สวัสดีครับ
วันนี้มีเรื่องเล่าจะมาแบ่งปัน สดๆ ร้อนๆ จากประเทศร้อนๆ (พอๆกะบ้านเราตอนนี้) คือ ประเทศอินเดียครับ
โดยเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสงกรานที่ผ่านมาปี 2017 นี่เองครับ ตามชื่อหัวข้อเรื่องคือ Passport ของผมหาย...!!! ครับ...-_-'
และหายที่ไหนไม่หาย ดันไปหายในประเทศที่ชื่อว่าอินเดีย ภารกิจในการดิ้นรนเพื่อทำพาสปอตชั่วคราว....ให้ทัน!!
เพื่อจะใช้ผ่านด่านกลับไทย ก่อนที่จะถึงเส้นตาย คือ วันเดินทางกลับไทย จึงเริ่มขึ้น.....

ก่อนอื่นแนะนำตัวละคร...เอ้ย สมาชิกที่เผชิญชะตากรรมรอบนี้ คือ ผม (ใส่หน้ากาก) และน้า (คนข้างๆ) สายลุย
ที่เดินทางมาเที่ยวอินเดียด้วยกันรอบนี้ครับ
ขอเกริ่นก่อนเข้าเรื่องสักนิดนะครับ
คือ ทริปนี้จริงๆ ผมและน้า เดินทางกัน 2 คน โดยวางแผนเที่ยวอินเดียทั้งหมด 12 วัน (ุ6/4/60 - 17/4-60)
แต่ผมจะขออนุญาติ
ตัดตอนเฉพาะ ช่วงวันที่ทำพาสปอตหาย จนเริ่มต้นขั้นตอนทำเล่มใหม่ มาเล่านะครับ
ส่วนเรื่องรายละเอียดการเที่ยวส่วนอื่นๆ ในทริปนี้ ผมจะขอแยกอีกห้องนึงละกันครับ
เนื่องจากเกรงว่าบางคน อยากมาดูเหตุการณ์และขั้นตอนการทำพาสปอตเฉยๆ ครับ
และผมจะสรุปขั้นตอนการทำ passport ในอินเดียเป็นขั้นๆ ตอนท้ายนะครับ
(ถ้าใครไม่อยากอ่านเรื่องเล่ายาวๆ อยากจะดูแค่วิธีการทำพาสปอต จะข้ามเนื้อไปไปตอนท้ายเลยก็ได้นะครับ)
ยังไงเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เข้าเรื่องเลยละกันครับ

รูปนี้ ถ่ายเล่นๆ ระหว่างรอ Check in ที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ โดยหารู้ไม่ว่า มันจะมีประโยชน์ในภารกิจ (ที่ไม่คาดฝัน) ครั้งนี้ด้วย
เพราะผมดันไม่ได้ ถ่ายเอกสารวีซ่ามาด้วย
ผมขอเริ่มต้นเล่าเรื่องจากวันและสถานที่ที่หายครับ นั่นคือ ที่นี่เองครับ

Agra Fort หรือป้อมอัครานั่นเองครับ
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่ ผมเดินเที่ยวเล่นในป้อมอัครา จนเสร็จแล้ว และนั่งรถตุ้กๆ อินเดียที่มารอรับกลับไปที่สถานีรถไฟครับ
พอนั่งๆ ไปก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไม่ได้สำรวจสิ่งของ จนไปถึงสถานีรถไฟแล้ว ตอนนั้นเวลา 18.00 และเวลารถไฟตามตั๋วที่จะนั่งกลับนิวเดลี คือประมาณ 3 ทุ่มกว่า
หลังจากลงจากรถตุ้กๆ จ่ายเงินให้คนขับ ร่ำลากันเรียบร้อย ผมก็บอกน้าว่า จะไปเข้าห้องน้ำตรงแถวๆ ด้านหน้าสถานี และพอถึงหน้าห้องน้ำ
มันต้องควักเหรียญออกมาจ่ายตังค่าเข้า ตอนนั้นแหละครับที่ผมเพิ่งรู้ตัว ว่า.....กระเป๋าเป้ในเล็กที่ใส่ของสำคัญหายไปทั้งใบเลย
โดยในนั้นใส่เงิน pocket money ทั้งหมดและกระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรต่างๆ และพาสปอตของผมก็อยู่ในนั้นด้วย.....

