สวัสดีครับทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่าน.... นี่คือบันทึกการเดินทางสไตล์ “หาข้อมูลเอาข้างหน้า” แบบดิบๆ ของพวกเรา
นักศึกษาชายทั้งหมด 7 ชีวิต
##############################################################
เรื่องมันเริ่มต้นจากพวกเราได้ตัดสินใจเดินทางไป “เวียดนาม” แบบเหนือจรดใต้ ภายใน 6 วัน!! โดยสิ่งเดียวที่พวกเราทำคือการจองตั๋วเครื่องบินขาไป “จากกรุงเทพไปฮานอย” และ ขากลับ “จากโฮจิมินห์มากรุงเทพ” เท่านั้น ส่วนเราจะไปที่ไหนกันบ้าง นอนไหนบ้าง จะได้กินอะไรบ้าง หาเอาข้างหน้าครับ!!
คลิปรีวิว
“เตรียมตัวและวางแผน”
สำหรับการเตรียมตัวคร่าวๆของพวกเราคือ วันแรกวันที่ 28 มีนาคม เราจะเดินทางจาก ดอนเมือง ไป ฮานอยตอนประมาณ 6 โมงเช้า โดยค่าเครื่องบินคนล่ะ 1490 บาท และคาดไว้ว่าจะเดินทางไปหาห้องพักแถว Old Quarter และที่เหลือก็เดินเที่ยวฮานอย
วันที่สามลงรถที่เว้ (Hue) หาที่พักในเว้และเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวในเว้โดยวางงบไว้คัดล่ะ 200 บาท
วันที่สี่เดินทางจาก เว้ไปยังฮอยอัน โดยก็ยังไม่ชัวว่าจะเดินทางโดยรถไฟหรือเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ข้ามเมืองดี ไว้ไปหาเอาดาบหน้าล่ะกัน
วันที่ห้าเดินทางไปยังดานังเพื่อขึ้นเครื่องตอนเย็น (ประมาณ 2 ทุ่ม) ไปยังโฮจิมินห์ โดยวางงบค่าเครื่องบินไว้ประมาณ 800 บาท ไปถึงตอนเย็นและหาที่พัก
วันที่หกเที่ยวในโฮจิมินห์ทั้งวันเพื่อรอขึ้นเครื่องประมาณ 6 โมงเย็น โดยวางงบค่าเครื่องไว้ประมาณ 1550
สรุปงงบประมาณตามแผนประมาณ 7000 - 8000 ย้ำนะครับว่าตามแผน ย้ำอีกรอบนะครับว่าตามแผน ย้ำอีกรอบนะครับว่าตามแผน ย้ำอีกรอบนะครับว่าตามแผน !!!!!
Day 1
“เดินหลงใน ดอนเมือง”
โดยปกติเราควรจะจัดเตรียมกระเป๋ากันวันก่อนออกเดินทาง 1 - 2 วัน แต่นี้เราเตรียมกระเป๋ากันตอนประมาณ 5 ทุ่ม - เที่ยงคืน ทุงอย่าผิดแผนตั้งแต่วันแรกครับ นั้นคือด้วยความขี้เกียจและยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเดินทางจากเว้ (ภาคกลาง) ไปยังโฮจิมินห์ซิตี้ (ภาคใต้) ยังไงดีทำให้เราไม่ได้จองตั๋วเครื่อง หรือ ถ้าจะไปรถ Bus หรือรถไฟก็ประมาณ 12 หรือ 16 หรือ 18 ชม. นี้แหละผมไม่แน่ใจ ฮ่าๆๆๆๆ
ไปถึงดอนเมืองตอนตี 2 เพราะกลัวไม่ตื่นนอนเลยไปนอนรอก่อนเลย เรานอนกันที่ดอนเมืองได้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ต้องตื่น เพราะมีทัวร์จีนมา ฮ่าๆๆๆ เอาซะนักท่องเที่ยวแถวตื่นกันหมดเลย หลังจากนั้นก็เริ่มขึ้นเครื่องและ Let goooooooo ! แก๊งชายโฉดตะลอนเวียดนาม !
