เงินมัดจำค่าจองทัวร์ เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ทำไมคนซื้อทัวร์ถึงยอมจ่ายครับ

ลองคิดดูนะครับ เวลาเราจะซื้อทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศ เรามักจะถูกบังคับให้จ่ายมัดจำก่อนส่วนหนึ่งเสมอ ราวๆ 20-50% ของราคาทัวร์ แต่เมื่อจ่ายไปแล้ว พอทัวร์ไม่เต็ม ออกไม่ได้ บริษัททัวร์กลับคืนแค่เงินมัดจำให้เราเท่านั้น โดยไม่รับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งมองเผินๆ เหมือนจะดี สมเหตุผล แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นการเอาเปรียบกันชัดๆ ลองพิจารณาดูนะครับ
การจ่าย "เงินมัดจำ" มันเป็นสัญญาสองฝ่าย
ฝ่ายลูกค้าผู้ซื้อทัวร์ จ่ายเพื่อสัญญาว่าจะไปร่วมทัวร์ตามวันและเวลาที่กำหนดในโปรแกรม หากผู้ซื้อทัวร์เปลี่ยนใจไม่ไป ถือว่าเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องโดนยึดมัดจำนั้น
ส่วนฝ่ายบริษัททัวร์ เมื่อรับเงินมา เป็นการสัญญาว่าจะจัดทัวร์ให้ลูกทัวร์ตามโปรแกรมที่แจ้งไว้ เมื่อไม่สามารถจัดได้ ก็ถือว่าผิดสัญญา น่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ลูกทัวร์ที่วางเงินมัดจำ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การคืนเงินมัดจำเต็มจำนวนแล้วจบกัน แต่ควรมีค่าเสียหายที่เกิดจาการไม่ได้ไปเที่ยวตามที่วางแผนไว้ด้วย

ผมมองว่า เมื่อรับเงินมัดจำมาแล้ว ยังไงบริษัททัวร์ควรจะต้องออกทัวร์ให้ได้ ไม่ว่าจะได้ลูกทัวร์กี่คนก็ตาม เหมือนรถทัวร์หรือเครื่องบิน ผู้โดยสารจะเต็มลำหรือครึ่งลำ คุณก็ต้องออกครับ
ไม่งั้นลูกทัวร์เสียเปรียบเต็มๆ ลองคิดดีๆ ว่าเมื่อลูกทัวร์จ่ายเงินมัดจำแล้ว ลูกทัวร์ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจ (ยืนยันว่าไปแล้ว) ในขณะที่บริษัททัวร์ยังรับปากไม่ได้เลยว่าจะจัดทัวร์ให้คนจ่ายเงิน

ส่วนตัวผม นานๆ จะซื้อทัวร์สักครั้ง เกือบทั้งหมดไปเอง จึงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่
แต่ที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะสงสัยว่ามันเป็นการเอาเปรียบกันหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่