ตอนแรกผมพยายามตั้งสติก่อน คิดว่าอาจจะใส่รวมไว้กับเป้ใบใหญ่ที่สะพายหลังรึเปล่า แต่ค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยบอกน้า และรีบวิ่งกลับไป
ตรงจุดที่แยกกับรถตุ้กๆ ที่มาส่ง เผื่ออาจจะลืมไว้ในรถก็ได้ แต่พอไปถึง รถตุ้กๆ คันนั้นก็ไปแล้ว เลยถามคนขับตุ้กๆ แถวนั้นว่า คนขับตุ้กๆ ชื่อ Bobby
'เขาไปแล้วเหรอ!!!' คนขับแถวนั้นว่าเพิ่งขับออกไปได้สัก 5 นาที เราเลยขอร้องคนขับแถวนั้นว่า เราลืมของไว้ในรถคันนั้น และให้เขาช่วยโทรหาคนขับให้หน่อย เพราะเราไม่มีเบอร์คนขับ เพราะปกติตอนเที่ยว ก็จะนัดกันที่จุดนัดพบ ใกล้ๆ สถานที่เที่ยว พอเที่ยวเสร็จก็เดินกลับมาที่จุดนัดพบ เขาก็รอเราที่เดิม
พวกคนขับเลยรีบโทรให้ และบอกว่า Bobby กำลังขับกลับมา เพราะบ้านเขาอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟอยู่แล้ว
ระหว่างรอ ยอมรับว่า รู้สึกกังวลเหมือนกัน และก็ไม่แน่ใจว่า ได้ลืมกระเป๋าไว้บนตุ้กๆ รึเปล่า พยายามนึกย้อนกลับไปว่า
ได้ไปวางไว้ที่ไหนรึเปล่า....??? แต่ก็นึกไม่ออก มั่นใจได้แต่ว่า กระเป๋ายังอยู่กับเราตอนเที่ยวป้อมอัครา เลยได้แต่ภาวนาว่า ขอให้คาอยู่บนรถและได้กลับมาด้วยเถิดดดด
สักประมาณ 5-10 นาทีต่อมา Bobby ก็กลับมา และถามว่า 'เกิดอะไรขึ้น' เราก็รีบบอกว่า 'กระเป๋าเราหาย!!!' และรีบตรวจดูแถวๆ เบาะที่นั่งด้านหลัง แต่ก็ไม่เจอกระเป๋าที่หายเลย....

อันนี้เป็นรถตุ้กๆ ที่เรานั่งในวันนั้น สภาพเบาะตามนี้เลยครับ

ส่วนที่ยืนกับรถตุ้กๆ นี่คือ คนขับในวันนั้น ชื่อว่า Bobby
หลังจากหาดูดีแล้วว่าไม่อยู่บนรถ ก็คิดในใจว่า งั้นเราอาจลืมไว้ที่ป้อมอัคราแน่นอน เลยบอก Bobby ให้ช่วยขับกลับไปที่ป้อมอัครา
ระหว่างขับไปใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาที ผมก็พยายามนึก และเปิดดูรูปถ่ายในกล้องมือถือและกล้องถ่ายรูป เพื่อหาจุดสุดท้ายที่เรายังถือกระเป๋าอยู่
แต่ผมก็ดันถ่ายรูปตัวเองไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ถ่ายแต่วิว แต่สุดท้ายก็เจออยู่ 1-2 รูปพอจะช่วยยืนยันตำแหน่งสุดท้ายที่มีกระเป๋าอยู่กับตัวได้บ้างเพื่อลดพื้นที่การค้นหาให้แคบลง

อันนี้เป็นรูปสุดท้ายที่ถือสะพายกระเป๋าอยู่ (ในวงกลมสีเขียว)

อีกรูปเผื่อไม่ชัด อันนี้เป็นกระเป๋าเล็กที่หายไป (วงกลมสีแดง)
พอไปถึงหน้าป้อมอัครา ตอนนั้นเวลาก็เริ่มเย็นแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึง เข้าไปข้างในแล้ว เพราะเขารอแต่คนที่เที่ยวอยู่ด้านในทยอยออกมา ผมเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า "กระเป๋าผมหายอยู่ด้านในป้อม ขอเข้าไปหาดูหน่อยได้ไหม??"
