สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ผมไม่แน่ใจว่าคนในสังคมให้การต้อนรับทหารผ่านศึกเหล่านั้นยังไง แต่เคยอ่านหนังสือแปลบันทึกนายทหารอากาศท่านหนึ่งที่ชื่อว่า ฟูจิดะ เล่าว่า ภายหลังสงครามสงบ ทหารระดับปฏิบัติการบางนายก็โดนลากขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงคราม ส่วนตัวเขาหลังสงครามโดนปลดออกจากกองทัพ ไม่มีสวัสดิการใดๆให้ทั้งสิ้น และด้วยความที่เขาเป็นทหารที่ขับเครื่องบินขับไล่โจมตีเพิลฮาเบอร์ ฟูจิดะก็กลัวที่จะถูกจับขึ้นศาลด้วยเหมือนกัน จนต้องพาลูกเมียไปหลบซ่อนบนเขา จนแน่ใจว่าจะไม่มีการตามจับเขาแล้ว ถึงออกมาหางานทำ เป็นกรรมกร เป็นกุลี ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะทางการไม่ช่วยเหลือเขาเลย
ต่องประทังชีวิตด้วยน้ำฝน สุดท้ายด้วยความที่ครอบครัวจะอดตาย เขาเลยต้องบากหนัาไปสมัครงานที่ฐานทัพอเมริกาซึ่งตั้งในญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อปลอม เพราะตอนนั้นทางการสหรัฐและญี่ปุ่นเข้มงวดมากกับการรับทหารเก่าเข้ามาทำงาน
ได้ทำงานที่ฐานนั้นเรื่อยๆ จนญี่ปุ่นเริ่มฟื้นฟูประเทศได้ การเดินทางด้วยเครื่องบินบูมขึ้นมา แกเลยลาออกมาสมัครเป็นนักบินพาณิชย์ แต่ก็ต้องโกหกเรื่องชม. บิน เพราะเขาต้องการคนที่ชม บินไม่ต่ำกว่าสามพันชม. แต่นักบินขับไล่อย่างแกชม บินไม่ถึงตามที่เขากำหนดแค่สองพันกว่าๆชม เท่านั้น ไม่เหมือนพวกนีกบินทิ้งระเบิดที่ชม บิน เยอะกว่ามากๆ บางคนอาจมากถึงห้าพันชม. แต่แกมั่นใจว่าด้วยฝีมือการบินแกไม่เป็นรองใครแน่ (เรื่องจริงถือว่าแกเป็น ace pilot คนนึง ตลอดสงครามแกยิงเครื่องข้าศึกตกประมาณห้าสิบถึงหกสิบลำ แค่ที่มิดเวย์ที่เดียว แกยิงไปได้สิบหกถึงสิบเจ็ดลำ ก่อนที่จะโดนปืนต่อต้านอากาศยานจากเรือฝ่ายเดียวกันยิงตกและเกือบตายที่นั้น เพราะช่วงนั้นแกไว้ผมยาว เวลาแกบิน แดดมันส่องจนผมแกแดงเหมือนฝรั่ง ตอนลอยคอในทะเล เรือรบญี่ปุ่นผ่านมาเห็นนึกว่าฝรั่งเกือบไม่หยุดช่วย โชคดีที่หนึ่งในทหารระดับสูงของเรือ ส่องกล้องเห็นและจำหน้าแกได้ว่าเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน แกจึงได้รับการช่วยเหลือ ตั้งแต่นนั้นมาแกเลยเลิกไว้ผมยาวเพราะกลัวโดนยิงตกและถูกเข้าใจผิด) สุดท้ายก็ผ่านด่านทดสอบได้เป็นนักบินพาณิชย์สมใจ
ต่องประทังชีวิตด้วยน้ำฝน สุดท้ายด้วยความที่ครอบครัวจะอดตาย เขาเลยต้องบากหนัาไปสมัครงานที่ฐานทัพอเมริกาซึ่งตั้งในญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อปลอม เพราะตอนนั้นทางการสหรัฐและญี่ปุ่นเข้มงวดมากกับการรับทหารเก่าเข้ามาทำงาน
