การปฏิรูประบบงบประมาณความสำคัญที่ถูกลืม

กระทู้สนทนา
ประชาชนทุกประเทศในโลกมุ่งหวังที่จะให้รัฐบาลใช้งบประมาณอันเป็นเงินที่เรียกเก็บมาจากประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยให้ความสำคัญในการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนเจ้าของเงินงบประมาณ   ซึ่งสิ่งเหล่านี้นายกรัฐมนตรีประยุทธ์  จันทร์โอชา พูดอยู่เสมอและบ่อยครั้งมากในรายการคืนความสุขให้กับประชาชน   แต่จากการที่ จขทก.ได้อ่านกระทู้และความเห็นของประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ(ส่วนราชการ/องค์กรที่ได้รับงบประมาณในการผลิตหรือให้บริการประชาชน) ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานของรัฐใน PANTIP พบว่ามีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง  เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐเมื่อมีกระทู้ที่ถูกประชาชนต่อว่าว่าใช้งบประมาณไม่เป็นประโยชน์ ไม่ประหยัด ฟุ่มเฟือยมักจะเข้ามาให้ความเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณให้มากที่สุดหมดเพื่อว่าในการของบประมาณปีต่อไปจะได้ไม่ถูกปรับลดงบประมาณอันเนื่องมาจากถ้าใช้จ่ายงบประมาณได้น้อยจะถูกปรับลดงบประมาณของปีต่อไป  และระบุผลดีของการใช้งบประมาณจะช่วยขับเคลื่อนเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจทรงตัวหรือขยายตัวได้   ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความเข้าใจว่าการใช้งบประมาณอย่าง ไม่มีประสิทธิผล  ไม่มีประสิทธิภาพที่จะก่อเกิดประโยชน์ให้กับประชาชนแต่ใช้จ่ายงบประมาณเพียงเพื่อหน่วยงานมีโอกาสได้รับงบประมาณเท่าเดิมหรือสูงมากขึ้นเป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้วถือได้ว่าเป็นความล้มเหลวของระบบงบประมาณของประเทศไทย   
               ในปัจจุบันประเทศไทยระบุว่าใช้ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์อันเป็นระบบงบประมาณที่ให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานหรือผลงานหรือที่กล่าวกันว่า “หน่วยงานต้องนำผลงานมาแลกกับงบประมาณ” ทั้งนี้ ตามแนวทางกำหนดให้ใช้ผลงานของหน่วยงานเป็นองค์ประกอบสูงสุดในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อควบคุม กำกับ และกระตุ้นให้หน่วยงานสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ผลงานสูงขึ้นจึงจะได้รับงบประมาณไปดำเนินงานตามภารกิจมากขึ้นและหน่วยงานที่ผลงานต่ำ ใช้จ่ายงบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ ไม่คุ้มค่าจะต้องถูกปรับลดงบประมาณลง    โดยมีกลไกที่สำคัญ คือ การสร้างหรือกำหนดตัวชี้วัดผลงานที่ถูกต้องเหมาะสมและท้าทายความสามารถของหน่วยงานภาครัฐในแต่ละภารกิจเพื่อใช้เป็นเกณฑ์วัดหลักในการพิจารณางบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การปฏิรูปงบประมาณที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546  กลับไม่สามารถสร้างกลไกในการวัดผลงานของหน่วยงานของรัฐได้อย่างถูกต้องเหมาะสมจนแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการพิจารณางบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ  ทั้ง ๆ ที่ ในคู่มือการจัดทำคำของบประมาณได้ระบุหลักเกณฑ์และวิธีการในการสร้างหรือกำหนดตัวชี้วัดไว้โดยเมื่อจัดทำตัวชี้วัดแล้วก็จะแสดงไว้ในเอกสารประกอบ พรบ.งบประมาณประจำปี  ทั้งนี้ ตัวชี้วัดหลักที่ใช้วัดผลงานของหน่วยงานสำนักงบประมาณกำหนดไว้ คือ “เป้าหมายการให้บริการของหน่วยงาน” เป็นตัวชี้วัดในระดับผลลัพธ์ที่มุ่งให้ความสำคัญของประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายได้รับจากผลผลิตหรือบริการที่หน่วยงานจัดทำหรือให้บริการ  ซึ่งตัวชี้วัด จะต้องแสดงมิติทั้ง ปริมาณ คุณภาพ เวลา ค่าใช้จ่ายและพื้นที่ดำเนินการ  ตัวชี้วัดที่ดีจะต้องอยู่ในลักษณะที่ท้าทายความสามารถ และที่สำคัญ คือ มีอำนาจการจำแนกที่วัดแล้วสามารถแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างผลงานที่ดีและไม่ดีเพื่อใช้ประโยชน์ในการพิจารณาผลงานของหน่วยงานนั้นมาประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