เจ้าหน้าที่เลยอนุญาติให้เข้าไปข้างใน ผมเลยบอกน้าผมให้รอหน้าทางเข้าป้อม และลองสอบถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นดู เผื่อมีคนเจอ
และผมก็วิ่งเข้าไปในป้อมทันที เพราะยังจำเส้นทางจากรูปถ่ายตำแหน่งล่าสุด จนมาถึงออกหน้าป้อมได้ ว่าแวะจุดไหนบ้าง
พอไปถึงจุดที่ถ่ายรูป ผมก็พยายามเริ่มหาจากแถวนั้น และถามยามที่เฝ้าแถวนั้นบ้าง แต่หายังไงก็ไม่เจอ เลยค่อยๆ ไล่เดินเริ่มต้นจากจุดนั้น ย้อนกลับออกมาหน้าป้อม ตามทางที่แวะครั้งก่อน
เดินไปก็มองหาไป แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ เพราะหลังจากจุดนั้นก็จำได้ว่า เดินๆ กับถ่ายรูปนิดหน่อย ไม่ค่อยได้หยุดแล้ว
ระหว่างเดินออกมาเรื่อยๆ ตามทาง ในใจผมความหวังเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ แต่ก็ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ
จนถึงหน้าป้อม จำได้ว่าแวะถ่ายรูปนิดหน่อย แถวๆ ทางเข้าก่อนเดินไปหาตุ้กๆ เลยเดินๆ หาตามระแวกที่แวะถ่ายรูป แต่ด้านหน้าป้อม เป็นจุดที่คนมารอคิวซื้อตั๋ว และยังมีพวกขายของ ตุ้กๆ และอื่นๆ เต็มไปหมด คิดในใจว่า ถึงจะเผลอวางไว้หน้าป้อม โอกาสที่จะได้คืนก็แทบเป็น 0 ละ
ผมได้แต่ภาวนาว่า ขอให้คนที่เอากระเป๋าไป เอาแต่ของมีค่าไปและทิ้งกระเป๋ากับพาสปอตไว้แถวๆ นั้นหรือในถังขยะแถวๆ หน้าป้อม
ผมก็เริ่มมองหา ตามคูน้ำหรือถังขยะแถวๆ ระแวกหน้าป้อมแต่หาแล้วก็ยังไม่มีร่องรอยของกระเป๋าเลย ก็เริ่มถอดใจและเดินกลับไปรวมกลุ่มกับน้าและเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อกันข้างใน เขาบอกว่า "เดี๋ยวจะพาคนเข้าไปหาอีกรอบนึง" ผมตอนนั้นก็ทั้งเหนื่อยๆ และหิวๆ ก็เดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปจุดเดิมเพื่อหา แบบไร้ความหวัง โดยเจ้าหน้าที่ที่พาเข้าไปกับผมอีกคน ก็ไม่ต่างอะไรเท่าไหร่ แค่มาตรวจสอบถังขยะในป้อม จากจุดสุดท้ายในรูป จนถึงหน้าประตู แต่ก็ไม่พบกระเป๋าอยู่ดี จนเดินออกมาอีกรอบ ฟ้าเริ่มค่ำขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าแล้ว ยุงก็เยอะด้านหน้า ผมเริ่มถอดใจและทำใจว่า มันคงหายไปแล้วจริงๆ เลยถามไปแบบสิ้นหวังว่า "ในป้อมมีกล้องวงจรปิดไหม" เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ไม่มีสักตัว"
สุดท้ายเลยได้แต่ ทิ้งเบอร์ติดต่อ อีเมลและที่อยู่โรงแรมในนิวเดลีให้กับเจ้าหน้าที่ไป และต้องกลับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อเตรียมขึ้นรถกลับไปนิวเดลี
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟ ตอนนั้นในหัวเหมือนตื้อๆ ไปหมด และพอนึกถึงแผนการเดินทางที่จะต้องนั่งเครื่องจาก เดลีไป เลห์ ลาดัค ตอนเช้าวันพรุ่งนี้ (9/4/60) ก็ยิ่งทำให้หดหู่มากกว่าเดิม เลยได้แค่ทำใจเงียบๆ
