ผมเป็นลูกคนเดียว ชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เรียนจบดนตรีมา มีงานในเส้นทางนี้ รายได้ก็พออยู่ได้ครับ
ประมาณเดือนละ 4-5 หมื่น มีคอนโดในกรุงเทพอยู่กับแฟน โอเคกับงานที่ทำมาก เพราะรักด้วย
และก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร เงินเดือนๆนึงพอใช้พอเก็บ แฟนก็ทำงานบัญชีในบริษัทแห่งหนึ่ง
ต้นปี คุณพ่อคุณแม่เรียกให้กลับไปช่วยงานบริษัทที่ต่างจังหวัด ครอบครัวผมเป็นเจ้าของบริษัทอาหารแช่แข็ง
คุณพ่อคุณแม่บอกว่าอยากให้เริ่มดูแล เรียนจบมา 4-5 ปีแล้ว ต่อไปบริษัทก็ต้องเป็นของลูก
ผมกับแฟนเลยย้ายกลับไปที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่บอกว่าให้เลิกทำงานที่เคยทำแล้วมาช่วยตรงนี้เต็มที่
ท่านให้เงินเดือนผมกับแฟนคนละแสน ซึ่งมันก็ดูเหมือนโอเคมาก จนกระทั้งผ่านไป 3-4 เดือน
ผมรู้สึกมาตลอดว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ผมไม่อินกับสิ่งที่ผมทำอยู่เลย ผมไม่มีแรงขับเคลื่อนในการทำงาน
ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สมองผมแล่นตลอดเวลา มีความสุขในการทำงานมากๆ แต่ตอนนี้ เหมือนใช้ชีวิตไปวันๆ
เคยลองเกริ่นๆกับคุณแม่ว่าผมคิดถึงงานดนตรีที่กรุงเทพ ท่านก็ดูเหมือนน้อยใจหน่อยๆ ตัดพ้อว่าท่านแก่แล้ว
ทำทุกอย่างมาก็เพื่อลูก ถ้าลูกไม่ทำ แล้วใครจะมาทำ ถ้าลูกไม่มาดูแล ก็มีคนจ้องจะเอาบริษัทอยู่แน่นอน
ผมเข้าใจมุมท่านมาก และผมก็เข้าใจว่าที่ผมมีทุกวันนี้ได้ เพราะรายได้จากธุรกิจนี้ ที่ผมใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเครียด
มีเงิน มีรถ มีคอนโด ก็เพราะธุรกิจที่บ้าน ที่ทำกันมาเป็นสิบๆปี ที่มั่นคง ที่แข็งแรง แต่ผมควรทำอย่างไร ผมพยายามแล้ว
ที่จะมองให้งานดนตรีเป็นงานอดิเรก ไว้ทำตอนที่เราว่างๆ ทำเล่นๆ แล้วมาจริงจังกับงานที่บ้าน
แต่ผ่านมาถึงวันนี้ เกือบ 4 เดือนเต็มๆ ผมต้องยอมรับกับตัวเองเลยว่า ผมมีความสุขกับงานดนตรีมากกว่าเงินแสนที่ผมได้ทุกเดือน
ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงงานเก่า ผมควรทำยังไงดีครับ ควรซื่อสัตย์กับตัวเอง ขอกลับไปทำงานดนตรีดีไหม ผมจะเห็นแก่ตัวไปไหม
ทำงานที่เรารัก หรือทำงานที่เราไม่รัก แต่ได้เงินเยอะดีครับ
ประมาณเดือนละ 4-5 หมื่น มีคอนโดในกรุงเทพอยู่กับแฟน โอเคกับงานที่ทำมาก เพราะรักด้วย
และก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร เงินเดือนๆนึงพอใช้พอเก็บ แฟนก็ทำงานบัญชีในบริษัทแห่งหนึ่ง
ต้นปี คุณพ่อคุณแม่เรียกให้กลับไปช่วยงานบริษัทที่ต่างจังหวัด ครอบครัวผมเป็นเจ้าของบริษัทอาหารแช่แข็ง
คุณพ่อคุณแม่บอกว่าอยากให้เริ่มดูแล เรียนจบมา 4-5 ปีแล้ว ต่อไปบริษัทก็ต้องเป็นของลูก
ผมกับแฟนเลยย้ายกลับไปที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่บอกว่าให้เลิกทำงานที่เคยทำแล้วมาช่วยตรงนี้เต็มที่
ท่านให้เงินเดือนผมกับแฟนคนละแสน ซึ่งมันก็ดูเหมือนโอเคมาก จนกระทั้งผ่านไป 3-4 เดือน
ผมรู้สึกมาตลอดว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ผมไม่อินกับสิ่งที่ผมทำอยู่เลย ผมไม่มีแรงขับเคลื่อนในการทำงาน
ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สมองผมแล่นตลอดเวลา มีความสุขในการทำงานมากๆ แต่ตอนนี้ เหมือนใช้ชีวิตไปวันๆ
เคยลองเกริ่นๆกับคุณแม่ว่าผมคิดถึงงานดนตรีที่กรุงเทพ ท่านก็ดูเหมือนน้อยใจหน่อยๆ ตัดพ้อว่าท่านแก่แล้ว
ทำทุกอย่างมาก็เพื่อลูก ถ้าลูกไม่ทำ แล้วใครจะมาทำ ถ้าลูกไม่มาดูแล ก็มีคนจ้องจะเอาบริษัทอยู่แน่นอน
ผมเข้าใจมุมท่านมาก และผมก็เข้าใจว่าที่ผมมีทุกวันนี้ได้ เพราะรายได้จากธุรกิจนี้ ที่ผมใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเครียด
มีเงิน มีรถ มีคอนโด ก็เพราะธุรกิจที่บ้าน ที่ทำกันมาเป็นสิบๆปี ที่มั่นคง ที่แข็งแรง แต่ผมควรทำอย่างไร ผมพยายามแล้ว
ที่จะมองให้งานดนตรีเป็นงานอดิเรก ไว้ทำตอนที่เราว่างๆ ทำเล่นๆ แล้วมาจริงจังกับงานที่บ้าน
แต่ผ่านมาถึงวันนี้ เกือบ 4 เดือนเต็มๆ ผมต้องยอมรับกับตัวเองเลยว่า ผมมีความสุขกับงานดนตรีมากกว่าเงินแสนที่ผมได้ทุกเดือน
ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงงานเก่า ผมควรทำยังไงดีครับ ควรซื่อสัตย์กับตัวเอง ขอกลับไปทำงานดนตรีดีไหม ผมจะเห็นแก่ตัวไปไหม