เมื่อเช้าผมได้อ่านข่าวจากโพลนี้
http://www.thansettakij.com/content/143065
ทำให้ต้องกลับมานั่งนึกว่า ปัญหาจริงๆตอนนี้ของประเทศไทยอยู่ตรงไหน?
เพราะเมื่อก่อนก็เห็นใครๆก็ถามหาว่าประชาธิปไตยบ้านเราเต็มใบหรือยัง? ประชาธิปไตยที่กินได้จริงคืออะไร?
แล้วก็มาย้อนคิด การเมืองบ้านเราผูกและอิงกระแสทุกอย่างไว้จริงๆแหล่ะ คือ อะไรที่เป็นกระแส สามารถโยงเข้าการเมืองได้หมด
แม้กระทั่งเรื่องหมุดหาย เรื่อง พรบ ท้ายกระบะ หรือแม้แต่ ปัญหาอาชญากรรม คดีต่างๆ ก็ล้วนเป็นการเมืองได้ทั้งสิ้น เพราะโลกที่แคบลง
เราก็คุยสนทนาผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกเรื่อง และการเมืองก็เป็นอีกหัวข้อที่คนไทยสนใจ
เท่าที่ จขกท ติดตามการเมืองมา เห็นการเปลี่ยนแปลงมาทุกยุคทุกสมัยกับการเมืองไทย และพอจะสรุปได้ว่าปัญหาส่วนใหญ่
ก็เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องนั่นเอง ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกรัฐบาลจนกลายเป็นว่า เราพยายามพัฒนาระบบประชาธิปไตย
แต่ลืมพัฒนาความกินดีอยู่ดีของ ประชาชนไปหรือป่าว ?
มีรัฐบาลไหนที่ทำสำเร็จจนคนในประเทศ กินดีอยู่ดี ลืมตาอ้าปากได้เป็นผลสำเร็จ?
ถ้าใครเห็นคำสัมภาษณ์ของ ท่านพลเอกประวิทย์ เรื่องหมุดคณะราษฎร์หาย ดูเหมือนท่านก็ยังให้ความสำคัญเรื่องปากท้อง
นั่นก็แปลว่า ท่านคงยอมรับกลายๆว่า ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้หนักสุด ( เหมือนโพลที่จขกท ยกมา )
ถ้าถามผมนะ ลองให้ไปถามเด็กว่า ณ ย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน 2457 เรามีจุดกำเนิดของรัฐธรรมนูญไว้จริงหรือไม่ ?
และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ของคณะราษฎร์ ส่งผลให้เรามีรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดไว้ใช้ จริงหรือ ?
ผมว่าเด็นรุ่นนี้ก็คงไม่มีใครตอบได้ และไม่สนใจหรอก
แต่ถ้าถามว่า หมุดของคณะราษฎร์ที่หายไป คือหลักฐานทาง ปวศ ที่สามารถอ้างอิงได้ใช่หรือไม่ เด็กก็คงตอบว่าใช่
นั่นเพราะความเข้าใจของเด็กคือ หมุดอันนี้มีค่าทางวัตถุ มากกว่าค่าทางจิตใจ เพราะเท่าที่เห็นคณะราษฎร์เองก็ไม่ได้ส่งเสริมหรือ
ทำการปกครองใน ระบบ ประชาธิปไตยให้เต็มใบ หรือเป็น ประชาธิปไตยที่กินได้เลย เพราะ รปห ก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าเป็นผม ผมคิดนะ ว่าการฉีก รัฐธรรมมนูญ ก็คือการเดินย่ำรอยซ้ำ จากสิ่งที่บรรพบุรุษทำไว้ ( คหสต ครับ)
ผมว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนถ่ายจากระบบ อนุรักษ์นิยม( conservatism) มาเป็นเสรีนิยมใหม่ ( neoliberalism) กันนะครับ
การปรับตัวในหลักทฤษฎี ทางเศรษฐกิจการค้าเสรี จึงมีความจำเป็นที่เด็กรุ่นใหม่ จะต้องเรียนรู้ควบคู่กันไปการเปลี่ยนแปลง
ที่ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ เด๋วจะมีคนมาแย้งว่า ถ้าจะเปลี่ยนไปเป็นเสรีนิยมใหม่ มันก็จะขัดในหลักเศรษฐกิจพอเพียงอีก ซึ่งผมยืนยันว่าทฤษฎี
เศรษฐกิจพอเพียงก็สามารถประยุกต์เป็น เสรีนิยมใหม่ได้ง่ายๆและเป็นไปได้ครับ
เขียนมายาว เด๋วคนอ่านจะงง เอาเป็นว่า สรุปแล้วกันครับ
ผมคิดเองว่า ทำยังไงให้ประเทศเราพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้กินได้ โดยเราไม่ต้องกลับไปยึดหลักการปกครองระบบประชาธิปไตย
แบบเก่าที่เรามักอ้างถึง รัฐธรรมมนูญที่เขียนขึ้นฉบับแล้วฉบับเล่า แล้วทุกครั้งที่เมื่อใดฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่พอใจกับรัฐธรรมนูญฉนับบนั้น
ก็ฉีกมันลง และหาข้ออ้างในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาอีก มีใครเคยคิดว่า ระบอบประชาธิปไตยบ้านเรา หาจุดสมดุลย์ที่ลงตัวได้บ้าง?
ใครพอจะมีความเห็นหรือแนวทางที่ต่างไปจาก ความเห็นของจขกท บ้างป่ะครับ?