พอถึงสถาทีรถไฟ ตอนนั้นน่าจะเกือบ 2 ทุ่มมีเวลาประมาณชั่วโมงกว่าก่อนกำหนดรถไฟออก ผมเลยลองถาม Bobby ว่าจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
ไกลไหมจากที่นี่ Bobby บอกว่านั่งรถประมาณ 15 นาที แต่เขาก็แนะนำว่า ให้ไปแจ้งตำรวจตรงแถวสถานีรถไฟที่นิวเดลีดีกว่า เพราะเวลาตอนนี้เหลือไม่มากและเริ่มมืดแล้ว เราก็เลยตอบรับคำแบบเนือยๆ หลังจากนั้น
น้าผมก็ยื่นเงินให้ Bobby เพิ่มอีก 200 รูปีเป็นค่าบริการเพิ่มเติมที่ไป-กลับ ป้อมอัคราอีกรอบนึง
Bobby บอกว่าจะไม่รับเงิน จะบริการให้ฟรี เนื่องจากเห็นเรากำลังเจอปัญหา แต่เรากับน้าก็ยืนยันว่า ไม่เป็นไร เป็นสินน้ำใจที่คุณบริการเรา
สุดท้าย Bobby ก็รับเงินมา และพยายามบอกพวกเราให้แฮปปี้ไว้ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก และเขาก็ถามแผนเดินทางเรา เราก็บอกไปว่า เรามีแผนจะเดินทางจากเดลีไปเลย์พรุ่งนี้ 9/4/60 และกลับจากเลย์ มาเดลีวันที่ 15/4/60 ตอนสายๆ และมีเที่ยวบินจากเดลีกลับไทย 17/4/60 ตอนสายๆ
Bobby เลยแนะนำเราว่า "ไปถึงสถานีรถไฟเดลีคืนนี้ (ประมาณเกือบเที่ยงคืน) ให้ไปแจ้งความกับตำรวจก่อน เรื่องพาสปอตหายและให้เรากับน้า เดินทางไปเที่ยวเลย์เลย แล้วค่อยกลับมาวันที่ 15/4/60 ยังมีเวลาอีก 1 วันครึ่งค่อยมาทำพาสปอตก็ได้ ทำไม่นานหรอก เขาบอกว่ายังไงสถานทูตก็น่าจะเปิดบริการทุกวัน ให้เราทำใจเย็นๆ ยิ่มเข้าไว้และเที่ยวอินเดียให้สนุก"
ตอนนั้นเรากับน้า ยังติดอาการมึนๆ และจิตตก พอฟังคำแนะนำของ Bobby ใจก็เริ่มชื้นขึ้นมาบ้าง เหมือนมีคนแนะนำทางสว่างให้ คิดในใจว่าถึงแม้พาสปอตกับเงินของผมหาย แต่ยังมีเงินของน้าอยู่ (เราแยกเงินของแต่ละคนไว้กับตัวเอง) ยังพอเดินทางต่อได้ แล้วค่อยไปทำใจที่เลย์ละกัน
เลยขอบคุณ Bobby ที่แนะนำและให้กำลังใจ แล้วจึงร่ำลากันหน้าสถานี
หลังจากนั้นผมกับน้าก็นั่งรอในสถานีรถไฟอีกชั่วโมงกว่า เพื่อที่จะกลับนิวเดลี
**** เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ ตี2กว่าแล้ว พรุ่งนี้ทำงานด้วย ยังมีเหตุการณ์ระทึกหลังจากนั้นอีกครับ
เมื่อฉันทำ Passport หาย...!!! ในดินแดนสนธยาที่ชื่อว่า ประเทศอิน-ตะ-ระ-เดีย (When I Lost My Passport in India)
วันนี้มีเรื่องเล่าจะมาแบ่งปัน สดๆ ร้อนๆ จากประเทศร้อนๆ (พอๆกะบ้านเราตอนนี้) คือ ประเทศอินเดียครับ
โดยเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสงกรานที่ผ่านมาปี 2017 นี่เองครับ ตามชื่อหัวข้อเรื่องคือ Passport ของผมหาย...!!! ครับ...-_-'
และหายที่ไหนไม่หาย ดันไปหายในประเทศที่ชื่อว่าอินเดีย ภารกิจในการดิ้นรนเพื่อทำพาสปอตชั่วคราว....ให้ทัน!!
