สวัสดีครับเฮียเป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ในญี่ปุ่นครับ พอดีได้ไปทานยากินิกุร้านนึงมาเมื่อเดือนที่แล้วและติดใจในความอร่อยเลยอยากจะมารีวิวให้ชาวพันทิพย์ได้ไปลิ้มลองกัน ร้านนี้ชื่อว่าโกเบยะ (神戸屋) อยู่ในตลาดคุโระมอง โอซาก้านะครับร้านนี้ออกจะเป็นร้านที่ไม่ค่อยโปรโมตประมาณไม่ออกสื่อและไม่ได้มีป้ายใหญ่โตอะไรมากมาย ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "คาคุเระยะ" แปลตรง ๆ ก็คือร้านที่หลบซ่อนอยู่หรือร้านที่ออกจะลึกลับซับซ้อนหน่อย ร้านแบบนี้ต้องเป็นคอกินยากินิกุตัวจริงเสียงจริงและเป็นคนที่อาศัยในพื้นที่พอสมควรถึงจะรู้นะครับเฮียเองรู้จักร้านนี้ได้ก็เพราะเพื่อนคนญี่ปุ่นพาไปลองนี่ล่ะครับ เอาล่ะครับเริ่มจากหน้าร้านก่อนเลยเฮียต้องบอกก่อนว่าไอหน้าร้านกับป้ายโน่นป้ายนี่เฮียไปเก็บมาจากหลังจากกินอิ่มแล้วแฮ่ะ ๆ (ก็ตอนนั้นมันหิวอ่ะนะช่วยไม่ได้)
เริ่มจากหน้าร้านเลยตัวร้านชั้นหนึ่งเค้าเป็นร้านขายเนื้อวากิวโดยทาง Positioning ของร้านที่เชี่ยวชาญเนื้อวากิวสายพันธ์ุ Kuroge หรือแปลตรง ๆ ก็พันธุ์หางดำนั่นเอง เท้าความก่อนว่าวัวญี่ปุ่นนี่เค้าจะแบ่งออกเป็นสองประเภทนะะครับคือ สายพันธุ์ที่ได้การยอมรับว่าเป็น “วากิว” และสายพันธุ์ “ในประเทศ” โดยวากิวนี่จะเป็นวัวสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาโดยการผสมกับวัวจากต่างประเทศจนได้คุณภาพสายพันธุ์ในระดับที่ดีขึ้น โดยแต่เดิมนั้นในปี 1953 มีสายพันธุ์ที่ได้ยอมรับ 3 สายพันธุ์เท่านั้นคือ Kuroge, Akage, Mukaku ในปีถัดมาถึงจะมีเพิ่มมาอีกสายพันธุ์คือ Nihon tankaku พักเรื่องความรู้วากิวไว้เท่านี้มาดูหน้าร้านเลยดีกว่า
หน้าร้านจะมีโนะเร็นชื่อร้านโกเบยะ (神戸屋) ยากินิกุ "ร้านที่เชี่ยวชาญเนื้อวากิว”
อันนี้ป้ายไฟของร้านนะครับ ร้านยากินิกุเชิญชั้นสอง
ป้ายอันนี้จริง ๆ มันวางอยู่หน้าร้านก่อนเข้าพอดีเฮียไปถามเจ๊พนักงานร้านว่าร้านใช้เนื้อวากิวจากที่ไหนเจ๊เลยลงทุนแบกมาให้ดู วันนี้ใช้เนื้อจากจังหวัดยามากุจิและฟุกุโอกะ สอบถามทางร้านแล้วฟาร์มวัวที่ร้านสั่งเนื้อจะเป็นฟาร์มจากคิวชูส่วนใหญ่ส่วนด้านล่างสุดเนี่ยร้านเค้าบอกว่าร้านเค้าไม่ได้ใช้เตาถ่านย่างนะจ๊ะเป็นเตาหินลาวาจ้าจะย่างได้อร่อยกว่าเพราะว่ามี Far Infrared (อันนี้เฮียลองไปค้นดูแล้วมันเป็นระบบความร้อนรูปแบบพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ มีทั้งที่เอาไปใช้ในซาวน่าและพวกอุปกรณ์ลดไขมัน) ที่ทำให้เนื้อค่อย ๆ สุกช้า ๆ อย่างทั่วถึง
