นับจากกระทู้แรกในพันทิป..
ว่าด้วยเรื่องการไปฝึกงานที่เกียวโตเป็นเวลาสองเดือน
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปเกือบสองปี ตอนนี้จขกท.เรียนจบแล้วค่าา
และนี่ก็คือทริปแรกที่ใช้เงินน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของเรา
กระทู้นี้จะขออนุญาตรีวิว เล่าประสบการณ์ต่างๆที่ได้พบเจอระหว่างทริป ซึ่งมีสาระบ้างไม่มีบ้าง
* จะพยายามสรุปประเด็นสำคัญไว้ในตอนต้นเพื่อให้ง่ายต่อคนที่จะจดไปแพลนทริปของตัวเองต่อ *
หลังจากนั้นขอเม้าท์แต่ละวันยาวยาววว ซึ่งก็คงเหมือนเล่าความรู้สึกสู่กันฟังสำหรับคนที่ยังลังเลใจ
ว่าจะไปดีไหม เวียดนามมีอะไรน่าสนใจนักหรอ แต่คงจะไม่ใช่รีวิวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอย่างชัดเจน
รูปก็อาจไม่สวยถูกใจมากนักเพราะเราถ่ายง่อยๆจากกล้องไอโฟน ถ้าเห็นสวยๆคือเราขโมยรูปจากกล้องเพื่อนมาลง 5555
เอาเป็นว่าใครสนใจจุดไหนเป็นพิเศษ ถามมาได้น้า เราอาจจะพลาดไม่ได้กล่าวถึงไป
และขอขอบคุณกระทู้ท่องเที่ยวเวียดนามทุกกระทู้สำหรับคำแนะนำให้เราได้อ้างอิง ขออภัยที่จำชื่อกระทู้ไม่ได้ทั้งหมดนะคะ
*เราจะใส่สปอยล์ สรุปเกร็ดเล็กๆไว้ตรงนี้*
จะอ่านแค่สปอยล์ หรืออ่านทั้งหมดก่อนแล้วค่อยย้อนมาอ่านสรุป ก็ตามสะดวกเลยน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ชอบถ่ายรูป กินกาแฟ เดินเล่นในเมือง สัมผัสธรรมชาติแบบชิวๆ-โหด ทนลมทนแดดไว้ เวียดนามเป็นเดสติเนชั่นที่ดีมากที่คุณควรไปเยือนค่ะ
- ค่าที่พักที่ดาลัท เรานอนห้องใหญ่ 7 คน ห้องละ 1350 เอง ส่วนอีก 2 ที่ประมาณ 3 พัน คิดว่าถูกมากกกกเมื่อเทียบกับสถานที่เที่ยวหลายๆที่ ขนาดที่ไทยจะไปไหนกัน 7 คนยังคำนวณค่าที่พักกันเหงื่อตกเลย
- การเดินทางสะดวก ไม่ยากเกินความสามารถของคนโง่ๆป้ำๆเป๋อๆแบบเรา ขนส่งสาธารณะแม้ไม่ได้มีระเบียบไรมาก แต่เดินทางง่ายกว่าบ้านเราอะเอาจริง
- มิจฉาชีพไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อาจจะเพราะว่าเราไปกันเยอะด้วย เดินตัวปลิวถ่ายรูปเพลินไม่ได้ระวังกระเป๋าอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าไปกันน้อยๆก็ต้องดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ อย่าประมาท สำหรับพวกพ่อค้าแม่ค้าที่มาตื้อก็น่ากลัวและน่ารำคาญจริง แต่ทำหน้าอึน เดินหนีก็รอดแล้วล่ะ
- การข้ามถนนอันขึ้นชื่อ อยู่ๆไปจะอัพสกิล ทริคคืออย่างึกงักอย่าพะว้าพะวงหลัง มั่นๆหน่อยรถจะหลบคุณเอง แต่อย่างไรก็เถอะ ทำประกันการเดินทางด้วยเถอะนะคะเพื่อความมั่นใจ 55555 (เริ่มต้น 400 บาท ซื้อออนไลน์ง่ายมากลองหาดู คุ้มครองตัวเองอีกขั้นเนอะ)
