ขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ และช่วยบอกทีว่าทำไมคนที่เด็กกว่าเวลามีปัญหากันต้องเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายไม่ดี ตลอด ทำไมไม่คิดว่าผู้ใหญ่เองก็ผิดได้??
เราอายุ 32 ส่วนอีกฝ่าย อายุ 46 มีศักดิ์เป็นน้าสาวเรา
นิสัยเราคือ เป็นคนไม่ค่อยพูด นิ่งๆ ไม่ใช่คนขี้โวยวาย
นิสัยน้าคือ เป็นคนช่างติ ขี้บ่น ขี้โวยวาย
เรื่องมันเกิดเมื่อช่วงสงกรานต์ บ้านที่เราอยู่มียาย น้าชาย และลูกชายเรา
เราไปต่างจังหวัดกลับมาเมื่อช่วงตีหนึ่งของวันที่ 15
เช้าวันที่ 16 น้าชายกับเราได้ช่วยกันรื้อตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีเสื้อผ้าเก่าๆ และเปลี่ยนหลังคา
โดยเรานั่งคัดเสื้อผ้าที่ไม่มีใครใส่ (แต่เดิมมีคนอยู่ด้วยอีก 2 คน แต่แต่งงานแล้วย้ายออกไป ทำให้มีเสื้อผ้าเยอะ)
ซึ่งการรื้อตู้ จัดตู้ใหม่จะมีพวกฝุ่น ขี้จิ้งจก เปลือกไข่จิ้งจก ฯลฯ ทำให้บริเวณนั้นค่อนข้างสกปรก
เราทำอยู่ตรงนี้ถึงช่วงบ่ายโมงกว่าๆ ก็เสร็จเกือบหมด เรากวาดพื้นตรงนั้นแค่รวกๆ เพราะยังมีฝุ่นที่อยู่ตามหลังคาและหลังตู้อีก
หลังกวาดเสร็จเรามานั่งพัก และให้ลูกนอน ส่วนน้าชายก็ไสไม้ ตัดไม้อยู่หน้าบ้าน
ช่วงระหว่างเราไปนั่งพัก น้าสาวคนนี้เค้าก็มาบ้าน (ปกตินานๆจะมาที) โดยมากับลูกชายเค้าอีกคน
เรานั่งชาร์จแบตมือถือ แล้วก็ดูนั่นนี่ในมือถือด้วย ส่วนยายกำลังจะไปอาบน้ำ ซึ่งเรากะว่าจะลุกไปดู
น้าสาวก็มาพอดี เราจึงให้เค้าไปดูแลแทน พอเค้าเข้าบ้านมาก้เริ่มบ่นและโวยวาย ว่าบ้านสาก เดินไปมีแต่ฝุ่น
เราเองก็เฉยๆไม่พูดอะไรด้วยรู้ว่านิสัยน้าคนนี้เป็นไง เค้าก็ถามหายาย เราก็บอกว่าอยู่หลังบ้าน (ตรงนี้คือตรงที่เรารื้อกองเสื้อผ้าอยู่)
เค้าตะโกนเรียกยาย 2-3 รอบ เราเลยบอกว่าเบาๆหน่อย ลูกเราเพิ่งนอน เค้าก็บอกทำไมจะเรียก เราก็เลยเงียบ และไม่ว่าอะไรต่อ
พอเค้าเจอยาย ก็คุยกะยายเสียงดังจนลูกเราตื่น ทั้งๆที่นอนไปแค่ครึ่งชั่วโมงได้
เราก็ได้แต่แอบเซ็งนิดๆแต่ไม่ได้พูดอะไร เรากับลูกพากันไปหน้าบ้าน ตอนนั้นน้าชายเราเดินเข้าสวนไปแล้ว
ลูกชายเราเข็นจักรยานมา แล้วบอกให้เติมลมจักรยานให้หน่อย เรานั่งสูบลมและคุยกะลูกชายน้า ซึ่งเรากะลูกชายน้าค่อนข้างสนิทกัน
ระหว่างที่เรานั่งสูบจักรยาน และคุยกับน้อง น้าสาวก็โวยวายเรื่องบ้าน เรื่องเสื้อผ้าที่กองไว้ (เป็นเสื้อผ้าของเรา+ลูก และเสื้อผ้าเก่าที่รื้อมาเตรียมซัก)
เราเองไม่ได้สนใจมากนัก พอเห็นเราไม่สนใจก็เริ่มด่าว่า บอกเราอยู่แล้วไม่ช่วยทำอะไร จะอยู่ทำไม ตอนนั้นเราเริ่มหงุดหงิดนิดๆ