เพื่อจะใช้ผ่านด่านกลับไทย ก่อนที่จะถึงเส้นตาย คือ วันเดินทางกลับไทย จึงเริ่มขึ้น.....
ก่อนอื่นแนะนำตัวละคร...เอ้ย สมาชิกที่เผชิญชะตากรรมรอบนี้ คือ ผม (ใส่หน้ากาก) และน้า (คนข้างๆ) สายลุย
ที่เดินทางมาเที่ยวอินเดียด้วยกันรอบนี้ครับ
ขอเกริ่นก่อนเข้าเรื่องสักนิดนะครับ
คือ ทริปนี้จริงๆ ผมและน้า เดินทางกัน 2 คน โดยวางแผนเที่ยวอินเดียทั้งหมด 12 วัน (ุ6/4/60 - 17/4-60)
แต่ผมจะขออนุญาติ ตัดตอนเฉพาะ ช่วงวันที่ทำพาสปอตหาย จนเริ่มต้นขั้นตอนทำเล่มใหม่ มาเล่านะครับ
ส่วนเรื่องรายละเอียดการเที่ยวส่วนอื่นๆ ในทริปนี้ ผมจะขอแยกอีกห้องนึงละกันครับ
เนื่องจากเกรงว่าบางคน อยากมาดูเหตุการณ์และขั้นตอนการทำพาสปอตเฉยๆ ครับ
และผมจะสรุปขั้นตอนการทำ passport ในอินเดียเป็นขั้นๆ ตอนท้ายนะครับ
(ถ้าใครไม่อยากอ่านเรื่องเล่ายาวๆ อยากจะดูแค่วิธีการทำพาสปอต จะข้ามเนื้อไปไปตอนท้ายเลยก็ได้นะครับ)
ยังไงเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เข้าเรื่องเลยละกันครับ
รูปนี้ ถ่ายเล่นๆ ระหว่างรอ Check in ที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ โดยหารู้ไม่ว่า มันจะมีประโยชน์ในภารกิจ (ที่ไม่คาดฝัน) ครั้งนี้ด้วย
เพราะผมดันไม่ได้ ถ่ายเอกสารวีซ่ามาด้วย
ผมขอเริ่มต้นเล่าเรื่องจากวันและสถานที่ที่หายครับ นั่นคือ ที่นี่เองครับ
Agra Fort หรือป้อมอัครานั่นเองครับ
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่ ผมเดินเที่ยวเล่นในป้อมอัครา จนเสร็จแล้ว และนั่งรถตุ้กๆ อินเดียที่มารอรับกลับไปที่สถานีรถไฟครับ
พอนั่งๆ ไปก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไม่ได้สำรวจสิ่งของ จนไปถึงสถานีรถไฟแล้ว ตอนนั้นเวลา 18.00 และเวลารถไฟตามตั๋วที่จะนั่งกลับนิวเดลี คือประมาณ 3 ทุ่มกว่า
หลังจากลงจากรถตุ้กๆ จ่ายเงินให้คนขับ ร่ำลากันเรียบร้อย ผมก็บอกน้าว่า จะไปเข้าห้องน้ำตรงแถวๆ ด้านหน้าสถานี และพอถึงหน้าห้องน้ำ
มันต้องควักเหรียญออกมาจ่ายตังค่าเข้า ตอนนั้นแหละครับที่ผมเพิ่งรู้ตัว ว่า.....กระเป๋าเป้ในเล็กที่ใส่ของสำคัญหายไปทั้งใบเลย
โดยในนั้นใส่เงิน pocket money ทั้งหมดและกระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรต่างๆ และพาสปอตของผมก็อยู่ในนั้นด้วย.....