- กาแฟอร่อย แต่กินไม่เป็น ชอบกินแต่ไม่สามารถแยกรสใดๆได้ คาเฟ่มีสไตล์ เราชอบที่เค้าค่อนข้างยูนีคในแต่ละที่ ไม่ได้หน้าตาเหมือนๆกันไปสะหมด บางอันมินิมอลก็น้อยแต่แพงมากเลย บางอันก็ยกป่าอะเมซอนมา และที่นี่จะเป็นโรคชอบเอาตึกเก่าๆมาทรานฟอร์มเป็นอะไรเก๋ๆอ่ะ ชอบ ว่าจะเก็บตังไปหาซื้อซักตึกเป็นของตัวเองอยู่
- โฮจิมินท์คือฟักกิ้งบีซีซิตี้ คำนี้เป็นคำที่เราชอบใช้เรียกเมืองของแต่ละประเทศที่วุ่นวายหน่อยๆ แต่ถามว่ารักมั้ย รักนะ
- ดาลัทเป็นเดอะเบสท์ออฟสภาพภูมิอากาศ แม้ตอนเช้าจะทรมานใจไปหน่อย แต่พอตกบ่าย แดดแรงๆกับลมหนาวๆ มันคือสวรรค์ของชั้นนน (เป็นอากาศที่ใส่เกาะอกเดินขึ้นเขาได้ ไม่หนาวเกินไปและเหงื่อไม่แตกอ่ะ โคตรรักเลย เป็นมิตรต่อการถ่ายรูปเปลี่ยนโปรไฟล์เฟสบุคมากๆ)
- มุยเน่ที่เรามีเวลาสัมผัสในแง่มุมทะเลน้อยไปหน่อย แต่ให้ 10/10 กับความหลากหลายของภูมิประเทศ เรารักเนินทะเลทรายเคียงคู่ทะเลสาปของเค้ามาก ตัดสินใจแล้วบั้นปลายอยากไปขอตั้งฮวงซุ้ยที่นั่น
- สุดท้าย คนเวียดนาม น่ารักเป็นมิตรใจดี ถ้าเป็นวัยรุ่นจะสื่อสารอังกฤษได้ แก่กว่านั้นหน่อยต้องวัดดวงเอา แต่เค้าค่อนข้างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือเรานะ ผู้เฉยๆเพราะมองแต่ฝรั่ง ส่วนผู้หญิงน่ารักจิ้มลิ้ม ผิวเขาดีจริงอะยอม
ทริปของเราประกอบไปด้วยนักศึกษาพึ่งจบสดใหม่ 7 คน (จ้างทำงานได้ ร้อนเงิน)
จุดหมายปลายทาง ดอนเมือง-โฮจิมินท์-ดาลัท-มุยเน่-โฮจิมินท์-สุวรรณภูมิ ใช้เวลาในช่วงหยุดยาวสงกรานต์
เราเริ่มแพลนทริปนี้กันตั้งแต่ปลายปี 2016 แต่ด้วยความที่ตัดสินใจช้า
มาจองตั๋วกันเอาตอนต้นปีใหม่ ทำให้ราคาตั๋วไป-กลับ พุ่งขึ้นไปถึงห้าพันห้า แต่ก็พอรับได้อยู่
งบประมาณที่ใช้ไม่รวมค่าตั๋ว เราแลกเงินไป 6 พันบาท
ใช้หมดรวมค่าดื่มกิน+ค่าที่พัก กินค่อนข้างหรูอยู่สบาย ไม่คุมงบ ไม่อด
ในการเตรียมตัวก่อนเดินทาง เราจองที่พักทางเว็ปบุคกิ้งทั้งหมด 3 ที่
ส่วนรถนอนและรถบัสที่นั่งข้ามเมืองวอล์คอินจอง ตอนแรกก็กลัวว่าคนจะเยอะ รถจะเต็ม
แต่เอาเข้าจริงรถมีหลายรอบ มีหลายบริษัท ดูเหมือนเค้าสามารถรองรับคนได้เรื่อยๆเลยนะ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ด้นสด เปิดเน็ตหากันหน้างาน วุ่นเหมือนกันพอไปกันเยอะๆ 555 แต่ก็สนุกดี
ต้องขอขอบคุณที่เรามาเจอกระทู้ของพี่นินก่อนเดินทาง
https://pantip.com/topic/36325751
ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการทำแคมเปญรูปถ่ายจากกระทู้นี้ การเที่ยวเวียดนามครั้งนี้จึงมีสีสันและสนุกขึ้นมั่กกก
เริ่มจากเมืองแรก
- Hồ Chí Minh -
เมืองแห่งคาเฟ่ กาแฟ โบสถ์ เสียงแตร และความร้อนนนน
เป็นอะไรที่วุ่นวายพอสมควรกับการว้าวุ่นอยู่ในโฮจิมินท์ตั้งแต่ 9 โมงเช้า
(เครื่องลง 7 โมง เสียเวลาไปกับการแลกตังและซื้อซิมเน็ตที่สนามบินอยู่เกือบสองชม.)