เพราะเราทำมาครึ่งค่อนวันแล้ว ทั้งเหนื่อย ทั้งฝุ่น ทั้งร้อน แต่ก็พยายามเงียบ แต่น้าเองก็ยิ่งโวยวาย
พอเค้าบอกให้เราทำมั่ง เราเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปในบ้าน พร้อมเดินถือไม้กวาดดอกหญ้าเข้าไปด้วย
พร้อมทั้งพูดด้วยความที่โมโหว่า เดี๋ยวตรูทำเอง ตรงนี้ล่ะที่เรารู้สึกผิดที่ขึ้นเมิง-ตรูก่อน
ตอนที่เราเดินเข้าไปในบ้าน น้าถือไม้กวาดทางมะพร้าวอยู่ คือเราเดินไปพูดไป พร้อมทั้งถือไม้กวาดไปด้วย
พอเราเดินเข้าไปใกล้ๆน้าก็เขวี้ยงไม้กวาดใส่เรา พร้อมทั้งตะโกนโวยวายบอกเราไม่กวาดบ้านแล้วยังมาเสียงดังใส่
ตอนนี้เราคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วจริงๆคือตัวด้ามไม้กวาดโดนหน้าเรา เราเลยวิ่งเข้าใส่พร้อมไม้กวาดในมือ
แล้วเกิดการกระชากผมโดนน้าดึงผมเราแล้วตบหน้า เราเองก็ไม่ยอมกระชากผมแล้วต่อยหน้ากลับไป
ตอนที่ดึงผมกันไปมา เราตะโกนอธิบายบอกตลอดว่าเราเพิ่งพักเหนื่อย เราเพิ่งทำอะไรเสร็จ น้าไม่รู้แล้วมาโวยวายทำไม รู้ได้ยังไงว่าเราไม่ทำ
คือเราใช้เมิง-ตรู ตลอดที่ตีกับน้า ยอมรับว่าโมโหมาก มากจนไม่มีสติแล้วจริงๆ
น้าตบหน้าเราหลายครั้ง ตอนนั้นเราพยายามไม่สู้นะ แค่ดึงผมไว้ แต่พอโดนหลายๆครั้ง เราเองก็อดทนไม่ไหว
เลยต่อยหน้ากลับไปหลายครั้ง จนน้าบอกเออ ตรูไม่รู้ เมิงจะจบมั้ย เราก็บอกจบ แล้วก็แยกกัน
ตอนนี้ลูกชายน้ากับลูกชายเราวิ่งไปตามน้าชายในสวน พอแยกกัน น้าก็ยังโวยวาย บอกเราไม่รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่
เราก็โอเค เราผิด เราเลยเงียบ แต่น้าก็ยังโวยวายด่าสารพัด เราเลยบอกไม่จบใช่มั้ย จะไม่จบเหรอ
น้าเราบอกจะไปฟ้องน้าอีกคนและฟ้องแม่เรา เราเลยว่างั้นไปเลย ไปบอกเลย
แล้วน้าก็พุ่งมากระชากผมและตบหน้าเรา คือเรารู้สึกว่ามันไม่จบเลยตอบโต้กลับทั้งต่อยและถีบ
จนลูกชายน้าต้องมาจับตัวน้าออก แล้วบอกให้หยุด น้าชายเราก้เดินมาแล้วไล่น้าสาวให้กลับบ้านไปซะ
ตอนนั้นเราหยุดพยายามเงียบและไม่ทำอะไรอีก เพราะที่เห็นคือเลือดกลบปากน้า แล้วหน้าเราร้อนไปหมด
คือพยายามตั้งสติใหม่อีกรอบ แล้วลูกชายน้าก็ดึงไปขึ้นรถกลับบ้านไป
เหตุการณ์ตรงนี้คือคร่าวๆอาจไม่ร้อยเปอร์เซนต์นัก ในเรื่องคำพูด หรือการกระทำ แต่เราพยายามดึงจุดสำคัญๆออกมา
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อจากเรื่องที่เกิดขึ้น และผลของการกระทำครั้งนี้ค่ะ
ขอไปทานข้าวก่อนนะคะ
*ไม่รู้แท็กถูกห้องมั้ยนะคะ
เวลาเด็กกับผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ทำไมเด็กถึงเป็นฝ่ายผิดตลอด??