ตอนแรกผมพยายามตั้งสติก่อน คิดว่าอาจจะใส่รวมไว้กับเป้ใบใหญ่ที่สะพายหลังรึเปล่า แต่ค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยบอกน้า และรีบวิ่งกลับไป
ตรงจุดที่แยกกับรถตุ้กๆ ที่มาส่ง เผื่ออาจจะลืมไว้ในรถก็ได้ แต่พอไปถึง รถตุ้กๆ คันนั้นก็ไปแล้ว เลยถามคนขับตุ้กๆ แถวนั้นว่า คนขับตุ้กๆ ชื่อ Bobby
'เขาไปแล้วเหรอ!!!' คนขับแถวนั้นว่าเพิ่งขับออกไปได้สัก 5 นาที เราเลยขอร้องคนขับแถวนั้นว่า เราลืมของไว้ในรถคันนั้น และให้เขาช่วยโทรหาคนขับให้หน่อย เพราะเราไม่มีเบอร์คนขับ เพราะปกติตอนเที่ยว ก็จะนัดกันที่จุดนัดพบ ใกล้ๆ สถานที่เที่ยว พอเที่ยวเสร็จก็เดินกลับมาที่จุดนัดพบ เขาก็รอเราที่เดิม
พวกคนขับเลยรีบโทรให้ และบอกว่า Bobby กำลังขับกลับมา เพราะบ้านเขาอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟอยู่แล้ว
ระหว่างรอ ยอมรับว่า รู้สึกกังวลเหมือนกัน และก็ไม่แน่ใจว่า ได้ลืมกระเป๋าไว้บนตุ้กๆ รึเปล่า พยายามนึกย้อนกลับไปว่า
ได้ไปวางไว้ที่ไหนรึเปล่า....??? แต่ก็นึกไม่ออก มั่นใจได้แต่ว่า กระเป๋ายังอยู่กับเราตอนเที่ยวป้อมอัครา เลยได้แต่ภาวนาว่า ขอให้คาอยู่บนรถและได้กลับมาด้วยเถิดดดด
สักประมาณ 5-10 นาทีต่อมา Bobby ก็กลับมา และถามว่า 'เกิดอะไรขึ้น' เราก็รีบบอกว่า 'กระเป๋าเราหาย!!!' และรีบตรวจดูแถวๆ เบาะที่นั่งด้านหลัง แต่ก็ไม่เจอกระเป๋าที่หายเลย....
อันนี้เป็นรถตุ้กๆ ที่เรานั่งในวันนั้น สภาพเบาะตามนี้เลยครับ
ส่วนที่ยืนกับรถตุ้กๆ นี่คือ คนขับในวันนั้น ชื่อว่า Bobby
หลังจากหาดูดีแล้วว่าไม่อยู่บนรถ ก็คิดในใจว่า งั้นเราอาจลืมไว้ที่ป้อมอัคราแน่นอน เลยบอก Bobby ให้ช่วยขับกลับไปที่ป้อมอัครา
ระหว่างขับไปใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาที ผมก็พยายามนึก และเปิดดูรูปถ่ายในกล้องมือถือและกล้องถ่ายรูป เพื่อหาจุดสุดท้ายที่เรายังถือกระเป๋าอยู่
แต่ผมก็ดันถ่ายรูปตัวเองไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ถ่ายแต่วิว แต่สุดท้ายก็เจออยู่ 1-2 รูปพอจะช่วยยืนยันตำแหน่งสุดท้ายที่มีกระเป๋าอยู่กับตัวได้บ้างเพื่อลดพื้นที่การค้นหาให้แคบลง
อันนี้เป็นรูปสุดท้ายที่ถือสะพายกระเป๋าอยู่ (ในวงกลมสีเขียว)
อีกรูปเผื่อไม่ชัด อันนี้เป็นกระเป๋าเล็กที่หายไป (วงกลมสีแดง)
พอไปถึงหน้าป้อมอัครา ตอนนั้นเวลาก็เริ่มเย็นแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึง เข้าไปข้างในแล้ว เพราะเขารอแต่คนที่เที่ยวอยู่ด้านในทยอยออกมา ผมเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า "กระเป๋าผมหายอยู่ด้านในป้อม ขอเข้าไปหาดูหน่อยได้ไหม??"
