เบื่อแล้วนะ!!! จะกีดกันไปไหน กะอีแค่สายศิลป์สอบเข้าคณะสายวิทย์

เบื่อมาก กะอีแค่ เรียนอยู่สายศิลป์ไปสอบเข้าคณะทางวิทยาศาสตร์ อย่างพยาบาล วิศวะ เภสัช กีดกันซะอย่างกับอะไรดี ทีพวกสายวิทย์ จะเข้าคณะภาษา แทบจะปูพรมให้เข้า จะ2มาตรฐานไปไหน เด็กเค้าสอบเข้าไปได้แทนที่จะให้โอกาส นี่อะไร เด็กเค้าสอบเข้าไปได้ สอบสัมภาษณ์มาตัดสิทธิ์ ซะอย่างงั้น คือไร งง?? เม่าโกรธ

แล้วถ้ามาบอกว่า "เรียนสายวิทย์มา เรียนวิทย์แทบตาย มาโดนเด็กสายศิลป์ที่ไปเรียนพิเศษข้างนอกมา แย่งที่ซะอย่างงั้น"

แหม่ ทีพวกสายวิทย์ที่ ไปเรียนภาษาข้างนอกมา แล้วมาแย่งที่สายศิลป์ที่เรียนภาษามาแทบตายบ้างล่ะ ไม่เห็นจะกีดกันเลย

ในเมื่อเด็กสายศิลป์เค้าก็สอบได้ ก็ควรจะให้โอกาสเค้าหน่อยมั้ย ไม่ใช่มาตัดสิทธิ์เด็กที่เค้าอุตส่าห์สอบเข้ามาได้ เบื่ออออออออ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 236
ถ้ายังมีคนเข้ามาอ่านอยู่ ปัจจุบันได้เรียน พยาบาล สมใจหวังแล้วครับ ขอบคุณทุกความเห็นละกันครับ
ถามว่าเข้าเรียนได้ไง ในเมื่อไม่รับสายศิลป์ ?
ง่ายๆ ครับ ก็ลาออกจากสายศิลป์ ไปเรียนสายวิทย์ ม.4 ใหม่ จนจบม.6 แล้วก็มาสอบเข้า ถามว่าเสียเวลามั้ย  ไม่อ่ะ คุ้มค่า ยิ้ม

หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นบทเรียนสำคัญ สำหรับน้องๆมัธยม ที่กำลังคิดเรื่องเรียนสายการเรียน นะครับ ว่าถ้าเลือกสายการเรียนผิดสำคัญขนาดไหน  

ปล.ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการที่จำกัดสายการเรียนในการเข้ามหาลัย อยู่ดี หวังว่าระบบการศึกษาในอนาคตจะเปลี่ยนไปทางที่ดีขึ้น(?)
เห็นมี ดราม่าเรื่องสายการเรียนทุกปี ๆๆๆ เห็นแล้วก็เบื่อ โดยเฉพาะ คนที่ชอบเข้ามาย่ำๆ เยาะเย้ย คนที่เค้าตัดสินใจเลือกสายการเรียนผิด ไปบอกเค้า ขี้แพ้เอง บลาๆ ครับ ชีวิตนี้คุณคงตัดสินใจถูกมาตลอด ไม่มีผิดพลาดเลย

ขอบคุณที่อ่านจบครับ จากอดีตเด็กขี้แพ้สายศิลป์เอง บลัยย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
ตอนเรียนม.ปลายเรียนหน่วยกิตน้อยกว่า แต่จะมาเรียกร้องสิทธิ์ในการเข้ามหาวิทยาลัยที่เท่าเทียมกันเหรอครับ
แบบนี้คนอื่นๆจะต้องนั่งงมเรียนสายวิทย์หน่วยกิตแน่นเอี้ยดให้เหนื่อยทำไมล่ะครับ

ถ้าจะบอกว่าไปเรียนพิเศษ ทำข้อสอบคัดเลือกได้ = มีคุณภาพพอ
แน่ใจเหรอครับว่ามีคุณภาพพอจริง