                แต่เมื่อมาศึกษาตัวชี้วัดที่ปรากฎในเอกสารประกอบ พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2560 จะพบว่าตัวชี้วัดที่ปรากฏในเอกสารประกอบ พรบ.งบประมาณ ส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้เป็นหลักในการพิจารณางบประมาณได้  เช่น ของสำนักงบประมาณ กำหนดตัวชี้วัดเป้าหมายการให้บริการของหน่วยงาน ตัวชี้วัดที่1 เชิงปริมาณ “ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี  1 ฉบับ ” ตัวชี้วัดที่ 2 เชิงคุณภาพ  “รัฐสภาเห็นชอบร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี  1 ฉบับ”  เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่าตัวชี้วัดที่ไม่สามารถจำแนกผลงานของหน่วยงานว่ามีผลงานที่ดีหรือไม่ดี  เพราะในทุก ๆ ปี ก็จะต้องมีร่าง พรบ.งบประมาณ 1 ฉบับอยู่แล้ว และอย่างไรก็ตามรัฐสภาก็ต้องมีการให้ความเห็นชอบพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 1 ฉบับ  ตัวชี้วัดดังกล่าวจึงเป็นตัวชี้วัดที่ไม่มีความหมายไม่จำเป็นต้องวัด  การกำหนดตัวชี้วัดในลักษณะเช่นนี้จึงกลายเป็นเพียงกำหนดไว้ให้มีครบตามองค์ประกอบที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานต้องระบุตัวชี้วัดเป้าหมายการให้บริการของหน่วยงานเพื่อแสดงไว้ในเอกสารประกอบ พรบ.งบประมาณเพียงเท่านั้น    ซึ่งในหลาย ๆ หน่วยงานภาครัฐก็กำหนดตัวชี้วัดผลงานในลักษณะที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ   เมื่อไม่สามารถสร้างกลไกในการวัดผลงานที่ถูกต้องเหมาะสมการใช้จ่ายงบประมาณจึงกลายมาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐอันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  เพราะกลายเป็นการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐที่มุ่งใช้จ่ายงบประมาณให้มากที่สุดโดยไม่คำนึงถึงอรรถประโยชน์ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการใช้จ่ายงบประมาณกลับเป็นหน่วยงานที่มีโอกาสได้รับงบประมาณมากกว่าหน่วยงานที่พยายามใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัดและคุ้มค่าเนื่องจากไม่มีตัวชี้วัดผลงานของหน่วยงานที่เหมาะสมในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ    สภาพการณ์เช่นนี้จึงสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดจากความเห็นของบุคคลากรภาครัฐในกระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องบประมาณส่วนใหญ่จะให้เหตุผลที่จะต้องใช้จ่ายงบประมาณให้มากที่สุดเพื่อจะให้ได้รับงบประมาณในปีต่อไปให้ได้เท่าเดิมหรือมากเพิ่มขึ้น และยิ่งความเห็นเหล่านี้ไม่มีการทำความเข้าใจให้ถูกต้องระบบงบประมาณของไทยก็จะกลายเป็นระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นการใช้จ่ายงบประมาณแทนระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน   การบริหารงานภาครัฐก็จะสูญเสียประสิทธิภาพส่งผลต่อประชาชนที่ต้องใช้ผลผลิตและบริการของภาครัฐที่ควรจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเต็มที่
                       เรื่องเหล่านี้จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบงบประมาณจะต้องให้ความสำคัญในการปฏิรูประบบงบประมาณโดยการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับบุคลากรภาครัฐในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ  และพัฒนากลไกในการตรวจวัดผลงานของหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการพิจารณางบประมาณให้กับหน่วยงานภาครัฐ  เพื่อให้ความสำคัญของผลงานไม่ใช้การใช้จ่ายงบประมาณซึ่งสภาพการณ์ในขณะนี้เปรียบเสมือนการขับรถผิดเส้นทางจำเป็นที่จะต้องเลี้ยวกลับหรือหาทางย้อนกลับเส้นทางที่ถูกต้อง  และหากปล่อยให้ขับไปในลักษณะนี้ยิ่งนานไปก็จะยิ่งผิดเส้นทางไปไกลและยิ่งจะต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการพารถกลับเข้ามาสู่เส้นทางที่ถูกต้องและความสูญเสียเหล่านี้จะเป็นภาระต่อต้นทุนในการบริหารประเทศที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้นโดยใช่เหตุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่