“สวัสดีฮานอย ! หนาวจนไข่สั่น !!! ”
สวัสดี ฮาน้อยยยยยยย หนาวจนเสียงสั่น ตอนนี้ก็ประมาณ 8 โมงเช้าได้ พอเดินเข้า Terminal รู้สึกอุ่นขึ้นมาเลย เราไม่รีรอที่จะไปแรกเงินและซื้อ ซิม ก่อนเลยครับ เพราะ “ชีวิตขาด Social ไม่ได้” โดยลืมบอกไปครับว่าที่เวียดนามนั้นเราสามารถใช้เงิน usd หรือ vnd ก็ได้ครับ บางร้านรับเงิน baht ด้วยนะครับ กลับเข้าเรื่องต่อครับ เราซื้อ ซิม ของค่าย Viettel โดยราคาประมาณ 12$ ได้เน็ตมา 10GB แต่ไม่ได้เบอร์นะครับคือโทรไม่ได้ !
ก่อนออกจากสนามบินนึกขึ้นได้ !!! “นี้พวกตรูยังไม่รู้จะจากกลางไปใต้ยังไงเลยนี้หว่า” หลังจากนนั้นก็ตกลงกันว่าไปจะ “โอเคร เครื่องบินก็เครื่องบิน” หลังจากนั้นก็ไปจองที่เครื่องบินที่เค้าเตอร์ของ JetStar เพราะถูกสุดแล้ว ซึ่งเราโดนไป 1850 บาท !!!! แพงกว่าบินจากไทยไปเวียดนามอีกครับ ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือช่วงก่อนออกเดินทางพวกเราได้เช็คโปรโมทชั่น และก็ได้เจอตั๋วจากกลางไปใต้ในราคาประมาณ 800 บาท แต่ด้วย ความชะล่าใจเลยไม่ได้ซื้อ โดนกันไปแบบเจ็บปวด เรียกได้ว่ายังไม่ก้าวเท้าออกจากสนามบินเงินก็เกือบหมดแล้ว ฮ่าๆ
“เดินทางเข้าเมืองไป Old Quarter กัน”
หลังจากซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ออกไปนอกสนามบิน ซึ่ง หนาวมากครับหนาวจริงๆ !!! เลยยื่นสั่นกันอยู่นอก Terminal และคิดกันว่าจะไป Old Quarter ยังไงเพราะเท่าที่ศึกษามาจาก Wikitravel และ พันทิพ เขาบอกว่าให้ระวัง Taxi โกง เราเลยของกด Uber ดูปรากฏว่าาาาาาาาา ที่นี้ รถ Uber เยอะมากและราคาประมาณจากสนามบินเข้าเมืองโดยรถสองคันตกคนล่ะประมาณ 30 บาทเอง ระหว่างทางสิ่งที่สังเกตได้คือเมืองนี้เข้าขับรถชิดขวาและบีบแตรกันเยอะมากกกก
ถึงแล้ว Old Quarter ย่านเมืองเก่าของฮานอย ซึ่งบรรยากาศก็จะคล้ายๆข้าวสารบ้านเรามีแต่นักท่องเที่ยว และสิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคือ ร้านอาหารแทบทุกร้านจะมีขนมฟังฝรั่งเศสขายทุกร้านเลย หลังจากนั้นเราก็พักกินข้าวกันที่ร้านอะไรซักอย่างอ่านไม่ออก ฮ่าๆๆๆ ซึ่งอาหารที่เรากินออกแนว Steak ผมก็ไม่รู้เรียกอะไรเหมือนกัน ราคาประมาณ 45k ดองก็ราวๆ 60 บาท ซึ่งถือว่า โอเครมากครับอร่อยมาก แต่สิ่งที่ต้องตกใจคือที่นี่เบียร์ถูกมาครับกระป๋องล่ะประมาณ 15 - 20 บาทหรือราวๆ 15k ดอง ซึ่งรสชาติเข้มน้อยกว่าบ้านเราไปหน่อยครับออกแนวซ่าๆๆๆ มากกว่า


หลังจากเรากินกันอิ่มแล้วก็ออกเดินหาที่พักครับจนมาเจอ Hostel ชื่อว่า The Original Backpacker Hostel โดย Logo ของโรงแรมจะเป็นรูปควายสีแดงนะครับ สำหรับราคาก็ตกคนล่ะ 6$ หรือประมาณ 200 นิดๆ มีอาหารเช้าให้ โดยพวกเรา 7 ได้นอนห้องเดียวกันหมดและก็มีเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีก 3 คนซึ่งต้องยอมรับว่า ขาวมากครับ (เตียงขาวหรอ ป่าว ฝรั่งคนนั้น ตึงโป๊ะ !) อ่อ ลืมบอกไปครับเป็นห้องรวมไม่แยกชายหญิงนะครับ และก็มีเวลาเบียร์ฟรีคือช่วง 5 โมงเย็นถึง 6 โมงเย็น มีเล่นบิงโก มีบริการเรียก Taxi และก็ Tourism Service คือบริการแนะนำนักท่องเที่ยว ว่าเราควรเที่ยวไหนและระวังอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ได้รู้ว่าการจะไปเที่ยวฮาลองเบเราต้องเดินทางไปเกือบ 5 - 6 ชม ซึ่งยังไม่รวมเดินทางกลับอีก และขึ้นเรืออีก ทำให้เราติดสินใจยกเลิกทริปฮาลองเบ และเราก็ทำการจองรถจากฮานอยไปเว้ (Hue)กับโรงแรมเลย เป็นรถ Sleeping Bus ราคาคนละ 20$ หรือ ประมาณ 700 บาท
