รีวิวประสบการณ์เข้าห้องเย็น ตม.ฮ่องกง ณ ด่านเซิ้นเจิ้น-ล่อวู

เป็นคนเล่าอะไรไม่ค่อยเก่งนะคะ หากไม่รู้เรื่องตรงไหนก็ขอโทษด้วยค่ะ เรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงมกราแล้วค่ะ นานจนจะลืมอยู่แล้วแต่มีเพื่อนมาถามความรู้สึกตอนเข้าห้องเชือดเพราะนางก็พึ่งโดนเช่นกันเลยนึกเรื่องนี้ออกและอยากจะแชร์ให้ฟังค่ะ

อันที่จริงแพลนจริงๆเราไม่ได้ไปแวบแถวฮ่องกงเลย แพลนจริงๆเราคือ เฉิงตู-เซี่ยงไฮ้-ซูโจง-หางโจว-คุณหมิง-แชงกีล่า-เฉิงตู แต่ด้วยความที่แพลนเรานั้นมาตรงกับช่วงตรุษจีนทำให้เราไม่สามารถจองตั๋วรถไฟจากหางโจ ซูโจว หรือเซียงไฮ้ไปคุณหมิงได้ทันประชาชนชาวจีนทั้งหลาย ประกอบกับเพื่อนฮ่องกงชวนไปเที่ยวด้วยเลยเกินเป็นทริปที่จำได้ไม่ลืมครั้งนี้ขึ้นมา ประสบการณ์เข้าห้องเย็นซึ่งคาดว่าคงมีแค่น้อยคนจะเคยเจอ555

ก่อนไปเราอ่านรีวิวประสบการณ์มาเยอะมาก จนเอาเก็บไปคิดมาก คิดจะเปลี่ยนแพลนไปก็หลายรอบ กลัวจะเข้าไม่ได้ เป็นผู้หญิงแถมมาแค่คนเดียวแต่แม่บอกว่าไม่โดนหรอก เค้าดูออกว่าใครมาเที่ยวหรือมาทำอย่างอื่น ในเมื่อท่านแม่พูดแบบนี้เราเลยจัดเลย จองตั๋วรถไฟจากหางโจวเข้าเซิ้นเจิ้นเพื่อไปขึ้นรถไฟไปฮ่องกงที่ล่อวู ซึ่งตอนออกจากด่านตรวจฝั่งจีนก็ไม่มีปัญหาอะไร เดินชิวได้จนไปถึงตมฝั่งฮ่องกง ดูจากนั่งท่องเที่ยวคนก่อนๆหน้าเราทุกคนเข้าได้รวดเร็วไม่มีปัญหา จนเราเริ่มใจชื้นแล้ว

แต่พอมาถึงคิวเราเท่านั้นแหละ คุณป้าเอาพาสปอสเราไปดูพลิกดูทุกหน้า ดูแบบละเอียดหยิบเลย พลิกไปมานานมาก โดนเฉพาะหน้าเรสซิเด้นวีซ่าจีน ตอนนั้นใจเริ่มตกลงตาตุ่มแล้ว คุณป้าเพ่งพาสปอสเรานานพอตัวสักพักเห็นเค้าหยิบใบสีขาวมาเท่านั้นแหละรู้ชะตากรรมเลย ได้สวัสดีกับพี่ชายตมคนหล่อ ณ ห้องเชือดแน่นอน ซึ่งพอเห็นหยิบใบเขียวเราเลยชะโงกไปดูว่าเค้าเขียนว่าสาเหตุอะไร เราจะได้ไปพูดข้างในทัน ซึ่งสาเหตุที่เราโดนส่งเข้าข้างในเป็นสาเหตุที่งงมาก ไม่รู้คนอื่นที่มีวีซ่าแบบเราโดนเหมือนกันมั้ยนั้นก็คือ "former res mainland" นี้คือวลีที่คุณป้าเขียนในใบขาวก่อนส่งเราเข้าข้างใน

พอคุณป้าเขียนใบขาวแล้วยืนให้พี่ชายตมข้างหลังแล้วเราก็จะโดนเชิญไปนั่งรอที่ห้องรอสัมภาษณ์ข้างหลังตม. เข้าไปถึงแล้วแอบตกใจเบาๆว่านี้เราเป็นคนไทยคนเดียวหรอเนี่ย ที่เหลือก็มีพี่จีนบ้าง มาเก๊าบ้างคละๆกันไป แล้วมีอินเดียอีกคนนึง นั่งรอประมาณสิบนาทีพี่ชายตม.ก็เดินเข้ามาหน้าห้องพร้อมเรียกชื่อเราเข้าไปข้างใน