เริ่มประเดิมกันด้วยเมนูเครื่องดื่มกันก่อนเลยเฮียสั่งเครื่องดื่มโปรดประจำ “ไฮบอล" เจ้าเก่าจ่ะใครไม่ทานพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะรับน้ำชาร้อน ๆ ไปจิบก็ได้
อันนี้เฮียถ่ายเก็บเมนูที่แปะฝามาให้ร้านจะเปิดสองช่วงนะครับคือช่วงมื้อเที่ยงตั้งแต่ 12.00-15.00 มีเมนูอาหารกลางวันแบบพวกอาหารเซ็ตหรือพวกดงบุริขายด้วยนะ แล้วเปิดอีกช่วงคือมื้อเย็นตั้งแต่ 17.00-23.00 Last order เวลา 22.30 นะจ๊ะกลางวันพวกซุปกิมจิ ยุกเกะอะไรก็มีขายนะ
เฮียเปิดเมนูในเล่มถ่ายมาด้วยเมนูหน้าแรกด้านบนจะเป็นเนื้อเกรดธรรมดาล่างสุดจะเป็นเกรดพรีเมี่ยมนะครับ
เมนูหน้าถัดมาจะมีทั้งพวก Appetizer ที่ใช้กิมจิ พวกทะเลเผา จานเดียว เมนูผัก สลัด
วันนี้มาทานกัน 3 คนเลยสั่งเซ็ตรวม "โกเบยะ Special" มาในเซ็ตก็จะมี เนื้อสันใน เนื้อสันนอก เนื้อส่วนท้อง ลิ้นหมักเกลือ เนื้อตะโพก เนื้อซี่โครงทั้งหมดนี้เกรดพรีเมี่ยมหมดนะจ๊ะ
ก่อนเนื้อจะมาก็สั่ง Appetizer มาทานรองท้องกันก่อนอันนี้ในเมนูคือ Namuru Moriawase เผื่อใครอยากจะสั่งด้วยเฮียเขียนอังกฤษกำกับให้แล้วเป็นผักรวมสี่ชนิดแล้วคลุกด้วยน้ำมันงาและซอสจีน กินแล้วก็รสชาติแบบที่ญี่ปุ่นพูดว่า Sappari คือทานแล้วสดชื่นเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว
เมนูถัดมาคือกิมจิหัวไชเท้าเมนูนี้รสชาติกรุบกรอบและความหวานของหัวไชเท้าและความเผ็ดจี๊ดของกิมจิเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
ไม่รอช้านะครับเมนูถัดไปก็มาเสิร์ฟทันที ผ้าขี้ริ้ววัวทานคู่กับซอสพริกโรยงา ญี่ปุ่นก็กินนะครับผ้าขี้ริ้วเนี่ยแต่เฮียชอบของไทยพวกในอาหารอีสานมากกว่าลิ้นคนไทยติดรสแซ่บ ๆ เลยรสชาติยังไม่จัดจ้านพอน่ะครับ
และแล้วเซ็ตเนื้อรวมที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟละครับมือนั้นของเพื่อนเฮียเองฮ่า ๆ
