
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ 2 ของ จขกท.นะคะ (จขกท.ชื่อตัส นะคะ)
วันนี้จะมารีวิวเครื่องสำอางบางส่วนของเรา ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเรา มีผิวหน้ามัน ขาดน้ำ
ก็คือล้างหน้าเสร็จตอนเช้าหน้าค่อนข้างแห้ง แต่พอเริ่มเที่ยงๆ หน้าก็เริ่มมัน
ปกติแล้วจะไม่ลง skincare ใดๆในตอนเช้าเลย เพราะขี้เกียจด้วยแหละส่วนหนึ่ง อีกอย่างกลัวหน้ามัน
แต่ตอนนี้ใช้เทสเตอร์ YSL top secrets instant moisture glow รู้สึกชอบนะ หน้าไม่มันเพิ่ม
แต่คงต้องเก็บเงินก่อนละกัน ส่วน skincare ตอนกลางคืนใช้ ANR และ kiehl's hydro plumping serum ค่ะ
ปล.หน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งเชื่อเราทั้งหมด เพราะทั้งหมดเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของเรา

อะๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

ตัวแรกนะคะ
Dior Forever Perfect Makeup Everlasting Wear มี SPF35 PA +++ No.020

สีนี้จะค่อนข้างชมพู เรามีผิวโทนเหลือง แต่ถ้าให้ใช้ 21 มันดูจะเข้มไป เลยเลือกเบอร์นี้มา
นางก็โออยู่ แต่อย่าลืมเขย่าขวดก่อนใช้นะ ตอนลงเราใช้ฟองน้ำลง รองพื้นค่อนข้างแห้งเร็ว
ทาเสร็จจะรู้สึกแมทๆ แต่ระหว่างวันก็แอบมีมันบ้าง ไม่เยิ้ม
ข้อดีของนางคือ นางทนอยู่นะ เราทาไปเล่นสงกรานต์ที่ wipe out
กลับห้องมาล้างหน้า นางก็ยังอยู่ อาจจะไม่ได้อยู่ครบ 100% แต่หน้าก็ยังโออยู่ ไม่เป็นคราบ ชอบ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 8/10 (หักตรงแพงไปนิดและอยากให้มีสีให้เลือกเยอะกว่านี้)

ตัวที่ 2
YSL Fusion Ink Cushion Foundation No.B50

คุณคะ แค่แพคเกจก็ชนะเริด แบบหยิบเติมระหว่างวันนี่ดูแพงมากค่ะ ซื้อเถอะ 55555

นางมี 6 เบอร์ แต่เราใช้เบอร์ 5 (แอบคิดว่าเบอร์แรกๆจะขาวขนาดไหน) แต่ดูจากรูปจะเห็นว่า
สีของเราก็ไม่ได้เข้มอะไร แล้วพอลงที่หน้า ก็พอดีกับผิวเรานะ ตัวนี้จะปกปิดน้อยหน่อย เน้นความสบาย
ทาแล้วจะรู้สึกว่าหน้าดิชั้นดีมาตั้งแต่เกิด เนียน ธรรมชาติ อะไรทำนองนั้น ส่วนตัวชอบมากๆ
จะใช้เป็น everyday look แต่งไปเรียน เพราะเบื่อมากเวลาเพื่อนถามว่า "มาเรียน จำเป็นต้องแต่งหน้าหนาขนาดนี้มั้ย"
โอเคเพื่อน เราแต่งเบาๆก็ได้ เพราะฉะนั้นคุชชั่น YSL ตอบโจทย์ นางไม่คุมมันนะ
แต่!! แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันเพิ่ม จริงๆสาวหน้ามันก็น่าลองใช้นะคะ อาจจะติดใจเหมือนเราก็ได้
ข้อดีของนางคือ นางบิ้วได้ วันไหนอยากได้สบายๆก็ลงรอบเดียว
วันไหนอยากกริบๆ อยากสวยแบบแน่นๆ ก็ลงเพิ่มได้ ไม่ได้ดูหนาอะไร ไม่รู้สึกหนักหน้าด้วย ปลื้มค่ะ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 8.5/10 (หักตรงแพงไปนิดและอยากให้มีสีให้เลือกเยอะกว่านี้)

ตัวที่ 3
YSL touche eclat No.5.5 เป็นปากกาคอนซีลเลอร์
แต่สีจะสว่างหน่อย ใช้เป็นไฮไลด์ (ปิดสิวไม่ได้ แต่ถ้าเป็นใต้ตาละก็ของเค้าดีจริงไรจริง)


วิธีใช้ก็ กดที่ท้ายปากกา เนื้อผลิตภัณฑ์ก็ออกมา เราใช้ไม่เยอะเลย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
บริเวณที่เราลงก็คือใต้ตา และมุมปาก
ข้อดีของนางคือ เราชอบตรงที่ลงตรงไหนก็ได้ ไม่เป็นคราบ ปกติคอนซีลเลอร์แบรนด์อื่นจะลงได้เฉพาะใต้ตา
แต่ถ้าเป็นมุมปาก จะเป็นคราบ แต่ตัวนี้ไม่เลย เนียน ดูธรรมชาติ แต่ปริมาณที่เค้าให้มาเทียบกับราคาดูจะแพงไปหน่อย
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 9/10 (หักตรงแพงไปนิด)