พูดมาถึงตรงนี้ก็ต้องต่อกันที่ระบบการสอบคัดเลือกของไทยที่ถอยหลังเข้าคลองต่อเลย

เอาง่ายๆ ถ้าจขกท.เคยได้ยินเรื่องการสอบคัดเลือกสมัยที่เป็นสอบ Entrance (ทั้งแบบสอบรอบเดียวและ 2 รอบ) มาบ้าง
ผมยกตัวอย่างจากยุคผมที่เป็นสอบ Entrance ละกันครับ

สอบ Entrance
วิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สอบแยกวิชา คิดคะแนนแยกวิชา
คณะสายวิทย์ส่วนใหญ่ใช้คะแนนทั้ง 3 วิชานี้ในการคัดเลือกร่วมด้วย ซึ่งก็ส่วนใหญ่จะมีค่าน้ำหนักถ่วงในคะแนนรวมไม่ต่ำกว่าครึ่งอยู่แล้ว
(น่าจะมีเฉพาะสายการแพทย์ที่ไม่ถึง เพราะใช้ครบ 7 วิชา ไทย อังกฤษ สังคม เลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
คนที่จะเข้าคณะสายวิทย์ได้ก็ต้องใช้ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ในการพาเข้า
ถ้าคะแนนต่ำ จะมาหวังไทย อังกฤษพาเข้าล้วนๆเนี่ยยากมาก

แต่ปัจจุบันผมได้ยินมาว่า ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ โดนรวบเหลือวิชาเดียว
ทำให้น้ำหนักถ่วงในคะแนนรวมไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
เช่นใช้คะแนน ไทย อังกฤษ เลข วิทย์ --> วิทย์มีน้ำหนักถ่วงแค่ 25%
ทำไทย สังคมได้เยอะๆก็กินน้ำหนักถ่วง 50% พาเข้าคณะวิทย์ได้ไม่ยากแล้ว

ผลคือ ปัจจุบัน (จริงๆมันเป็นเรื่องที่มีปัญหามาหลายปีแล้ว) คณะสายวิทย์แทบทุกคณะอัตราเด็กรีไทร์ เด็กซิ่นพุ่งสูงกว่าสมัย Entrance เยอะมาก
เพราะเด็กที่ไม่แน่นวิทย์ แล้วได้ไทย สังคม อังกฤษพาเข้านั้นมีเยอะ

กลับมาที่การสอบคัดเลือก
ไดโนเสาร์ใน สทศ. ก็ออกข้อสอบแพทเทิร์นเดิมๆ จนติวเตอร์เอาข้อสอบเก่ามากางแล้วเดาทางข้อสอบกันได้
ติวเตอร์มักง่ายก็สอนให้เด็กอ่านหนังสือทำข้อสอบตามธง ตรงไหนไม่ออกไม่ต้องอ่าน
เริ่มเห็นรึยังครับว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนครบหลักสูตร หรือเรียนผิวเผิน หรือไปแค่ติวสอบคัดเลือกจะขาดความรู้ตรงไหนไปบ้าง

พอเข้าไปเรียนคณะสายวิทย์ที่เจอเนื้อหาครบๆก็จบเห่สิครับ พื้นฐานไม่มี พื้นฐานไม่แน่น เพราะไม่สนใจหัวข้อนั้นๆตอนสอบเพราะไม่ออกสอบ



ถ้าบอกว่ามีสักกี่ % ที่รู้ตัวว่าอยากเรียนอะไรตอนม.4
ก็ต้องรักษาสิทธิ์ครับ เลือกสายที่เรียนครบที่สุดไว้ก่อนแล้วค่อยเลือกครับ
เรียนหน่วยกิตน้อยกว่าอย่าโอดโอยครับ ในเมื่อเลือกที่จะทิ้งสิทธิ์นั้นไปแล้วตอนม.4
ความคิดเห็นที่ 2
ก่อนที่น้องจะเลือกเรียนในระดับ ม.ปลาย น้องก็ควรจะผ่านกระบวนการคิดมาระดับนึงแล้วนะพี่ว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่