น้ำจิ้มที่ให้มานี่จะมีสี่แบบครับ คือ โชยุหวาน เกลือ ปอนซุหัวไชเท้า (Oroshi-ponzu) เลม่อน เพราะเนื้อแต่ละแบบจะทานคู่กับน้ำจิ้มคนละแบบ เช่น ลิ้นวัวนี่ให้บีบเลม่อนใส่ ส่วนพวกเนื้อส่วนอื่น ๆ ก็แล้วแต่ตามใจชอบเลยครับสำหรับเฮียชอบทานกับเกลือครับเพราะเกลือที่นี่ไม่ได้ออกเค็มจัดแต่จะออกรสเค็มปะแล่ม ๆ เวลาทานกับเนื้อแล้วมันไม่กลบรสเนื้อทั้งหมดเหมือนน้ำจิ้มอื่น
ส่วนถ้วยนี้ก็เป็นน้ำจิ้มแบบโชยุหวานนะครับ
เริ่มย่างลิ้นกันก่อนเลยกันเลยอันนี้เฮียนั่งเก็บรูปอย่างเดียวให้เพื่อนอีก 2 คนเป็นคนปิ้ง (ดีใจครับใช้งานญี่ปุ่นปิ้งให้กินได้ฮ่า ๆ) อันนี้เฮียบีบเลม่อนคีบลิ้นใส่ปากนี่แทบไม่ต้องเคี้ยวนะครับ นุ่มเรียกได้ว่าระดับละลายในปากบอกตรง ๆ ว่าทานเนื้อย่าง ยากินิกุ ปิ้งย่าง มาหลายร้านต้องขอบอกว่าไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า “ละลายในปาก” เป็นอย่างไรถ้าใครอยากรู้ว่าเนื้อมันนุ่มขนาดไหนต้องมาลองให้ได้เลยนะครับ
หลังจากนั้นเพื่อนเฮียมันก็ปิ้ง ๆ ย่าง ๆ แล้วส่งเสบียงมาทั้งสันนอก สันใน เนื้อตะโพก เนื้อซี่โครง แต่ขอบอกว่าทุกส่วนที่กินนั้นมันนุ่มลิ่นและแทบไม่ต้องเคี้ยวให้เมื่อยปากกันเลยทีเดียว
อันนี้น่าจะเนื้อตรงซี่โครงจิ้มโชยุหวาน ๆ อร่อยไปอีกแบบ
แต่อร่อยที่สุดของเฮียแค่จิ้มเกลือนิด ๆ เท่านั้นจ้า
นอกจากเนื้อแล้ววันนี้ก็สั่งหอย Hotate หรือหอยเชลล์มาทานด้วยที่นี่เมนูอาหารทะเลก็มีให้สั่งนะครับเช่นพวก หมึกเผา กุ้งเผา สำหรับ Hotate ย่างชิ้นนี้รสชาติสดอร่อยเลยทีเดียวถึงจะเป็นร้านเชี่ยวชาญยากินิกุก็เถอะ
เปลี่ยนบรรยากาศมากินผักมั่งไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีอะไรกินฮ่า ๆ อันนี้เพื่อนเฮียมันคงทานสาเกเพลินจนย่างออกไหม้ไปหน่อยแฮ่ะ ๆ
เพื่อนเฮียสั่งซุปหางวัวมาให้ซดด้วยนะครับรสชาติกลมกล่อมจากหางวัว Kuroge บวกกับน้ำซุปใสสไตล์ญี่ปุ่นซดคล่องคอเลยทีเดียว
กระเทียมเผาในห่อฟอยล์อันนี้เป็นกระเทียมที่เค้าเอามาใส่ฟอยล์ในฟอยล์จะมีน้ำซุปหรือน้ำมันอันนี้เฮียไม่แน่ใจต้มจนกระเทียมสุกนุ่มทั่วถึงกันจากนั้นเอามาทานคู่กับข้าวและเนื้อวากิวที่เราสั่งครับทานคู่กับข้าวและเนื้อรสชาติยิ่งฟินเข้าไปใหญ่
คราวนี้ลองทานแบบแกล้มห่อผักและมิโสะแดงดูมั่งความกรอบของผักและความนุ่มของเนื้อวากิวเข้ากันอย่างลงตัวแม๊กซ์
ปิดท้ายด้วยน้ำชาร้อน ๆ ครับ