ตัวที่ 4
Chanel Joues Contraste No.330

ข้อดีของนางคือ สีสวย สีแน่นแตะนิดเดียวสีก็ชัดแล้ว และที่สำคัญติดทนมากกกก
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 8/10 (หักตรงแปรงที่ให้มาไม่ค่อยได้เรื่อง)

ตัวที่ 5
Chanel Rouge Allure Ink No.148

ต้องขอโทษด้วยที่สภาพเยินมาก ตัวนี้สีค่อนข้างแรง ทาไปเรียนไม่ได้
แต่ถ้าทาไปเที่ยว ทาไปทะเลนี่แซบมาก นางติดไม่ทน แต่ทาแล้วรู้สึกสบายปาก
ข้อดีของนางคือ texture ดี เอาไปผสมกับลิปอื่นได้ง่าย
โดยเฉพาะผสมกับสีนู้ดๆแล้วสวยมาก พกพาสะดวก แพคเกจดูแพง
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 7/10 (หักตรงเป็นสีที่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน)

ตัวที่ 6
Hourglass Ambient Lighting Powder สี Diffused


เป็น finishing powder สีค่อนข้างเหลือง
ข้อดีของนางคือ ใช้อำพรางรอยแดง ใช้ปัดทับเวลาปัดแก้มแดงจนเกินไป ถ้าปัดทั่วหน้าจะให้สีนวลๆ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 7/10 (หักตรงที่ไม่ค่อยได้ใช้)

ตัวที่ 7
Three ไพร์เมอร์ ทรานสลูเซนท์

คือเราซื้อตัวนี้มาพร้อมกับรองพื้นที่เป็นขวดลักษณะเดียวกัน
จะบอกว่าไม่ชอบรองพื้นเลยเพราะเราใช้แล้วเป็นคราบ แต่ตัวไพร์เมอร์เราชอบนะ
ข้อดีของนางคือ ทาแล้วหน้าดูสุขภาพดี เนื้อบางเบาดูธรรมชาติ ตอนทาเสร็จจะได้ลุคแมทๆ
แต่นางก็ไม่ได้คุมมันอะไร แต่ก็ไม่ทำให้มันเพิ่ม ระหว่างวันจะให้ลุคดิวอี้ๆ ไม่เยิ้ม
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 7/10 (หักตรงที่ไม่ค่อยได้ใช้)

ตัวที่ 8
Three แป้งฝุ่น ทรานสลูเซนท์ 02

เดี๋ยวนี้ใครๆก็หันมาใช้แป้งฝุ่นยี่ห้อนี้ คือเนื้อเค้าดีจริง ละมุน เนียน

จากรูปจะเห็นได้ว่า สภาพเยินมาก เพราะใช้ทุกวัน พัฟนุ่มมาก
ข้อดีของนางคือ เนื้อแป้งละเอียดมาก พัฟเนื้อนุ่ม มีหลายสูตรให้เลือก BA สาขาชิดลมน่ารักมากๆ (เกี่ยวมั้ย ><)
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 10/10 ซื้อเลยค่ะ คุ้ม ใช้ได้นาน

ตัวที่ 9
Nars Pro-Prime Smudge Proof Eyeshadow Base
หรือที่รู้จักกันดีก็คือ Eye Primer ของ Nars นั้นเอง

ข้อดีของนางคือ นางทนมาก เหมาะมากสำหรับคนหนังตามัน
ใช้แล้วไม่เป็นคราบขาวๆด้วย ขับสี eyeshadow ได้ดี ปลื้มมาก
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 10/10 ซื้อเถอะ ของเค้าดีจริงๆ

ตัวที่ 10
Nars Soft Matte Complete Concealer

ตัว Nars Creamy Concealer เราก็มีนะ แต่เราคิดว่าสองตัวนี้ texture มันต่างกัน
ถ้าเป็นสิวแบบยังไม่ได้กดออก ตัว soft Matte จะเกาะสิวได้ดีกว่า เพราะฉะนั้น เลือกไม่ถูก ควรมีทั้งสองนะคะ
แต่ถ้าอยากได้อันใดอันหนึ่งในใจเชียร์ Creamy มากกว่าค่ะ
ข้อดีของนางคือ เนื้อแห้ง เกาะสิวได้ดี ที่สำคัญเราต้องจำไว้เสมอว่า Concealer ซ่อมสีได้
แต่ซ่อม texture ไม่ได้นะคะ ได้แค่อำพราง
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 8/10

ตัวที่ 11
Tarte tarteist pro palette


ข้อดีของนางคือ เนื้อนุ่ม เม็ดสีชัด แตะนิดเดียวก็รู้เรื่อง เกลี่ยง่าย
กลิตเตอร์สีสวย ควรจะมีอะพาเลทนี้ เชียร์ค่ะ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 10/10

