{Ubon Ratchathani} : ท่องอุบลคนกันเอง...เกรงว่าจะมีรอบสอง


หน้าร้อนแบบนี้ หลายๆคนคงนึกถึงที่เที่ยวให้หายเย็น ทะเลบ้าง น้ำตกบ้าง แต่จะมีใครรู้ว่า
อีสานบ้านเราก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่ใครๆหลายคนอาจนึกไม่ถึง
วันนี้พวกเราจะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเดอะเบสออฟเดอะเบสไปอีก
อุบลราชธานีของดีๆมีเพรียบ ตามไปดูกันเลยจ้าาา


เริ่ม!!!! Day1

ออกเดินทางจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  คืนวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. 60 ไป อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
เราเดินทางกันโดยรถตู้ อาคนขับใจดีมากกกก ราคาถูกมากกกกก สอบถามหลังไมค์น้ะจ้ะ
ใช้เวลาอยู่บนรถตู้ประมาณ 11 ชม. ระหว่างเดินทางก็สามารถแวะซื้อของกินได้ กินอิ่ม นอนหลับ ZZzzz
ตื่นมาอีกทีก็ถึงอุบลแล้วจ้าาา
18 มีนาคม 2560 ตื่นมาก็หิวอีกแล้ว 555 แวะกินร้านอาหารตามสั่ง ข้าวกระเพราะหมูกรอบไข่ดาวววววอร่อย ให้เยอะมาก แถมราคาก็ไม่แพง
ระหว่างกิน ก็มีชาวบ้านหาบข้าวเม้ามาขาย เขาบอกว่า ถ้าให้อร่อยกว่านี้ต้องใส่มะพร้าวและน้ำตาล
ของอุบลแท้ๆยังไม่ทันถ่ายรูปเลย หมดก่อนซะแล้ว555
เวลาประมานสิบโมงกว่า เมื่อเรากินข้าวอิ่มแล้ว ก็เก็บกระเป๋าเข้าที่พัก ที่พักเราคือ ริมโขงลมทะเล
ราคา 500 ต่อบ้าน1 หลัง ใกล้ริมแม่น้ำโขงเลยจ้า เดินมาไม่ถึง10ก้าว ก็สามารถมารับลมทะเลแบบสบายๆ


เมื่อเก็บของและทำภาระกิจเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปยัง วัดบุ้งขี้เหล็ก
เที่ยงกว่าๆเรามาถึง วัดบุ้งขี้เหล็ก โห ภายในเงียบสงบมาก เพราะไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียว
ได้ยินแต่เสียงลมพัด เข้ามาก็แอบรู้สึกกลัวนิดๆ


จากวัด เราออกเดินทางกันต่อไปดูหาดทรายสูง  ถึงเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าบริการ
ขอบอกเลยว่าอากาศร้อนแค่ไหนก็ไม่สามารถล้มความตั้งใจของพวกเราได้
เมื่อเราเดินลงมาด้านล่าง จะสามารถเดินไปยังริมแม่น้ำโขงได้เลย มีร้านอาารเป็นซุ้มๆ กินลมชมวิวเพลินไปค่ะ
เป็นช่วงปิดเทอม เด็กๆมาเล่นน้ำกันเยอะเรยค่ะ นางรักน่าเอ็นดู อิอิ
ก้อนหินพวกนี้อยู่ใต้แม่น้ำโขง เมื่อถึงฤดูน้ำขึ้นหินก็จะจมอยู่ใต้น้ำ
แต่เมื่อหน้าแล้ง หินต่างๆ ต้นไม้ในน้ำ แนวแก่งหิน โขดหินใต้น้ำ รวมไปถึงแนวสันดอน สันดิน สันทราย ก็จะโผล่ขึ้นมาเพราะน้ำลด
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำคือฝั่งประเทศลาวนะจ๊ะ อยู่ใกล้แค่นิดเดียวเอง 555
คนที่นี้น่ารักมากๆ ทักทายกันตลอดทาง เมื่อรู้ว่าเรามาจากกทม.


เกือบๆสี่โมงเย็น เราออกเดินทางไปยัง หาดชมดาว ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันค่ะ ประมาณ 20 นาที
โอโหมันสวยมากกกก เห็นตั้งแต่ด้านบน คือสวยจริง ไม่น่าเชื่อว่าหินเรียงๆกันจะสวยขนาดนี้ ประจวบกับแดดเริ่มน้อยลง5555
ไม่เสียค่าเข้าชม แต่ต้องนั่งรถกระบะลงไป ค่ากระบะ 200 บาท มีไกด์นำทางราคาแล้วแต่เราจะให้เลย ส่วนใหญ่จะเป็นไกด์เด็กๆ
น้ำในบ่อที่เหลืออยู่เป็นสีเขียวมรกต ดูสวยแต่แอบพิศวง ไม่เห็นว่าข้างใต้มีอะไรบ้างหินบางอันเกิดเป็นรูปร่าง
เพราะเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล
เพื่อนเราคนนึงขอท้าทายกับตัวเอง กระโดดลงจากโขดหินลงแม่น้ำ ค่อนข้างสูง แต่นางก็ไม่กลัว กระโดดโล้ดดดด

