34 โซน A ห้อง 12) พักชั้นที่ 34 จริงแต่ห้องจะเป็น 33 นะครับ
พอออกลิฟต์ออกมา ก็เดินหาห้องเอา
พอเจอปุ๊บ ก็จะเจอแป้นปุ่มรหัสเข้าห้องเหมือนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแบบนี้ครับ
เอามือกดที่แป้นนั้น มันจะขึ้นตัวเลขมาสองตัว
แล้วเราก็กดตัวเลขที่ขึ้นมา
พอเรากดสองตัวเลขเสร็จแล้ว ก็กดรหัสเข้าห้องซึ่งแต่ละห้องจะไม่เหมือนกัน บางห้องอาจจะไม่มี
อย่างของผม Host จะส่งมาให้ในเมลล์ มี 6 หลักและตามด้วย *
พอเสร็จปุ๊บจะมีเสียงกริ๊ก ห้องปลดล็อคแล้ว เย้ๆๆ ได้พักสักที
ถามว่าสบายไหม ก็โอเคนะครับ เพราะเราไปกันเยอะ คุ้มกว่า เอาไว้ซุกหัวนอนเท่านั้น
ในห้องมีมุมครัวให้ประกอบอาหารเบื้องต้น แต่ถึงกับปาร์ตี้ ปิ้งบาร์บีคิว ทำหมูกระทะ ออกค่ายลูกเสือขนาดนั้นนะครับ
แค่อุ่นอาหารเบื้องต้นพอได้
มุมของห้องนี้จะเห็นฝั่งตรงข้ามเลยครับ ต้องปิดม่านเอาครับ เราเห็นเขา เขาก็เห็นเรา แต่ฝั่ง A จะมีระเบียงให้ออกมานั่งเล่น พอมองลงไปก้เห็นเลยว่าห้องข้างล่างทำอะไร เช่น ถ่ายรูป ตากเสื้อ กำลังเต้นอะไรสักอย่าง
พอเข้าที่พัก ผมก็ขอออกมาเดินเริงร่าเบิกบานนิดนึง ถามคนอื่นๆแล้วเขาบอกว่าอยากไปก็ไปเถอะ (แต่ละคนน่าตาแบบเหนื่อยมาก อีกนิดคือวิญญาณจะหลุดจากร่าง) เราก็ลงมาที่ชั้น 4 ดูซิมีอะไรบ้าง ก็จะเป็นลอบบี้แต่ละตึก มีสวนตรงกลาง มีร้านค้า ที่เติมน้ำ
(รูปเอามาจากในเว็บ ในเนตบ้าง)
เราก็เดินขึ้นไปที่ชั้น 5 (อันนี้เอามาจากเว็บ)
มีสระว่ายน้ำในตึก ห้องเด็กเล่น
แต่ทีเด็ดของที่นี้คือ infinity pool สระน้ำชั้น 37
ต้องไปที่ตึก A ครับจะมีลิฟต์ที่วิ่งตรงขึ้นไปโดยเฉพาะ และต้องใช้คีย์การ์ดขึ้นไป
พอเราออกลิฟต์มา ก็เดินเลี้ยวซ้าย จะมีพี่ยามนั่งอยู่ถ้าไม่ว่ายน้ำ ก็เดินเข้าไปเลย
ถ้าจะว่ายน้ำก็ลงทะเบียนเข้า บอกชื่อนามสกุล ห้องพัก เขียนว่ามาว่ายน้ำ (เขียนตามอีคนหน้าเนี่ยแหละ)
ข้างๆสมุดลงทะเบียจะมีกฎว่า ใส่อะไรได้บ้างลงในน้ำ อะไรที่ห้าม แต่พอหันไปดูอืม ตรงข้ามหมดเลย 555
เวลาใช้สระนะ ครับ 7.00 - 22.00 น.
และลิฟต์จะปิด 23.00 น.
(จากเว็บครับ)
ผมถ่ายตอนเช้านะครับ คนยังไม่เยอะ ถ้าไปกลางคืนนี่จะวุ่นวายพอสมควร
เหมือนงานปาร์ตี้อะไรสักอย่าง
เดินไปซ้ายสุดของสระจะมีมุมให้ถ่ายรูป แต่เป็นกระจกใสๆให้ถ่ายวิว
ถือว่าคุ้มไหม ถือว่าคุ้มครับ
แต่ Airbnb จะคิดเงินสามส่วนครับ
คือ 1. ค่าที่พัก
2.ค่าทำความสะอาด (แล้วแต่เจ้าของกำหนด)
3.ค่าบริการ Airbnb
ราคาไม่แพงครับ เหมาะสำหรับไปกันเป็นกลุ่ม
ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้นะครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในห้องผมนั้นมีเตารีด ไดร์เป่าผม ปลั๊กสามตา เต้าแปลงหัวปลั๊กไฟ
และที่นี่จะใกล้กลับห้างด้วยครับ คือ ห้าง sunway putra
ไปเดินเล่น หาของกิน ชอปปิ้งได้ครับ
เย็นและกลางคืนคนค่อนข้างเยอะเชียว
ขอจบการรีวิวเท่านี้นะครับ สอบถามได้ครับ