เจ้าหน้าที่เลยอนุญาติให้เข้าไปข้างใน ผมเลยบอกน้าผมให้รอหน้าทางเข้าป้อม และลองสอบถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นดู เผื่อมีคนเจอ
และผมก็วิ่งเข้าไปในป้อมทันที เพราะยังจำเส้นทางจากรูปถ่ายตำแหน่งล่าสุด จนมาถึงออกหน้าป้อมได้ ว่าแวะจุดไหนบ้าง
พอไปถึงจุดที่ถ่ายรูป ผมก็พยายามเริ่มหาจากแถวนั้น และถามยามที่เฝ้าแถวนั้นบ้าง แต่หายังไงก็ไม่เจอ เลยค่อยๆ ไล่เดินเริ่มต้นจากจุดนั้น ย้อนกลับออกมาหน้าป้อม ตามทางที่แวะครั้งก่อน
เดินไปก็มองหาไป แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ เพราะหลังจากจุดนั้นก็จำได้ว่า เดินๆ กับถ่ายรูปนิดหน่อย ไม่ค่อยได้หยุดแล้ว
ระหว่างเดินออกมาเรื่อยๆ ตามทาง ในใจผมความหวังเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ แต่ก็ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ
จนถึงหน้าป้อม จำได้ว่าแวะถ่ายรูปนิดหน่อย แถวๆ ทางเข้าก่อนเดินไปหาตุ้กๆ เลยเดินๆ หาตามระแวกที่แวะถ่ายรูป แต่ด้านหน้าป้อม เป็นจุดที่คนมารอคิวซื้อตั๋ว และยังมีพวกขายของ ตุ้กๆ และอื่นๆ เต็มไปหมด คิดในใจว่า ถึงจะเผลอวางไว้หน้าป้อม โอกาสที่จะได้คืนก็แทบเป็น 0 ละ
ผมได้แต่ภาวนาว่า ขอให้คนที่เอากระเป๋าไป เอาแต่ของมีค่าไปและทิ้งกระเป๋ากับพาสปอตไว้แถวๆ นั้นหรือในถังขยะแถวๆ หน้าป้อม
ผมก็เริ่มมองหา ตามคูน้ำหรือถังขยะแถวๆ ระแวกหน้าป้อมแต่หาแล้วก็ยังไม่มีร่องรอยของกระเป๋าเลย ก็เริ่มถอดใจและเดินกลับไปรวมกลุ่มกับน้าและเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อกันข้างใน เขาบอกว่า "เดี๋ยวจะพาคนเข้าไปหาอีกรอบนึง" ผมตอนนั้นก็ทั้งเหนื่อยๆ และหิวๆ ก็เดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปจุดเดิมเพื่อหา แบบไร้ความหวัง โดยเจ้าหน้าที่ที่พาเข้าไปกับผมอีกคน ก็ไม่ต่างอะไรเท่าไหร่ แค่มาตรวจสอบถังขยะในป้อม จากจุดสุดท้ายในรูป จนถึงหน้าประตู แต่ก็ไม่พบกระเป๋าอยู่ดี จนเดินออกมาอีกรอบ ฟ้าเริ่มค่ำขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าแล้ว ยุงก็เยอะด้านหน้า ผมเริ่มถอดใจและทำใจว่า มันคงหายไปแล้วจริงๆ เลยถามไปแบบสิ้นหวังว่า "ในป้อมมีกล้องวงจรปิดไหม" เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ไม่มีสักตัว"
สุดท้ายเลยได้แต่ ทิ้งเบอร์ติดต่อ อีเมลและที่อยู่โรงแรมในนิวเดลีให้กับเจ้าหน้าที่ไป และต้องกลับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อเตรียมขึ้นรถกลับไปนิวเดลี
