สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับว่าการรีวิวการท่องเที่ยวกระทู้นี้ไม่ได้เพียบพร้อมหรือหรูหราอะไรมากนัก เนื่องจากเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ออกสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อนำไปใช้และพัฒนาในการเรียนในรายวิชาของมหาวิทยาลัย พวกเราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ได้มีโอกาสเข้ากรุงแบบจำนวนคน 1 โหล หรือ 12 คน ดังนั้น คงไม่เหมือนกับการเดินทางที่ไปคนเดียวแน่ๆครับ
วันเดินทางของเรา คือ 24 Jan 2017
จุดเริ่มต้น : จังหวัดอุดรธานี
จุดหมายปลายทาง : กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์… แฮร่ เอาแค่ กทม.พอครับ
ยานพาหนะที่พวกเราใช้ในการเดินทางก็คือเรือบิน เอ้ยย… เครื่องบิน เอ้ย… ถูกแล้ว (มุขจะเก่าไปไหนนะครับ)
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงคิดในใจ แหม่ เด็กพวกนี้ลงทุนนั่งเครื่องเลยหรอ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดว่าพวกเราใช้เงินเปลืองครับ เนื่องจากทริปนี้ราคาถูกยิ่งกว่าสายชาร์จไอโฟนของแท้ซะอีก โดยค่าตั๋วเดินทางและค่าที่พักเราจองผ่าน Air asia Go นั้นเองครับ มันเลยค่อนข้างประหยัดตังค์ในกระเป๋าของพวกเรานิดนึง ดังนั้น เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาและน่าลำไย เราไปออกเดินทางกันครับ
เราเดินทางมาถึงท่าอากาศยานอุดรธานี เวลา 9 โมงเช้าตรงเป๊ะ เพราะเช็คอินไว้แล้วเรียบร้อยครับ ช่วงสายคนไม่ค่อยเยอะครับ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเรามาช้าก็ไม่รู้นะครับ
แต่ก่อนที่เราจะออกเดินทาง ตาม Lifestyle และค่านิยมของเด็กไทยยุคใหม่ เราต้องถ่ายรูปกับฝูง เอ้ย หมู่คณะกันเสียก่อน แชะๆ
เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว เราก็บึ่งไปที่เกทกันเลยดีกว่าครับ โดยเกทที่เราใช้วันนี้คือ เกท 4 ครับ เกท 4 อยู่ที่ Terminal B ซึ่งเพิ่งเปิดใช้อาคารไปเมื่อไม่นานนี้เอง หลังจากปล่อยไว้นานจนสนิมจะขึ้น อิอิ
นี่คือตารางเที่ยวบินขาเข้าและออกในช่วงเช้าที่อุดรครับ.. โดยเราจะไปกับเที่ยวบิน FD3353 เวลาออกเดินทางคือ 10:25 ครับ
รอไม่นานเครื่องของเราก็มาแล้ววววว.. เตรียมเทียบง่วงช้าง วันนี้ได้บินกับ A320-214 “Amazing Thailand cs” ทะเบียน HS-ABX ครับ
พร้อมตัดภาพไปตอน boarding เลยครับ
ประมาณ 50 นาทีผ่านไป ว๊าบบบ… ไวเหมือนโกหก แล้วเราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองแล้วเป็นที่เรียบร้อยครับ
กระเป๋าไม่มีโหลด เราก็รีบบึ่งข้ามไปขึ้นรถไฟกันเลยครับ จุดหมายต่อไปของเราคือ สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยต้นทางของเราในวันนี้คือสถานีรถไฟดอนเมืองครับ
รถไฟของเรากำหนดออกเวลา 13:50 โดยเราใช้เวลาในการเดินทาง(จริง) ประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมงได้ครับ จากดอนเมืองไปหัวลำโพง
แล้วเราก็เดินทางมาถึงหัวลำโพงเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
และนี่คือเส้นทางที่จะพาเราไปถึงที่พักครับ เข้าตรอก ออกซอยนิดๆหน่อยๆ หันหลังมาดูอ้าว… ลืมแล้วมาทางไหน เอ้ยย ไม่ใช่นะครับ เส้นทางจำง่ายครับ เหมาะสำหรับสาย backpacker อย่างพวกเรามาก จริงหรอ …?