บรรยากาศในร้านก็เป็นร้านไม่ใหญ่มากครับน่าจะมีสัก 30-40 ที่นั่ง ที่นั่งส่วนด้านหน้าของร้านจะเป็นแบบโฮริทาทามิ แล้วก็อีกด้านก็มีโต๊ะนั่งแบบ 4 คนราว ๆ 6-7 โต๊ะครับ
ตรงฝาผนังนี่มีลายเซ็นต์ของคนดัง ๆ ในโอซาก้ามากินกันเยอะแยะเลยครับเหมือนกับตลาดตรงนี้จะใกล้กับออฟฟิศสถานีทีวีน่ะครับ
ใครอยากจะไปฟินยากินิกุวากิวเนื้อนุ่มละลายในปากแบบเฮียพอดีวันนั้นเฮียไปกับรถเพื่อนแต่ว่าเฮียก็ไปหาวิธีการไปจากสถานีมาให้ด้วยแล้วล่ะ
วิธีเดินทาง: จากสถานี Nippombashi สาย Kintetsu ให้เดินออกทางออกหมายเลข 10 เดินตรงไปแล้วหัวมุมแรกจะเห็นร้าน Pet Shop ชื่อ Nihonaikensya (日本愛犬社) ตัวญี่ปุ่นแบบนี้นะจ๊ะแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าในตลาดคุโระมองพอเจอสี่แยกในตลาดก็ขวาแล้วเดินตรงยาวเลยสี่แยกไปสี่แยกนึงร้านจะอยู่ทางซ้ายมือยังไงลองดูในแผนที่นะครับ
เขียนมาซะยาวนี่เฮียรีวิวครั้งแรกเลยนะเนี่ยและไม่เกี่ยวกับโฆษณาหรือกินฟรีอะไรด้วยรีวิวเพราะว่าอยากให้ไปลองกันจริง ๆ ครับยังไงคราวหน้าเฮียไปกินอะไรอร่อย ๆ จะมาเขียนรีวิวใหม่นะครับวันนี้ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์กดเข้ามาอ่านกันนะครับ
P.S. พอดีเฮียเป็นแอดบริษัทด้วยยังไงก็เข้าไปติดตามกันได้ในเฟซนะครับ ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น หางาน หรือจะคำถามจิปาถะก็ลองถามเข้ามาได้ครับเพราะบริษัททำเกี่ยวกับการโปรโมตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่แล้ว ลิงค์เฟซตามด้านล่างนะครับ
https://www.facebook.com/sudyodjapan/
[CR] โกเบยะ วากิวยากินิกุ ฟินเนื้อวากิวนุ่ม ๆ ระดับละลายในปาก
เริ่มจากหน้าร้านเลยตัวร้านชั้นหนึ่งเค้าเป็นร้านขายเนื้อวากิวโดยทาง Positioning ของร้านที่เชี่ยวชาญเนื้อวากิวสายพันธ์ุ Kuroge หรือแปลตรง ๆ ก็พันธุ์หางดำนั่นเอง เท้าความก่อนว่าวัวญี่ปุ่นนี่เค้าจะแบ่งออกเป็นสองประเภทนะะครับคือ สายพันธุ์ที่ได้การยอมรับว่าเป็น “วากิว” และสายพันธุ์ “ในประเทศ” โดยวากิวนี่จะเป็นวัวสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาโดยการผสมกับวัวจากต่างประเทศจนได้คุณภาพสายพันธุ์ในระดับที่ดีขึ้น โดยแต่เดิมนั้นในปี 1953 มีสายพันธุ์ที่ได้ยอมรับ 3 สายพันธุ์เท่านั้นคือ Kuroge, Akage, Mukaku ในปีถัดมาถึงจะมีเพิ่มมาอีกสายพันธุ์คือ Nihon tankaku พักเรื่องความรู้วากิวไว้เท่านี้มาดูหน้าร้านเลยดีกว่า