หลังจากไปซื้อตั๋วรถนอนของ FUTA BUS สำหรับไปดาลัทคืนนี้ และฝากกระเป๋าที่ตึกคูหาข้างๆ
(แพคเกจฝากกระเป๋า+ใช้ห้องอาบน้ำ 70.000 ดอง จ่ายไปเถอะค่ะแนะนำ ได้อาบน้ำก่อนขึ้นรถนี่สวรรค์มากๆ)
เราก็ไปกินเฝอที่ร้านจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝากกระเป๋า ถือเป็นมื้อแรกในเวียดนามที่พอใช้ได้
เฝอชามละ 80.000ดองดูราคาแพงไปหน่อย ตอนหลังเจอร้านที่ถูกและอร่อยกว่านี้
อันนี้มันเหมือนเป็นร้านแฟรนไชส์คล้ายๆพวก ยำแซ่บ ตามห้างบ้านเราอะไรงี้อ่ะ
พอกินข้าวเสร็จ เคว้ง ไม่รู้จะทำอะไร
เดินเข้าสตาบัคไปงงๆ กินกาแฟงงๆ เดินออกแบบงงๆ แต่เค้าตกแต่งสวยดีนะ อยากเอาหนังสือมานั่งอ่านชิวๆ

ก็มาเจอร้านนี้ ขายของที่ระลึกที่น่ารักดี มีพวกกาแฟ ภาพพิมพ์ โปสการ์ดเท่ๆ
เพื่อนเราซื้อไพ่มาเค้าออกแบบเป็นลวดลายประวัติศาสตร์คิงของเวียดนาม น่ารักอะ
เดินไปเรื่อยๆ ถึงโบสถ์นอทเทรอดามที่หลายๆคนต้องไป สวยจริง

ยิ่งอยู่กับบรรยากาศรอบๆแล้วมีความเป็นยุโรปมากๆ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
เสียดายวันนี้โบสถ์ปิดเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปข้างใน
เดินต่อไปถึงไปรษณีย์กลาง ร้อนเด้อ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
แต่ชอบตู้เอทีเอ็มข้างในที่ทำเป็นตู้โทรศัพท์เหมือนทางเข้ากระทรวงเวทมนตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย
แล้วก็ข้างๆไปรษณีย์กลาง จะมีซอยข้างๆแมคโดนัลด์ เป็นร้านหนังสือทั้งซอย
มีหนังสือภาษาอังกฤษลดราคาอยู่ด้วย แต่ส่วนมากก็จะเป็นภาษาเวียดนาม

อ้ะอ้ะ ในรูปดูสงบเสงี่ยมดีใช่ไหม?
ต้องลองมาข้ามถนนที่นี่ดูสักครั้งในชีวิต แล้วจะได้รู้สึกถึงชีวิตที่เฉียดความตายทุกวินาที
หลังจากเดินวนเข้าไปเยี่ยมชมห้าง ลองเข้าไปดูห้องคาราโอเกะ อยากร้องเพลงแต่อ่านชื่อเพลงไม่ออก
กินไอติมบาสกิ้นรอบบิ้น แล้วก็ตัดสินใจว่าเราไปเดินเล่นแถวริมน้ำดีกว่า ซึ่งบรรยากาศก็คล้ายๆวังหลัง+เอเชียทีคบ้านเรา
นี่คือตึกสตาร์คที่หลายๆคนพูดถึง ก็โฉบเฉี่ยวดีอ่ะ
แล้วเราก็ไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารเวียดนามซึ่งเสิร์ชจากกูเกิ้ล
บรรยากาศดูดี น่ารักมาก นักงานพูดภาษาอังกฤษได้

เรากับเพื่อนเลือกสั่งอาหารคนละหนึ่งอย่าง อาหารก็ไม่แพงมากเริ่มต้น 70.000 ดองไปจนถึงสามสี่แสนนู้น


ก็ได้มาเป็นนี่ค่ะ ข้าวผัด3โถ มีข้าวผัดหมู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดสีเขียวๆที่เค้าว่าเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน
กินไปกินมาก็รสชาติคล้ายๆกันหมด แต่ข้าวเวียดนามนี่อร่อยจริงๆมีความไทยผสมญี่ปุ่น เม็ดข้าวเป็นตัว