ถึงแล้วครับ Inn stations Hostel เป็นที่พักที่เพิ่งเปิดใหม่ สดๆร้อนๆครับ กลิ่นใหม่ยังติดอยู่เลย อิอิ
พอเก็บของเสร็จ พักเหนื่อยเรียบร้อย พวกเราก็พร้อมมากสำหรับการสำรวจเส้นทางในฝัน เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราจะบึ่งไปยัง Asiatique the river front เป็นที่แรกเลย แต่เราจะไปยังไงนั้น ตามชมครับ
ปล.รูปภาพภายในห้องพักไม่ได้ถ่ายมาด้วย แต่บอกเลยว่าเป็น Hostel ที่ค่อนข้าง Modern ครับ 1 ห้องสามารถพักได้ 12 ท่าน
เราเดินทางจากที่พักมาเพื่อขึ้นรถเมล์แถวสถานีหัวลำโพงโดยขึ้นรถเมล์สาย 1 เพื่อไปยังท่าเรือสาธร ค่าโดยสารรถเมล์ราคา 9 บาท โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชม. ในการเดินทาง เนื่องจากรถติด และเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือสาธรเป็นที่เรียบร้อยครับผม ปล.การโดยสารเรือเป็นการให้บริการฟรีของทางห้างนะครับ
ระหว่างนั่งเรือไปยังเอเชียทีค เพื่อนบางคนก็กลัวเพราะว่ายน้ำไม่เป็นบ้างแหละบางคนก็นั่งเฉยๆจะอาเจียน บางคนว่ายน้ำไม่เป็นคิดไกลเลยว่ามันจะจมมั้ยว่ะ !! แต่สุดท้ายก็ถึงฝั่งด้วยดี พอถึงเอเชียทีคก็ได้แยกย้ายไปดูของเดินช้อปตามใจฉันนนน 😘😘
จากนั้นทุกคนก็ช้อปเสร็จและมารอที่ท่าเรือเอเชียทีคเพื่อที่จะข้ามฝั่งกลับไปยังท่าเรือสาทรและไปที่อื่นๆต่อ
เราเลือกใช้ระบบการเดินทางของ BTS (จาก สะพานตากสิน-สยาม) ระยะทาง10กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ15นาที
จากนั้นเราก็เดินเท้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระพุทธรูปประดิษฐานหลวงพ่อพระเสริม และพระแสน ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี วัดนี้อยู่ท่ามกลางระหว่างศูนย์การค้าสยามพารากอนและเซนทรัลเวิลด์ โดยมีจุดสนใจคือ พระวิหาร พระอุโบสถ พระเจดีย์วัดปทุมวนาราม เรือนพระศรีมหาโพธิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจดีย์ประดิษฐานพระสรีรางคาร และ ศาลาพระราชศรัทธา
แล้วเราก็เดินทางกลับมายังเยาวราช เพื่อออกเดินทางจากเยาวราชไปร้าน ทิพย์สมัยผัดไทประตูผี โดยแท็กซี่
แล้วก็กลับห้องนอนพักผ่อน พักความเมื่อยล้าที่เกิดจากเท้าของพวกเราครับ ...