ประชาธิปไตยที่กินได้จริงคืออะไรครับ ?
ทำให้ต้องกลับมานั่งนึกว่า ปัญหาจริงๆตอนนี้ของประเทศไทยอยู่ตรงไหน?
เพราะเมื่อก่อนก็เห็นใครๆก็ถามหาว่าประชาธิปไตยบ้านเราเต็มใบหรือยัง? ประชาธิปไตยที่กินได้จริงคืออะไร?
แล้วก็มาย้อนคิด การเมืองบ้านเราผูกและอิงกระแสทุกอย่างไว้จริงๆแหล่ะ คือ อะไรที่เป็นกระแส สามารถโยงเข้าการเมืองได้หมด
แม้กระทั่งเรื่องหมุดหาย เรื่อง พรบ ท้ายกระบะ หรือแม้แต่ ปัญหาอาชญากรรม คดีต่างๆ ก็ล้วนเป็นการเมืองได้ทั้งสิ้น เพราะโลกที่แคบลง
เราก็คุยสนทนาผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกเรื่อง และการเมืองก็เป็นอีกหัวข้อที่คนไทยสนใจ
เท่าที่ จขกท ติดตามการเมืองมา เห็นการเปลี่ยนแปลงมาทุกยุคทุกสมัยกับการเมืองไทย และพอจะสรุปได้ว่าปัญหาส่วนใหญ่
ก็เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องนั่นเอง ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกรัฐบาลจนกลายเป็นว่า เราพยายามพัฒนาระบบประชาธิปไตย
แต่ลืมพัฒนาความกินดีอยู่ดีของ ประชาชนไปหรือป่าว ?
มีรัฐบาลไหนที่ทำสำเร็จจนคนในประเทศ กินดีอยู่ดี ลืมตาอ้าปากได้เป็นผลสำเร็จ?
ถ้าใครเห็นคำสัมภาษณ์ของ ท่านพลเอกประวิทย์ เรื่องหมุดคณะราษฎร์หาย ดูเหมือนท่านก็ยังให้ความสำคัญเรื่องปากท้อง
นั่นก็แปลว่า ท่านคงยอมรับกลายๆว่า ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้หนักสุด ( เหมือนโพลที่จขกท ยกมา )
ถ้าถามผมนะ ลองให้ไปถามเด็กว่า ณ ย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน 2457 เรามีจุดกำเนิดของรัฐธรรมนูญไว้จริงหรือไม่ ?
และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ของคณะราษฎร์ ส่งผลให้เรามีรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดไว้ใช้ จริงหรือ ?
ผมว่าเด็นรุ่นนี้ก็คงไม่มีใครตอบได้ และไม่สนใจหรอก
แต่ถ้าถามว่า หมุดของคณะราษฎร์ที่หายไป คือหลักฐานทาง ปวศ ที่สามารถอ้างอิงได้ใช่หรือไม่ เด็กก็คงตอบว่าใช่
นั่นเพราะความเข้าใจของเด็กคือ หมุดอันนี้มีค่าทางวัตถุ มากกว่าค่าทางจิตใจ เพราะเท่าที่เห็นคณะราษฎร์เองก็ไม่ได้ส่งเสริมหรือ
ทำการปกครองใน ระบบ ประชาธิปไตยให้เต็มใบ หรือเป็น ประชาธิปไตยที่กินได้เลย เพราะ รปห ก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าเป็นผม ผมคิดนะ ว่าการฉีก รัฐธรรมมนูญ ก็คือการเดินย่ำรอยซ้ำ จากสิ่งที่บรรพบุรุษทำไว้ ( คหสต ครับ)
ผมว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนถ่ายจากระบบ อนุรักษ์นิยม( conservatism) มาเป็นเสรีนิยมใหม่ ( neoliberalism) กันนะครับ
การปรับตัวในหลักทฤษฎี ทางเศรษฐกิจการค้าเสรี จึงมีความจำเป็นที่เด็กรุ่นใหม่ จะต้องเรียนรู้ควบคู่กันไปการเปลี่ยนแปลง
ที่ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ เด๋วจะมีคนมาแย้งว่า ถ้าจะเปลี่ยนไปเป็นเสรีนิยมใหม่ มันก็จะขัดในหลักเศรษฐกิจพอเพียงอีก ซึ่งผมยืนยันว่าทฤษฎี
เศรษฐกิจพอเพียงก็สามารถประยุกต์เป็น เสรีนิยมใหม่ได้ง่ายๆและเป็นไปได้ครับ
เขียนมายาว เด๋วคนอ่านจะงง เอาเป็นว่า สรุปแล้วกันครับ
ผมคิดเองว่า ทำยังไงให้ประเทศเราพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้กินได้ โดยเราไม่ต้องกลับไปยึดหลักการปกครองระบบประชาธิปไตย
แบบเก่าที่เรามักอ้างถึง รัฐธรรมมนูญที่เขียนขึ้นฉบับแล้วฉบับเล่า แล้วทุกครั้งที่เมื่อใดฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่พอใจกับรัฐธรรมนูญฉนับบนั้น
ก็ฉีกมันลง และหาข้ออ้างในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาอีก มีใครเคยคิดว่า ระบอบประชาธิปไตยบ้านเรา หาจุดสมดุลย์ที่ลงตัวได้บ้าง?
ใครพอจะมีความเห็นหรือแนวทางที่ต่างไปจาก ความเห็นของจขกท บ้างป่ะครับ?