แล้วก็มีหมูพันตะไคร้ รสชาติคล้ายๆแหนมนิดๆ +หมูอบหม้อดินที่รสชาติเหมือนหมูฮ้องบ้านเราเป๊ะ
จานที่เราชอบมากๆคือหมูมะนาว เค้าใส่มะเฟืองเปรี้ยวๆฉ่ำๆ ตักทานพร้อมหมูแล้วแซ่บมากกก
และที่พิเศษมากคือเบบี้แคลม เป็นหอยตัวเล็กๆผัดเผ็ดนิดๆ มีความมันของหอย
ทานกับข้าวเกรียบงาแล้วดีงามมากจย้าาา จานนี้แนะนำเลยต้องลองนะ
สำหรับมื้อนี้หมดไปไม่ถึงล้าน สำหรับเจ็ดคนถือว่าโอเคอยู่ อิ่มพอประมาณ แล้วเราก็ออกไปลุยกันต่อ
- อพาร์ทเม้นต์คุณป้า (ตั้งชื่อเอง) -

และนี่คือไฮไลท์ของวันนี้ รูปนี้ยืมของเพื่อนมาลง ถ่ายเองแสงเน่ามาก
ตอนมองอยู่ข้างล่างก็เออเก๋ดี แอบสงสัยนิดหน่อยว่าผ้าที่ตากอยู่นั่นของจริงหรือเป็นพร้อบ
แต่พอเข้าไปข้างในแล้ว แม่เจ้า This is my place! คือชอบมากกกกกก
* แนะนำนะ
อย่าขึ้นลิฟท์ เพราะมันเสียตังและจะบอกว่าการเดินขึ้นบันไดแวะดูแต่ละชั้นมันได้อรรถรสกว่า
เราแวะทุกชั้น ถ่ายรูปทุกชั้น เพลินสุดๆ


บรรยากาศเหมือนห้องแถวที่มีเหตุการณ์ฆาตกรรมในซีรี่ย์ฝรั่งไรงี้อะ
อินสุดไรสุด ชอบจนอยากเก็บตังมาซื้อสักหนึ่งในห้องนั้นเป็นของตัวเอง
แล้วเราก็แวะกินขนมทีร้าน Saigon Oi เพราะชอบบรรยากาศหน้าร้านเค้า
พอเข้าไปในร้านแล้วยิ่งน่ารักเลยอะ ชานมอร่อยตามมาตรฐาน เค้กชาเขียวก็โอเค
ราคาไม่แพงเทียบกับบรรยากาศเก๋ๆแล้วฟินไปเลย

หลังจากกลับไปอาบน้ำ ที่ที่เราฝากกระเป๋าไว้ 4ทุ่มเราก็ไปเตรียมตัวขึ้นรถที่ตึกคูหาตรงข้าม
จริงๆแล้วเราจะต้องขึ้นรถตู้ ที่จะมารับเราไปส่งขึ้นรถบัสซึ่งจอดรออยู่นอกใจกลางเมืองอีกที
ซึ่งกว่าเราจะรู้กันก็4ทุ่มครึ่งไปแล้วเพราะรถบัสมันไม่มา แต่ก็ไม่มีใครมาบอกอะไรเราเลย
พอไปถามเค้าถึงจะพาเราไปขึ้นรถตู้ ระหว่างนี้ก็มีฝรั่งโวยวายนิดหน่อยเพราะเค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน
เอาเถอะ ไม่ตกรถก็ดีแล้วเนอะ

พอได้ขึ้นรถนี่ตื่นตาตื่นใจ มีความดิสโก้เทค เพื่อนเราบอกว่าเหมือนตู้แช่ล็อบสเตอร์
สำหรับเราเป็นผู้หญิงก็ว่านอนสบายดี ผู้ชายอาจจะคับแคบไปสักนิด ให้คะแนนความฟินพอๆกับรถไฟนอนเมืองไทยเรา
ถ้าใครชอบนั่งรถนานๆ แอร์เย็นๆ ห่มผ้าฟังเพลงไปตามทางเรื่อยๆน่าจะชอบเหมือนเรา
ขอเวลาเดินทางสักแปร้ปปป แล้วไปเที่ยวด้าแหล่ทท(สำเนียงเวียดนาม) กันต่อที่คอมเม้นล่างนะจ้ะ
FRIENDSTER JOURNEY in Vietnam } โฮจิมินท์-ดาลัท-มุยเน่ 5 วัน 4 คืน
ว่าด้วยเรื่องการไปฝึกงานที่เกียวโตเป็นเวลาสองเดือน
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปเกือบสองปี ตอนนี้จขกท.เรียนจบแล้วค่าา