“ตะลุยฮานอยฉบับชายฉกรรจ์ ตอน 1”
หลังจากเราจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยก็ทำการเดินเที่ยวฮานอยสิครับ รออะไร Let’s Go ! โดยที่แรกที่เราไปคือโบสถ์ St. Joseph’s Cathedral ซึ่งห่างจากโรงแรมเราประมาณ 500 เมตรเอง โดย ที่นี่เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอยถูกสร้างขึ้นในตอนที่จักวรรดิฝรั่งเศสเข้ามายึดครอง ซึ่งมีความสวยงามมากครับ
สถานที่ที่สองที่พวกเราไปกันคือ พิพิธภัณฑ์เรือนจำ Hao Lo หรือ รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า Maison Centrale ค่าบัตรผ่านทางราคา 30k vnd แต่ถ้าเป็นนักเรียน/นักศึกษาสามารถใช้บัตรนักศึกษา เป็นส่วนลดได้ โดยราคาหลังจากลดแล้วอยู่ที่
15k vnd โดยเป็นเรือนจำที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายปกครองของอาณานิคมฝรั่งเศส นักโทษทางการเมืองของเวียดนามจำนวนมากถูกทรมานและเสียชีวิตที่นี่ ซึ่งต่อมาฝ่ายเวียดนามเหนือได้ใช้สถานที่นี้เพื่อจองจำทหารอเมริกันซึ่งบรรยากาศภายในนั้นมีการจำลองโดยใช้รูปปั้น แสดงถึงความทารุนโหดร้าย บรรยากาศภายในค่อนข้างหดหู่เลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่สถานที่ที่ 3 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์อีกเเล้ว โดยมีชื่อว่า Women Vietnam Museum ซึ่งเก็บรักษาวัตถุเกี่ยวกับสตรีชาวเวียดนามมากกว่า 25,000 ชิ้น เนื่องจากผู้หญิงเวียดนามนั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในช่วงกำลังก่อสร้างประเทศ โดยจะเห็นได้จากรูปปั้น ผู้หญิงถือปืน ออกรบเป็นต้น ภายในยังมีหุ่นที่ใส่ชุดการแต่งของชนเผ่าต่าง ๆ ในเวียดนาม รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้อีกด้วย
ต่อมาเราก็ไปต่อกันที่ Hoan Kiem Lake ซึ่งเป็นทะเลสาปที่อยู่ใจกลาง Old Quater เลย โดยเราไปกันตอนเย็นๆ ก็จะมีสาวๆวัยรุ่น เอ้ยไม่ใช่ ประชาชนชาวเวียดนาม มาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกายกัน บรรยากาศร่มรื่นมากครับ ผมนี้อยากนั่งอยู่ยันมืดเลย
สำหรับมื้อเย็นพวกเราไปหาข้าวกินกันแถวย่านศูนย์รวมอาหารโดยเราเรียกที่นี้ว่า Bong Hong โดยมาถึงเวียดนามเราก็สั่ง Pho หรือ เฝอซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี้รสชาติค่อนข้างโอเครครับ ไม่จืดเหมือนที่ไทย คนที่นี่กินเฝอกับปลาท่องโก๋ ซึ่งก็เข้ากันดีนะครับ แต่สำหรับตัวผมเองไม่ชอบกินผักเลยสั่งข้าวผัดซึ่งก็อร่อยไม่แพ้กัน บ่องตงงงงงง
[CR] [CR]LOST IN VIETNAM | "6 วัน 5 เมือง เดินหลงทั่วเวียดนาม"
นักศึกษาชายทั้งหมด 7 ชีวิต
เรื่องมันเริ่มต้นจากพวกเราได้ตัดสินใจเดินทางไป “เวียดนาม” แบบเหนือจรดใต้ ภายใน 6 วัน!! โดยสิ่งเดียวที่พวกเราทำคือการจองตั๋วเครื่องบินขาไป “จากกรุงเทพไปฮานอย” และ ขากลับ “จากโฮจิมินห์มากรุงเทพ” เท่านั้น ส่วนเราจะไปที่ไหนกันบ้าง นอนไหนบ้าง จะได้กินอะไรบ้าง หาเอาข้างหน้าครับ!!