ถัดมาสำหรับวันที่ 2 ของพวกเราครับ ช่วงเช้าเราเดินทางออกจากย่านเยาวราชไปยังศาลพระพรมเพื่อกราบไว้ ซึ่งเราจะใช้ธูป12ดอก ปักฝั่งล่ะ4ดอก การกราบไว้จะต้องไว้ให้ครบทั้ง4พระพรักตร์ ในการกราบไว้สิ่งที่นำมาไว้ถ้าเป็นอาหารควรเป็นขนมหวานที่มีรสชาติอ่อนๆสีอ่อนๆดอกไม้ก็ควรเป็นดอกไม้ที่มีสีอ่อนๆ ถ้าเป็นผลไม้จะแนะนำสาลี่ มะพร้าว ชมพู่ กล้วย การกราบไว้พระพรมจะขอพรความเชื่อแต่ล่ะทิศคือทิศเหนือจะขอพรในเรื่องอาชีพ หน้าที่การงาน ทิศใต้ขอพรเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง ทิศตะวันตกขอพรในเรื่องอนาคต ทิศตะวันออกขอพรในเรื่องครอบครัว และหลังจากที่พวกเราได้บูชาขอพรพระพรมเสร็จ สถานที่ต่อไปก็หนีไม่พ้นการ shopping เหมือนเดิม เราเลือกมาที่ย่านประตูน้ำ ที่นี้เป็นย่านที่มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย




หลังจากช๊อปเสร็จ พวกเราก็ได้เดินมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์แถวตึกใบหยก เราขึ้นรถเมล์สาย54 ในราคา 6.50บาท เพื่อเดินทางไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิพวกเราเลือกรับประทานอาหารมื้อกลางวัน (บ่ายกว่า) ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพระนคร ซึ่งเป็นร้านดังในย่านนี้ก็ว่าได้ ร้านก๋วยเตี๋ยวพระนครจะมีให้เราเลือกระหว่างชามเล็กชามใหญ่แต่พวกเราเลือกกินชามเล็กอยู่ที่ชามละ 12บาท ด้วยความหิวพวกเราก็สั่งไปเลยคนละ 6-7ชาม
หลังจากที่เราได้ช็อป ชิม เที่ยว ขึ้นรถ ลงเรือ ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ กันมาแล้วเป็นเวลา2วัน1คืน
ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับไปทำหน้าที่ต่อ
พวกเรามาถึงสนามบินดอนเมือง เพื่อที่จะเช็คอินก่อนขึ้นเครื่อง โดยเราได้เลือกใช้บริการของสายการบินไทยแอร์เอเชียเช่นเดิมสำหรับการเดินทางกลับบ้าน
และการรีวิวในครั้งนี้หวังว่าผู้อ่านคงจะชอบและสนใจไม่มากก็น้อยนะครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาแวะเข้ามาดูรีวิวของพวกเราครับ
ถึงบ้านอย่างปลอดภัยครับ
สิ่งสำคัญที่คอยสนับสนุนในการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้ คือเพื่อนผู้ร่วมเดินทางของเราทุกคนในกลุ่มครับ
จบการรีวิวครับผม
[CR] Mini Review: Lost in Bangkok หลงกรุงราคาหลักร้อย แบบ 2 วัน 1 คืน จากเมืองไหบ้านเชียงสู่เมืองป่าคอนกรีต (UTH-DMK-UTH)
สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับว่าการรีวิวการท่องเที่ยวกระทู้นี้ไม่ได้เพียบพร้อมหรือหรูหราอะไรมากนัก เนื่องจากเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ออกสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อนำไปใช้และพัฒนาในการเรียนในรายวิชาของมหาวิทยาลัย พวกเราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ได้มีโอกาสเข้ากรุงแบบจำนวนคน 1 โหล หรือ 12 คน ดังนั้น คงไม่เหมือนกับการเดินทางที่ไปคนเดียวแน่ๆครับ
วันเดินทางของเรา คือ 24 Jan 2017
จุดเริ่มต้น : จังหวัดอุดรธานี
จุดหมายปลายทาง : กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์… แฮร่ เอาแค่ กทม.พอครับ
ยานพาหนะที่พวกเราใช้ในการเดินทางก็คือเรือบิน เอ้ยย… เครื่องบิน เอ้ย… ถูกแล้ว (มุขจะเก่าไปไหนนะครับ)