และนี่ก็คือทริปแรกที่ใช้เงินน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของเรา
กระทู้นี้จะขออนุญาตรีวิว เล่าประสบการณ์ต่างๆที่ได้พบเจอระหว่างทริป ซึ่งมีสาระบ้างไม่มีบ้าง
* จะพยายามสรุปประเด็นสำคัญไว้ในตอนต้นเพื่อให้ง่ายต่อคนที่จะจดไปแพลนทริปของตัวเองต่อ *
หลังจากนั้นขอเม้าท์แต่ละวันยาวยาววว ซึ่งก็คงเหมือนเล่าความรู้สึกสู่กันฟังสำหรับคนที่ยังลังเลใจ
ว่าจะไปดีไหม เวียดนามมีอะไรน่าสนใจนักหรอ แต่คงจะไม่ใช่รีวิวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอย่างชัดเจน
รูปก็อาจไม่สวยถูกใจมากนักเพราะเราถ่ายง่อยๆจากกล้องไอโฟน ถ้าเห็นสวยๆคือเราขโมยรูปจากกล้องเพื่อนมาลง 5555
เอาเป็นว่าใครสนใจจุดไหนเป็นพิเศษ ถามมาได้น้า เราอาจจะพลาดไม่ได้กล่าวถึงไป
และขอขอบคุณกระทู้ท่องเที่ยวเวียดนามทุกกระทู้สำหรับคำแนะนำให้เราได้อ้างอิง ขออภัยที่จำชื่อกระทู้ไม่ได้ทั้งหมดนะคะ
*เราจะใส่สปอยล์ สรุปเกร็ดเล็กๆไว้ตรงนี้*
จะอ่านแค่สปอยล์ หรืออ่านทั้งหมดก่อนแล้วค่อยย้อนมาอ่านสรุป ก็ตามสะดวกเลยน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทริปของเราประกอบไปด้วยนักศึกษาพึ่งจบสดใหม่ 7 คน (จ้างทำงานได้ ร้อนเงิน)
จุดหมายปลายทาง ดอนเมือง-โฮจิมินท์-ดาลัท-มุยเน่-โฮจิมินท์-สุวรรณภูมิ ใช้เวลาในช่วงหยุดยาวสงกรานต์
เราเริ่มแพลนทริปนี้กันตั้งแต่ปลายปี 2016 แต่ด้วยความที่ตัดสินใจช้า
มาจองตั๋วกันเอาตอนต้นปีใหม่ ทำให้ราคาตั๋วไป-กลับ พุ่งขึ้นไปถึงห้าพันห้า แต่ก็พอรับได้อยู่
งบประมาณที่ใช้ไม่รวมค่าตั๋ว เราแลกเงินไป 6 พันบาท
ใช้หมดรวมค่าดื่มกิน+ค่าที่พัก กินค่อนข้างหรูอยู่สบาย ไม่คุมงบ ไม่อด
ในการเตรียมตัวก่อนเดินทาง เราจองที่พักทางเว็ปบุคกิ้งทั้งหมด 3 ที่
ส่วนรถนอนและรถบัสที่นั่งข้ามเมืองวอล์คอินจอง ตอนแรกก็กลัวว่าคนจะเยอะ รถจะเต็ม
แต่เอาเข้าจริงรถมีหลายรอบ มีหลายบริษัท ดูเหมือนเค้าสามารถรองรับคนได้เรื่อยๆเลยนะ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ด้นสด เปิดเน็ตหากันหน้างาน วุ่นเหมือนกันพอไปกันเยอะๆ 555 แต่ก็สนุกดี
ต้องขอขอบคุณที่เรามาเจอกระทู้ของพี่นินก่อนเดินทาง https://pantip.com/topic/36325751
ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการทำแคมเปญรูปถ่ายจากกระทู้นี้ การเที่ยวเวียดนามครั้งนี้จึงมีสีสันและสนุกขึ้นมั่กกก
เริ่มจากเมืองแรก
- Hồ Chí Minh -
เมืองแห่งคาเฟ่ กาแฟ โบสถ์ เสียงแตร และความร้อนนนน
เป็นอะไรที่วุ่นวายพอสมควรกับการว้าวุ่นอยู่ในโฮจิมินท์ตั้งแต่ 9 โมงเช้า
(เครื่องลง 7 โมง เสียเวลาไปกับการแลกตังและซื้อซิมเน็ตที่สนามบินอยู่เกือบสองชม.)