สำหรับการเตรียมตัวคร่าวๆของพวกเราคือ วันแรกวันที่ 28 มีนาคม เราจะเดินทางจาก ดอนเมือง ไป ฮานอยตอนประมาณ 6 โมงเช้า โดยค่าเครื่องบินคนล่ะ 1490 บาท และคาดไว้ว่าจะเดินทางไปหาห้องพักแถว Old Quarter และที่เหลือก็เดินเที่ยวฮานอย
(Ref. https://12go.asia/en/travel/hanoi/hue?date=2017-03-27)
วันที่สี่เดินทางจาก เว้ไปยังฮอยอัน โดยก็ยังไม่ชัวว่าจะเดินทางโดยรถไฟหรือเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ข้ามเมืองดี ไว้ไปหาเอาดาบหน้าล่ะกัน
วันที่ห้าเดินทางไปยังดานังเพื่อขึ้นเครื่องตอนเย็น (ประมาณ 2 ทุ่ม) ไปยังโฮจิมินห์ โดยวางงบค่าเครื่องบินไว้ประมาณ 800 บาท ไปถึงตอนเย็นและหาที่พัก
วันที่หกเที่ยวในโฮจิมินห์ทั้งวันเพื่อรอขึ้นเครื่องประมาณ 6 โมงเย็น โดยวางงบค่าเครื่องไว้ประมาณ 1550
สรุปงงบประมาณตามแผนประมาณ 7000 - 8000 ย้ำนะครับว่าตามแผน ย้ำอีกรอบนะครับว่าตามแผน ย้ำอีกรอบนะครับว่าตามแผน ย้ำอีกรอบนะครับว่าตามแผน !!!!!
Day 1
โดยปกติเราควรจะจัดเตรียมกระเป๋ากันวันก่อนออกเดินทาง 1 - 2 วัน แต่นี้เราเตรียมกระเป๋ากันตอนประมาณ 5 ทุ่ม - เที่ยงคืน ทุงอย่าผิดแผนตั้งแต่วันแรกครับ นั้นคือด้วยความขี้เกียจและยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเดินทางจากเว้ (ภาคกลาง) ไปยังโฮจิมินห์ซิตี้ (ภาคใต้) ยังไงดีทำให้เราไม่ได้จองตั๋วเครื่อง หรือ ถ้าจะไปรถ Bus หรือรถไฟก็ประมาณ 12 หรือ 16 หรือ 18 ชม. นี้แหละผมไม่แน่ใจ ฮ่าๆๆๆๆ
ไปถึงดอนเมืองตอนตี 2 เพราะกลัวไม่ตื่นนอนเลยไปนอนรอก่อนเลย เรานอนกันที่ดอนเมืองได้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ต้องตื่น เพราะมีทัวร์จีนมา ฮ่าๆๆๆ เอาซะนักท่องเที่ยวแถวตื่นกันหมดเลย หลังจากนั้นก็เริ่มขึ้นเครื่องและ Let goooooooo ! แก๊งชายโฉดตะลอนเวียดนาม !