เราอายุ 32 ส่วนอีกฝ่าย อายุ 46 มีศักดิ์เป็นน้าสาวเรา
นิสัยเราคือ เป็นคนไม่ค่อยพูด นิ่งๆ ไม่ใช่คนขี้โวยวาย
นิสัยน้าคือ เป็นคนช่างติ ขี้บ่น ขี้โวยวาย
เรื่องมันเกิดเมื่อช่วงสงกรานต์ บ้านที่เราอยู่มียาย น้าชาย และลูกชายเรา
เราไปต่างจังหวัดกลับมาเมื่อช่วงตีหนึ่งของวันที่ 15
เช้าวันที่ 16 น้าชายกับเราได้ช่วยกันรื้อตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีเสื้อผ้าเก่าๆ และเปลี่ยนหลังคา
โดยเรานั่งคัดเสื้อผ้าที่ไม่มีใครใส่ (แต่เดิมมีคนอยู่ด้วยอีก 2 คน แต่แต่งงานแล้วย้ายออกไป ทำให้มีเสื้อผ้าเยอะ)
ซึ่งการรื้อตู้ จัดตู้ใหม่จะมีพวกฝุ่น ขี้จิ้งจก เปลือกไข่จิ้งจก ฯลฯ ทำให้บริเวณนั้นค่อนข้างสกปรก
เราทำอยู่ตรงนี้ถึงช่วงบ่ายโมงกว่าๆ ก็เสร็จเกือบหมด เรากวาดพื้นตรงนั้นแค่รวกๆ เพราะยังมีฝุ่นที่อยู่ตามหลังคาและหลังตู้อีก
หลังกวาดเสร็จเรามานั่งพัก และให้ลูกนอน ส่วนน้าชายก็ไสไม้ ตัดไม้อยู่หน้าบ้าน
ช่วงระหว่างเราไปนั่งพัก น้าสาวคนนี้เค้าก็มาบ้าน (ปกตินานๆจะมาที) โดยมากับลูกชายเค้าอีกคน
เรานั่งชาร์จแบตมือถือ แล้วก็ดูนั่นนี่ในมือถือด้วย ส่วนยายกำลังจะไปอาบน้ำ ซึ่งเรากะว่าจะลุกไปดู
น้าสาวก็มาพอดี เราจึงให้เค้าไปดูแลแทน พอเค้าเข้าบ้านมาก้เริ่มบ่นและโวยวาย ว่าบ้านสาก เดินไปมีแต่ฝุ่น
เราเองก็เฉยๆไม่พูดอะไรด้วยรู้ว่านิสัยน้าคนนี้เป็นไง เค้าก็ถามหายาย เราก็บอกว่าอยู่หลังบ้าน (ตรงนี้คือตรงที่เรารื้อกองเสื้อผ้าอยู่)
เค้าตะโกนเรียกยาย 2-3 รอบ เราเลยบอกว่าเบาๆหน่อย ลูกเราเพิ่งนอน เค้าก็บอกทำไมจะเรียก เราก็เลยเงียบ และไม่ว่าอะไรต่อ
พอเค้าเจอยาย ก็คุยกะยายเสียงดังจนลูกเราตื่น ทั้งๆที่นอนไปแค่ครึ่งชั่วโมงได้
เราก็ได้แต่แอบเซ็งนิดๆแต่ไม่ได้พูดอะไร เรากับลูกพากันไปหน้าบ้าน ตอนนั้นน้าชายเราเดินเข้าสวนไปแล้ว
ลูกชายเราเข็นจักรยานมา แล้วบอกให้เติมลมจักรยานให้หน่อย เรานั่งสูบลมและคุยกะลูกชายน้า ซึ่งเรากะลูกชายน้าค่อนข้างสนิทกัน
ระหว่างที่เรานั่งสูบจักรยาน และคุยกับน้อง น้าสาวก็โวยวายเรื่องบ้าน เรื่องเสื้อผ้าที่กองไว้ (เป็นเสื้อผ้าของเรา+ลูก และเสื้อผ้าเก่าที่รื้อมาเตรียมซัก)
เราเองไม่ได้สนใจมากนัก พอเห็นเราไม่สนใจก็เริ่มด่าว่า บอกเราอยู่แล้วไม่ช่วยทำอะไร จะอยู่ทำไม ตอนนั้นเราเริ่มหงุดหงิดนิดๆ
เพราะเราทำมาครึ่งค่อนวันแล้ว ทั้งเหนื่อย ทั้งฝุ่น ทั้งร้อน แต่ก็พยายามเงียบ แต่น้าเองก็ยิ่งโวยวาย