ถ่ายรูปและสำรวจธรรมชาติกันจนเหนื่อยแล้ว หนึ่งทุ่ม เราถึงถนนคนเดินเขมราฐ จากที่พักไปแค่ 5 นาที
ถึงแล้วก็เดินสิคะ หิวมาก!!!!!! 5555
บรรยายกาศของที่นี้ ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมของพื้นเมือง ชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษาหลายคน แต่งชุดผ้าไหมที่เป็นของจังหวัดอุบลราชธานี
มีการแสดงของเด็กๆ เต้น และรำ ใครมาเขมราฐต้องมาเดิน ขอบอกว่าเป็นไฮไลท์เลยค่ะ
และที่สำคัญ !!!!!
ก๋วยจั๋บยวน ใครมาอุบลแล้วไม่ได้กินถือว่าพลาดมากก เพราะที่นี่คืออาหารขึ้นชื่อของจังหวัด หอมทั้งพริกไทย
เส้นเหนียวนุ่ม ไก่นุ่มลิ้น โอ่ยยยย อร่อยมากกกก


วันแรกก็ขอพอเท่านี้เนอะ สามทุ่มกว่าแล้ว กลับที่พักและนอนพักผ่อนตามอัธยาศัย พรุ่งนี้ลุยใหม่


DAY2
19 มีนาคม 2560 ฟ้าสางเวลา 7 โมงเช้า พวกเราก็ทำการ Check out ออกจากที่พักกัน บ๊าย...บาย ริมโขงทะเลลม
คุณอาวิชัยพาเราออกจากห้องพักเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สามพันโบก แต่เช้าๆ แบบนี้ท้องมันก็ต้องหิวเป็นธรรมดา เราเลยให้คุณอาวิชัยพาเราหาอาหารเช้าทานกัน จนมาพบกับร้านอาหารเปิดใหม่อย่างร้าน “บ้านอิงโขง” ร้านอาหารที่มีบรรยากาศที่ติดริมแม่น้ำโขง มองออกไปจะเห็นเรือแล่นกันขวักไขว่ มองเห็นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านของเราก็คือ ประเทศลาวนั่นเอง  ที่ร้านอาหารบ้านอิงโขง จะมีเมนูที่หลากหลาย แต่เช้านี้พวกเราทุกคนสั่งเป็น เกาเหลาหมูน้ำตก+ข้าวสวยร้อนๆ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ เกาเหลาใส่กะปิ!! อร่อยถูกปากมาก

ใส่กะปิลงในเกาหลาแซ่บเว่ออ!!

นอกจากบรรยากาศร้านจะดีแล้ว ภาชนะที่ทางร้านนำมาใส่อาหารยังดูดี มีสกุล กู๊ดเก๋มาก พออิ่มปุ๊ป ทางพี่เจ้าของร้านยังนำแตงโมที่ผ่าแล้วมาเสิร์ฟให้เราได้ทานกันฟรีๆ ด้วย พี่เขาบอกว่ามาจากสวนเขาเองเลย ไม่ฉีดยา ปลูกแบบวิธีธรรมชาติ เนื้อสีแดงน่าทานมากๆ พอกัดเข้าไปเท่านั่นแหละ!! หวานฉ่ำ รสชาตดีมาก

แตงโมหวานฉ่ำ

หลังจากที่ได้ลิ้มรสชาตแตงโมเสร็จแล้ว เราก็จ่ายเงินค่าอาหารกัน นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ราคาก็ถูกมากๆ เกาเหลาที่เราทานไปราคาเพียงชามละ 35 บาทเท่านั้น จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ในระหว่างที่เรากำลังจะเดินไปขึ้นรถกัน พี่เจ้าของร้านก็เข้าไปหยิบหน่อไม้ดองมาฝากเราให้คนละขวด อย่างว่าแหละ คนไทยไม่แล้งน้ำใจเลยจริงๆ

พี่เจ้าของร้าน "บ้านอิงโขง"
หน่อไม้คนละขวดของฝากจากร้าน "บ้านอิงโขง"


จากนั้นเราก็เดินทางไปยัง  “สามพันโบก ” ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นแกรนด์แคนยอนประจำจังหวัด อุบลราชธานี  สามพันโบก เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง (ประมาณเดือนมกราคม – เมษายน) ที่เรียกว่า "สามพันโบก" เพราะบนแก่งหินมีแอ่งน้ำขนาดเล็กใหญ่จำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง (คำว่า "โบก" เป็นภาษาลาว แปลว่า "แอ่ง") จึงเรียกที่นี่ว่า สามพันโบก
ภาพวิว "สามพันโบก" ข้างบนก่อนจะนั่งรถลงไปชม

เมื่อถึงที่หมายเราก็ได้เช่ารถ 2 แถว เพื่อจะลงไปชมความงามของสามพันโบกเป็นราคาเหมา 200 บาท พอลงไปถึงก็จะมีมัคคุเทศก์น้อยมาคอยนำทางพาเราชมความงาม และให้ความรู้กับเรา ซึ่งมัคคุเทศก์น้อยของเราคือ “น้องเพชร” (เราไม่ได้ถ่ายรูปน้องมาเลย555555)
น้องเพชรพาเราชมความงามของสามพันโบก น้องเพชรพาเราไปชมโบกต่างๆ จนมาพบกับโบกยอดฮิตนั่นก็คือ “โบกมิกกี้เม้าส์”
"โบกหัวใจ"




แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่