ตัวที่ 12
Laura Mercier แป้งผสมรองพื้น No.1

แป้งผสมรองพื้นชื่อดัง ที่คนหน้ามันจะรู้จักนางดี
เราใช้แปรงปัดนะ เพราะแป้งค่อนข้างขาว และเราต้องการความรู้สึกบางเบา
แต่แค่เราใช้แปรงปัดเบาๆ นางก็อยู่ทนอยู่นานกับเราเอามากๆ กลับห้องมาดึกๆหน้ายังสวยอยู่เลย

ข้อดีของนางคือ ทน คุมมันได้ดี (ดีสุดในตอนนี้สำหรับเรา) แต่ตอนบ่ายเราก็ยังซับหน้าอยู่นะ
แต่ถ้าไม่ซับก็จะได้ลุคหน้าเด้งๆ ดิวอี้ๆ จริงๆมันไม่มีแป้งยี่ห้อไหนหรอก ที่จะคุมมันได้ทั้งวันอะ อันนี้ต้องทำใจ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 9/10 (หักตรงทาเสร็จใหม่ๆมันจะแมทโครตๆ)

ตัวที่ 13
Urban Decay Vice Lipstick สี Stark Naked (Comfort Matte)

ข้อดีของนางคือ เนื้อดีมากๆๆ เราปากลอกเป็นแผ่นๆ แต่ทาลิปนี้ได้ ไม่เป็นคราบ เนียนสวย
อำพรางความชั่วร้ายได้ดีมากๆ และที่สำคัญมีสีให้เลือกเยอะ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 10/10

ตัวที่ 14
Porefessionally Bronged เป็นชุดเซต

ข้อดีของนางคือ ตัวบรอนเซอร์สีสวย ใช้ง่าย
ไพร์เมอร์ ปกปิดรูขุมขนได้ดีแต่ไม่คุมมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันเพิ่ม
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 9/10 (หักตรงไฮไลด์เป็นคราบอะ ใช้ยาก ชอบแบบฝุ่นมากกว่า)

ตัวที่ 15
Mac Prep+Prime เป็นผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า
จะฉีดก่อนหรือหลังแต่งหน้าก็ได้
ข้อดีของนางคือ ฉีดหลังแต่งหน้าช่วยให้หน้าไม่ดูแป้ง หรือแมทจนเกินไป
ส่วนเรื่องเครื่องสำอางติดทน เราเฉยๆอะ
เปรียบเทียบคุณภาพกับราคา : 7/10 (หักตรงฉีดไกลๆก็ไม่ค่อยรู้สึก ฉีดใกล้ๆหน้าก็เปียก)

ปล1.ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
ปล2.คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ จขกท. ได้น้าา
[CR] รีวิว Dior Forever,YSL Fusion Ink Cushion และเครื่องสำอางHi-end อื่นๆ
จะบอกว่าไม่ชอบรองพื้นเลยเพราะเราใช้แล้วเป็นคราบ แต่ตัวไพร์เมอร์เราชอบนะ
แต่นางก็ไม่ได้คุมมันอะไร แต่ก็ไม่ทำให้มันเพิ่ม ระหว่างวันจะให้ลุคดิวอี้ๆ ไม่เยิ้ม
หรือที่รู้จักกันดีก็คือ Eye Primer ของ Nars นั้นเอง
ใช้แล้วไม่เป็นคราบขาวๆด้วย ขับสี eyeshadow ได้ดี ปลื้มมาก
ถ้าเป็นสิวแบบยังไม่ได้กดออก ตัว soft Matte จะเกาะสิวได้ดีกว่า เพราะฉะนั้น เลือกไม่ถูก ควรมีทั้งสองนะคะ
แต่ถ้าอยากได้อันใดอันหนึ่งในใจเชียร์ Creamy มากกว่าค่ะ
แต่ซ่อม texture ไม่ได้นะคะ ได้แค่อำพราง
กลิตเตอร์สีสวย ควรจะมีอะพาเลทนี้ เชียร์ค่ะ
เราใช้แปรงปัดนะ เพราะแป้งค่อนข้างขาว และเราต้องการความรู้สึกบางเบา
แต่แค่เราใช้แปรงปัดเบาๆ นางก็อยู่ทนอยู่นานกับเราเอามากๆ กลับห้องมาดึกๆหน้ายังสวยอยู่เลย
แต่ถ้าไม่ซับก็จะได้ลุคหน้าเด้งๆ ดิวอี้ๆ จริงๆมันไม่มีแป้งยี่ห้อไหนหรอก ที่จะคุมมันได้ทั้งวันอะ อันนี้ต้องทำใจ
อำพรางความชั่วร้ายได้ดีมากๆ และที่สำคัญมีสีให้เลือกเยอะ
ไพร์เมอร์ ปกปิดรูขุมขนได้ดีแต่ไม่คุมมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันเพิ่ม
จะฉีดก่อนหรือหลังแต่งหน้าก็ได้
ส่วนเรื่องเครื่องสำอางติดทน เราเฉยๆอะ
ปล2.คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ จขกท. ได้น้าา