พอเค้าบอกให้เราทำมั่ง เราเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปในบ้าน พร้อมเดินถือไม้กวาดดอกหญ้าเข้าไปด้วย
พร้อมทั้งพูดด้วยความที่โมโหว่า เดี๋ยวตรูทำเอง ตรงนี้ล่ะที่เรารู้สึกผิดที่ขึ้นเมิง-ตรูก่อน
ตอนที่เราเดินเข้าไปในบ้าน น้าถือไม้กวาดทางมะพร้าวอยู่ คือเราเดินไปพูดไป พร้อมทั้งถือไม้กวาดไปด้วย
พอเราเดินเข้าไปใกล้ๆน้าก็เขวี้ยงไม้กวาดใส่เรา พร้อมทั้งตะโกนโวยวายบอกเราไม่กวาดบ้านแล้วยังมาเสียงดังใส่
ตอนนี้เราคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วจริงๆคือตัวด้ามไม้กวาดโดนหน้าเรา เราเลยวิ่งเข้าใส่พร้อมไม้กวาดในมือ
แล้วเกิดการกระชากผมโดนน้าดึงผมเราแล้วตบหน้า เราเองก็ไม่ยอมกระชากผมแล้วต่อยหน้ากลับไป
ตอนที่ดึงผมกันไปมา เราตะโกนอธิบายบอกตลอดว่าเราเพิ่งพักเหนื่อย เราเพิ่งทำอะไรเสร็จ น้าไม่รู้แล้วมาโวยวายทำไม รู้ได้ยังไงว่าเราไม่ทำ
คือเราใช้เมิง-ตรู ตลอดที่ตีกับน้า ยอมรับว่าโมโหมาก มากจนไม่มีสติแล้วจริงๆ
น้าตบหน้าเราหลายครั้ง ตอนนั้นเราพยายามไม่สู้นะ แค่ดึงผมไว้ แต่พอโดนหลายๆครั้ง เราเองก็อดทนไม่ไหว
เลยต่อยหน้ากลับไปหลายครั้ง จนน้าบอกเออ ตรูไม่รู้ เมิงจะจบมั้ย เราก็บอกจบ แล้วก็แยกกัน
ตอนนี้ลูกชายน้ากับลูกชายเราวิ่งไปตามน้าชายในสวน พอแยกกัน น้าก็ยังโวยวาย บอกเราไม่รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่
เราก็โอเค เราผิด เราเลยเงียบ แต่น้าก็ยังโวยวายด่าสารพัด เราเลยบอกไม่จบใช่มั้ย จะไม่จบเหรอ
น้าเราบอกจะไปฟ้องน้าอีกคนและฟ้องแม่เรา เราเลยว่างั้นไปเลย ไปบอกเลย
แล้วน้าก็พุ่งมากระชากผมและตบหน้าเรา คือเรารู้สึกว่ามันไม่จบเลยตอบโต้กลับทั้งต่อยและถีบ
จนลูกชายน้าต้องมาจับตัวน้าออก แล้วบอกให้หยุด น้าชายเราก้เดินมาแล้วไล่น้าสาวให้กลับบ้านไปซะ
ตอนนั้นเราหยุดพยายามเงียบและไม่ทำอะไรอีก เพราะที่เห็นคือเลือดกลบปากน้า แล้วหน้าเราร้อนไปหมด
คือพยายามตั้งสติใหม่อีกรอบ แล้วลูกชายน้าก็ดึงไปขึ้นรถกลับบ้านไป
เหตุการณ์ตรงนี้คือคร่าวๆอาจไม่ร้อยเปอร์เซนต์นัก ในเรื่องคำพูด หรือการกระทำ แต่เราพยายามดึงจุดสำคัญๆออกมา
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อจากเรื่องที่เกิดขึ้น และผลของการกระทำครั้งนี้ค่ะ
ขอไปทานข้าวก่อนนะคะ
*ไม่รู้แท็กถูกห้องมั้ยนะคะ