สวัสดี ฮาน้อยยยยยยย หนาวจนเสียงสั่น ตอนนี้ก็ประมาณ 8 โมงเช้าได้ พอเดินเข้า Terminal รู้สึกอุ่นขึ้นมาเลย เราไม่รีรอที่จะไปแรกเงินและซื้อ ซิม ก่อนเลยครับ เพราะ “ชีวิตขาด Social ไม่ได้” โดยลืมบอกไปครับว่าที่เวียดนามนั้นเราสามารถใช้เงิน usd หรือ vnd ก็ได้ครับ บางร้านรับเงิน baht ด้วยนะครับ กลับเข้าเรื่องต่อครับ เราซื้อ ซิม ของค่าย Viettel โดยราคาประมาณ 12$ ได้เน็ตมา 10GB แต่ไม่ได้เบอร์นะครับคือโทรไม่ได้ !
ก่อนออกจากสนามบินนึกขึ้นได้ !!! “นี้พวกตรูยังไม่รู้จะจากกลางไปใต้ยังไงเลยนี้หว่า” หลังจากนนั้นก็ตกลงกันว่าไปจะ “โอเคร เครื่องบินก็เครื่องบิน” หลังจากนั้นก็ไปจองที่เครื่องบินที่เค้าเตอร์ของ JetStar เพราะถูกสุดแล้ว ซึ่งเราโดนไป 1850 บาท !!!! แพงกว่าบินจากไทยไปเวียดนามอีกครับ ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือช่วงก่อนออกเดินทางพวกเราได้เช็คโปรโมทชั่น และก็ได้เจอตั๋วจากกลางไปใต้ในราคาประมาณ 800 บาท แต่ด้วย ความชะล่าใจเลยไม่ได้ซื้อ โดนกันไปแบบเจ็บปวด เรียกได้ว่ายังไม่ก้าวเท้าออกจากสนามบินเงินก็เกือบหมดแล้ว ฮ่าๆ
หลังจากซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ออกไปนอกสนามบิน ซึ่ง หนาวมากครับหนาวจริงๆ !!! เลยยื่นสั่นกันอยู่นอก Terminal และคิดกันว่าจะไป Old Quarter ยังไงเพราะเท่าที่ศึกษามาจาก Wikitravel และ พันทิพ เขาบอกว่าให้ระวัง Taxi โกง เราเลยของกด Uber ดูปรากฏว่าาาาาาาาา ที่นี้ รถ Uber เยอะมากและราคาประมาณจากสนามบินเข้าเมืองโดยรถสองคันตกคนล่ะประมาณ 30 บาทเอง ระหว่างทางสิ่งที่สังเกตได้คือเมืองนี้เข้าขับรถชิดขวาและบีบแตรกันเยอะมากกกก
ถึงแล้ว Old Quarter ย่านเมืองเก่าของฮานอย ซึ่งบรรยากาศก็จะคล้ายๆข้าวสารบ้านเรามีแต่นักท่องเที่ยว และสิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคือ ร้านอาหารแทบทุกร้านจะมีขนมฟังฝรั่งเศสขายทุกร้านเลย หลังจากนั้นเราก็พักกินข้าวกันที่ร้านอะไรซักอย่างอ่านไม่ออก ฮ่าๆๆๆ ซึ่งอาหารที่เรากินออกแนว Steak ผมก็ไม่รู้เรียกอะไรเหมือนกัน ราคาประมาณ 45k ดองก็ราวๆ 60 บาท ซึ่งถือว่า โอเครมากครับอร่อยมาก แต่สิ่งที่ต้องตกใจคือที่นี่เบียร์ถูกมาครับกระป๋องล่ะประมาณ 15 - 20 บาทหรือราวๆ 15k ดอง ซึ่งรสชาติเข้มน้อยกว่าบ้านเราไปหน่อยครับออกแนวซ่าๆๆๆ มากกว่า
หลังจากเรากินกันอิ่มแล้วก็ออกเดินหาที่พักครับจนมาเจอ Hostel ชื่อว่า The Original Backpacker Hostel โดย Logo ของโรงแรมจะเป็นรูปควายสีแดงนะครับ สำหรับราคาก็ตกคนล่ะ 6$ หรือประมาณ 200 นิดๆ มีอาหารเช้าให้ โดยพวกเรา 7 ได้นอนห้องเดียวกันหมดและก็มีเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีก 3 คนซึ่งต้องยอมรับว่า ขาวมากครับ (เตียงขาวหรอ ป่าว ฝรั่งคนนั้น ตึงโป๊ะ !) อ่อ ลืมบอกไปครับเป็นห้องรวมไม่แยกชายหญิงนะครับ และก็มีเวลาเบียร์ฟรีคือช่วง 5 โมงเย็นถึง 6 โมงเย็น มีเล่นบิงโก