หลังจากไปซื้อตั๋วรถนอนของ FUTA BUS สำหรับไปดาลัทคืนนี้ และฝากกระเป๋าที่ตึกคูหาข้างๆ
(แพคเกจฝากกระเป๋า+ใช้ห้องอาบน้ำ 70.000 ดอง จ่ายไปเถอะค่ะแนะนำ ได้อาบน้ำก่อนขึ้นรถนี่สวรรค์มากๆ)
เราก็ไปกินเฝอที่ร้านจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝากกระเป๋า ถือเป็นมื้อแรกในเวียดนามที่พอใช้ได้
เฝอชามละ 80.000ดองดูราคาแพงไปหน่อย ตอนหลังเจอร้านที่ถูกและอร่อยกว่านี้
อันนี้มันเหมือนเป็นร้านแฟรนไชส์คล้ายๆพวก ยำแซ่บ ตามห้างบ้านเราอะไรงี้อ่ะ
พอกินข้าวเสร็จ เคว้ง ไม่รู้จะทำอะไร
เดินเข้าสตาบัคไปงงๆ กินกาแฟงงๆ เดินออกแบบงงๆ แต่เค้าตกแต่งสวยดีนะ อยากเอาหนังสือมานั่งอ่านชิวๆ
ก็มาเจอร้านนี้ ขายของที่ระลึกที่น่ารักดี มีพวกกาแฟ ภาพพิมพ์ โปสการ์ดเท่ๆ
เพื่อนเราซื้อไพ่มาเค้าออกแบบเป็นลวดลายประวัติศาสตร์คิงของเวียดนาม น่ารักอะ
เดินไปเรื่อยๆ ถึงโบสถ์นอทเทรอดามที่หลายๆคนต้องไป สวยจริง
เสียดายวันนี้โบสถ์ปิดเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปข้างใน
เดินต่อไปถึงไปรษณีย์กลาง ร้อนเด้อ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
แต่ชอบตู้เอทีเอ็มข้างในที่ทำเป็นตู้โทรศัพท์เหมือนทางเข้ากระทรวงเวทมนตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย
แล้วก็ข้างๆไปรษณีย์กลาง จะมีซอยข้างๆแมคโดนัลด์ เป็นร้านหนังสือทั้งซอย
มีหนังสือภาษาอังกฤษลดราคาอยู่ด้วย แต่ส่วนมากก็จะเป็นภาษาเวียดนาม
ต้องลองมาข้ามถนนที่นี่ดูสักครั้งในชีวิต แล้วจะได้รู้สึกถึงชีวิตที่เฉียดความตายทุกวินาที
หลังจากเดินวนเข้าไปเยี่ยมชมห้าง ลองเข้าไปดูห้องคาราโอเกะ อยากร้องเพลงแต่อ่านชื่อเพลงไม่ออก
กินไอติมบาสกิ้นรอบบิ้น แล้วก็ตัดสินใจว่าเราไปเดินเล่นแถวริมน้ำดีกว่า ซึ่งบรรยากาศก็คล้ายๆวังหลัง+เอเชียทีคบ้านเรา
นี่คือตึกสตาร์คที่หลายๆคนพูดถึง ก็โฉบเฉี่ยวดีอ่ะ
แล้วเราก็ไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารเวียดนามซึ่งเสิร์ชจากกูเกิ้ล
บรรยากาศดูดี น่ารักมาก นักงานพูดภาษาอังกฤษได้
เรากับเพื่อนเลือกสั่งอาหารคนละหนึ่งอย่าง อาหารก็ไม่แพงมากเริ่มต้น 70.000 ดองไปจนถึงสามสี่แสนนู้น
ก็ได้มาเป็นนี่ค่ะ ข้าวผัด3โถ มีข้าวผัดหมู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดสีเขียวๆที่เค้าว่าเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน
กินไปกินมาก็รสชาติคล้ายๆกันหมด แต่ข้าวเวียดนามนี่อร่อยจริงๆมีความไทยผสมญี่ปุ่น เม็ดข้าวเป็นตัว
แล้วก็มีหมูพันตะไคร้ รสชาติคล้ายๆแหนมนิดๆ +หมูอบหม้อดินที่รสชาติเหมือนหมูฮ้องบ้านเราเป๊ะ
จานที่เราชอบมากๆคือหมูมะนาว เค้าใส่มะเฟืองเปรี้ยวๆฉ่ำๆ ตักทานพร้อมหมูแล้วแซ่บมากกก
และที่พิเศษมากคือเบบี้แคลม เป็นหอยตัวเล็กๆผัดเผ็ดนิดๆ มีความมันของหอย
ทานกับข้าวเกรียบงาแล้วดีงามมากจย้าาา จานนี้แนะนำเลยต้องลองนะ
สำหรับมื้อนี้หมดไปไม่ถึงล้าน สำหรับเจ็ดคนถือว่าโอเคอยู่ อิ่มพอประมาณ แล้วเราก็ออกไปลุยกันต่อ
- อพาร์ทเม้นต์คุณป้า (ตั้งชื่อเอง) -
และนี่คือไฮไลท์ของวันนี้ รูปนี้ยืมของเพื่อนมาลง ถ่ายเองแสงเน่ามาก
ตอนมองอยู่ข้างล่างก็เออเก๋ดี แอบสงสัยนิดหน่อยว่าผ้าที่ตากอยู่นั่นของจริงหรือเป็นพร้อบ
แต่พอเข้าไปข้างในแล้ว แม่เจ้า This is my place! คือชอบมากกกกกก
* แนะนำนะ อย่าขึ้นลิฟท์ เพราะมันเสียตังและจะบอกว่าการเดินขึ้นบันไดแวะดูแต่ละชั้นมันได้อรรถรสกว่า
เราแวะทุกชั้น ถ่ายรูปทุกชั้น เพลินสุดๆ
บรรยากาศเหมือนห้องแถวที่มีเหตุการณ์ฆาตกรรมในซีรี่ย์ฝรั่งไรงี้อะ
อินสุดไรสุด ชอบจนอยากเก็บตังมาซื้อสักหนึ่งในห้องนั้นเป็นของตัวเอง
แล้วเราก็แวะกินขนมทีร้าน Saigon Oi เพราะชอบบรรยากาศหน้าร้านเค้า
พอเข้าไปในร้านแล้วยิ่งน่ารักเลยอะ ชานมอร่อยตามมาตรฐาน เค้กชาเขียวก็โอเค
ราคาไม่แพงเทียบกับบรรยากาศเก๋ๆแล้วฟินไปเลย
หลังจากกลับไปอาบน้ำ ที่ที่เราฝากกระเป๋าไว้ 4ทุ่มเราก็ไปเตรียมตัวขึ้นรถที่ตึกคูหาตรงข้าม
จริงๆแล้วเราจะต้องขึ้นรถตู้ ที่จะมารับเราไปส่งขึ้นรถบัสซึ่งจอดรออยู่นอกใจกลางเมืองอีกที
ซึ่งกว่าเราจะรู้กันก็4ทุ่มครึ่งไปแล้วเพราะรถบัสมันไม่มา แต่ก็ไม่มีใครมาบอกอะไรเราเลย
พอไปถามเค้าถึงจะพาเราไปขึ้นรถตู้ ระหว่างนี้ก็มีฝรั่งโวยวายนิดหน่อยเพราะเค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน
เอาเถอะ ไม่ตกรถก็ดีแล้วเนอะ
พอได้ขึ้นรถนี่ตื่นตาตื่นใจ มีความดิสโก้เทค เพื่อนเราบอกว่าเหมือนตู้แช่ล็อบสเตอร์
สำหรับเราเป็นผู้หญิงก็ว่านอนสบายดี ผู้ชายอาจจะคับแคบไปสักนิด ให้คะแนนความฟินพอๆกับรถไฟนอนเมืองไทยเรา
ถ้าใครชอบนั่งรถนานๆ แอร์เย็นๆ ห่มผ้าฟังเพลงไปตามทางเรื่อยๆน่าจะชอบเหมือนเรา
ขอเวลาเดินทางสักแปร้ปปป แล้วไปเที่ยวด้าแหล่ทท(สำเนียงเวียดนาม) กันต่อที่คอมเม้นล่างนะจ้ะ