พอไปนั่งปุ๊บ คำถามแรกทั่วๆไปเลยก็คือเราแพลนไปไหนบ้าง อยู่กี่วัน ระหว่างเราอธิบาย ตม.ก็จะนั่งพิมพ์ไปด้วย หลังจากอธิบายเสร็จก็ถามต่อแล้วจะกลับไทยเมื่อไหร่มีตั๋วไหม ซึ่งเรายังไม่ได้กลับไทยแต่จะกลับเข้าจีนอีกรอบพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลไป พร้อมทั้งกำลังจะโชว์ตั๋วทั้งไฟท์เซิ้นเจิ้น-เฉิงตู และเฉิงตู-ไทย แต่คาดว่าพี่ชายตม.คงมองหน้าพิจารณาเราแล้วว่ายัยนี้ไม่มีพิษภัยอะไรกับบ้านเค้า จากสภาพแล้วไปใช้แรงงานน่าจะไม่รอด ไปขายนาผืนน้อยยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ใหญ่เลยเพราะน่าจะไม่มีใครชอบของแปลก เลยบอกว่าไม่ดูแล้วเรียบร้อยไม่มีปัญหาออกไปนั่งรอข้างนอกที่เดิมได้เลย

หลังจากนั้นก็กลับไปนั่งรอที่เดิมประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้พาสปอสคืนมา แต่แอบมีประเด็นตอนคืนนิดนึงตรงเข้าไม่ค่อยเชื่อว่าพาสปอสนี้เป็นของเรา เพราะในรูปและตัวจริงไม่ค่อยเหมือนกัน เค้าถามย้ำสองสามรอบจนเราบอกว่า ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักอายไลเนอร์ ที่เขียนคิ้วว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้รู้จักแล้วกลายเป็นเพื่อนซี้กันด้วย พอได้ยินที่เราตอบไปแค่นั้นแหละเค้าหัวเราะกันหมดพร้อมคืนพาสปอสและคำพูดว่า ยินดีต้อนรับสู่ฮ่องกง ส่วนเราพอออกไปจากห้องนี้ไปได้ เข่าอ่อนแทบทรุด นึกว่าจะโดนส่งกลับจีนไปซะแล้ว


จากเหตุการณ์นี้เราเลยคิดว่าถ้าเราบริสุทธิ์ใจ ตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ เค้าถามอะไรเราตอบได้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะเอกสารหลักฐานอะไรเราก็ไม่ได้โชว์ให้เค้าดูสักอย่างนอกจากคำพูดลอยๆของเรา ซึ่งเราคิดว่าเค้าดูออกว่าใครพูดจริงไม่จริง เพราะเค้าทำงานด้านนี้กันมานานย่อมมีประสบการณ์ ดังนั้นหากโดนเชิญเข้าห้องเชือดเช่นเราอย่าได้กลัว มีอะไรก็พูดไปให้หมด


ปล.หลังจากนั้นอีกสองสามเดือน เมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมานี้เราก็บินกลับไปเที่ยวฮ่องกงอีกที ฉลองลาออกงาน รอบนี้ไปกับน้องสาวค่ะ เลยให้น้องเข้าช่องตรวจก่อนเพราะคิดว่าถ้ามีเหตุการณ์อะไรจะได้ไปช่วยคุยด้วยได้ทัน ซึ่งน้องเราเป็นคนค่อนข้างจะน่าตาดีคนนึง แต่งตัวแต่งหน้าจัด ดูเป็นสาวมาก (ช่างต่างกับพี่นางเหลือเกิน)

พอตมเห็นหน้านางเท่านั้นแหละ คำถามแรกที่นางโดนถามคือมาคนเดียวหรอ เราได้ยินอย่างนั้นเลยรีบเดินไปหานางพร้อมทั้งยื่นพาสปอสเราให้แล้วบอกมาด้วยกันสองคน คนนี้น้องสาวเรา ซึ่งพี่ชายตม.พลิกหน้าพาสเราละเอียดยิบเลย ซึ่งทั้งเล่มไม่มีอะไรเลยเป็นพาสหน้าขาวเพราะเล่มนี้เป็นเล่มใหม่หลังจากเรากลับไทย

เมื่อเห็นเค้าเริ่มหันหน้าหันหลังแล้วเราเลยรีบบอกว่าเราเอาเล่มเก่ามาด้วย อันนี้เพิ่งทำเพราะเล่มเก่าเหลือแค่เดือนเดียวหมดอายุแล้ว พร้อมทั้งรีบยื่นเล่มเก่าให้อีกเล่ม พอเห็นเราเอาเล่มเก่ายื่นให้น้องเรานางเลยทำตามบ้าง เพราะเล่มใหม่นางมีแค่วีซ่าจีนตอนไปเที่ยวหาเราแค่นั้น

พี่ตมพลิกดูแบบละเอียดมากทั้งของน้องและของเรา โดยเฉพาะของเรานางดูวีซ่าจีนเรานานมาก ก่อนจะถามคำถามทั่วไปว่ามากี่วัน หลังจากออกจากฮ่องกงจะไปไหนต่อ ระหว่างนางถามนางก็ดูน่าพาสปอสหน้าแรกเรากับของน้องไปพร้อมๆกันด้วย เหมือนนางจะเทียบนามสกุลมั้งว่าตรงกันจริงๆมั้ย เพราะเราตอบเสร็จก็ยังเห็นนางไม่ว่างมือจากพาสปอสของเราและน้อง พร้อมหันไปคุยกวางตุ้งกับพี่ชายตมข้างหลังอีกคนสักแปบก่อนจะเอาใบเข้าเมืองเรากับน้องในพาสปอสไปพร้อมพิมพ์ใบแสตมป์เข้าเมือง เห็นแล้วโล่งเลย นึกว่าจะได้เข้าไปอีกรอบซะแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่