หน้าร้านจะมีโนะเร็นชื่อร้านโกเบยะ (神戸屋) ยากินิกุ "ร้านที่เชี่ยวชาญเนื้อวากิว”
อันนี้ป้ายไฟของร้านนะครับ ร้านยากินิกุเชิญชั้นสอง
ป้ายอันนี้จริง ๆ มันวางอยู่หน้าร้านก่อนเข้าพอดีเฮียไปถามเจ๊พนักงานร้านว่าร้านใช้เนื้อวากิวจากที่ไหนเจ๊เลยลงทุนแบกมาให้ดู วันนี้ใช้เนื้อจากจังหวัดยามากุจิและฟุกุโอกะ สอบถามทางร้านแล้วฟาร์มวัวที่ร้านสั่งเนื้อจะเป็นฟาร์มจากคิวชูส่วนใหญ่ส่วนด้านล่างสุดเนี่ยร้านเค้าบอกว่าร้านเค้าไม่ได้ใช้เตาถ่านย่างนะจ๊ะเป็นเตาหินลาวาจ้าจะย่างได้อร่อยกว่าเพราะว่ามี Far Infrared (อันนี้เฮียลองไปค้นดูแล้วมันเป็นระบบความร้อนรูปแบบพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ มีทั้งที่เอาไปใช้ในซาวน่าและพวกอุปกรณ์ลดไขมัน) ที่ทำให้เนื้อค่อย ๆ สุกช้า ๆ อย่างทั่วถึง
เริ่มประเดิมกันด้วยเมนูเครื่องดื่มกันก่อนเลยเฮียสั่งเครื่องดื่มโปรดประจำ “ไฮบอล" เจ้าเก่าจ่ะใครไม่ทานพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะรับน้ำชาร้อน ๆ ไปจิบก็ได้
อันนี้เฮียถ่ายเก็บเมนูที่แปะฝามาให้ร้านจะเปิดสองช่วงนะครับคือช่วงมื้อเที่ยงตั้งแต่ 12.00-15.00 มีเมนูอาหารกลางวันแบบพวกอาหารเซ็ตหรือพวกดงบุริขายด้วยนะ แล้วเปิดอีกช่วงคือมื้อเย็นตั้งแต่ 17.00-23.00 Last order เวลา 22.30 นะจ๊ะกลางวันพวกซุปกิมจิ ยุกเกะอะไรก็มีขายนะ
เฮียเปิดเมนูในเล่มถ่ายมาด้วยเมนูหน้าแรกด้านบนจะเป็นเนื้อเกรดธรรมดาล่างสุดจะเป็นเกรดพรีเมี่ยมนะครับ
เมนูหน้าถัดมาจะมีทั้งพวก Appetizer ที่ใช้กิมจิ พวกทะเลเผา จานเดียว เมนูผัก สลัด
วันนี้มาทานกัน 3 คนเลยสั่งเซ็ตรวม "โกเบยะ Special" มาในเซ็ตก็จะมี เนื้อสันใน เนื้อสันนอก เนื้อส่วนท้อง ลิ้นหมักเกลือ เนื้อตะโพก เนื้อซี่โครงทั้งหมดนี้เกรดพรีเมี่ยมหมดนะจ๊ะ
ก่อนเนื้อจะมาก็สั่ง Appetizer มาทานรองท้องกันก่อนอันนี้ในเมนูคือ Namuru Moriawase เผื่อใครอยากจะสั่งด้วยเฮียเขียนอังกฤษกำกับให้แล้วเป็นผักรวมสี่ชนิดแล้วคลุกด้วยน้ำมันงาและซอสจีน กินแล้วก็รสชาติแบบที่ญี่ปุ่นพูดว่า Sappari คือทานแล้วสดชื่นเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว
เมนูถัดมาคือกิมจิหัวไชเท้าเมนูนี้รสชาติกรุบกรอบและความหวานของหัวไชเท้าและความเผ็ดจี๊ดของกิมจิเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
ไม่รอช้านะครับเมนูถัดไปก็มาเสิร์ฟทันที ผ้าขี้ริ้ววัวทานคู่กับซอสพริกโรยงา ญี่ปุ่นก็กินนะครับผ้าขี้ริ้วเนี่ยแต่เฮียชอบของไทยพวกในอาหารอีสานมากกว่าลิ้นคนไทยติดรสแซ่บ ๆ เลยรสชาติยังไม่จัดจ้านพอน่ะครับ
และแล้วเซ็ตเนื้อรวมที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟละครับมือนั้นของเพื่อนเฮียเองฮ่า ๆ
น้ำจิ้มที่ให้มานี่จะมีสี่แบบครับ คือ โชยุหวาน เกลือ ปอนซุหัวไชเท้า (Oroshi-ponzu) เลม่อน เพราะเนื้อแต่ละแบบจะทานคู่กับน้ำจิ้มคนละแบบ เช่น ลิ้นวัวนี่ให้บีบเลม่อนใส่ ส่วนพวกเนื้อส่วนอื่น ๆ ก็แล้วแต่ตามใจชอบเลยครับสำหรับเฮียชอบทานกับเกลือครับเพราะเกลือที่นี่ไม่ได้ออกเค็มจัดแต่จะออกรสเค็มปะแล่ม ๆ เวลาทานกับเนื้อแล้วมันไม่กลบรสเนื้อทั้งหมดเหมือนน้ำจิ้มอื่น
ส่วนถ้วยนี้ก็เป็นน้ำจิ้มแบบโชยุหวานนะครับ
เริ่มย่างลิ้นกันก่อนเลยกันเลยอันนี้เฮียนั่งเก็บรูปอย่างเดียวให้เพื่อนอีก 2 คนเป็นคนปิ้ง (ดีใจครับใช้งานญี่ปุ่นปิ้งให้กินได้ฮ่า ๆ) อันนี้เฮียบีบเลม่อนคีบลิ้นใส่ปากนี่แทบไม่ต้องเคี้ยวนะครับ นุ่มเรียกได้ว่าระดับละลายในปากบอกตรง ๆ ว่าทานเนื้อย่าง ยากินิกุ ปิ้งย่าง มาหลายร้านต้องขอบอกว่าไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า “ละลายในปาก” เป็นอย่างไรถ้าใครอยากรู้ว่าเนื้อมันนุ่มขนาดไหนต้องมาลองให้ได้เลยนะครับ
หลังจากนั้นเพื่อนเฮียมันก็ปิ้ง ๆ ย่าง ๆ แล้วส่งเสบียงมาทั้งสันนอก สันใน เนื้อตะโพก เนื้อซี่โครง แต่ขอบอกว่าทุกส่วนที่กินนั้นมันนุ่มลิ่นและแทบไม่ต้องเคี้ยวให้เมื่อยปากกันเลยทีเดียว
อันนี้น่าจะเนื้อตรงซี่โครงจิ้มโชยุหวาน ๆ อร่อยไปอีกแบบ
แต่อร่อยที่สุดของเฮียแค่จิ้มเกลือนิด ๆ เท่านั้นจ้า
นอกจากเนื้อแล้ววันนี้ก็สั่งหอย Hotate หรือหอยเชลล์มาทานด้วยที่นี่เมนูอาหารทะเลก็มีให้สั่งนะครับเช่นพวก หมึกเผา กุ้งเผา สำหรับ Hotate ย่างชิ้นนี้รสชาติสดอร่อยเลยทีเดียวถึงจะเป็นร้านเชี่ยวชาญยากินิกุก็เถอะ
เปลี่ยนบรรยากาศมากินผักมั่งไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีอะไรกินฮ่า ๆ อันนี้เพื่อนเฮียมันคงทานสาเกเพลินจนย่างออกไหม้ไปหน่อยแฮ่ะ ๆ