ได้ทำงานที่ฐานนั้นเรื่อยๆ จนญี่ปุ่นเริ่มฟื้นฟูประเทศได้ การเดินทางด้วยเครื่องบินบูมขึ้นมา แกเลยลาออกมาสมัครเป็นนักบินพาณิชย์ แต่ก็ต้องโกหกเรื่องชม. บิน เพราะเขาต้องการคนที่ชม บินไม่ต่ำกว่าสามพันชม. แต่นักบินขับไล่อย่างแกชม บินไม่ถึงตามที่เขากำหนดแค่สองพันกว่าๆชม เท่านั้น ไม่เหมือนพวกนีกบินทิ้งระเบิดที่ชม บิน เยอะกว่ามากๆ บางคนอาจมากถึงห้าพันชม. แต่แกมั่นใจว่าด้วยฝีมือการบินแกไม่เป็นรองใครแน่ (เรื่องจริงถือว่าแกเป็น ace pilot คนนึง ตลอดสงครามแกยิงเครื่องข้าศึกตกประมาณห้าสิบถึงหกสิบลำ แค่ที่มิดเวย์ที่เดียว แกยิงไปได้สิบหกถึงสิบเจ็ดลำ ก่อนที่จะโดนปืนต่อต้านอากาศยานจากเรือฝ่ายเดียวกันยิงตกและเกือบตายที่นั้น เพราะช่วงนั้นแกไว้ผมยาว เวลาแกบิน แดดมันส่องจนผมแกแดงเหมือนฝรั่ง ตอนลอยคอในทะเล เรือรบญี่ปุ่นผ่านมาเห็นนึกว่าฝรั่งเกือบไม่หยุดช่วย โชคดีที่หนึ่งในทหารระดับสูงของเรือ ส่องกล้องเห็นและจำหน้าแกได้ว่าเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน แกจึงได้รับการช่วยเหลือ ตั้งแต่นนั้นมาแกเลยเลิกไว้ผมยาวเพราะกลัวโดนยิงตกและถูกเข้าใจผิด) สุดท้ายก็ผ่านด่านทดสอบได้เป็นนักบินพาณิชย์สมใจ
ความคิดเห็นที่ 5
แต่หลังจากแกเข้ามาเป็นนักบินพาณิชย์แล้ว แกต้องบินกับนักบินอเมริกา ซึ่งจงเกลียดจงชังคนญี่ปุ่นมาก(อาจเพราะเป็นคู่สงครามกันมาก่อน) จนหวิดจะมีเรื่องชกต่อยกันด้วยซ้ำ แต่เพื่อเห็นแก่ครอบครัว แกเลยอดทนเรื่อยมา
มาวันนีงในขณะนั้งกินข้าวกะอเมริกาคนนั้น นีกบินอเมริกาก็ชวนแกคุย เขาเล่าว่าในช่วงสงครามแปซิฟิค เขาเป็นนีกบินทิ้งระเบิด มีภาระกิจนึงที่ต้องเป็นผู้หมู่ นำหมู่บินเครื่องทิ่งระเบิด ไปทิ้งระเบิดใส่กองเรือญี่ปุ่นซึ่งเข้าโจมตีมิดเวย์ (ผมจำรุ่นไม่ได้ว่า B- อะไร) ระหว่างบินนำลูกหมู่รวมสามลำเดินทางไปทำภาระกิจ พบกับหมู่บินเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นจำนวนสามลำเช่นกัน เมื่อหมู่บินญี่ปุ่นตรวจพบหมู่บินอเมริกา ก็นำเครื่องเข้าปะทะลำต่อลำ ผู้ฝูงเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นนำเครื่องบินขับไล่เข้าระดมยิงปีกแกอย่างหนัก จนเครื่องตกต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในทะเล ละต้องรอคอยการช่วยเหลืออยุ่นาน