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงคิดในใจ แหม่ เด็กพวกนี้ลงทุนนั่งเครื่องเลยหรอ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดว่าพวกเราใช้เงินเปลืองครับ เนื่องจากทริปนี้ราคาถูกยิ่งกว่าสายชาร์จไอโฟนของแท้ซะอีก โดยค่าตั๋วเดินทางและค่าที่พักเราจองผ่าน Air asia Go นั้นเองครับ มันเลยค่อนข้างประหยัดตังค์ในกระเป๋าของพวกเรานิดนึง ดังนั้น เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาและน่าลำไย เราไปออกเดินทางกันครับ
เราเดินทางมาถึงท่าอากาศยานอุดรธานี เวลา 9 โมงเช้าตรงเป๊ะ เพราะเช็คอินไว้แล้วเรียบร้อยครับ ช่วงสายคนไม่ค่อยเยอะครับ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเรามาช้าก็ไม่รู้นะครับ
แต่ก่อนที่เราจะออกเดินทาง ตาม Lifestyle และค่านิยมของเด็กไทยยุคใหม่ เราต้องถ่ายรูปกับฝูง เอ้ย หมู่คณะกันเสียก่อน แชะๆ
เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว เราก็บึ่งไปที่เกทกันเลยดีกว่าครับ โดยเกทที่เราใช้วันนี้คือ เกท 4 ครับ เกท 4 อยู่ที่ Terminal B ซึ่งเพิ่งเปิดใช้อาคารไปเมื่อไม่นานนี้เอง หลังจากปล่อยไว้นานจนสนิมจะขึ้น อิอิ
นี่คือตารางเที่ยวบินขาเข้าและออกในช่วงเช้าที่อุดรครับ.. โดยเราจะไปกับเที่ยวบิน FD3353 เวลาออกเดินทางคือ 10:25 ครับ
รอไม่นานเครื่องของเราก็มาแล้ววววว.. เตรียมเทียบง่วงช้าง วันนี้ได้บินกับ A320-214 “Amazing Thailand cs” ทะเบียน HS-ABX ครับ
พร้อมตัดภาพไปตอน boarding เลยครับ
ประมาณ 50 นาทีผ่านไป ว๊าบบบ… ไวเหมือนโกหก แล้วเราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองแล้วเป็นที่เรียบร้อยครับ
กระเป๋าไม่มีโหลด เราก็รีบบึ่งข้ามไปขึ้นรถไฟกันเลยครับ จุดหมายต่อไปของเราคือ สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยต้นทางของเราในวันนี้คือสถานีรถไฟดอนเมืองครับ
รถไฟของเรากำหนดออกเวลา 13:50 โดยเราใช้เวลาในการเดินทาง(จริง) ประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมงได้ครับ จากดอนเมืองไปหัวลำโพง
แล้วเราก็เดินทางมาถึงหัวลำโพงเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
และนี่คือเส้นทางที่จะพาเราไปถึงที่พักครับ เข้าตรอก ออกซอยนิดๆหน่อยๆ หันหลังมาดูอ้าว… ลืมแล้วมาทางไหน เอ้ยย ไม่ใช่นะครับ เส้นทางจำง่ายครับ เหมาะสำหรับสาย backpacker อย่างพวกเรามาก จริงหรอ …?
ถึงแล้วครับ Inn stations Hostel เป็นที่พักที่เพิ่งเปิดใหม่ สดๆร้อนๆครับ กลิ่นใหม่ยังติดอยู่เลย อิอิ
พอเก็บของเสร็จ พักเหนื่อยเรียบร้อย พวกเราก็พร้อมมากสำหรับการสำรวจเส้นทางในฝัน เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราจะบึ่งไปยัง Asiatique the river front เป็นที่แรกเลย แต่เราจะไปยังไงนั้น ตามชมครับ
ปล.รูปภาพภายในห้องพักไม่ได้ถ่ายมาด้วย แต่บอกเลยว่าเป็น Hostel ที่ค่อนข้าง Modern ครับ 1 ห้องสามารถพักได้ 12 ท่าน
เราเดินทางจากที่พักมาเพื่อขึ้นรถเมล์แถวสถานีหัวลำโพงโดยขึ้นรถเมล์สาย 1 เพื่อไปยังท่าเรือสาธร ค่าโดยสารรถเมล์ราคา 9 บาท โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชม. ในการเดินทาง เนื่องจากรถติด และเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือสาธรเป็นที่เรียบร้อยครับผม ปล.การโดยสารเรือเป็นการให้บริการฟรีของทางห้างนะครับ