เพื่อนเฮียสั่งซุปหางวัวมาให้ซดด้วยนะครับรสชาติกลมกล่อมจากหางวัว Kuroge บวกกับน้ำซุปใสสไตล์ญี่ปุ่นซดคล่องคอเลยทีเดียว
กระเทียมเผาในห่อฟอยล์อันนี้เป็นกระเทียมที่เค้าเอามาใส่ฟอยล์ในฟอยล์จะมีน้ำซุปหรือน้ำมันอันนี้เฮียไม่แน่ใจต้มจนกระเทียมสุกนุ่มทั่วถึงกันจากนั้นเอามาทานคู่กับข้าวและเนื้อวากิวที่เราสั่งครับทานคู่กับข้าวและเนื้อรสชาติยิ่งฟินเข้าไปใหญ่
คราวนี้ลองทานแบบแกล้มห่อผักและมิโสะแดงดูมั่งความกรอบของผักและความนุ่มของเนื้อวากิวเข้ากันอย่างลงตัวแม๊กซ์
ปิดท้ายด้วยน้ำชาร้อน ๆ ครับ
บรรยากาศในร้านก็เป็นร้านไม่ใหญ่มากครับน่าจะมีสัก 30-40 ที่นั่ง ที่นั่งส่วนด้านหน้าของร้านจะเป็นแบบโฮริทาทามิ แล้วก็อีกด้านก็มีโต๊ะนั่งแบบ 4 คนราว ๆ 6-7 โต๊ะครับ
ตรงฝาผนังนี่มีลายเซ็นต์ของคนดัง ๆ ในโอซาก้ามากินกันเยอะแยะเลยครับเหมือนกับตลาดตรงนี้จะใกล้กับออฟฟิศสถานีทีวีน่ะครับ
ใครอยากจะไปฟินยากินิกุวากิวเนื้อนุ่มละลายในปากแบบเฮียพอดีวันนั้นเฮียไปกับรถเพื่อนแต่ว่าเฮียก็ไปหาวิธีการไปจากสถานีมาให้ด้วยแล้วล่ะ
วิธีเดินทาง: จากสถานี Nippombashi สาย Kintetsu ให้เดินออกทางออกหมายเลข 10 เดินตรงไปแล้วหัวมุมแรกจะเห็นร้าน Pet Shop ชื่อ Nihonaikensya (日本愛犬社) ตัวญี่ปุ่นแบบนี้นะจ๊ะแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าในตลาดคุโระมองพอเจอสี่แยกในตลาดก็ขวาแล้วเดินตรงยาวเลยสี่แยกไปสี่แยกนึงร้านจะอยู่ทางซ้ายมือยังไงลองดูในแผนที่นะครับ
เขียนมาซะยาวนี่เฮียรีวิวครั้งแรกเลยนะเนี่ยและไม่เกี่ยวกับโฆษณาหรือกินฟรีอะไรด้วยรีวิวเพราะว่าอยากให้ไปลองกันจริง ๆ ครับยังไงคราวหน้าเฮียไปกินอะไรอร่อย ๆ จะมาเขียนรีวิวใหม่นะครับวันนี้ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์กดเข้ามาอ่านกันนะครับ
P.S. พอดีเฮียเป็นแอดบริษัทด้วยยังไงก็เข้าไปติดตามกันได้ในเฟซนะครับ ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น หางาน หรือจะคำถามจิปาถะก็ลองถามเข้ามาได้ครับเพราะบริษัททำเกี่ยวกับการโปรโมตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่แล้ว ลิงค์เฟซตามด้านล่างนะครับ
https://www.facebook.com/sudyodjapan/