มีบริการเรียก Taxi และก็ Tourism Service คือบริการแนะนำนักท่องเที่ยว ว่าเราควรเที่ยวไหนและระวังอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ได้รู้ว่าการจะไปเที่ยวฮาลองเบเราต้องเดินทางไปเกือบ 5 - 6 ชม ซึ่งยังไม่รวมเดินทางกลับอีก และขึ้นเรืออีก ทำให้เราติดสินใจยกเลิกทริปฮาลองเบ และเราก็ทำการจองรถจากฮานอยไปเว้ (Hue)กับโรงแรมเลย เป็นรถ Sleeping Bus ราคาคนละ 20$ หรือ ประมาณ 700 บาท
หลังจากเราจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยก็ทำการเดินเที่ยวฮานอยสิครับ รออะไร Let’s Go ! โดยที่แรกที่เราไปคือโบสถ์ St. Joseph’s Cathedral ซึ่งห่างจากโรงแรมเราประมาณ 500 เมตรเอง โดย ที่นี่เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอยถูกสร้างขึ้นในตอนที่จักวรรดิฝรั่งเศสเข้ามายึดครอง ซึ่งมีความสวยงามมากครับ
สถานที่ที่สองที่พวกเราไปกันคือ พิพิธภัณฑ์เรือนจำ Hao Lo หรือ รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า Maison Centrale ค่าบัตรผ่านทางราคา 30k vnd แต่ถ้าเป็นนักเรียน/นักศึกษาสามารถใช้บัตรนักศึกษา เป็นส่วนลดได้ โดยราคาหลังจากลดแล้วอยู่ที่
15k vnd โดยเป็นเรือนจำที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายปกครองของอาณานิคมฝรั่งเศส นักโทษทางการเมืองของเวียดนามจำนวนมากถูกทรมานและเสียชีวิตที่นี่ ซึ่งต่อมาฝ่ายเวียดนามเหนือได้ใช้สถานที่นี้เพื่อจองจำทหารอเมริกันซึ่งบรรยากาศภายในนั้นมีการจำลองโดยใช้รูปปั้น แสดงถึงความทารุนโหดร้าย บรรยากาศภายในค่อนข้างหดหู่เลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่สถานที่ที่ 3 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์อีกเเล้ว โดยมีชื่อว่า Women Vietnam Museum ซึ่งเก็บรักษาวัตถุเกี่ยวกับสตรีชาวเวียดนามมากกว่า 25,000 ชิ้น เนื่องจากผู้หญิงเวียดนามนั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในช่วงกำลังก่อสร้างประเทศ โดยจะเห็นได้จากรูปปั้น ผู้หญิงถือปืน ออกรบเป็นต้น ภายในยังมีหุ่นที่ใส่ชุดการแต่งของชนเผ่าต่าง ๆ ในเวียดนาม รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้อีกด้วย
ต่อมาเราก็ไปต่อกันที่ Hoan Kiem Lake ซึ่งเป็นทะเลสาปที่อยู่ใจกลาง Old Quater เลย โดยเราไปกันตอนเย็นๆ ก็จะมีสาวๆวัยรุ่น เอ้ยไม่ใช่ ประชาชนชาวเวียดนาม มาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกายกัน บรรยากาศร่มรื่นมากครับ ผมนี้อยากนั่งอยู่ยันมืดเลย
สำหรับมื้อเย็นพวกเราไปหาข้าวกินกันแถวย่านศูนย์รวมอาหารโดยเราเรียกที่นี้ว่า Bong Hong โดยมาถึงเวียดนามเราก็สั่ง Pho หรือ เฝอซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี้รสชาติค่อนข้างโอเครครับ ไม่จืดเหมือนที่ไทย คนที่นี่กินเฝอกับปลาท่องโก๋ ซึ่งก็เข้ากันดีนะครับ แต่สำหรับตัวผมเองไม่ชอบกินผักเลยสั่งข้าวผัดซึ่งก็อร่อยไม่แพ้กัน บ่องตงงงงงง