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟ ตอนนั้นในหัวเหมือนตื้อๆ ไปหมด และพอนึกถึงแผนการเดินทางที่จะต้องนั่งเครื่องจาก เดลีไป เลห์ ลาดัค ตอนเช้าวันพรุ่งนี้ (9/4/60) ก็ยิ่งทำให้หดหู่มากกว่าเดิม เลยได้แค่ทำใจเงียบๆ
พอถึงสถาทีรถไฟ ตอนนั้นน่าจะเกือบ 2 ทุ่มมีเวลาประมาณชั่วโมงกว่าก่อนกำหนดรถไฟออก ผมเลยลองถาม Bobby ว่าจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
ไกลไหมจากที่นี่ Bobby บอกว่านั่งรถประมาณ 15 นาที แต่เขาก็แนะนำว่า ให้ไปแจ้งตำรวจตรงแถวสถานีรถไฟที่นิวเดลีดีกว่า เพราะเวลาตอนนี้เหลือไม่มากและเริ่มมืดแล้ว เราก็เลยตอบรับคำแบบเนือยๆ หลังจากนั้น
น้าผมก็ยื่นเงินให้ Bobby เพิ่มอีก 200 รูปีเป็นค่าบริการเพิ่มเติมที่ไป-กลับ ป้อมอัคราอีกรอบนึง
Bobby บอกว่าจะไม่รับเงิน จะบริการให้ฟรี เนื่องจากเห็นเรากำลังเจอปัญหา แต่เรากับน้าก็ยืนยันว่า ไม่เป็นไร เป็นสินน้ำใจที่คุณบริการเรา
สุดท้าย Bobby ก็รับเงินมา และพยายามบอกพวกเราให้แฮปปี้ไว้ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก และเขาก็ถามแผนเดินทางเรา เราก็บอกไปว่า เรามีแผนจะเดินทางจากเดลีไปเลย์พรุ่งนี้ 9/4/60 และกลับจากเลย์ มาเดลีวันที่ 15/4/60 ตอนสายๆ และมีเที่ยวบินจากเดลีกลับไทย 17/4/60 ตอนสายๆ
Bobby เลยแนะนำเราว่า "ไปถึงสถานีรถไฟเดลีคืนนี้ (ประมาณเกือบเที่ยงคืน) ให้ไปแจ้งความกับตำรวจก่อน เรื่องพาสปอตหายและให้เรากับน้า เดินทางไปเที่ยวเลย์เลย แล้วค่อยกลับมาวันที่ 15/4/60 ยังมีเวลาอีก 1 วันครึ่งค่อยมาทำพาสปอตก็ได้ ทำไม่นานหรอก เขาบอกว่ายังไงสถานทูตก็น่าจะเปิดบริการทุกวัน ให้เราทำใจเย็นๆ ยิ่มเข้าไว้และเที่ยวอินเดียให้สนุก"
ตอนนั้นเรากับน้า ยังติดอาการมึนๆ และจิตตก พอฟังคำแนะนำของ Bobby ใจก็เริ่มชื้นขึ้นมาบ้าง เหมือนมีคนแนะนำทางสว่างให้ คิดในใจว่าถึงแม้พาสปอตกับเงินของผมหาย แต่ยังมีเงินของน้าอยู่ (เราแยกเงินของแต่ละคนไว้กับตัวเอง) ยังพอเดินทางต่อได้ แล้วค่อยไปทำใจที่เลย์ละกัน
เลยขอบคุณ Bobby ที่แนะนำและให้กำลังใจ แล้วจึงร่ำลากันหน้าสถานี
หลังจากนั้นผมกับน้าก็นั่งรอในสถานีรถไฟอีกชั่วโมงกว่า เพื่อที่จะกลับนิวเดลี
**** เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ ตี2กว่าแล้ว พรุ่งนี้ทำงานด้วย ยังมีเหตุการณ์ระทึกหลังจากนั้นอีกครับ