ระหว่างนั่งเรือไปยังเอเชียทีค เพื่อนบางคนก็กลัวเพราะว่ายน้ำไม่เป็นบ้างแหละบางคนก็นั่งเฉยๆจะอาเจียน บางคนว่ายน้ำไม่เป็นคิดไกลเลยว่ามันจะจมมั้ยว่ะ !! แต่สุดท้ายก็ถึงฝั่งด้วยดี พอถึงเอเชียทีคก็ได้แยกย้ายไปดูของเดินช้อปตามใจฉันนนน 😘😘
จากนั้นทุกคนก็ช้อปเสร็จและมารอที่ท่าเรือเอเชียทีคเพื่อที่จะข้ามฝั่งกลับไปยังท่าเรือสาทรและไปที่อื่นๆต่อ
เราเลือกใช้ระบบการเดินทางของ BTS (จาก สะพานตากสิน-สยาม) ระยะทาง10กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ15นาที
จากนั้นเราก็เดินเท้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระพุทธรูปประดิษฐานหลวงพ่อพระเสริม และพระแสน ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี วัดนี้อยู่ท่ามกลางระหว่างศูนย์การค้าสยามพารากอนและเซนทรัลเวิลด์ โดยมีจุดสนใจคือ พระวิหาร พระอุโบสถ พระเจดีย์วัดปทุมวนาราม เรือนพระศรีมหาโพธิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจดีย์ประดิษฐานพระสรีรางคาร และ ศาลาพระราชศรัทธา
แล้วเราก็เดินทางกลับมายังเยาวราช เพื่อออกเดินทางจากเยาวราชไปร้าน ทิพย์สมัยผัดไทประตูผี โดยแท็กซี่
แล้วก็กลับห้องนอนพักผ่อน พักความเมื่อยล้าที่เกิดจากเท้าของพวกเราครับ ...
ถัดมาสำหรับวันที่ 2 ของพวกเราครับ ช่วงเช้าเราเดินทางออกจากย่านเยาวราชไปยังศาลพระพรมเพื่อกราบไว้ ซึ่งเราจะใช้ธูป12ดอก ปักฝั่งล่ะ4ดอก การกราบไว้จะต้องไว้ให้ครบทั้ง4พระพรักตร์ ในการกราบไว้สิ่งที่นำมาไว้ถ้าเป็นอาหารควรเป็นขนมหวานที่มีรสชาติอ่อนๆสีอ่อนๆดอกไม้ก็ควรเป็นดอกไม้ที่มีสีอ่อนๆ ถ้าเป็นผลไม้จะแนะนำสาลี่ มะพร้าว ชมพู่ กล้วย การกราบไว้พระพรมจะขอพรความเชื่อแต่ล่ะทิศคือทิศเหนือจะขอพรในเรื่องอาชีพ หน้าที่การงาน ทิศใต้ขอพรเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง ทิศตะวันตกขอพรในเรื่องอนาคต ทิศตะวันออกขอพรในเรื่องครอบครัว และหลังจากที่พวกเราได้บูชาขอพรพระพรมเสร็จ สถานที่ต่อไปก็หนีไม่พ้นการ shopping เหมือนเดิม เราเลือกมาที่ย่านประตูน้ำ ที่นี้เป็นย่านที่มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
หลังจากช๊อปเสร็จ พวกเราก็ได้เดินมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์แถวตึกใบหยก เราขึ้นรถเมล์สาย54 ในราคา 6.50บาท เพื่อเดินทางไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิพวกเราเลือกรับประทานอาหารมื้อกลางวัน (บ่ายกว่า) ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพระนคร ซึ่งเป็นร้านดังในย่านนี้ก็ว่าได้ ร้านก๋วยเตี๋ยวพระนครจะมีให้เราเลือกระหว่างชามเล็กชามใหญ่แต่พวกเราเลือกกินชามเล็กอยู่ที่ชามละ 12บาท ด้วยความหิวพวกเราก็สั่งไปเลยคนละ 6-7ชาม
หลังจากที่เราได้ช็อป ชิม เที่ยว ขึ้นรถ ลงเรือ ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ กันมาแล้วเป็นเวลา2วัน1คืน
ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับไปทำหน้าที่ต่อ
พวกเรามาถึงสนามบินดอนเมือง เพื่อที่จะเช็คอินก่อนขึ้นเครื่อง โดยเราได้เลือกใช้บริการของสายการบินไทยแอร์เอเชียเช่นเดิมสำหรับการเดินทางกลับบ้าน
และการรีวิวในครั้งนี้หวังว่าผู้อ่านคงจะชอบและสนใจไม่มากก็น้อยนะครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาแวะเข้ามาดูรีวิวของพวกเราครับ
ถึงบ้านอย่างปลอดภัยครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น