ฟูจิดะก็เลยสอบถามลักษณะเครื่องและตำแหน่งที่เข้าปะทะกับเครื่องบินญี่ปุ่น รวมถึงรายละเอียดการรบอื่นๆ จนพบว่าผู้ฝูงนักบินญี่ปุ่นลำที่ระดมยิงปีกผู้นำหมู่เครื่องอเมริกา คือฟูจิดะนั้นเอง พออเมริกาทราบดังนั้นก็เดินเข้ามาจับมือละเขย่าอย่างแรง พลางพูดขอบคุณที่วันนั้นไม่ได้ระดมยิงเข้าไปในห้องนักบินแทน ไม่เช่นนั้นอเมริกาคนนั้นพร้อมลูกน้องอาจกลายเป็นผีเฝ้าหมู่เกาะมิดเวย์แล้วก็ได้
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนถึงวันที่เกษียณ ผู้เขียนหนังสือถามนายทหารญี่ปุ่นในตอนจบของการสัมภาษณ์ว่า ทุกวันนี้คุณคิดว่าคุณพอแล้วหรือยังกับการบิน นายทหารญี่ปุ่นตอบว่า ยัง ยังหรอก ทุกวันนนี้ท้องฟ้ายังคงเรียกหาผม จนผมอยากจะขึ้นไปนอนบนนั้นเลย
มาวันนีงในขณะนั้งกินข้าวกะอเมริกาคนนั้น นีกบินอเมริกาก็ชวนแกคุย เขาเล่าว่าในช่วงสงครามแปซิฟิค เขาเป็นนีกบินทิ้งระเบิด มีภาระกิจนึงที่ต้องเป็นผู้หมู่ นำหมู่บินเครื่องทิ่งระเบิด ไปทิ้งระเบิดใส่กองเรือญี่ปุ่นซึ่งเข้าโจมตีมิดเวย์ (ผมจำรุ่นไม่ได้ว่า B- อะไร) ระหว่างบินนำลูกหมู่รวมสามลำเดินทางไปทำภาระกิจ พบกับหมู่บินเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นจำนวนสามลำเช่นกัน เมื่อหมู่บินญี่ปุ่นตรวจพบหมู่บินอเมริกา ก็นำเครื่องเข้าปะทะลำต่อลำ ผู้ฝูงเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นนำเครื่องบินขับไล่เข้าระดมยิงปีกแกอย่างหนัก จนเครื่องตกต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในทะเล ละต้องรอคอยการช่วยเหลืออยุ่นาน ฟูจิดะก็เลยสอบถามลักษณะเครื่องและตำแหน่งที่เข้าปะทะกับเครื่องบินญี่ปุ่น รวมถึงรายละเอียดการรบอื่นๆ จนพบว่าผู้ฝูงนักบินญี่ปุ่นลำที่ระดมยิงปีกผู้นำหมู่เครื่องอเมริกา คือฟูจิดะนั้นเอง พออเมริกาทราบดังนั้นก็เดินเข้ามาจับมือละเขย่าอย่างแรง พลางพูดขอบคุณที่วันนั้นไม่ได้ระดมยิงเข้าไปในห้องนักบินแทน ไม่เช่นนั้นอเมริกาคนนั้นพร้อมลูกน้องอาจกลายเป็นผีเฝ้าหมู่เกาะมิดเวย์แล้วก็ได้
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนถึงวันที่เกษียณ ผู้เขียนหนังสือถามนายทหารญี่ปุ่นในตอนจบของการสัมภาษณ์ว่า ทุกวันนี้คุณคิดว่าคุณพอแล้วหรือยังกับการบิน นายทหารญี่ปุ่นตอบว่า ยัง ยังหรอก ทุกวันนนี้ท้องฟ้ายังคงเรียกหาผม จนผมอยากจะขึ้นไปนอนบนนั้นเลย
แสดงความคิดเห็น
หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบ บรรดาทหารญี่ปุ่นที่กลับบ้านได้รับการต้อนรับดีไหมครับ?